จงมีความเชื่อในพระเจ้าแบบเด็ก ๆ ค่ะ
คุณรู้มาก ค้นหามาก แล้วคุณก็พบว่า ยิ่งคุณรู้มาก ปัญหาก็ยิ่งเยอะขึ้น ๆ
คนที่เข้าสววรค์ได้คือคนที่เป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ
ไม่ใช่รู้มันทั้งกะบิ ปรุมันทุกธรรมบัญญัติ ฉลาดรอบรู้เหมือนฟาริสี
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
คุณเข้าใจอะไรผิดไปมากครับ สมัยนั้นปัญหาไม่ได้มาจากการไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ และการเมืองเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอาเหตุเล็กๆบางเหตุมาเหมารวมJohannes W. Pariwat เขียน:sakda88 เขียน:และการให้อภัยด้วยHoly เขียน: โปรดจำความจริงข้อนี้ไว้เสมอ
คริสตศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งหนังสือ แต่เป็นศาสนาแห่งความรักและความจริง
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
เหรอครับ ผมคิดว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาแห่งความเชื่อในพระเจ้าพระบิดา พระบุตร(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ซะอีก และถ้าคุณไม่ได้รู้สิ่งเหล่านี้มาจากหนังสือ(พระคัมภีร์ไบเบิ้ล) แล้วคุณรู้มาจากใหน จากบาทหลวง? จากวัด? แล้วเค้าเหล่านั้นไม่ได้เรียนสิ่งเหล่านี้จากพระคัมภีร์มาสอนพวกเราเหรอ ผมไม่ได้นับถือหนังสือเล่มนี้เป็นพระเจ้า(มันก็แค่กระดาษที่มีหมึกเปื้อนอยู่เป็นตัวหนังสือมากมาย) แต่มันเป็นเข็มทิศที่ชี้ทางเราไปยังทางที่ถูกต้อง พระศาสนจักรช่วงที่จมดิ่งสุดกู่ ก็มีเหตุมาจากคริสตชนขาดการอ่านพระคัมภีร์ให้เข้าใจด้วยตนเองนี่แหล่ะ พอพระสันตะปาปา(ในสมัยนั้น สมัยนี้คงไม่มีแบบนั้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า) บอกว่าไปทำสงครามกับพวกซาราเซ็นเป็นหนทางแห่งการไปสวรรค์ ผู้คนที่ไม่รู้อีดโหน่อีเหน่ ก็แห่กันไป อย่าว่าแต่ยอมหันแก้มอีกข้างให้โดนตบเลย นี่ไปทั้งฆ่า ข่มขืน เผาบ้านเผาเมือง และอีกสารพัดบรรยายไม่จบ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ผมมักจะคิดเสมอว่าพระเจ้าอนุญาติให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้คนในยุคปัจจุบันอย่างเราได้เรียนรู้ เรียนรู้ไว้เถอะครับ ถ้าเราเพิกเฉยต่อนำหมึกที่เปอะเปลื้อนอยู่บนกระดาษที่เย็บรวมกันแล้ว เราเรียกว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ ผลมันจะเป็นยังไง หนังสือนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง(หรืออาจจะโดนเปลี่ยนมาแล้วมั่งหว่า สังคยานาบ่อยจัง) แต่คน(คริสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ผมว่าชัวส์สุดๆ คือพระเจ้าเลยครับ (แต่มันแย่ตรงที่ พระองค์ไม่พูดกับเราตรงๆนี่สิ เราเลยยังต้องพึ่งหนังสือและครัสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)
เป็นตรรกะที่รู้ดี แต่คิดไม่ถึงจริงๆHoly เขียน:คุณเข้าใจอะไรผิดไปมากครับ สมัยนั้นปัญหาไม่ได้มาจากการไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ และการเมืองเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอาเหตุเล็กๆบางเหตุมาเหมารวมJohannes W. Pariwat เขียน:sakda88 เขียน: และการให้อภัยด้วย
เหรอครับ ผมคิดว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาแห่งความเชื่อในพระเจ้าพระบิดา พระบุตร(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ซะอีก และถ้าคุณไม่ได้รู้สิ่งเหล่านี้มาจากหนังสือ(พระคัมภีร์ไบเบิ้ล) แล้วคุณรู้มาจากใหน จากบาทหลวง? จากวัด? แล้วเค้าเหล่านั้นไม่ได้เรียนสิ่งเหล่านี้จากพระคัมภีร์มาสอนพวกเราเหรอ ผมไม่ได้นับถือหนังสือเล่มนี้เป็นพระเจ้า(มันก็แค่กระดาษที่มีหมึกเปื้อนอยู่เป็นตัวหนังสือมากมาย) แต่มันเป็นเข็มทิศที่ชี้ทางเราไปยังทางที่ถูกต้อง พระศาสนจักรช่วงที่จมดิ่งสุดกู่ ก็มีเหตุมาจากคริสตชนขาดการอ่านพระคัมภีร์ให้เข้าใจด้วยตนเองนี่แหล่ะ พอพระสันตะปาปา(ในสมัยนั้น สมัยนี้คงไม่มีแบบนั้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า) บอกว่าไปทำสงครามกับพวกซาราเซ็นเป็นหนทางแห่งการไปสวรรค์ ผู้คนที่ไม่รู้อีดโหน่อีเหน่ ก็แห่กันไป อย่าว่าแต่ยอมหันแก้มอีกข้างให้โดนตบเลย นี่ไปทั้งฆ่า ข่มขืน เผาบ้านเผาเมือง และอีกสารพัดบรรยายไม่จบ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ผมมักจะคิดเสมอว่าพระเจ้าอนุญาติให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้คนในยุคปัจจุบันอย่างเราได้เรียนรู้ เรียนรู้ไว้เถอะครับ ถ้าเราเพิกเฉยต่อนำหมึกที่เปอะเปลื้อนอยู่บนกระดาษที่เย็บรวมกันแล้ว เราเรียกว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ ผลมันจะเป็นยังไง หนังสือนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง(หรืออาจจะโดนเปลี่ยนมาแล้วมั่งหว่า สังคยานาบ่อยจัง) แต่คน(คริสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ผมว่าชัวส์สุดๆ คือพระเจ้าเลยครับ (แต่มันแย่ตรงที่ พระองค์ไม่พูดกับเราตรงๆนี่สิ เราเลยยังต้องพึ่งหนังสือและครัสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)
และผมเห็นว่าคุณอาจไม่ได้อ่านข้อความขนาดยาวของผมอย่างแจ่มแจ้งดีพอ เลยมาเหมาตอบข้อความสั้นเอาง่ายๆแบบนี้
โดยเฉพาะที่คุณคิดว่าต้องอ่านพระคัมภีร์เองเข้าใจเองปัญหาจะไม่เกิด การอ่านพระคัมภีร์เข้าใจเองได้ถูกต้องทั้งหมดแทบเป็นไปไม่ได้เลย และที่โปรแตสแตนท์เอง แตกนิกายย่อยออกไปอีเกเป้นพันๆทั้งที่ทุกคนอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันนั้น มันเพราะอะไรล่ะ
ถ้าไม่ใช่เพราะการตีความที่เข้าใจต่างๆกัน
คริสตชนสมัยแรกเริ่มอย่างน้อย50ปีแรกไม่มีคัมภีร์พระธรรมใหม่สักเล่ม เขาสอนกันด้วยปากเท่านั้น และอีกเกือบ400ปีต่อมา ก้ยังไม่มีสาระบบคัมภีร์ที่แน่นอน ใครจะอ่านอะไรก็อ่าน
จดจำความจริงที่แน่ชัดข้อนี้ไว้ว่า พระศาสนจักร เกิดมาก่อนพระคัมภีร์ และพระศาสนจักรคือผู้เขียน และผู้รวบรวมคัมภีร์
แต่ความจริงของพระเจ้ามาก่อนทุกอย่าง
ถ้าสมัยนั้นมีวีดีโอ เขาคงใช้วีดีโอ แล้วมันน่าจะชัดเจนกว่าหนังสือด้วยเพราะคงได้ครบทั้งบรรยากาศ น้ำเสียง ท่าทาง ฯลฯ ถ้าสมัยนั้นเรามีวีดีโอ เราคงมีพระวีดีโอ แทนการมีพระคัมภีร์
ดังนั้นหนังสือก็แค่ สื่อชนิดหนึ่ง มันบรรจุเหตุการณ์ไว้ได้จริง แต่มันก้เป็นสื่อที่มีความบกพร่องยังไม่ใช่สื่อที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นไม่ได้บอกให้เพิกเฉยกับมัน แต่กำลังบอกให้รู้จักลำดับความสำคัญ
สรุปว่าคุณกลับไปอ่านข้อความขนาดยาวตั้งแต่ Reply #9 ที่ผมยกมาให้อย่างช้าๆอีกครั้ง พระคัมภีร์ชี้ทางได้ ก็ทำให้หลงทางได้ถ้าใช้ผิด ดังนั้นสำคัญที่อะไรคิดดูดีๆ
ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไปJohannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
งง!!Edwardius เขียน:ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไปJohannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ Bible ภาษาไหนคนไม่ค่อยนิยมมักจะราคาแพง +หายาก เพราะขายได้น้อยZaliaus เขียน:งง!!Edwardius เขียน:ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไปJohannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
ขอบคุณที่แปลเป็นภาษาสุภาพชนครับ ขอโทษทีที่อธิบายแล้วงงSuchan เขียน: คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ Bible ภาษาไหนคนไม่ค่อยนิยมมักจะราคาแพง +หายาก เพราะขายได้น้อย
ส่วนภาษาไหนคนนิยมซื้อ จะราคาถูก +หาง่าย เพราะขายออก และพิมพ์ได้ต้นทุนถูก
ในสหรัฐ โปรจะมีมากกว่าคาทอลิก ทำให้Bible คาทอลิกแพงกว่า
ส่วนในประเทศไทย ชาวคริสต์มีน้อย ความต้องการซื้อ(อุปสงค์)มีน้อย แต่ความต้องการขาย(อุปทาน)มีมาก
เลยทำให้Bible ขายออกได้น้อย
ปล. แปลไทยเป็นไทยตรงไหนผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยนะครับ