กระทู้นอกเรื่อง...ชี้แจงข้อเข้าใจผิดแก่สมาชิกภายในกระดานข่าวกรณี มธ.

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 3:57 pm

Edwardius เขียน:
บอกจากพี่พลายแก้วของเราจะเป็นคนที่ใส่แว่นดำแล้วดูดี ยังเก่งประวัติศาสตร์ด้วย ข้าน้อยขอคารวะ หนึ่งจอก!

ไม่หรอกครับ คนเก่งคือคนที่สอนผมมาอีกที พอดีสมัยนั้น(สมัยตอนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ห้า) อายุผมยังน้อยอยู่(พึ่งยี่สิบต้น) ความจำยังดีอยู่ครับ อีกอย่าง รด.ปีห้า คนเรียนน้อยมาก ทำให้Classesมีขนาดเล็ก ก่อให้เกิดความใกล้ชิดระหว่างนักศึกษากับครูฝึกสูง ทำให้ก่อให้เกิดการเรียนด้วยความตั้งใจครับ เลยพอจำได้ในสิ่งที่เรียนเกือบทั้งหมด(ในตอนสมัยนั้น) อีกทั้งเรืองที่เรียนเป็นความรู้ที่หามิได้นอกรั้วกรมทหารด้วย เลยสนใจเป็นพิเศษ ไม่นึกเลยว่าสิ่งดังกล่าว จะได้มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังแด่พี่น้องในบอรด์นี้

ส่วนแว่นเรยแบน อยากใส่มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วครับ แต่ตอนอยู่เมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยวัยรุ่น ไม่มีปัญญาซื้อครับ(พูดกันตรงๆ) พอมาอยู่เมืองนอก มีวาสนาจะพอซื้อหามาได้โดยตนเองไม่เดือดร้อนมากนัก เลยชอบเป็นพิเศษครับ ต้องของยูเอสเมคครับ ดีที่สุดสำหรับเรยแบน(พูดจากประสบการณ์ที่เคยซื้อของถูกมาใส่แล้วห่วย)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.ย. 26, 2007 4:05 am

มีเรื่องเล่าขานว่า
ตอนที่ อ.ปรีดี มอบสีประจำมหาวิทยาลัยให้กับมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
อ. ปรีดี มอบเหลือง+แดง ให้
พอมีคนถาม...อาจารย์ก็เอาแต่ยิ้ม แต่ไม่บอกความหมาย
เหลือง = ธรรม แดง = ความเสียสละ
พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีเพลงประจำมหาวิทยาลัย (ทำนองมอญดูดาว)
เพลงประจำมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ทำนองมอญดูดาว

ซึ่งความหมายที่แท้จริงของสีประจำมหาวิทยาลัยอาจจะมาจาก "สมุดปกเหลือง"
หรือแนวความคิดสังคมนิยมวิทยาศาสตร์ ของอาจารย์เอง
แดง + เหลือง คือสีของพรรคอะไร น่าจะพอคิดออกนะครับ
นั่นคือกำพืดที่ชาว มธ. เองพยายามลืม
เพลงประจำมหาวิทยาลัยถูกเปลี่ยน เป็นเพลงพรรณาความงามซึ่งได้รับพระราชทานมา
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยถูกเปลี่ยนเป็นต้นไม้พระราชทาน
เพื่อให้ มธ. ลืมคืนวันเก่าๆ และต้นกำเนิดของตัวเองซะ

ลองฟังเพลงประจำมหาวิทยาลัยเดิม Ver. ดัดแปลงโดย สปท. ดูสิครับ
เพลง 6 ตุลา รำลึก ดัดแปลงโดย สปท.
เพราะมากๆ  :cool:

แต่สุดท้าย มธ. ก็มาภูมิใจในเพลงๆ หนึ่ง
ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงความเป็นธรรมศาสตร์ ให้เป็นอย่างเช่นปัจจุบัน เพราะแม่โดมเองก็ไม่อาจฝืนทนต่อแรงเหวี่ยงของเข็มนาฬิกาได้
คือ เพลงพระราชนิพนธ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ยูงทอง)

ปล. ทั้งนี้ความเห็นนี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่น หรือกล่าวหาบุคคลใด หรือสถาบันใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นเพียงแต่การเล่าประวัติศาสตร์ บนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจ
ถ้า WM มีความเห็นว่าสมควรลบก็สุดแล้วแต่นะครับ
ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ พุธ ก.ย. 26, 2007 4:20 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

พุธ ก.ย. 26, 2007 11:16 am

เห็นด้วยกับ necromancer ครับ อย่างที่ว่า ธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว ถึงแม้ผมจะไม่ใช่เด็ก มธ. ช่วงเกือบ 1 ปี ที่ผ่านมาก็ได้ทำงานร่วมกับองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อมธ. มาตลอดได้รับรู้หลายๆอย่างที่เกิดขึ้น สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดี ปัญหา อุปสรรค และอีกอย่างเป็นสิ่งที่เสียใจมากๆที่ไม่ได้อยู่ ธรรมศาสตร์ แต่คิดไว้แล้วว่าถ้าจะเรียน ป.โท ก็ขอที่นี่ละกัน เอาละนอกเรื่องไปไกล ผมยังเชื่อนะว่า มธ. น่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณประชาธิปไตย อยู่คู่กับสังคมได้มาอย่างยาวนาน แต่อีกสิ่งที่น่าเสียดายและเห็นว่ากำลังจะเกิดขึ้นคือย้าย นศ.ป.ตรี ทั้งหมดไปรังสิต เร็วๆนี้ น่าเสียดายนะ
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

พุธ ก.ย. 26, 2007 3:12 pm

พูดถึง มธ.วิทยาเขต รังสิต ผมเองก็เคยเข้าไปเหมือนกัน เนื่องจากอาจารย์มหาวิทยาลัยผมที่สอนภาษาอังกฤษ สั่งการให้ไปซื้อหนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษที่ศูนย์หนังสือ มธ.รังสิต(เนื่องจากหนังสือเล่มนั้น มีจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือดังกล่าว) อีกอย่างน้องชายข้าพเจ้า เป็นศิษย์เก่า มธ. ยุคองค์ภาเป็นนักศึกษา เลยทำให้ขับไปรับ-ส่ง น้องชายบ่อย(ผมมีรถส่วนตัวแต่น้องชายไม่มี)ยังจำได้ถึงศูนย์หนังสือ และมักกะโรนีผัดซอสแสนอร่อยในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย แถมแกล้มด้วยสาว มธ.เซ็กซี่ๆ(แบบผมชอบ)ในโรงอาหาร ให้ดูเป็นอาหารตา ให้ชุ่มชื่นหัวใจ(พูดแบบนี้ กลัวน้องเอชจะกระทึบผมจริงๆ) ก็ทำไงได้ มหาลัยพี่มีแต่สาวพวกผอมแห้ง สไตล์พี่ชอบ มีน้อยมากในสังคม ม.เอกชน ผิดหรือ ผิดหรือ

แม้ว่าน้องเอชกับพี่อุดมการณ์จะต่างกัน แต่พี่คงไม่ผิดใช่ไหมครับ ที่พี่จะรักสาวของมหาลัยน้อง

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พุธ ก.ย. 26, 2007 4:08 pm

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เพิ่งได้เข้ามาอ่านอีกรอบ

    สรุปว่า ม.ธรรมศาสตร์ไม่นิยมให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษาเหรอครับ อืมมันก็แปลกดีนะ คงเป็นเพราะปรัชญาแนวคิดส่วนตัวของมหาวิทยาลัยล่ะมั้ง
    มหาลัยผม ถือว่าการใส่ชุดนักศึกษาที่เรียบร้อยนั้น คือ "การให้เกียรติสถาบันการศึกษาของตัวเอง" ส่วนการรับน้อง คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าที่คุณว๊ากเข้าไปน่ะไม่ได้ทำเพราะว่าสะใจ "กุจำได้กุเคยโดนแบบนี้พวกเมิงต้องโดนแบบนี้ด้วย"

แก้ไข ลงสี / ตัด, เพิ่มเติม
คุณเคยหรือครับ ถึงรู้ว่าเป็นแบบนั้น...

รายละเอียดของห้องเชียร์ มีหลายๆอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
แต่ผมขอบอกคุณก่อนเลยว่า คนที่ผ่านห้องเชียร์และได้เกียร์ ไม่มีใครคิดต่อต้านเลยครับ
แรกๆ ตอนที่ยังอยู่ในห้องเชียร์ ผมก็คิดต่อต้านเหมือนกัน ว่าทำไมต้องว๊าก
แต่คนที่ผ่านห้องเชียร์นั้นรู้ดีถึงสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ และไม่คิดต่อต้านมันอีกเลย

และถ้าคุณไม่่เชื่อผม ผมก็จะไม่ขอให้คุณเชื่อ
แต่ผมอยากให้คุณพิจารณา ว่าสิ่งร้ายๆเกี่ยวกับห้องเชียร์ที่คุณได้ยิน มันจริงหรือ
ห้องเชียร์มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ?

คนที่พูดว่ามันไม่ดี จะมีก็แต่ คนที่ไม่อดทนเข้าห้องเชียร์ให้ครบ
เข้าแค่ครั้งสองครั้ง แล้วก็เลิก เค้าจะไม่รู้ถึงประโยชน์ของมันหรอกครับ
แล้วอีกประเภทหนึ่ง ก็คือคนที่ฟังเขาเล่ามาอีกที แล้วเอามาพูด โดยที่ตัวเองไม่รู้จริง
คนที่เขาผ่านห้องเชียร์แบบจริงๆ เข้าครบตามเกณฑ์จนจบ เขาไม่พูดว่ามันไม่ีดีหรอกครับ
ถ้าระบบนี้มันไม่ดีจริง แล้วระบบนี้ มันจะอยู่มากับคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเป็นสิบๆปีได้ยังไงล่ะครับ

ไม่ขอให้เชื่อนะครับ แต่ขอให้พิจารณา อย่าใช้"อคติ"ตัดสินครับ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.ย. 26, 2007 10:16 pm

sasuke เขียน:
Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เพิ่งได้เข้ามาอ่านอีกรอบ

     สรุปว่า ม.ธรรมศาสตร์ไม่นิยมให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษาเหรอครับ อืมมันก็แปลกดีนะ คงเป็นเพราะปรัชญาแนวคิดส่วนตัวของมหาวิทยาลัยล่ะมั้ง
     มหาลัยผม ถือว่าการใส่ชุดนักศึกษาที่เรียบร้อยนั้น คือ "การให้เกียรติสถาบันการศึกษาของตัวเอง" ส่วนการรับน้อง คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าที่คุณว๊ากเข้าไปน่ะไม่ได้ทำเพราะว่าสะใจ "กุจำได้กุเคยโดนแบบนี้พวกเมิงต้องโดนแบบนี้ด้วย"

แก้ไข ลงสี / ตัด, เพิ่มเติม
คุณเคยหรือครับ ถึงรู้ว่าเป็นแบบนั้น...

รายละเอียดของห้องเชียร์ มีหลายๆอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
แต่ผมขอบอกคุณก่อนเลยว่า คนที่ผ่านห้องเชียร์และได้เกียร์ ไม่มีใครคิดต่อต้านเลยครับ
แรกๆ ตอนที่ยังอยู่ในห้องเชียร์ ผมก็คิดต่อต้านเหมือนกัน ว่าทำไมต้องว๊าก
แต่คนที่ผ่านห้องเชียร์นั้นรู้ดีถึงสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ และไม่คิดต่อต้านมันอีกเลย

และถ้าคุณไม่่เชื่อผม ผมก็จะไม่ขอให้คุณเชื่อ
แต่ผมอยากให้คุณพิจารณา ว่าสิ่งร้ายๆเกี่ยวกับห้องเชียร์ที่คุณได้ยิน มันจริงหรือ
ห้องเชียร์มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ?

คนที่พูดว่ามันไม่ดี จะมีก็แต่ คนที่ไม่อดทนเข้าห้องเชียร์ให้ครบ
เข้าแค่ครั้งสองครั้ง แล้วก็เลิก เค้าจะไม่รู้ถึงประโยชน์ของมันหรอกครับ
แล้วอีกประเภทหนึ่ง ก็คือคนที่ฟังเขาเล่ามาอีกที แล้วเอามาพูด โดยที่ตัวเองไม่รู้จริง
คนที่เขาผ่านห้องเชียร์แบบจริงๆ เข้าครบตามเกณฑ์จนจบ เขาไม่พูดว่ามันไม่ีดีหรอกครับ
ถ้าระบบนี้มันไม่ดีจริง แล้วระบบนี้ มันจะอยู่มากับคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเป็นสิบๆปีได้ยังไงล่ะครับ

ไม่ขอให้เชื่อนะครับ แต่ขอให้พิจารณา อย่าใช้"อคติ"ตัดสินครับ

เราก็รักในสิ่งที่เป็นของเรา
เขาก็รักในสิ่งที่เป็นของเขา
เราถูกปลูกฝังมาต่างกัน
เขา เกิด และเติบโตต่างจากเรา

ในเมื่อไม่เคยผ่านมาก่อน
จะบอกว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ดีไม่ได้

ยกตัวอย่าง
มีคนเคยถามว่า...นิติฯ ที่จุฬาฯ กับมธ. ที่ไหนดีกว่ากัน
เอชก็ได้แต่ตอบว่า "มธ. เพราะพี่ไม่เคยเรียนที่นิติ จุฬาฯ พอใจป่ะครับ"
เราจะตัดสินอะไรจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างไม่ได้
ถ้าไม่เห็นด้วยตา ไม่สิ ถ้าไม่เป็นผู้ลงมือกระทำเสียเอง

น้องคนหนึ่งในบอร์ดก็เคยถามว่า คาทอลิค กับมอร์มอนอันไหนดีกว่ากัน
ก็ได้แต่ตอบว่า "ไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษามอร์มอน"

เอชเองไม่เคยคิดว่าสถาบันตัวเอง หรือคณะตัวเองดีกว่าสถาบันคนอื่น
ไปเบียดบัง หรือกล่าวหาสถาบันคนอื่น
เพราะเอชไม่เคยเรียนอื่นนอกจากที่นี่
ไม่เคยคิดว่าที่นี่มีอะไรดี ไอ้ที่เล่าๆ มาทั้งหมด ก็ใช่จะเล่าด้วยความภูมิใจ บางครั้งเล่าด้วยความสมเพช

ไม่เคยเยินยอสถาบันตัวเอง
แต่ก็ไม่เคยด่าว่าสถาบันคนอื่น
แต่ห้ามใครมาด่าว่าสถาบันของเรา
เพราะเขาไม่เคยเรียนที่นี่
แต่ถ้าคนที่นี่จะด่าตัวเอง นั่นก็ไม่แปลก
เพราะเขาเจอมากับตัวเอง

ขอบคุณครับ
ขอสันติจงอยู่กับทุกท่าน
รักกันอย่างที่เขาเป็น
อย่าเปลี่ยนเขา
และอย่าเปลี่ยนเรา
อยู่ร่วมกันอย่างปัจเจก อย่าเป็นอัตตา
วิศวะ

อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 8:14 am

เด็กมธ.ชอบแบ่งพรรคพวกอย่างนี้นี่เอง

แบ่งฝักฝ่าย พวกท่าพระจันทร์ พวกรังสิต พวกนิติ พวกวิศวะ บลาๆๆๆๆ ขนาดมหาลัยเดียวกันนะเนี่ย



เวลาอะไรไม่ดี ก็ปัดให้ไปไกลๆตัว

กีดกันคณะอื่น


นี่หรอประชาธิปไตย เสรีภาพ ที่แท้อะไรไม่ใช่พวกตัวเองก็ปัดสวะใส่
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 2:06 pm

วิศวะ เขียน: เด็กมธ.ชอบแบ่งพรรคพวกอย่างนี้นี่เอง

แบ่งฝักฝ่าย พวกท่าพระจันทร์ พวกรังสิต พวกนิติ พวกวิศวะ บลาๆๆๆๆ ขนาดมหาลัยเดียวกันนะเนี่ย



เวลาอะไรไม่ดี ก็ปัดให้ไปไกลๆตัว

กีดกันคณะอื่น


นี่หรอประชาธิปไตย เสรีภาพ ที่แท้อะไรไม่ใช่พวกตัวเองก็ปัดสวะใส่
ประชาธิปไตยคือการที่มีความคิดหลายแนวหลายฝักฝ่ายเข้ามาถกเถียงกัน การรวบอำนาจแบบคุณคือเผด็จการดีๆนี่เอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 2:16 pm

ม่าได้อยู่วิศวะมธ. แต่เห็นรุ่นพี่ที่อยู่ที่นั่นเล่าว่าวิศวะที่นั่นรับน้องเบามากๆถ้าเทียบวิศวะที่อื่น

มาแวะเวียน แล้วผ่านไปละ

---

คนเราไม่สามารถอยู่ได้ตัวคนเดียว มีเสรีภาพ แต่ควรถามตัวเองว่าเปิดใจในเสรีภาพของผู้อื่นไหม

ถ้าไม่เปิดใจแล้ว อิสระจะมีค่าอะไรนอกว่าการทะเลาะเบาะแว้ง

ผมพูดลอยๆนะครับ^^ อย่าใส่ใจมาก
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 3:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ต.ค. 01, 2007 10:55 am

วิศวะ เขียน: เด็กมธ.ชอบแบ่งพรรคพวกอย่างนี้นี่เอง

แบ่งฝักฝ่าย พวกท่าพระจันทร์ พวกรังสิต พวกนิติ พวกวิศวะ บลาๆๆๆๆ ขนาดมหาลัยเดียวกันนะเนี่ย



เวลาอะไรไม่ดี ก็ปัดให้ไปไกลๆตัว

กีดกันคณะอื่น


นี่หรอประชาธิปไตย เสรีภาพ ที่แท้อะไรไม่ใช่พวกตัวเองก็ปัดสวะใส่

รู้จักคำว่า "การแสดงความเห็นส่วนต่าง" หรือเปล่าครับ คุณ "วิศวะ"
รู้จักคำว่า "ปัจเจกนิยม" หรือเปล่า
สาเหตุที่ มธ. เรียกตัวเองว่ามหาวิทยาลัยประชาธิปไตย
ไม่ได้เรียกเพราะว่าเรามีเสรีภาพสูงหรอกนะฮะ

แต่เพราะ...เรายอมรับในความแตกต่างหลากหลายของกันและกัน
แตกต่าง...ไม่เห็นด้วย แต่เราอยู่ร่วมกัน รักกัน เพราะร่วมสถาบันเดียวกัน
เคยเห็นพรรคการเมืองในรัฐสภา(ที่ไม่ใช่ไทย)ไหมครับ
อุดมการณ์แตกต่าง แต่เป้าหมายคือความสุขร่วมกัน

ถ้าเราเถียงกัน...อย่างไม่ใช่อารมณ์ เถียงกันด้วยเหตุผล
ไม่ต้องการการเอาชนะ ไม่ต้องการเห็นคนอื่นแพ้
ต้องการเพียง "ความคิดเห็นส่วนต่าง"
....ซึ่งใช้ CS ของ "มาตรฐานวิญญูชน" ก็ย่อมจะเข้าใจได้โดย "สัญชาตญาณของมนุษย์"
ที่อยู่ในสังคมอย่าง "ผู้มีอารยธรรม"
ถ้าอันใดที่ตนเองไม่รู้ ไม่เคยสัมผัส แต่กลับไปตัดสินเขา โดยที่ตนเองมีใจเป็นอคติ
นั่นคือการแสดงความคิดเห็นอย่าง "ไร้ซึ่งสติปัญญา" อย่างแน่แท้

เราไม่เคยบอกว่า "คณะสายรังสิต" ไม่ดี
หรือ "การต้อนรับเพื่อนใหม่ของวิศวกรรมศาสตร์ไม่ดี"
เราเพียงบอกว่า "เราไม่เห็นด้วย"
และเรา "คิดอย่างนี้"....ด้วยเหตุผลนี้
การไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ใช่หมายถึงการรังเกียจอีกฝ่ายหนึ่งไม่ ???

ลองใช้วิจารณญาณของ "มนุษยชน" คิดดูนะครับ

ปล. ผมรู้นะ...ว่าคุณคือใคร IP มันฟ้อง
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 01, 2007 11:51 am

อ่านแล้วชักเริ่มปวดหัว โดยส่วนตัวสำหรับผม ใครไม่ว่ามหาวิทยาลัยไหน คณะไหน ศาสนาใด นิกายใด ผมopenmindหมด รับฟังเสมอทุกความคิดเห็นจากทุกคน เพราะทุกคนมีเสรีภาพและอิสระภาพในปัจเจกชนทุกคนครับ จะยอมไม่ได้คือมาพยายามเปลี่ยนเราให้เป็นแบบเขาคิดนี้แหละ ปัญหา ไปดีกว่า

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ตอบกลับโพส