ใครทราบประวัติ นักบุญ philomena แปลเป็นไทยบางครับ

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

พุธ ก.ย. 27, 2006 12:56 pm

นักบุญ philomena เป็นเด็กผู้หญิงอายุเพียงแค่13 ปี มรณะสักขีในอิตาลี ค.ศ 1805 ผมรู้มาแค่นี้เอง  ::017::  ::017::
boylife
โพสต์: 315
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 14, 2005 8:27 pm
ที่อยู่: Nakhonnayok

พุธ ก.ย. 27, 2006 1:09 pm

รูปภาพ

The Story of St. Philomena

On May 25, 1802, excavators in the ancient Catacomb of St. Priscilla in Rome came upon a well-preserved shelf tomb sealed with terr-cotta slabs in the manner usually reserved for nobility or great martyrs.  The tomb was marked with three tiles, inscribed with the following confusing words:  LUMENA / PAXTE / CUMFI.  However, if one places the first tile last and separates the words properly, the very intelligible sentence emerges: Pax tecum, Filumena, which is "Peace be with you, Philomena."  Also inscribed on the tiles were symbols: a lily, arrows, an anchor and a lance, which would appear to indicate virginity and martyrdom.  Inside the coffin there were discovered the remains of a girl of about twelve or thirteen years of age, along with a vial or ampulla of her dried blood.

Transferred to the Treasury of the Rare Collections of Christian Antiquity in the Vatican, the remains were soon forgotten by the public, especially since no record existed of a virgin martyr named Philomena.  But in 1805, a Neapolitan priest, Don Francesco di Lucia, traveling to Rome with his newly appointed bishop, requested and, after a brief delay, received the relics of this martyr "Philomena" to enshrine in his village church at Mugnano, near Naples.

Immediately upon the official donation of St. Philomena's sacred remains, signal favors began to be granted through her intercession and unusual events to occur.  The favors, graces and even miracles started to increase, even before her enshrinement at Mugnano, and they steadily grew in number thereafter - such that this virgin martyr soon earned the title, "Philomena, Powerful with God".  In 1837, only 35 years after her exhumation, Pope Gregory XVI elevated this "Wonder-Worker of the Nineteenth Century" to sainthood.  In an act unprecedented in the history of Catholicism, she became the only person recognized by the Church as a Saint solely on the basis of her powerful intercession, since nothing historical was known of her except her name and the evidence of her martyrdom.

St. Philomena has been successfully invoked by her supplicants in every sort of needed, such that she has become another patron of "hopeless" and "impossible" cases, like St. Jude or St. Rita, but she is known to be especially powerful in cases involving conversion of sinners, return to the Sacraments, expectant mothers, destitute mothers, problems with children, unhappiness in the home, sterility, priests and their work, help for the sick, the missions, real estate, money problems, food for the poor and mental illness.  But truly, as her devotees discovered, no case, of whatever matter, is too trivial or too unimportant to concern her.

The Saints & St. Philomena

Among her most devout clients was St. John Vianney (the Cure' of Ars), whose childlike devotion to this virgin Saint played an intimate part in his daily life.  other Saints who were always devoted to her prayed to her and sang her praises were St. Peter Julian Eymard, St. Peter Chanel, St. Anthony Mary Claret, St. Madeleine Sophie Barat, St. Euphrasia Pelletier, St. Francis Xavier Cabrini, St. John Nepomucene Neumann, Blessed Anna Maria Taigi and Ven. Pauline Jaricot.

The Popes & St. Philomena

A number of Popes have also shown remarkable devotion to St. Philomena as well: Pope Leo XII (1823-1829) expressed the greatest admiration for this unknown child-saint and gladly gave his permission for the erection of altars and churches in her honor.  Pope Gregory XVI (1831-1846), who authorized her public veneration, showed his esteem and devotion to the Saint by giving her the title of "Patroness of the Living Rosary".  A Mass and proper Office in her honor were approved by him in 1834 or 1835.  This is an extraordinary privilege granted to comparatively few Saints.  Pope Pius IX (1846-1878) proclaimed her "Patroness of the Children of Mary."  Pope Leo XIII (1878-1903) made two pilgrimages to her shrine before his election to the papacy.  After he had become the Vicar of Christ, he gave a valuable cross to the sanctuary.  He approved the Confraternity of St. Philomena and later raised it to an Archconfraternity (which is still headquartered at her shrine at Mugnano, Italy).  Pope St. Pius X (1903-1914) spoke warmly of her and manifested his devotion to her in various ways.  Costly gifts were given by him to her shrine.

Truly, St. Philomena is a powerful intercessor - seemingly held quietly in reserve by Our Divine Lord during these many centuries - for especially strong help in our times, when so much confusion and absence of faith are manifest.  Her principal feast day is August 11.

St. Philomena, powerful with God, pray for us!
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ก.ย. 27, 2006 3:43 pm

: xemo023 : ขอบคุณพระในที่สุดก็มีคนสนใจนักบุญองค์น้อยๆ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=4497.0

ประวัติของท่านได้มีผู้ได้รับการประจักษ์โดยคน สามคนที่ท่านนักบุญได้บอกจากตัวท่านเอง สามคนนี้ไม่เคยเจอกันมาก่อนและอยู่กันคนละฟากคนละโลก หนึ่งในนั้นก็มี Mother Mary Loisa, Superior General of the congregation of the Dolours of Mary.
เรื่องมีอยู่ว่า Calistos และ Eutropia บิดามารดาของนักบุญ Philomena อาศัยอยู่ที่ Nicopolis ใน Macedonia บิดาของท่านเป็นผู้ปกครองมณฑลที่นั่น.  บิดาและมารดาของนักบุญ Philomenaตอนนั้นไม่สามารถมีบุตรหลังจากแต่งงานมาหลายปี ทั้งสองได้แต่วอนขอพระของตน
(เพราะ  บิดามารดาของนักบุญ Philomenaไม่ได้รู้จักพระเยซูเจ้า) จึงได้แต่วอนขอพระเท็จเทียมเพื่อที่จะได้มีบุตร อยู่มาวันนึงแพทย์ประจำครอบครัวซึ่งเป็นคริสตชน
ได้แนะนำท่านทั้งสองภาวนาขอจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้ และพวกเขาก็ทำตาม ไม่นานต่อมา
ในวันที่ 10 มกราคม 289ท่านนักบุญก็ถือกำเนิดและได้นามว่าฟาโลมินา (บุตรีแห่งความสว่าง)
และเธอก็ได้รับศีลล้างบาปพร้อมกับบิดามารดาของเธอ
St. Philomena เป็นความเบิกบานของพ่อแม่ของเธอ และเธอเติบโตไปด้วยความรักต่อองค์พระคริสตเจ้าอย่างล้นดวงใจของเธอ St. Philomenaได้รับการอบรมสั่งสอนศาสนาจากผู้ดูแลเธอ เมื่อตอนที่ท่านอายุยังน้อยได้ถือศีลความบริสุทธิ์ของเธอต่อองค์พระคริสตเจ้า และสัญญาว่าจะรักแต่พระองค์เท่านั้น
ในปี 302ผู้ปกครองโรมได้ทำการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรง และกำลังจะมาถึงที่ Nicopolis ซึ่งเป็นเขตที่บิดาของท่านนักบุญปกครองอยู่ บิดาไม่อยากให้มีการนองเลือดจึงต้องไปทำพันธมิตรกับผู้ปกครองของโรม ท่านจึงพาครอบครัวไปด้วยและตอนนั้น St. Philomena อายุได้เพียง 13 ปี
พอพ่อแม่และท่านนักบุญถึงกรุงโรม ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ปกครองโรม
เพราะความงามของนักบุญฟาโลมินาทำให้เป็นที่พอใจของผู้ปกครองโรมเป็นอย่างมาก
ผู้ปกครองโรมจึงได้กล่าวแก่บิดาของเธอว่า "ท่านคงรู้สินะว่าโรมมีกองทัพเท่าไหร่ มณฑลของท่านไม่สามารถจะสู้กับเราได้ และเราได้ข่าวมาว่ามีคริสตชนมากมายในมณฑลของท่าน และเราก็ไม่ค่อยชอบพวกคริสตชนด้วยสิ "
"เราขอถามท่านหน่อย ตัวท่านเองเป็นคริสตชนด้วยรึไม่? "
ฝ่ายบิดาตอบไปว่า "ข้าพเจ้าเป็นคริสตชนพระเจ้าคะ"
ผู้ปกครองโรมถามมารดาของฟาโลมินา"ท่านด้วยรึ"
ฝ่ายมารดาตอบไปว่า "ใช่เจ้าค่ะ"
และ ผู้ปกครองโรมถามฟาโลมินาว่า "แม่หนูน้อยเธอเองก็เป็นด้วยรึ"
ฝ่ายฟาโลมินาจึงตอบว่า  "ใช่เจ้าค่ะ ดิฉันนมัสการพระคริสตเจ้าแต่เพียงผู้เดียว"
รูปภาพ

ขอไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวมาจะแปลให้อ่านคราวหน้า
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 30, 2006 5:18 am

มาดีใจด้วยคน  ::001:: 
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

อังคาร ต.ค. 03, 2006 7:37 pm

มาต่อเร็ว ๆ ก็ดีนะครับ ::003::
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 9:19 am

ต่อจากความที่แล้ว

ในฐานะท่านพวกเจ้าเป็นคริสตชน พวกเจ้าก็เหมือนหนูที่อยู่ในอุ้มเท้าของสิงโต แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะรอดข้ามีข้อแลกเปลี่ยน
ฝ่ายบิดาจึงถามว่า “ท่านประสงค์สิ่งใดกันเล่า จงขอให้บอกมาเถิด ถ้าข้าทำให้ท่านได้ข้าก็จะทำ”
ผู้ปกครองโรมจึงกล่าวว่า “เราจะขอเข้าพิธีสยุมพรกับธิดาของท่าน”
ฝ่ายบิดามารดาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินกับหู เพราะพวกเขาทราบดีว่าผู้ปกครองโรมมีภรรยาอยู่แล้ว
ฝ่ายนักบุญก็ได้กล่าวเสียงดัง “มิได้เจ้าค่ะ นั่นมันเป็นบาป”
บิดามารดาของท่าน เริ่มหวั่นกลัวและรำ่ไห้ เพราะการปฏิเสธผู้ปกครองโรม นั่นหมายถึงสงคราม หรือไม่อาจจะเป็นความตายของบุตรสาวสุดที่รักของตน แต่ฝ่ายมารดาเกิดความคิด ถ้าฟาโลมินาเป็นภรรยาของผู้ปกครองโรมอีกคน อาจจะทำให้เขากลับใจและจะช่วยบ้านเมืองของตนรอดพ้นจากสงครามได้ แต่ฝ่ายฟาโลมินาเองกลับปฏิเสธ “หนูจะไม่มีวันที่จะสมรสกับผู้ใดทั้งนั้นเพราะหนูได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักแต่องค์พระสวามีคริสตเจ้าแต่เพียงองค์เดียว และนี่เป็นก็เป็นการพิสูจน์ความรักของหนู”
ผู้ปกครองโรมเริ่มจะไม่พอพระทัยใจกับคำตอบที่ได้รับ จึงกล่าวว่า “พระเจ้าของเจ้ามีความหมายต่อเจ้ามากใช่ไหม งั้นเรามาดูกัน”
“ทหาร ! ทหาร ! เอาแม่หนูนี่ไปขังไว้ในคุกเดี๋ยวนี้!!!”
รูปภาพ
สภาพในคุกจะเป็นอย่างไรสำหรับนักบุญน้อยองค์นี้ แล้วท่านได้พบกับอะไรบ้าง โปรดติดตาม
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 04, 2006 9:31 am

นี่จะเล่า ประวัตินักบุญ หรือ บทละครกันแน่พี่ท่าน ::007::
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 9:40 am

ยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: นี่จะเล่า ประวัตินักบุญ หรือ บทละครกันแน่พี่ท่าน ::007::
อ้าว...ก็ในหนังสือเป็นอย่างนี่นิ อุตสาห์แปลให้แล้วนะ  : emo056 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 10:20 am

มาต่อเถอะครับ กำลังสนุกเลยกำลังจะหานักบุญให้น้องคนหนึ่ง  ::017::  ::017::  ::017::
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 10:55 am

คุกที่สกปรก
รูปภาพ
ภายในคุกที่สกปรก ไม่มีทั้งพ่อและแม่อยู่เคียงข้าง และเธอถูกโซ่ล่ามกับผนังคุก อาหารที่ได้รับก็ได้แต่ขนมปังและนำ้ ในระยะ 5 สัปดาห์
ผู้ปกครองโรมก็จะมาดูว่าเธอจะเปลี่ยนใจและปฏิเสธพระคริสตเจ้ารึไม่ ฝ่ายพ่อแม่เมื่อเห็นลูกสาวก็ได้แต่รำ่ไห้ และบอกให้ฟาโลมินายอมรับข้อเสนอจากผู้ปกครองโรม
ฝ่ายฟาโลมินาได้แต่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “มันเป็นไปไม่ได้ นั่นมันไม่ถูกต้อง”
ฟาโลมินาได้แต่วิงวอนขอความสว่างจากเบื้องบน “พระเจ้าข้าจะให้ลูกทำอย่างไรดี โปรดช่วยลูกด้วย”
ในคืนที่ 37 ฟาโลมินาโอบล้อมไปด้วยแสงสว่างภายในคุก พระแม่มารีอาอุ้มพระกุมารเยซูประจักษ์มาหาเธอและพระนางตรัสว่า “จงอย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกจะถูกทรมานภายใน 3 วันและหลังจากนั่นลูกก็จะไปอยู่กับแม่และพระบุตรของแม่”

ถูถเฆี่ยน
รูปภาพ
วันรุ่งขึ้นผู้ปกครองโรมเริ่มเบื่อหน่ายกับความหัวดื้อของฟาโลมินาที่จะปฏิเสธความเชื่อ
ในพระคริสตเจ้า “งั้นดีล่ะ ลองนี่ดูสิ! บางทีอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ” ผู้ปกครองโรมจึงสั่งให้ทหารจับเธอมัดกับเสาและเฆี่ยนอย่างหนัก
ฝ่ายพ่อแม่เริ่มหวั่นกลัว และคิดกับตนเองว่า ฟาโลมินาเป็นเจ้าหญิงของกรีกแต่กำลังจะถูกทรมานเยี่ยงทาสีเช่นนี้ ดังนั้นบิดามารดาจึงวิงวอนขอต่อผู้ปกครองโรมด้วยนำ้ตาว่า “ได้โปรดเถิดท่าน ธิดาแห่งเรามิได้ที่จะทำให้ท่านขุ่นเคือง พระทัยแต่อย่างใด นี่อาจจะเป็นความเข้าใจผิด”
ผู้ปกครองโรมตอบว่า “อะไรที่ข้าเข้าใจผิด ไม่มีทาง”
ฝ่ายบิดาจึงกล่าวว่า“โธ่ ท่าน!      ฟาโลมินายังเยาว์วัยอยู่นัก เธออาจจะขวยเขินที่จะต้องเป็นราชินีของผู้ปกครองโรม” ฟาโลมินามองดูพ่อและแม่ด้วยความสงบ เมื่อแรกๆเธอหวาดกลัวกับความทรมาน แต่พระเป็นเจ้าพระทานพละกำลังในความเชื่อให้กับเธอ เธอจึงกล่าวกับพ่อและแม่ของเธอว่า “ไม่มีทางค่ะ หนูยอมสิ้นชีพ ดีกว่าที่จะเข้าพิธีสมสรในทางบาป”
ด้วยโทสะผู้ปกครองโรมถึงกับกระทืบบาทาและตรัสว่า “ทหารเฆี่ยนมัน!เฆี่ยนมัน! อย่างหนักอย่าได้ปราณี”

เดี๋ยวมาต่อนะขอเวลาแปลก่อน
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 4:24 pm

ขอถามคุณ Stephen นะคับ ว่าไปรู้ชื่อน.บ. จากที่ไหน แล้วทำไมถึงสนใจประวัติท่านล่ะ
ถือว่าแบ่งปันกันนะคับ  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 04, 2006 5:58 pm

[quote="Antonio"]
ด้วยความโมโหผู้ปกครองโรมถึงกับกระทืบเท้าและพูดว่า
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 6:15 pm

ยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน:
Antonio เขียน: ด้วยความโมโหผู้ปกครองโรมถึงกับกระทืบเท้าและพูดว่า “ทหารเขี่ยวมัน เขี่ยวมันอย่างหนักอย่างได้ปราณี”
เฆี่ยนรึเปล่าฮะ???
เออใช่ ...
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ พุธ ต.ค. 04, 2006 6:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 04, 2006 6:25 pm

[quote="Antonio"]
[quote="ยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า"]
[quote="Antonio"]
ด้วยความโมโหผู้ปกครองโรมถึงกับกระทืบเท้าและพูดว่า
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พุธ ต.ค. 04, 2006 6:55 pm

ยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน:
Antonio เขียน:
ยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: เฆี่ยนรึเปล่าฮะ???
เออใช่ ...

แล้ว ที่ ขีดเส้นใต้ นี่ "อย่า"รึเปล่า - -

โห พี่ชาย ใจดี ไวจัด

วัยรุ่นเซ็งเลยนะนี่ ::005::
อะ เอาเนื้อเรื่องไปเรียบเรียงอีกทีแล้วกัน เพราะอยู่นี่ไม่ค่อยได้เขียนภาษาไทย ทั้งแปลทั้งพิมพ์ก็เลยไม่ดีเท่าที่ควร
แล้วไอ้ที่ขีดเส้นใต้น่ะถูกแล้ว แต่คำที่ไม่ได้ขีดน่ะมันไม่ถูก เดี๋ยวจะไปแก้
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ พุธ ต.ค. 04, 2006 7:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 05, 2006 12:58 am

เห็นที่แรกรักเหมือนเป็นน้องสาวเลยละ ขอโทษท่านด้วยหากไม่เหมาะสมเพราะท่านเกิดก่อนชอบนะครับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุแค่ 13-14 เองแต่มีศรัธทาและความรักที่ยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ เป็นพรมจรารีย์และมรณะสักขีด้วย ท่านรักพระเจ้าแบบเด็กๆด้วยอะ น่าจะเป็นนักบุญของเด็กได้ดีครับ  ::008::  ::008::  ::017::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ต.ค. 05, 2006 1:37 am

Stephen เขียน: เห็นที่แรกรักเหมือนเป็นน้องสาวเลยละ ขอโทษท่านด้วยหากไม่เหมาะสมเพราะท่านเกิดก่อนชอบนะครับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุแค่ 13-14 เองแต่มีศรัธทาและความรักที่ยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ เป็นพรมจรารีย์และมรณะสักขีด้วย ท่านรักพระเจ้าแบบเด็กๆด้วยอะ น่าจะเป็นนักบุญของเด็กได้ดีครับ   ::008::  ::008::  ::017::
ถ้าน้องเค้าชอบและเลือกจริงๆ  และอยากได้รูปปั้นนักบุญก็ IM ชื่อที่อยู่มานะคะ  ปลายปีนี้กลับเมืองไทย  จะเอารูปปั้นที่บ้านส่งไปให้   
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 05, 2006 4:56 pm

Stephen เขียน: เห็นที่แรกรักเหมือนเป็นน้องสาวเลยละ ขอโทษท่านด้วยหากไม่เหมาะสมเพราะท่านเกิดก่อนชอบนะครับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุแค่ 13-14 เองแต่มีศรัธทาและความรักที่ยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ เป็นพรมจรารีย์และมรณะสักขีด้วย ท่านรักพระเจ้าแบบเด็กๆด้วยอะ น่าจะเป็นนักบุญของเด็กได้ดีครับ  ::008::  ::008::  ::017::
นักบุญองค์นี้เป็นองค์อุปถัมถ์ของเด็กๆ ด้วยคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 1:18 am

แล้วธนู ใบปาลม์ และ สมอเรือคืออะไรครับ  ::008::  ::008::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 1:23 am

เออไม่ใช่ ลูกศรต่างหาก ใบปาล์ม สมอเรือ และก็ดอกลิลลี่    ::004::  ::004::  ::004::
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 8:03 am

Stephen เขียน: เออไม่ใช่ ลูกศรต่างหาก ใบปาล์ม สมอเรือ และก็ดอกลิลลี่    ::004::  ::004::  ::004::
นั่นเป็นสัญญลักษณ์ของเครื่องทรมานที่นักบุญถูกทรมาน ซึ่งจะเล่าในต่อไปนี้
ส่วนใบปาล์มหมายถึง สัญญลักษณ์ของมารตีร์  (ผู้ยอมตายในความเชื่อเพื่อองค์พระเยซูเจ้า)
ดอกลิลลี่หมายถึงความเป็นพรหมจรรย์ เพราะท่านอุทิศความบริสุทธิ์ของตนเพื่อพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 8:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 8:14 am

ในคุก
รูปภาพ
หลังจากถูกเฆี่ยน และทหารก็นำตัวเธอไปขังในคุกอีก ในคืนนั้นเทวดาสององค์ ได้ประจักษ์มาหาเธอ และนำนำ้มันมาทาที่บาดแผล แผลนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง
วันรุ่งขึ้นผู้ปกครองโรมก็มาหาเธออีก และเขาก็ต้องตะลึงที่เห็นฟาโลมินาอยู่ในสภาพที่งดงามกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่รอยฟกชำ้ แต่กลับมีแสงเรืองรองรอบตัวเธอ
ผู้ปกครองโรมจึงคิดว่าเธอคงเป็นแม่มดเป็นแน่ จึงสั่งให้ทหารนำตัวเธอออกไปทรมานอีก

ต้องอาญาจากธนู

ทหาร 2 คนได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองโรม ให้ประหารฟาโลมินาด้วยการยิงธนู ดังนั้นพวกเขาจึงนำเธอมัดกับเสาและยิงธนูใส่  ลูกศรนั้นยิงถูกใบหน้าและร่างกายของเธอ และทำให้เธอเกือบจวนจะสิ้นใจ ฝ่ายทหารก็เฝ้าดูเธอจนกว่าจะสิ้นใจเพราะต้องนำความไปเฝ้าผู้ปกครองโรม แต่วันนั้นอากาศร้อนมาก ทหารทั้งสองรู้สึกกระหาย พวกเขาจึงไปหานำ้ดื่ม และทิ้งร่างของฟาโลมินาจมกองเลือดอยู่กับพื้น
เมื่อทหารทั้งสองกลับมา ก็พบว่าฟาโลมินากำลังนั่งที่โขดหิน และกำลังร้องเพลงสรรเสริญพระเป็นเจ้า และยิ่งกว่านั้นร่างของเธอกลับไม่มีรอยแผลใดๆทั้งสิ้น ทหารจึงไปรายงานผู้ปกครองโรม
ผู้ปกครองโรมจึงรีบมาดูเหตุการณ์ และเขากล่าวแก่ฟาโลมินาว่า “เจ้าจะใช้เวทมนตร์อีกนานเท่าใดนังแม่มด”
ฟาโลมินาจึงตอบว่า “นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นพระฤทธานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่างหาก”
ด้วยความโมโหผู้ปกครองโรมจึงสั่งให้มัดฟาโลมินามัดกับเสาอีกครั้งหนึ่ง และสั่งให้ทหารยิงธนูใส่เธออีก แต่ธนูนั้นไม่อาจสามารถทำอันตรายใดๆต่อเธอได้

ยังมีต่อ เดี๋ยวจะมาเล่าอีกนะ  : emo027 :
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 8:30 am

[quote="Antonio"]
ในคุก
หลังจากถูกเฆี่ยน และทหารก็นำตัวเธอไปขังในคุกอีก ในคืนนั้นเทวดาสององค์ ได้ประจักษ์มาหาเธอ และนำนำ้มันมาทาที่บาดแผล แผลนั้นก็หายเป็นปริทิ้ง
วันรุ่งขึ้นผู้ปกครองโรมก็มาหาเธออีก และเขาก็ต้องตะลึงที่เห็นฟาโลมินาอยู่ในสภาพที่งดงามกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่รอยฟกชำ้ แต่กลับมีแสงเรืองรองรอบตัวเธอ
ผู้ปกครองโรมจึงคิดว่าเธอคงเป็นแม่มดเป็นแน่ จึงสั่งให้ทหารนำตัวเธอออกไปทรมานอีก

การทรมาน

ทหาร 2 คนได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองโรม ให้ประหารฟาโลมินาด้วยการยิงธนู ดังนั้นพวกเขาจึงนำเธอมัดกับเสาและยิงธนูใส่  ลูกศรนั้นยิงถูกใบหน้าและร่างกายของเธอ และทำให้เธอเกือบจวนจะสิ้นใจ ฝ่ายทหารก็เฝ้าดูเธอจนกว่าจะสิ้นใจเพราะต้องนำความไปเฝ้าผู้ปกครองโรม แต่วันนั้นอากาศร้อนมาก ทหารทั้งสองรู้สึกกระหาย พวกเขาจึงไปหานำ้ดื่ม และทิ้งร่างของฟาโลมินาจมกองเลือดอยู่กับพื้น
เมื่อทหารทั้งสองกลับมา ก็พบว่าฟาโลมินากำลังนั่งที่โขดหิน และกำลังร้องเพลงสรรเสริญพระเป็นเจ้า และยิ่งกว่านั้นร่างของเธอกลับไม่มีรอยแผลใดๆทั้งสิ้น ทหารจึงไปรายงานผู้ปกครองโรม
ผู้ปกครองโรมจึงรีบมาดูเหตุการณ์ และเขากล่าวแก่ฟาโลมินาว่า
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 8:53 am


ปริทิ้ง---ปลิดทิ้ง
ขอบคุณคับที่บอก คือว่าผมไม่ค่อยใช้ภาษาไทยมากเท่าไหร่ ก็จึงเขียนผิดๆถูกๆ  : xemo016 :มีอะไรช่วยแนะนำด้วยนะคับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 9:13 am

Antonio เขียน:

ปริทิ้ง---ปลิดทิ้ง
ขอบคุณคับที่บอก คือว่าผมไม่ค่อยใช้ภาษาไทยมากเท่าไหร่ ก็จึงเขียนผิดๆถูกๆ  : xemo016 :มีอะไรช่วยแนะนำด้วยนะคับ
ใช้สำนวนดีแล้วนี่ครับ ส่วนเรื่องเขียนผิดเขียนถูกนี่ไม่เป็นไร ผมเองแปลงานทุกวันก็ยังผิดเลย ::011:: คำๆเดียวกันเวลาพูดกับเวลาเขียนมันไม่ใคร่จะตรงกันเสียทีเดียว (อย่างเสียทีเดียวนี่ถ้าพูดก็ต้องซะทีเดียว) ทีนี้บางคำนานๆเขียนทีเลยเกิดอาการงงว่า เอ ปกติตอนพูดเราพูดอย่างนี้นี่หว่า เวลาเขียนล่ะ ปลิดทิ้งนี่ก็เช่นกัน หลายท่านเวลาพูดก็มักจะพูดกันว่า "ปลิ"ทิ้ง เลยอาจเขวไปได้ว่า "ปริ"

ขำๆครับ แปลได้เร้าใจดีครับ
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2006 9:33 am


ใช้สำนวนดีแล้วนี่ครับ ส่วนเรื่องเขียนผิดเขียนถูกนี่ไม่เป็นไร ผมเองแปลงานทุกวันก็ยังผิดเลย ::011:: คำๆเดียวกันเวลาพูดกับเวลาเขียนมันไม่ใคร่จะตรงกันเสียทีเดียว (อย่างเสียทีเดียวนี่ถ้าพูดก็ต้องซะทีเดียว) ทีนี้บางคำนานๆเขียนทีเลยเกิดอาการงงว่า เอ ปกติตอนพูดเราพูดอย่างนี้นี่หว่า เวลาเขียนล่ะ ปลิดทิ้งนี่ก็เช่นกัน หลายท่านเวลาพูดก็มักจะพูดกันว่า "ปลิ"ทิ้ง เลยอาจเขวไปได้ว่า "ปริ"

ขำๆครับ แปลได้เร้าใจดีครับ
ก็ขอขอบคุณอีกทีคับ สำหรับคำแนะนำ เพราะผมก็ไม่อยากเขียนผิดเยอะนัก เพราะเราเป็นคนไทยควรจะอนุรักษ์คำไทย
เขียนให้ถูกคนอ่านเข้าจะได้เข้าใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

เสาร์ ต.ค. 07, 2006 12:02 am

ผมเอามาจาก http://www.issara.com/holy/st/philomena.html

นักบุญ ฟีโลมีนา
องค์อุปถัมภ์การสวดลูกประคำ และลูกๆ ของพระนางมารีอา
ฉลองวันที่ 11 สิงหาคม
ในปี 1802 ได้มีการขุดเจอกระดูกของหญิงสาววัยรุ่นอายุระหว่าง 13 และ 15 ที่หลุมฝังศพของนักบุญปริสซีเลีย มีคำจารึกใกล้คูหาของเธอ "สันติสุขจงมีกับเธอ, ฟีโลมีน่า" และภาพวาดสมอเรือ 2 อัน ลูกศร 3 อัน และกิ่งปาล์ม 1 อัน ใกล้ๆ กระดูกของเธอมีหลอดแก้วเล็กๆ ใส่เลือดหนึ่งหลอด เป็นประเพณีที่นิยมกันในสมัยแรกๆ ทิ้งเครื่องหมายและสัญลักษณ์ของมรณะสักขีไว้เป็นที่ระลึกสำหรับชนรุ่นหลัง จึงเป็นการง่ายในการลงความเห็นว่า นักบุญฟีโลมีน่าเป็นพรหมจารีและมรณสักขี ในไม่ช้าคนทั่วไปได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อเธอ รวมทั้งนักบุญหลายองค์ เช่น นักบุญเวียนเนย์ นักบุญมาเดเลนโซฟีบาเรท นักบุญเปโตรไอมาร์ด และนักบุญเปโตรชาเนล ผู้ควรแก่การเคารพ

ปอลีน จาริคอท หลังจากได้รับการรักษาหายป่วยอย่างมหัศจรรย์ ได้รบเร้าพระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 16 เปิดเรื่องสอบสวนเพื่อแต่งตั้งเธอเป็นนักบุญ นักบุญฟีโลมีน่าเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงโด่งดังในนาม "นักทำมหัศจรรย์" หลังจากได้มีการรักษาคนป่วยหายจากโรคอย่างมหัศจรรย์หลายร้อยราย พระสันตะปาปาได้ประกาศแต่งตั้งเธอเป็นนักบุญในปี 1837 เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญเพราะคำเสนอวิงวอนของเธอทรงฤทธานุภาพยิ่งนัก ปัจจุบันนี้ พระธาตุของเธอถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองมักนาโนในประเทศอิตาลี

นักบุญฟีโลมีน่า อุปถัมภ์การสวดลูกประคำ และลูกๆ ของพระนางมารีอา ในปัจจุบันนี้ งานแพร่ธรรมของเธอ คือ การชักจูงเราเข้ามาพึ่งพาอาศัยดวงพระทัยนิรมลทินของพระนางมารีอา โดยเลียนแบบฤทธิ์กุศลเด่นๆ ของพระนาง เช่น ความบริสุทธิ์ ความนบนอบ และความสุภาพถ่อมตน เธอมีสัญลักษณ์สมอเรือ ซึ่งหมายถึงความหวังในยุคมืด ซึ่งเป็นยุคแห่งความมืดมนและความหมดหวัง เคล็ดลับแห่งความสำเร็จในการเจริญอยู่ในคุณความดี คือ การครอบครองพระหรรษทานต่างๆ และความเพียรพยายามอย่างศักดิ์สิทธิ์จนถึงที่สุด ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งสันติภาพและความสุขตลอดไป

ให้เราภาวนา นักบุญฟีโลมีน่า โปรดช่วยวิงวอนให้เรามีดวงใจและวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ เราจะได้รักพระเป็นเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนตัวเราเอง อาแมน

บทสวดวิงวอนนักบุญฟิโลมีน่า

นักบุญฟิโลมีน่า พรหมจารีผู้ซื่อสัตย์ มรณะสักขีผู้เปี่ยมด้วยพระสิริมงคล ท่านได้ทำอัศจรรย์มากมายช่วยเหลือคนจนและคนที่ทุกข์โศกเศร้า โปรดสงสารข้าพเจ้า ท่านทราบดีว่า ขณะนี้ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ข้าพเจ้าผู้มีความทุกข์ท่วมท้น แต่ยังมีความหวัง อยู่แทบเท้าของท่าน วอนขอความช่วยเหลือจากท่าน

นักบุญผู้มีชื่อเสียง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป กรุณาฟังคำภาวนาของข้าพเจ้า โปรดวิงวอนพระเป็นเจ้าประทานตามที่ข้าพเจ้าขอ . . . . .(บอกสิ่งที่ต้องการขอ) . . . . . ข้าพเจ้าเชื่อว่าโดยบุญกุศลจากการสบประมาท การทรมาน และความตายของท่าน รวมกับฤทธิ์กุศลทั้งหมดจากพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจะได้รับตามที่ขอ ด้วยความอิ่มเอิบใจ ข้าพเจ้าถวายพระพรแด่พระเป็นเจ้าในสวรรค์ องค์ความชื่นชมยินดีของนักบุญทั้งหลาย อาแมน

นักบุญฟิโลมีน่า องค์อุปถัมภ์ลูกๆ ของพระนางพรหมจารีมารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ
นักบุญฟิโลมีน่า องค์อุปถัมภ์การสวดลูกประคำ ช่วยวิงวอนเทอญ

คำพูดสำคัญเกี่ยวกับนักบุญฟีโลมีน่า:

พระนางพรหมจารีมารีอาได้ตรัสว่า: "อะไรก็ตามที่ลูกๆ วอนขอจากนักบุญฟีโลมีน่าจะไม่ถูกปฏิเสธ"

นักบุญยอห์นเวียนเนย์ (คูรีแห่งอาร์) ได้พูดว่า: "ลูกรัก นักบุญฟีโลมีน่า ทรงฤทธานุภาพยิ่งนัก การตายอย่างมรณะสักขีในการถือพรหมจรรย์ และการมีจิตใจกว้างขวางของเธอ ทำให้เธอเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงโปรดปรานมาก จนพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธอะไรก็ตาม ที่เธอวอนขอจากพระองค์เพื่อเรา"

พระสันตะปาปาเลโอที่ 12 ทรงตรัสว่า: "ฟีโลมีน่าเป็นนักบุญยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง"

ระหว่างพิธีขับไล่ผีที่สิงอยู่ในร่างคน ปิศาจได้หลุดปากออกมาว่า: "ศัตรูที่เราสาปแช่งคือนักบุญฟีโลมีน่า พรหมจารีและมรณะสักขีผู้ยิ่งใหญ่นี้ การปลูกฝังความศรัทธาต่อเธอเป็นยุทธวิธีอันใหม่ที่พระศาสนจักรใช้ต่อสู้กับนรกอย่างน่าเกรงขาม"
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

เสาร์ ต.ค. 07, 2006 1:04 pm

ต่อจากความที่แล้ว

ธนูไฟ
รูปภาพ
ผู้ปกครองโรมจนปัญญาที่จะทำร้ายเธอ โหรหลวงจึงแนะนำผู้ปกครองโรมว่า ฟาโลมินาเป็นแม่มด ดังนั้นท่านควรจะใช้ธนูจุดไฟเพื่อสังหารเธอ เพราะแม่มดไม่สามารถมีอำนาจเหนือไฟได้
ดังนั้นผู้ปกครองโรมจึงสั่งทหารให้จุดธนูไฟ และยิงใส่ฟาโลมินา เมื่อลูกศรแล่นไปสู่ร่างของนักบุญฟาโลมินา แต่ลูกศรนั้นกลับย้อนกลับไปสู่ทหารผู้ยิงธนูทำให้เขาสิ้นชีวิตทันที ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับตะลึงถึงอัศจรรย์ขององค์พระเป็นเจ้า และพวกเขาก็กลับใจนับถือองค์พระสวามีคริสตเจ้ามากขึ้น ยิ่งทำให้ผู้ปกครองโรมขุ่นเคืองพระทัยยิ่งนัก

สมอ
รูปภาพ
ในคืนนั้นเองทหารก็ได้รับพระราชองค์การจากผู้ปกครองโรม ให้นำฟาโลมินาไปถ่วงนำ้
ฟาโลมินาถูกนำตัวลงบนเรือโดยทหาร เธอถูกมัดมือ และที่คอก็มีสมอถ่วงที่คอของเธอแต่ภายในดวงจิตของเธอก็ยังคงสวดภาวนาถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า ท้องทะเลเริ่มแปรป่วน มีทั้งฟ้าแลบ และฟ้าผ่า พายุก็เริ่มหนัก พวกทหารจึงโยนร่างนักบุญไปในท้องทะเล ทันใดนั้นเองก็มีเทวดาสององค์ได้ตัดเชือกที่มัดมือและสมอที่คอของฟาโลมินาทิ้งลงทะเลไป และเทวดาทั้งสององค์นั้นได้อุ้มเธอจากเหนือนำ้
และแม้แต่เสื้อผ้าของเธอก็ไม่ถูกนำ้แม้แต่เพียงหยดเดียว
ด้วยความมืดทหารได้เห็นร่างๆหนึ่งลอยตามเรือของพวกตน พวกเขาเห็นร่างของฟาโลมินาที่ไม่มีเชือกรัดมือและคอของเธอก็ไม่มีสมอ และด้วยความตกใจจึงอุทานว่า “คนตายกลับคืนชีพ!!!”
จนถึงฝั่งพวกเขาจึงวิ่งไปรายงานผู้ปกครองโรม ด้วยความโกรธและคิดจะสังหารฟาโลมินาให้สิ้นชีพจงได้ ผู้ปกครองโรมจึงเสด็จไปกับทหารเก้านาย เมื่อถึงที่เกิดเหตุพวกเขาเห็นฟาโลมินา กำลังคุกเข่าสวดอยู่ กับเทวดาสององค์ เหล่าทหารเกิดความกลัวแต่เพราะด้วยคำสั่งของผู้ปกครองโรมที่ให้ทำการจับกุมเธอจึงต้องทำตามอย่างเสียมิได้
ฟาโลมินายิ้มและกล่าวว่า”ทำไมพวกท่านเอาดาบมา เพื่อที่จะจับกุมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างดิฉันล่ะเจ้าค่ะ? มันไม่จำเป็นเลย ดิฉันจะถามพวกท่านไปเพราะนั้นเป็นสิ่งที่องค์พระสวามีคริสตเจ้าของดิฉันปราถนา ดิฉันหวังว่าจะสิ้นชีพในสายนำ้นี้ แต่องค์พระเป็นเจ้าอยากจะให้ฉันทนทุกข์ เพื่อที่จะได้เป็นพยานถึงองค์พระสวามีคริสตเจ้า แล้วดิฉันก็ยินดีทำตามนำ้พระทัยของพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่อนุญาต ท่าน(ผู้ปกครองโรม) ก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อดิฉันได้”  ทันใดนั้นเทวดาทั้งสองก็อัตธานหายไป เหล่าทหารจึงจับกุมเธอ แล้วพันเธอด้วยโซ่ตรวน
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ต.ค. 08, 2006 12:26 pm

น่าสนใจมากที่นักบุญฟิโลมินานำเราไปสู่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระ  พอมีประวัติมั้ยคะ  : emo045 :

เมื่อ 1  ต.ค. นี้  สังฆมลฑลสุราษฎร์เพิ่งถวายสังฆมลฑลแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระ     

ขอบคุณ  Antonio มากที่อุตส่าห์แปลให้อ่านกัน  ไม่น่าเชื่อว่า  ท่านอัศจรรย์มากขนาดนี้  ::001::
MarioAntonio
~@
โพสต์: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:52 pm

อาทิตย์ ต.ค. 08, 2006 4:51 pm

ต่อตอนจบ

วันสุดท้าย
รูปภาพ
ณ ลานประหาร ผู้ปกครองโรมได้กล่าวท้าทายฟาโลมินาว่า “ถ้านาซาแรธ ที่เจ้านับถือสามารถต่อศรีษะที่หลุดจากบ่าของเจ้าได้ เราจะนับถือพระองค์เช่นกัน”
แต่ฟาโลมินากับตอบว่า “องค์พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำการอัศจรรย์หลายอย่างทั้งที่ท่านเห็นด้วยตา แต่ท่านก็ยังมิได้เชื่อในพระฤทธานุภาพของพระองค์ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่ท่านจะมาท้าทายพระองค์พระผู้เป็นเจ้่าอีก”
ฟาโลมินาจึงเงยหน้าขึ้นสู่เบื้องบน เธอได้ภาวนาและนึกถึงแต่องค์พระสวามีเจ้า จิตใจของเธอเปี่ยมไปด้วยสันติสุขที่จะได้พบกับพระสวามีคริสตเจ้าที่เธอรักนักหนา และตอนนั้นเวลาบ่ายสามโมง ขวานได้ตัดคอของเธอหลุดจากบ่า
นักบุญฟาโลมินาได้สิ้นใจในเวลาเดียวกับองค์พระคริสตเจ้าที่กางเขน วิญญาณของเธอได้ล่องลายไปเฝ้าพระองค์ ด้วยความรักที่แม้ชีวิตของตน ก็สละเพื่อพระองค์ได้
รูปภาพ
จบ
ข้อมูลจาก
Book: Saint Philomena Patroness for Our times

รูปภาพ

ขอบคุณนักบุญฟาโลมินาที่ทำให้ลูกเข้าใจในชีวิตของท่านและเพื่อที่จะได้ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักในมวลพี่น้องของพระคริสตเจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย MarioAntonio เมื่อ จันทร์ ต.ค. 09, 2006 1:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอบกลับโพส