ก็บอกว่า ข้าพเจ้าจะเข้าเงียบ ต้องการความเงียบเเละสวดภาวนาต่อพระเจ้า อย่าเพิ่งมากวน เจ้าค่ะ*~glossolalie~* เขียน:โห เเล้วเราจาไปเข้าเงีบยด้วยอ่ะ กลัวผีจัง เเล้วทำยังงัยเราถึงจาไม่เจออ่ะBatholomew เขียน:ไม่ทันแล้วพี่อันตน เขียน: ตกลงแม่คุณกลัวหรือไม่กลัวกันแน่เนี่ย
เออ แล้ววิญญาณคนพุทธเนี่ย ใครช่วยไปบอกวิญญาณบุญราศรีมรณสักขีคุณพ่อบุญเกิดให้มาแพร่ธรรมกับเขาไม่ได้เหรอ แบบเผื่อพี่แกจะกลับใจ
คนที่ตายไปจะไปยังไฟชำระ สวรรค์ หรือ นรก ทันทีหรือไม่ หรือยังวนเวียนอยู่ในโลก
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เชื่อในกางเขนพระคริสตเจ้ามั้ย?*~glossolalie~* เขียน:โห เเล้วเราจาไปเข้าเงีบยด้วยอ่ะ กลัวผีจัง เเล้วทำยังงัยเราถึงจาไม่เจออ่ะBatholomew เขียน:ไม่ทันแล้วพี่อันตน เขียน: ตกลงแม่คุณกลัวหรือไม่กลัวกันแน่เนี่ย
เออ แล้ววิญญาณคนพุทธเนี่ย ใครช่วยไปบอกวิญญาณบุญราศรีมรณสักขีคุณพ่อบุญเกิดให้มาแพร่ธรรมกับเขาไม่ได้เหรอ แบบเผื่อพี่แกจะกลับใจ
วางใจในพระเจ้า? และการดูแลของอัครเทวดามั้ย?
เชื่อว่าผี วิญญาณ มารร้าย มันจะทำอะไรเราได้หรอ?
คนของแผ่นดินสวรรค์ต้องไม่กลัวสิ่งเหล่านี้ เพราะว่า เราเป็นคนของพระเจ้า ไม่ใช่คนของโลก
ถ้าคนของโลกว่าไปอย่าง เพราะมารร้ายจะมาแย่งชิง
ต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ผมเคยเดินถนน ตอนนั้น กลับจาก คจ ใจสมาน กับแม่นะ (แม่เป็นพุทธ) เออ ผมเห็นผีอะแหละ
ถ้าเป็นคนทั่วไป อาจจะเผ่นแนบ ไม่ก็อธิษฐานแหลกลาน
แต่ตอนนั้นดวงใจติดสนิทในพระฤทัยเยซู ผมสงสารวิญญาณนั้นมากกว่า ที่ต้องอยู่สภาพนั้น
เราไม่รู้ว่าเค้ามาดีหรือมาไม่ดี
แต่ทั้งนี้ เค้ามาดี เราภาวนาเผื่อเขา
มาไม่ดี เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้เพราะเราเป็นของพระคริสตเจ้า ทั้งคนที่รับศีลล้างบาปแล้ว หรือยังไม่ล้างบาปก็ตาม
"จงวางใจในเรา" "พระเยซูเจ้าข้าฯ...ลูกวางใจในพระองค์"
อืม ฉะนั้น คริสตชน ที่แท้จริง ต้องไม่กลัวผี แต่ไม่ใช่ไปลบหลู่ผีนะ
แบ่งปันครับ ผีมีจริงมั้ย ไม่สำคัญ ถึงมีจริงก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อคริสตชนนะ ทุกนิกายด้วย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เค้าบอกนะครับที่มาที่ไปอ่ะครับ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ การตีความของเค้าอ่ะครับ แบ่งออกมาเป็นแบบนี้ในไบเบ้ลเลยหรอครับ :huh:BOYZ เขียน:พระธรรมวิวรณ์LsY เขียน: ขอตอบคำถามตรงนี้นะครับ ตามหลักศาสนศาสตร์(พระคำภีร์) คนเราเมื่อตายนั้น วิญญาณจะถูกเก็บไว้ที่นึงก่อน ซึ่งยังไม่ใช่นรกครับ ลองอ่านในพระธรรมวิวรณ์ดูนะครับ เพื่อรอการพิภากษา โดยนรกนั้น จะแบ่งเป็น ชั้ั้นด้วยกัน ถ้าเราลองศึกษาดูนะครับ ในพระคำภีร์ภาษาเดิม คือภาษากรีก จะชัดมาก โดยชั้นที่ 1.สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในองค์พระเยซู จะถูกเก็บไว้ที่นี่เพื่อรอภาพิภากษา 2.สำหรับทูตสวรรค์ที่กบฎต่อพระเจ้า 3.สำหรับคนพิเศษ คือ ลูซิเฟอ คือขังเดี่ยวครับ และอันที่ 4.อันนี้เรียกว่านรกนิรันด์(Gehena) อันนี้แหละครับที่เรียกว่ายึงไฟกำมะถัน นรกอันสุดท้ายเป้นนกชั่วกัปชั่วกัล
ถ้าผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ถ้าตายแล้วถามว่าไปไหนตอบก็คือจะถูกเก็บไว้ที่นึ่งครับ รอวันที่ได้รับบำเหน็จ ส่วน ผี ที่เรารู้นั้นถ้าตามหลักการพระคำภีร์ก็คือลูกน้องของลูซิเฟอ หรือตัวลูซิเฟอเองอะครับ เดี๋ยวเรื่องนรกนี่ผมขอกลับไปหาข้อมูลมาอีกทีนะครับ พอดีสัมนานานแล้วลืมอะครับ
ป.ล.อยากหนุนใจให้พี่น้องศึกษาพระคำภีร์ หรืออ่านพระคัมภีร์เยอะๆนะครับ
ยังไงช่วยบอกที่มาที่ไปหน่อยนะค๊าบบ อย่ากล่าวลอยๆ :huh:
ถ้าคุณเจอวิญญาณมาหา ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าไม่ใช่จิตชั่วร้าย เขาก็มาขอคำภาวนาจากคุณนั่นแหละ นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนดีสามารถอุทิศบุญกุศลให้เขาได้ ดังนั้นก็สวดภาวนาให้เขา
เมื่อเริ่มต้น พระวจนาถก็มีอยู่แล้วAndreas เขียน: ผมสงสัยว่า เมื่อมนุษย์เสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณของเขาจะไปยังไฟชำระ สวรรค์ หรือ นรก ทันทีเลยหรือไม่ หรือวิญญาณนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในโลก โดยเฉพาะคนที่ตายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวในอุบัติเหตุ เพราะเห็นบางคนบอกว่า เวลาคนตายเพราะอุบัติเหตุ วิญญาณของเขาจะยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องเชิญพระไปเชิญวิญญาณออกมาจากที่เกิดอุบัติเหตุ ขนาดครั้งหนึ่งมีเด็กนักเรียนคริสต์ประสบอุบัติเหตุทางถนนเสียชีวิต ยังมีคนเชิญคุณพ่อคาทอลิกให้ไปสวดเชิญวิญญาณเลย เพราะคนแถวนั้นบอกว่าเห็นวิญญาณของเด็กคนนั้นยังวนเวียนในที่เกิดเหตุ
แต่ตามความเชื่อของคริสตชน เราแต่ละคนจะมีเทวดารักษาตัวอยู่เป็นเพื่อนผู้ดูแลและนำทาง เมื่อแต่ละคนสิ้นชีวิตลง เทวดาจะพาวิญญาณไปรับการพิพากษาเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่วิญญาณนั้นสมควรได้รับ
ประโยคแรกของพระพันธสัญญาเก่า
บอกไว้ชัดเจนว่า สวรรค์ หรือแม้แต่นรก ไม่มีสถานที่
สวรรค์ นรก ไฟชำระ ไม่ใช่ห้องหรือสวนอันสวยงาม หรือที่ทรมาน ที่จะเดินเข้าออก
ความเข้าใจที่พอจะใช้อธิบายได้มากที่สุดในภาษามนุษย์คือ มิติ แต่ก็ไม่ถูกต้องหรอก
เกินสติปัญญามนุษย์ที่จะอธิบายสวรรค์ นรก ได้
วิญญาณที่อยู่ในสวรรค์ หรือ นรก หรือ ไฟชำระ ไม่มี สถานที่ ไม่ต้องการสถานที่
อาจอยู่รอบๆเราขณะนี้ก็ได้ และถ้าเราเจอวิญญาณเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่า
เขาหนีมาจากนรก หรือลงมาจากสวรรค์
ส่วนคำว่า ประตูสวรรค์ หรือประตูนรก เป็นเพียงคำเปรียบว่า
ถ้าวิญญาณนั้น ได้เสวยสุขกับพระเจ้า พูดให้เข้าใจง่ายนั้นคือเเขาผ่านประตูสวรรค์ไปแล้ว
และถ้าวิญญาณถูกลงโทษ ก็จะอธิบายว่า ประตูนรกเปิดรับเขาอยู่
ถ้าเจอผี ลองถามเขาดูสิว่าเขาอยู่ในสถานะใด สวรรค์ ไฟชำระ หรือ นรก
จะได้สวดให้เขาถูก และถ้าเขาอยู่ในสวรรค์รีบขอให้เขาสวดให้เราทันทีเลย
แก้ไขล่าสุดโดย Phulasso เมื่อ เสาร์ ก.ค. 07, 2007 11:33 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เอางั้น เลย 55555555Phulasso เขียน:เมื่อเริ่มต้น พระวจนาถก็มีอยู่แล้วAndreas เขียน: ผมสงสัยว่า เมื่อมนุษย์เสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณของเขาจะไปยังไฟชำระ สวรรค์ หรือ นรก ทันทีเลยหรือไม่ หรือวิญญาณนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในโลก โดยเฉพาะคนที่ตายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวในอุบัติเหตุ เพราะเห็นบางคนบอกว่า เวลาคนตายเพราะอุบัติเหตุ วิญญาณของเขาจะยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องเชิญพระไปเชิญวิญญาณออกมาจากที่เกิดอุบัติเหตุ ขนาดครั้งหนึ่งมีเด็กนักเรียนคริสต์ประสบอุบัติเหตุทางถนนเสียชีวิต ยังมีคนเชิญคุณพ่อคาทอลิกให้ไปสวดเชิญวิญญาณเลย เพราะคนแถวนั้นบอกว่าเห็นวิญญาณของเด็กคนนั้นยังวนเวียนในที่เกิดเหตุ
แต่ตามความเชื่อของคริสตชน เราแต่ละคนจะมีเทวดารักษาตัวอยู่เป็นเพื่อนผู้ดูแลและนำทาง เมื่อแต่ละคนสิ้นชีวิตลง เทวดาจะพาวิญญาณไปรับการพิพากษาเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่วิญญาณนั้นสมควรได้รับ
ประโยคแรกของพระพันธสัญญาเก่า
บอกไว้ชัดเจนว่า สวรรค์ หรือแม้แต่นรก ไม่มีสถานที่
สวรรค์ นรก ไฟชำระ ไม่ใช่ห้องหรือสวนอันสวยงาม หรือที่ทรมาน ที่จะเดินเข้าออก
ความเข้าใจที่พอจะใช้อธิบายได้มากที่สุดในภาษามนุษย์คือ มิติ แต่ก็ไม่ถูกต้องหรอก
เกินสติปัญญามนุษย์ที่จะอธิบายสวรรค์ นรก ได้
วิญญาณที่อยู่ในสวรรค์ หรือ นรก หรือ ไฟชำระ ไม่มี สถานที่ ไม่ต้องการสถานที่
อาจอยู่รอบๆเราขณะนี้ก็ได้ และถ้าเราเจอวิญญาณเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่า
เขาหนีมาจากนรก หรือลงมาจากสวรรค์
ส่วนคำว่า ประตูสวรรค์ หรือประตูนรก เป็นเพียงคำเปรียบว่า
ถ้าวิญญาณนั้น ได้เสวยสุขกับพระเจ้า พูดให้เข้าใจง่ายนั้นคือเเขาผ่านประตูสวรรค์ไปแล้ว
และถ้าวิญญาณถูกลงโทษ ก็จะอธิบายว่า ประตูนรกเปิดรับเขาอยู่
ถ้าเจอผี ลองถามเขาดูสิว่าเขาอยู่ในสถานะใด สวรรค์ ไฟชำระ หรือ นรก
จะได้สวดให้เขาถูก และถ้าเขาอยู่ในสวรรค์รีบขอให้เขาสวดให้เราทันทีเลย
แต่ผมไม่ขอให้เค้าสวดให้หรอก เพราะว่าวิญญาณที่จะสวดให้เราได้ ควรจะเป็นนักบุญ บุคคล หรืออัครฯ ที่พระศาสนจักรรับรอง :cheesy:
Ora pro nobisPhulasso เขียน: ผู้ที่อยู่ในสวรรค์คือนักบุญ
และมีเป็นจำนวนมากด้วย
ในบทสวดของเราเรียกท่านว่า
นักบุญชายหญิงของพระเจ้า
Ora pronobus
Ora pro nobis peccatoribus
ขอดันนะครับ
-
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am
ตามความเชื่อของชาวมอรมอน
"วิญญาณของมนุษย์ทุกคนนั้น ทันทีที่ออกจากร่างกายที่เป็นมตะ แท้จริงแล้ววิญญาณของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาดีหรือชั่ว ย่อมถูกนำกลับบ้าน ไปสู่พระผู้เป็นเจ้าพระองค์นั้นผู้ประทานชีวิตให้เขา
และเมื่อนั้น เหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนที่ชอบธรรมถูกรับเข้าในสภาพแห่งความสุข ซึ่งเรียกว่ารมดี(เมืองบรมสุขเกษม) สภาพของการพักผ่อน สภาพของสันติ ซึ่งที่นั่นเขาจะพักผ่อนจากความยุ่งยากทั้งหมดของเขา และความกังวลและความสลดใจทั้งหมด
และเมื่อนั้นเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วคนที่ชั่ว-เพราะดูเถิด เขาไม่มีชิ้นหรือส่วนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะดูเถิด เขาเลือกเอางานชั่วแทนงานดี ฉะนั้นวิญญาณของมารได้เข้ามาอยู่ในเขา และเขาเป็นเจ้าของบ้านของเขา-และคนเหล่านี้จะถูกขับออกไปในความมืดภายนอก จะมีการร้องไห้และการรำพัน และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และนี่เพราะความเลวร้ายของตนเอง โดยที่ถูกนำไปเป็นเชลยด้วยความประสงค์ของมาร
บัดนี้นี่คือสภาพของจิตวิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วในความมืด และสภาพการเฝ้าดู ความเคืองแค้นประหนึ่งไฟอันน่าพรั่นพรึงและน่ากลัวแห่งพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าที่มีกับเขา เขาคงอยู่ในสภาพนี้ดังนั้น เช่นเดียวกับคนชอบธรรมอยู่ในรมดีจนถึงเวลาการฟื้นคืนชีวิตของเขา"
ซึ่งทุกคนก็มีเวลารอจนถึงการฟื้นคืนชีวิตของแต่ละคน สถานที่รอนั่นก็กล่าวไว้ตามข้างต้น และหลังจากฟื้นคืนชีวิตแล้วจึงไปสู่การพิพากษาซึ่งเป็นการตัดสินว่าผู้ใดจะไปสวรรค์ หรือที่อื่นใด
"วิญญาณของมนุษย์ทุกคนนั้น ทันทีที่ออกจากร่างกายที่เป็นมตะ แท้จริงแล้ววิญญาณของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาดีหรือชั่ว ย่อมถูกนำกลับบ้าน ไปสู่พระผู้เป็นเจ้าพระองค์นั้นผู้ประทานชีวิตให้เขา
และเมื่อนั้น เหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนที่ชอบธรรมถูกรับเข้าในสภาพแห่งความสุข ซึ่งเรียกว่ารมดี(เมืองบรมสุขเกษม) สภาพของการพักผ่อน สภาพของสันติ ซึ่งที่นั่นเขาจะพักผ่อนจากความยุ่งยากทั้งหมดของเขา และความกังวลและความสลดใจทั้งหมด
และเมื่อนั้นเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วคนที่ชั่ว-เพราะดูเถิด เขาไม่มีชิ้นหรือส่วนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะดูเถิด เขาเลือกเอางานชั่วแทนงานดี ฉะนั้นวิญญาณของมารได้เข้ามาอยู่ในเขา และเขาเป็นเจ้าของบ้านของเขา-และคนเหล่านี้จะถูกขับออกไปในความมืดภายนอก จะมีการร้องไห้และการรำพัน และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และนี่เพราะความเลวร้ายของตนเอง โดยที่ถูกนำไปเป็นเชลยด้วยความประสงค์ของมาร
บัดนี้นี่คือสภาพของจิตวิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วในความมืด และสภาพการเฝ้าดู ความเคืองแค้นประหนึ่งไฟอันน่าพรั่นพรึงและน่ากลัวแห่งพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าที่มีกับเขา เขาคงอยู่ในสภาพนี้ดังนั้น เช่นเดียวกับคนชอบธรรมอยู่ในรมดีจนถึงเวลาการฟื้นคืนชีวิตของเขา"
ซึ่งทุกคนก็มีเวลารอจนถึงการฟื้นคืนชีวิตของแต่ละคน สถานที่รอนั่นก็กล่าวไว้ตามข้างต้น และหลังจากฟื้นคืนชีวิตแล้วจึงไปสู่การพิพากษาซึ่งเป็นการตัดสินว่าผู้ใดจะไปสวรรค์ หรือที่อื่นใด
ขอบคุณครับสำหรับข้อความเชื่อของชาวมอรมอนครับLittle Boy เขียน: ตามความเชื่อของชาวมอรมอน
"วิญญาณของมนุษย์ทุกคนนั้น ทันทีที่ออกจากร่างกายที่เป็นมตะ แท้จริงแล้ววิญญาณของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาดีหรือชั่ว ย่อมถูกนำกลับบ้าน ไปสู่พระผู้เป็นเจ้าพระองค์นั้นผู้ประทานชีวิตให้เขา
และเมื่อนั้น เหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนที่ชอบธรรมถูกรับเข้าในสภาพแห่งความสุข ซึ่งเรียกว่ารมดี(เมืองบรมสุขเกษม) สภาพของการพักผ่อน สภาพของสันติ ซึ่งที่นั่นเขาจะพักผ่อนจากความยุ่งยากทั้งหมดของเขา และความกังวลและความสลดใจทั้งหมด
และเมื่อนั้นเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ วิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วคนที่ชั่ว-เพราะดูเถิด เขาไม่มีชิ้นหรือส่วนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะดูเถิด เขาเลือกเอางานชั่วแทนงานดี ฉะนั้นวิญญาณของมารได้เข้ามาอยู่ในเขา และเขาเป็นเจ้าของบ้านของเขา-และคนเหล่านี้จะถูกขับออกไปในความมืดภายนอก จะมีการร้องไห้และการรำพัน และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และนี่เพราะความเลวร้ายของตนเอง โดยที่ถูกนำไปเป็นเชลยด้วยความประสงค์ของมาร
บัดนี้นี่คือสภาพของจิตวิญญาณของคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วในความมืด และสภาพการเฝ้าดู ความเคืองแค้นประหนึ่งไฟอันน่าพรั่นพรึงและน่ากลัวแห่งพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าที่มีกับเขา เขาคงอยู่ในสภาพนี้ดังนั้น เช่นเดียวกับคนชอบธรรมอยู่ในรมดีจนถึงเวลาการฟื้นคืนชีวิตของเขา"
ซึ่งทุกคนก็มีเวลารอจนถึงการฟื้นคืนชีวิตของแต่ละคน สถานที่รอนั่นก็กล่าวไว้ตามข้างต้น และหลังจากฟื้นคืนชีวิตแล้วจึงไปสู่การพิพากษาซึ่งเป็นการตัดสินว่าผู้ใดจะไปสวรรค์ หรือที่อื่นใด
ผมอยากทราบข้อความเชื่อของคริสเตียนโปรแตสแตนท์บ้างอ่ะครับ ตรงส่วนนี้
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เอาแบบสั้นๆ ไม่วิชาการมากนะขี้เกียจไปเอาหนังสือ†내 희망 เขียน: ผมอยากทราบข้อความเชื่อของคริสเตียนโปรแตสแตนท์บ้างอ่ะครับ ตรงส่วนนี้
ที่ยอมรับกันทั่วไปสำหรับโปรฯ ทุกคณะคือ
ผู้เชื่อพระเจ้าตรีเอกภาพหนึ่งเดียว ->-> รับการไถ่ ->-> ตาย ->->
เมืองบรมสุขเกษม ->-> ฟื้นในวันพิพากษา ->-> รับบำเน็จตามการกระทำ ->-> อยู่สวรรค์กับพระเจ้านิรันดร์
ผู้ไม่เชื่อพระเจ้าตรีเอกภาพหนึ่งเดียว ->-> ไม่ได้รับการไถ่ ->-> ตาย ->->
แดนมรณา ->-> ฟื้นในวันพิพากษา ->-> รับการพิพากษาตามการกระทำ(คนบาปที่ไม่ได้รับการไถ่=ค่าตอบแทนคือความตาย) >> อยู่นรกพร้อมกับซาตานนิรันดร์
รายละเอียดลองอ่านกระทู้นี้เพิ่มเติมจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3367.0
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 18, 2010 8:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณครับDeo Gratias เขียน:เอาแบบสั้นๆ ไม่วิชาการมากนะขี้เกียจไปเอาหนังสือ†내 희망 เขียน: ผมอยากทราบข้อความเชื่อของคริสเตียนโปรแตสแตนท์บ้างอ่ะครับ ตรงส่วนนี้
ที่ยอมรับกันทั่วไปสำหรับโปรฯ ทุกคณะคือ
ผู้เชื่อพระเจ้าตรีเอกภาพหนึ่งเดียว ->-> รับการไถ่ ->-> ตาย ->->
เมืองบรมสุขเกษม ->-> ฟื้นในวันพิพากษา ->-> รับบำเน็จตามการกระทำ ->-> อยู่สวรรค์กับพระเจ้านิรันดร์
ผู้ไม่เชื่อพระเจ้าตรีเอกภาพหนึ่งเดียว ->-> ไม่ได้รับการไถ่ ->-> ตาย ->->
แดนมรณา ->-> ฟื้นในวันพิพากษา ->-> รับการพิพากษาตามการกระทำ(คนบาปที่ไม่ได้รับการไถ่=ค่าตอบแทนคือความตาย) >> อยู่นรกพร้อมกับซาตานนิรันดร์
รายละเอียดลองอ่านกระทู้นี้เพิ่มเติมจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3367.0