BART D. EHRMAN ให้ความเห็น หนังสือรหัสดาวินชี
คลี่คลายรหัสดาวินชี
เป็นเวลากว่า สองปี แล้ว ที่หนังสือรหัสดาวินชี ได้รับการตีพิมพ์ และเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุด พอหนังสือนี้ออกวางขาย จุดโต้เถียงที่เกิดขึ้นในทันทีกับผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ก็คือ ส่วนใหญ่คิดว่าหนังสือเล่มนี้ ดูหมิ่นศาสนา นอกจากนี้ รหัสดาวินชี ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ บริษัทโซนี่ ยังได้ทำภาพยนต์ตัวอย่างเรื่องรหัสดาวินชี กำกับโดย รอน โฮวารท ออกฉายก่อนหนังเรื่องสตาร์ วอร์ ลงโรง พอภาพยนต์ตัวอย่างเรื่องนี้ ออกฉาย พระที่วิหารเวสมินเตอร์ ก็คัดค้านไม่ยอมให้หนังของ โฮวารท ฉายที่นั่น เพราะคิดว่า หนังสือไม่สอดคล้องกับเทววิทยา
เป็นเวลากว่า สองปี แล้ว ที่หนังสือรหัสดาวินชี ได้รับการตีพิมพ์ และเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุด พอหนังสือนี้ออกวางขาย จุดโต้เถียงที่เกิดขึ้นในทันทีกับผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ก็คือ ส่วนใหญ่คิดว่าหนังสือเล่มนี้ ดูหมิ่นศาสนา นอกจากนี้ รหัสดาวินชี ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ บริษัทโซนี่ ยังได้ทำภาพยนต์ตัวอย่างเรื่องรหัสดาวินชี กำกับโดย รอน โฮวารท ออกฉายก่อนหนังเรื่องสตาร์ วอร์ ลงโรง พอภาพยนต์ตัวอย่างเรื่องนี้ ออกฉาย พระที่วิหารเวสมินเตอร์ ก็คัดค้านไม่ยอมให้หนังของ โฮวารท ฉายที่นั่น เพราะคิดว่า หนังสือไม่สอดคล้องกับเทววิทยา
ต่อไปเป็นความเห็นของบาร์น ดี. เออร์แมน ชาวอเมริกัน นักเขียนเรื่องคริสตศาสนาหลายเล่ม ที่ให้สัมภาษณ์ เดโบราห์ แคดเวล เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือรหัส ดาวินชี ความเห็นของเออร์แมน เผยแพร่ในbeliefnet เห็นว่าน่าสนใจ จึงเอามาเขียนที่นี่ ความเห็นทั้งหมด เป็นของเออร์แมน ล้วนๆ ไม่มีการเติมเสริมแต่งเพิ่มเติมใดๆ (ยังมีต่อ)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่Watch พิมพ์ให้เสร็จแล้วค่อยโพสต์ทีเดียวนะฮับW เขียน: ต่อไปเป็นความเห็นของบาร์น ดี. เออร์แมน ชาวอเมริกัน นักเขียนเรื่องคริสตศาสนาหลายเล่ม ที่ให้สัมภาษณ์ เดโบราห์ แคดเวล เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือรหัส ดาวินชี ความเห็นของเออร์แมน เผยแพร่ในbeliefnet เห็นว่าน่าสนใจ จึงเอามาเขียนที่นี่ ความเห็นทั้งหมด เป็นของเออร์แมน ล้วนๆ ไม่มีการเติมเสริมแต่งเพิ่มเติมใดๆ (ยังมีต่อ)
ตอนนี้พี่เพิ่งอ่าน หนังสือเล่มนี้เหรอฮับ คนแถวๆนี้เค้าอ่าน เทวากับซาตานแล้วล่ะ
เจี๊ยบอ่าน "หนูนา กะป้าแจ่ม" อยู่ฮะ 8)
มองในแง่ดีค่ะ
ทำให้เพื่อนๆๆต่างความเชื่อรู้จักวิถีคาทอลิกมากขึ้นค่ะ
เค้าจะถาม อย่างงี้จริงมั๊ย อย่างงี้ใช่มั๊ย
เรามีหลักฐานและตอบเค้าได้ เพื่อนๆๆเค้าก็เข้าใจค่ะ
แดนบราวน์ ตันแล้วละค่ะ หากินได้สองเล่มนี้
คราวหน้าไม่รู้ว่า จะเอาอะไรมาหากินอีก :(
เพราะหลายๆๆเรื่องที่เค้าเขียน เค้าโครงเดียวกันหมด
คนอ่านจับทางถูกแล้วค่ะ
ขอโทษที่ไม่สุภาพค่ะ ถ้าแก้ไขก็แก้ไขได้เลยค่ะ
ทำให้เพื่อนๆๆต่างความเชื่อรู้จักวิถีคาทอลิกมากขึ้นค่ะ
เค้าจะถาม อย่างงี้จริงมั๊ย อย่างงี้ใช่มั๊ย
เรามีหลักฐานและตอบเค้าได้ เพื่อนๆๆเค้าก็เข้าใจค่ะ
แดนบราวน์ ตันแล้วละค่ะ หากินได้สองเล่มนี้
คราวหน้าไม่รู้ว่า จะเอาอะไรมาหากินอีก :(
เพราะหลายๆๆเรื่องที่เค้าเขียน เค้าโครงเดียวกันหมด
คนอ่านจับทางถูกแล้วค่ะ
ขอโทษที่ไม่สุภาพค่ะ ถ้าแก้ไขก็แก้ไขได้เลยค่ะ
คุณ Jeab Agape
ผมพิมพ์ข้อความที่จะโพส ไว้แล้ว เพียงแต่ว่าไม่สามารถใช้เครื่อง ได้ต่อเนื่อง ยาวนาน ติดต่อกัน เพราะ เป็นเครื่องที่มีคนใช้ร่วมกันหลายคน ผมใช้บ้าง พอใช้ไปสักครู่ คนอื่นก็ขอ ใช้บ้าง ต้องลุกขึ้น พอว่างก็เข้ามาโพสต่อ หากเป็นเครื่องที่บ้าน ก็ใช้ได้นานหน่อย
ผมเห็นหนังสือนี้ วางที่แผงหลายวันก่อน คนพูดถึงกันมาก ยังไม่คิดจะซื้อมาอ่าน หากคิดจะอ่านก็อ่านเป็นเรื่องของนิยาย หนังสือนี้ ผสมความจริงและไม่จริง ไม่ใช่ความจริง ทั้งหมด หลายเรื่องที่เขียน ไม่ใช่ความจริง ผมอ่านวิจารณ์ ก่อน แล้วจึงจะซื้อ
นี่ยังไม่ทัน ได้อ่าน ตอนนี้มีหนังสือถอดรหัส ออกวาง สามารถ ซื้อได้ทางnet
เป็นหนังสือเขียนแย้ง หนังสือนี้
ใช่ครับคุณminnie แดน บาว์ร เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ศาสนา ผลของหนังสือของเขา ทำให้เรามีหนังสือหลายเล่ม ออกตามมา และยังทราบว่าอะไรคือความจริงอะไรไม่จริง
ผมพิมพ์ข้อความที่จะโพส ไว้แล้ว เพียงแต่ว่าไม่สามารถใช้เครื่อง ได้ต่อเนื่อง ยาวนาน ติดต่อกัน เพราะ เป็นเครื่องที่มีคนใช้ร่วมกันหลายคน ผมใช้บ้าง พอใช้ไปสักครู่ คนอื่นก็ขอ ใช้บ้าง ต้องลุกขึ้น พอว่างก็เข้ามาโพสต่อ หากเป็นเครื่องที่บ้าน ก็ใช้ได้นานหน่อย
ผมเห็นหนังสือนี้ วางที่แผงหลายวันก่อน คนพูดถึงกันมาก ยังไม่คิดจะซื้อมาอ่าน หากคิดจะอ่านก็อ่านเป็นเรื่องของนิยาย หนังสือนี้ ผสมความจริงและไม่จริง ไม่ใช่ความจริง ทั้งหมด หลายเรื่องที่เขียน ไม่ใช่ความจริง ผมอ่านวิจารณ์ ก่อน แล้วจึงจะซื้อ
นี่ยังไม่ทัน ได้อ่าน ตอนนี้มีหนังสือถอดรหัส ออกวาง สามารถ ซื้อได้ทางnet
เป็นหนังสือเขียนแย้ง หนังสือนี้
ใช่ครับคุณminnie แดน บาว์ร เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ศาสนา ผลของหนังสือของเขา ทำให้เรามีหนังสือหลายเล่ม ออกตามมา และยังทราบว่าอะไรคือความจริงอะไรไม่จริง
เออร์แมน ก็เหมือนกับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่ชอบอ่านหนังสือรหัสดาวินชี แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องข้อเท็จจริงในหนังสือทันที เขาเรียกหนังสือเล่มนี้ว่า" howlers" เขาเองได้ดูเรื่องเลขสิบ ที่รวมเรื่องบทบาทของจักรพรรดิ์คอนสแตนตินและหลักฐานการสมรส ของพระเยซู กับนางแมรี มักดาลา เออร์แมนกำลังบอกว่านักวิชาการพินิจพิเคราะห์คัมภีร์ไบเบิลกันอย่างไร โดยไม่สบประมาทเทววิทยา มาฟังบทสัมภาษณ์ของเออร์แมน เรื่องรหัสดาวินชีกัน
ถาม-ความเห็นเกี่ยวกับรหัสดาวินชี
ตอบ-ผมชอบหนังสือรหัสดาวินชี ในฐานะนิยาย แต่สิ่งที่ทำความลำบากให้กับผม คือเป็นนิยายที่กล่าวยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ แดน บารว์เริ่มต้นเขียนหนังสือโดยการวางเรื่องในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ เขารวบรวมข้อความที่พรรณนาศิลป,สถาปัตยกรรมและพิธีกรรม และเอกสารต่างๆ ว่าคือความจริง ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในใจในขณะที่อ่านรหัสดาวินชีก็คือ คำพรรณนา ในเอกสารโบราณนั้น ที่จริงไม่เป็นความจริงทั้งหมด -ส่วนที่ไม่เป็นความจริงบางส่วนนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของนิยายของเขา แต่คนที่อ่านหนังสือนั้น ไม่มีเครื่องมือในการแยกแยะ ความจริงออกจากนิยาย
ถาม-หนังสือของคุณแตกต่างจากรหัสดาวินชีที่ออกมาก่อนอย่างไร
ตอบ-ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่ผมคิดว่าหนังสือส่วนใหญ่ที่เขียนโดยผู้ประกาศศาสนาคริสต์ ก็คงเป็นห่วงว่ารหัสดาวินชีอาจทำให้คนของเขาเข้าใจผิด และนั้นก็ไม่ใช่หนังสือของผมแต่อย่างใด ที่จริงหนังสือของผมเป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์มากกว่า-ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู,ความสัมพันธ์กับนางแมรี มักดาลา เราได้พระกิตติคุณพระคัมภีร์ใหม่มาอย่างไร ทำไมหนังสือบางเล่มไม่ได้รับการรวบรวม บทบาทของพระเจ้าคอนสแตนตินในการสร้างคริสตศาสนา กับผมเป็นประโยชน์ทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และคนก็สนใจอย่างเห็นได้ชัด บางคนสนใจในแง่เหตุผลทางศาสนา บางคนสนใจในอดีตของวัฒนธรรมของเรา
ถาม-ความเห็นเกี่ยวกับรหัสดาวินชี
ตอบ-ผมชอบหนังสือรหัสดาวินชี ในฐานะนิยาย แต่สิ่งที่ทำความลำบากให้กับผม คือเป็นนิยายที่กล่าวยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ แดน บารว์เริ่มต้นเขียนหนังสือโดยการวางเรื่องในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ เขารวบรวมข้อความที่พรรณนาศิลป,สถาปัตยกรรมและพิธีกรรม และเอกสารต่างๆ ว่าคือความจริง ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในใจในขณะที่อ่านรหัสดาวินชีก็คือ คำพรรณนา ในเอกสารโบราณนั้น ที่จริงไม่เป็นความจริงทั้งหมด -ส่วนที่ไม่เป็นความจริงบางส่วนนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของนิยายของเขา แต่คนที่อ่านหนังสือนั้น ไม่มีเครื่องมือในการแยกแยะ ความจริงออกจากนิยาย
ถาม-หนังสือของคุณแตกต่างจากรหัสดาวินชีที่ออกมาก่อนอย่างไร
ตอบ-ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่ผมคิดว่าหนังสือส่วนใหญ่ที่เขียนโดยผู้ประกาศศาสนาคริสต์ ก็คงเป็นห่วงว่ารหัสดาวินชีอาจทำให้คนของเขาเข้าใจผิด และนั้นก็ไม่ใช่หนังสือของผมแต่อย่างใด ที่จริงหนังสือของผมเป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์มากกว่า-ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู,ความสัมพันธ์กับนางแมรี มักดาลา เราได้พระกิตติคุณพระคัมภีร์ใหม่มาอย่างไร ทำไมหนังสือบางเล่มไม่ได้รับการรวบรวม บทบาทของพระเจ้าคอนสแตนตินในการสร้างคริสตศาสนา กับผมเป็นประโยชน์ทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และคนก็สนใจอย่างเห็นได้ชัด บางคนสนใจในแง่เหตุผลทางศาสนา บางคนสนใจในอดีตของวัฒนธรรมของเรา
ผมพึ่งพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า"คริสตศาสนาที่สูญหาย" ซึ่งกล่าวถึงศาสนาคริสต์ในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในศต.ที่๒ และ๓ รวมทั้ง gnostics ตัวอย่างเช่นกลุ่มคริสเตียนต่างๆที่ใช้กอสเปล ที่ไม่อยู่ในคัมภีร์ใหม่ แต่ใช้ความคิดของพวกเขาเอง บรรณาธิการหนังสือของผมที่อ๊อกด์ฟอร์ด ให้ผมอ่านรหัสดาวินชี เพราะมีการพูดถึงกอสเปลที่สูญหาย-ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่แดน บาร์น พูดถึงนั้น ไม่ถูกต้อง และเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าผมคิดว่าหนังสือของเขาถูกต้องในวันใด ผมต้องการเขียนหนังสือสักเล่มที่เกี่ยวข้องกับหนังสือที่เขาเขียน
เกี่ยวกอสเปลที่สูญหมายนั้น และภาพของพระเยซูที่เขาวาดไว้จะตรงไปตรงมาสำหรับคนที่สนใจอยากทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
เกี่ยวกอสเปลที่สูญหมายนั้น และภาพของพระเยซูที่เขาวาดไว้จะตรงไปตรงมาสำหรับคนที่สนใจอยากทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
ถาม-เรื่องความแตกต่างหลักระหว่างความรู้ทางประวัติศาสตร์และรหัสดาวินชี
ตอบ-ความขัดแย้งอย่างหนึ่ง มันไม่เป็นความจริง ที่ว่าก่อนยุคพระเจ้าคอนสแตนติน พระเยซูเป็นมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า นั่นเป็นเท็จอย่างแน่นอน คนส่วนใหญ่คิดว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าก่อนยุคพระเจ้าคอนสแตนติน
เรื่องที่สอง ไม่เป็นความจริงที่พระเจ้าคอนสตนติน เป็นผู้ตัดสินใจว่าหนังสือเล่มใดควรรวมอยู่ในคัมภีร์ใหม่ และสภาแห่งนีเซีย ไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องหนังสือเล่มใดควรรวมอยู่ในคัมภีร์ใหม่ มันเรียกว่า เพื่อแก้ปัญหาวิธีการเข้าใจความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ทุกคนในสมัยสภาเห็นด้วยว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ดังนั้นมันไม่มีคำถามว่าพระองค์เป็นพระเจ้าหรือไม่ใช่พระเจ้า คำถามก็คือว่า พระองค์เป็นพระเจ้าแบบใด มีผู้สอนศาสนาคริสตคนหนึ่งชื่ออาริอุส ที่บอกว่า พระเยซูเป็นสิ่งแรกที่ถูกสร้างโดยพระเจ้าและนั่นพระเยซูเป็นพระเจ้า
สร้างโดยพระเจ้า จากนั้นพระเยซูก็เป็นผู้สร้างโลกทั้งมวล แต่นั่นก็มีเวลาที่พระองค์ไม่มีอยู่ และสภานีเซียก็นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา แต่ไม่ใช่ว่าพระเยซูจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างหรือไม่ หรือพระองค์มีอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ร่วมกับพระเจ้าพระบิดาหรือไม่.พวกเขา(สภา)ก็ตัดสินใจแล้วว่า พระองค์เป็นพระเจ้า ความจริงการมีความเป็นนิรันดร์และไม่ถูกสร้าง แต่เป็นเนื้อเดียวกับพระเจ้าพระบิดา
ตอบ-ความขัดแย้งอย่างหนึ่ง มันไม่เป็นความจริง ที่ว่าก่อนยุคพระเจ้าคอนสแตนติน พระเยซูเป็นมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า นั่นเป็นเท็จอย่างแน่นอน คนส่วนใหญ่คิดว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าก่อนยุคพระเจ้าคอนสแตนติน
เรื่องที่สอง ไม่เป็นความจริงที่พระเจ้าคอนสตนติน เป็นผู้ตัดสินใจว่าหนังสือเล่มใดควรรวมอยู่ในคัมภีร์ใหม่ และสภาแห่งนีเซีย ไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องหนังสือเล่มใดควรรวมอยู่ในคัมภีร์ใหม่ มันเรียกว่า เพื่อแก้ปัญหาวิธีการเข้าใจความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ทุกคนในสมัยสภาเห็นด้วยว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ดังนั้นมันไม่มีคำถามว่าพระองค์เป็นพระเจ้าหรือไม่ใช่พระเจ้า คำถามก็คือว่า พระองค์เป็นพระเจ้าแบบใด มีผู้สอนศาสนาคริสตคนหนึ่งชื่ออาริอุส ที่บอกว่า พระเยซูเป็นสิ่งแรกที่ถูกสร้างโดยพระเจ้าและนั่นพระเยซูเป็นพระเจ้า
สร้างโดยพระเจ้า จากนั้นพระเยซูก็เป็นผู้สร้างโลกทั้งมวล แต่นั่นก็มีเวลาที่พระองค์ไม่มีอยู่ และสภานีเซียก็นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา แต่ไม่ใช่ว่าพระเยซูจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างหรือไม่ หรือพระองค์มีอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ร่วมกับพระเจ้าพระบิดาหรือไม่.พวกเขา(สภา)ก็ตัดสินใจแล้วว่า พระองค์เป็นพระเจ้า ความจริงการมีความเป็นนิรันดร์และไม่ถูกสร้าง แต่เป็นเนื้อเดียวกับพระเจ้าพระบิดา
ถาม-คอนสแตนตินเกี่ยวข้องกับบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างไร
ตอบ-พระองค์ตั้งสภานีเซีย
ถาม-พระองค์ทำเช่นนั้นทำไม
ตอบ-พระองค์เป็นจักรพรรดิ์ของจักรวรรดิ์โรมัน และต้องการรวบรวมจักรวรรดิ์เข้าด้วยกัน พระองค์เห็นว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาที่สามารถ ช่วยเหลือพระองค์ให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน-นั่นก็คือว่า ทุกคนนมัสการพระเจ้าเหมือนกัน นั่นก็อาจช่วยพระองค์ นำสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางวัฒนธรรม แต่ปัญหาก็คือว่า คริสตเตียนมีการแบ่งแยกในพวกเขา ในเรื่องเทววิทยาสำคัญนี้ และเพื่อที่จะให้คริสตเตียนมีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จำต้องมีการรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้น พระองค์จึงตั้งสภานีเซียเพื่อแก้ปัญหาพระคริสต์เป็นใคร ในเรื่อง ที่เทียบบิ่ง บอกความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ เทียบบิ่งกล่าวว่า สภาถูกตั้งขึ้นเพราะพระเจ้าคอนสแตนติน ต้องการประกาศความเป็นพระเจ้าของพระเยซูและความเกี่ยวข้องกับสภา ที่จะตัดสินใจว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าหรือไม่ และจากนั้น พระองค์ใช้สภาเพื่อตัดสินว่าอะไรควรอยู่ในพระคัมภีร์ใหม่ และสภาก็รวบรวมหนังสือที่เรีกพระเยซูว่าพระเจ้า นั้นก็ผิดพลาด.ความจริงคัมภีร์ใหม่ ไม่ได้เป็นไปเช่นการเรียกพระเยซูว่าพระเจ้า และหนังสือที่ไม่ได้รับการรวบรวมในคัมภีร์ใหม่ก็เรียกพระเยซูว่าพระเจ้า . ดังนั้นมันผิดพลาด
ตอบ-พระองค์ตั้งสภานีเซีย
ถาม-พระองค์ทำเช่นนั้นทำไม
ตอบ-พระองค์เป็นจักรพรรดิ์ของจักรวรรดิ์โรมัน และต้องการรวบรวมจักรวรรดิ์เข้าด้วยกัน พระองค์เห็นว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาที่สามารถ ช่วยเหลือพระองค์ให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน-นั่นก็คือว่า ทุกคนนมัสการพระเจ้าเหมือนกัน นั่นก็อาจช่วยพระองค์ นำสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางวัฒนธรรม แต่ปัญหาก็คือว่า คริสตเตียนมีการแบ่งแยกในพวกเขา ในเรื่องเทววิทยาสำคัญนี้ และเพื่อที่จะให้คริสตเตียนมีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จำต้องมีการรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้น พระองค์จึงตั้งสภานีเซียเพื่อแก้ปัญหาพระคริสต์เป็นใคร ในเรื่อง ที่เทียบบิ่ง บอกความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ เทียบบิ่งกล่าวว่า สภาถูกตั้งขึ้นเพราะพระเจ้าคอนสแตนติน ต้องการประกาศความเป็นพระเจ้าของพระเยซูและความเกี่ยวข้องกับสภา ที่จะตัดสินใจว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าหรือไม่ และจากนั้น พระองค์ใช้สภาเพื่อตัดสินว่าอะไรควรอยู่ในพระคัมภีร์ใหม่ และสภาก็รวบรวมหนังสือที่เรีกพระเยซูว่าพระเจ้า นั้นก็ผิดพลาด.ความจริงคัมภีร์ใหม่ ไม่ได้เป็นไปเช่นการเรียกพระเยซูว่าพระเจ้า และหนังสือที่ไม่ได้รับการรวบรวมในคัมภีร์ใหม่ก็เรียกพระเยซูว่าพระเจ้า . ดังนั้นมันผิดพลาด
ถาม-ความไม่เป็นจริงทางประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งในงานประพันธ์
ตอบ-มีจุดใหญ่ๆหลายจุดที่ต้องอธิบาย เรื่องการสมรสระหว่างพระเยซูกับแมรี มักดาลา บางทีเรื่องแรกสุดที่ต้องกล่าวถึงคือ ไม่เป็นความจริง อย่างแน่นอน ที่โบเบิร์ต แลงดอน กล่าวว่า มันอาจผิดปกติที่พระเยซูจะไม่แต่งงาน นั้นก็ไม่เป็นความจริง
ถาม-บอกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้น ,เพราะดิฉัน(เดโบรา แคสเวล -ผู้สัมภาษณ์) ได้ยินเรื่องนั้นมานานแล้ว
ตอบ-ครับ เรื่องตามสามัญสำนึกนั้นก็ไม่จริง เราทราบว่ามีคนยิวศต.แรกๆ ที่ไม่แต่งงานและถือพรหมจรรย์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่ามีคนหนึ่งที่มีทัศนะในทางโลกที่คล้ายมากกับทัศนะทางโลกของพระเยซู ตามที่พรรณนาในพระกิตติคุณ -ซึ่งเป็นทัศนะทางโลกตามที่บันทึกไว้ทางศาสนา เรารู้จักพวกยิวจากม้วนทะเลตาย ฉะนั้น ที่แดน บาวร์ บอกว่ามีกอสเปล ที่สูญหาย รวมอยู่ในทะเลตายก็ไม่ถูกต้อง
ตอบ-มีจุดใหญ่ๆหลายจุดที่ต้องอธิบาย เรื่องการสมรสระหว่างพระเยซูกับแมรี มักดาลา บางทีเรื่องแรกสุดที่ต้องกล่าวถึงคือ ไม่เป็นความจริง อย่างแน่นอน ที่โบเบิร์ต แลงดอน กล่าวว่า มันอาจผิดปกติที่พระเยซูจะไม่แต่งงาน นั้นก็ไม่เป็นความจริง
ถาม-บอกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้น ,เพราะดิฉัน(เดโบรา แคสเวล -ผู้สัมภาษณ์) ได้ยินเรื่องนั้นมานานแล้ว
ตอบ-ครับ เรื่องตามสามัญสำนึกนั้นก็ไม่จริง เราทราบว่ามีคนยิวศต.แรกๆ ที่ไม่แต่งงานและถือพรหมจรรย์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่ามีคนหนึ่งที่มีทัศนะในทางโลกที่คล้ายมากกับทัศนะทางโลกของพระเยซู ตามที่พรรณนาในพระกิตติคุณ -ซึ่งเป็นทัศนะทางโลกตามที่บันทึกไว้ทางศาสนา เรารู้จักพวกยิวจากม้วนทะเลตาย ฉะนั้น ที่แดน บาวร์ บอกว่ามีกอสเปล ที่สูญหาย รวมอยู่ในทะเลตายก็ไม่ถูกต้อง
ถาม-หมายความว่า แนก แฮมมาดี โคเด๊ก ถูกต้อง
ตอบ-เขากล่าวถึง แนก แฮมมาดี โคเด๊ก ด้วยแต่เขาบอกว่า ม้วนทะเลตาย รวมบันทึกสมัยแรกของพระเยซูไว้บางส่วน,และนั่นก็ไม่ถูกต้อง ม้วนทะเลตายไม่ได้กล่าวถึงพระเยซู ความแตกต่างระหว่าง ม้วนทะเลตายและ แนก แฮมมานี โคเด๊ด ก็คืองานรวบรวมทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ม้วนทะเลตายถูกค้นพบ
ในปี๑๙๔๗ ในแผ่นดิน ยูเดีย ทางฝั่งตะวันตกของทะเลตายขณะนั้นเป็นประเทศ จอร์แดน ปัจจุบันเป็นประเทศอิสราเอล
แนก แฮมมานี โคเด็ก ถูกค้นพบเมื่อหนึ่งปี ๖ เดือน ก่อนในประเทศอียิปต์ บนเส้นทางไปแม่น้ำไนล์ ไม่ไกลจากเมืองลูเซอร์ มาก ข้อความในแนก แฮมมานี โคเด็ก เป็นเอกสารของคริสตเตียน กนอสติค ส่วนม้วนทะเลตายเป็นของชาวยิว ม้วนทะเลตายบอกเราเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของชาวยิวในสมัยเดียวกับ พระเยซูและสถานที่ต่างๆ ,แต่ที่น่าสนใจมากในม้วนทะเลตาย คือว่า ชุมชนที่ทำม้วนทะเลตายเป็นพวกคนโสดหรือคนที่ถือพรหมจรรย์
ตอบ-เขากล่าวถึง แนก แฮมมาดี โคเด๊ก ด้วยแต่เขาบอกว่า ม้วนทะเลตาย รวมบันทึกสมัยแรกของพระเยซูไว้บางส่วน,และนั่นก็ไม่ถูกต้อง ม้วนทะเลตายไม่ได้กล่าวถึงพระเยซู ความแตกต่างระหว่าง ม้วนทะเลตายและ แนก แฮมมานี โคเด๊ด ก็คืองานรวบรวมทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ม้วนทะเลตายถูกค้นพบ
ในปี๑๙๔๗ ในแผ่นดิน ยูเดีย ทางฝั่งตะวันตกของทะเลตายขณะนั้นเป็นประเทศ จอร์แดน ปัจจุบันเป็นประเทศอิสราเอล
แนก แฮมมานี โคเด็ก ถูกค้นพบเมื่อหนึ่งปี ๖ เดือน ก่อนในประเทศอียิปต์ บนเส้นทางไปแม่น้ำไนล์ ไม่ไกลจากเมืองลูเซอร์ มาก ข้อความในแนก แฮมมานี โคเด็ก เป็นเอกสารของคริสตเตียน กนอสติค ส่วนม้วนทะเลตายเป็นของชาวยิว ม้วนทะเลตายบอกเราเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของชาวยิวในสมัยเดียวกับ พระเยซูและสถานที่ต่างๆ ,แต่ที่น่าสนใจมากในม้วนทะเลตาย คือว่า ชุมชนที่ทำม้วนทะเลตายเป็นพวกคนโสดหรือคนที่ถือพรหมจรรย์
ถาม-ซึ่งก็เป็นไปได้ที่พระเยซู จะเป็นโสด
ตอบ-ตามทัศนะของโรเบิร์ต แลงดอน ที่บอกว่าคนยิวแต่งงานเสมอ ก็ไม่ถูกต้อง สมาชิกของชุมชนที่เขียนม้วนทะเลตาย ถูกเรียกว่า เอสสินี เรื่องที่น่าสนใจของพวกเอสสินีก็คือว่า พวกเขาว่าประวัติศาสตร์จะถึงจุดสิ้นสุดและนั่นพระเจ้าจะนำอาณาจักรที่ดีของพระองค์มาโดยขับไล่พวกชั่วร้ายไป และนั่นคือสิ่งที่พระเยซูกล่าวประกาศในกิตติคุณ นั่นคืออาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงในไม่ช้าและพระองค์จะโยนพวกชั่วร้ายออกไป ดังนั้นความคิดของพระองค์ก็คล้ายๆกับพวกเอสสินี ความจริงก็คือว่า พวกเขาถือพรหมจรรย์และเป็นโสด เป็นการบอกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเยซู คนอื่นที่เราทราบว่าเป็นโสด และถือพรหมจรรย์ก็คือเปาโล -อัครสาวกที่บอกไว้ใน ๑ โครินทร์ ว่า เขาทั้งเป็นโสดและถือพรหมจรรย์และเขายังเป็นผู้เขียนบันทึกทางศาสนาที่เป็นชาวยิวด้วย
ตอบ-ตามทัศนะของโรเบิร์ต แลงดอน ที่บอกว่าคนยิวแต่งงานเสมอ ก็ไม่ถูกต้อง สมาชิกของชุมชนที่เขียนม้วนทะเลตาย ถูกเรียกว่า เอสสินี เรื่องที่น่าสนใจของพวกเอสสินีก็คือว่า พวกเขาว่าประวัติศาสตร์จะถึงจุดสิ้นสุดและนั่นพระเจ้าจะนำอาณาจักรที่ดีของพระองค์มาโดยขับไล่พวกชั่วร้ายไป และนั่นคือสิ่งที่พระเยซูกล่าวประกาศในกิตติคุณ นั่นคืออาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงในไม่ช้าและพระองค์จะโยนพวกชั่วร้ายออกไป ดังนั้นความคิดของพระองค์ก็คล้ายๆกับพวกเอสสินี ความจริงก็คือว่า พวกเขาถือพรหมจรรย์และเป็นโสด เป็นการบอกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเยซู คนอื่นที่เราทราบว่าเป็นโสด และถือพรหมจรรย์ก็คือเปาโล -อัครสาวกที่บอกไว้ใน ๑ โครินทร์ ว่า เขาทั้งเป็นโสดและถือพรหมจรรย์และเขายังเป็นผู้เขียนบันทึกทางศาสนาที่เป็นชาวยิวด้วย
ถาม-ยังมีความชัดเจนว่า แมรี มักดาลามีความสำคัญ คุณคิดว่าบทบาทของเธอเป็นความจริงไหม
ตอบ-สิ่งแรกที่จะกล่าวเกี่ยวกับแมรี่ มักดาลา ก็คือว่า เธอไม่ได้รับการกล่าวถึง ในคัมภีร์ใหม่มากนัก ตรงข้ามกับที่เราคิดกัน ชื่อของเธอมีจำนวน 13 ครั้ง แต่ในจำนวนนั้น เป็นเรื่องเดียวกันในกิตติคุณเล่มต่างๆกัน
เธอถูกกล่าวเพียงครั้งเดียวในระหว่างการประกาศของพระเยซู คือในลูกา 8 และเธอถูกกล่าวพร้อมกับผู้หญิงอีก 2 คน โจแอนนาและซูซานนา และเธอไม่ถูกกล่าวแยกออกมาเป็นพิเศษ -เธอเป็นหนึ่งสตรีเหล่านี้ ที่ร่วมงานกับพระเยซู ในการเดินทางของพระองค์ เธอไม่แสดงตัว เว้นแต่ในตอนท้ายที่ตรึงกางเขน และภาพของการฟื้นคืนพระชนม์ เธอเป็นหนึ่งของผู้หญิงที่สังเกตุการตรึงกางเขน และเป็นผู้พบว่าอุโมงค์ว่างเปล่า
ตอบ-สิ่งแรกที่จะกล่าวเกี่ยวกับแมรี่ มักดาลา ก็คือว่า เธอไม่ได้รับการกล่าวถึง ในคัมภีร์ใหม่มากนัก ตรงข้ามกับที่เราคิดกัน ชื่อของเธอมีจำนวน 13 ครั้ง แต่ในจำนวนนั้น เป็นเรื่องเดียวกันในกิตติคุณเล่มต่างๆกัน
เธอถูกกล่าวเพียงครั้งเดียวในระหว่างการประกาศของพระเยซู คือในลูกา 8 และเธอถูกกล่าวพร้อมกับผู้หญิงอีก 2 คน โจแอนนาและซูซานนา และเธอไม่ถูกกล่าวแยกออกมาเป็นพิเศษ -เธอเป็นหนึ่งสตรีเหล่านี้ ที่ร่วมงานกับพระเยซู ในการเดินทางของพระองค์ เธอไม่แสดงตัว เว้นแต่ในตอนท้ายที่ตรึงกางเขน และภาพของการฟื้นคืนพระชนม์ เธอเป็นหนึ่งของผู้หญิงที่สังเกตุการตรึงกางเขน และเป็นผู้พบว่าอุโมงค์ว่างเปล่า
แก้ไขล่าสุดโดย Jeremy เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 17, 2005 8:51 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ถาม-คุณเชื่อในทฤษฎีนั้น หรือไม่
ตอบ-ผมคิดว่าการกล่าวข้อความเฉพาะเช่นนั้น บางทีก็ผิด แต่ผมคิดว่า ที่ถูกต้องก็คือ กนอสติค เข้าใจว่าการเปิดเผยเหล่านี้ สามารถให้แก่ผู้หญิงได้ และนั่นก็หมายความว่า ไม่มีการสืบทอดสาวกของพระคริสต์ ที่ว่าผู้ชายเป็นผู้ทำการตัดสินใจทุกอย่างและในทางกลับกันคือทุกร่างกายสามารถเข้าถึงวิญญาณของพระเจ้า ฉะนั้นการเริ่มต้นสืบทอดตำแหน่งทางศาสนจักร ที่จริงก็นำไปใช้ในแบบผิดๆ
ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ผมควรชี้ถึงความผิดพลาดที่น่าสนใจ ใน
ตอบ-ผมคิดว่าการกล่าวข้อความเฉพาะเช่นนั้น บางทีก็ผิด แต่ผมคิดว่า ที่ถูกต้องก็คือ กนอสติค เข้าใจว่าการเปิดเผยเหล่านี้ สามารถให้แก่ผู้หญิงได้ และนั่นก็หมายความว่า ไม่มีการสืบทอดสาวกของพระคริสต์ ที่ว่าผู้ชายเป็นผู้ทำการตัดสินใจทุกอย่างและในทางกลับกันคือทุกร่างกายสามารถเข้าถึงวิญญาณของพระเจ้า ฉะนั้นการเริ่มต้นสืบทอดตำแหน่งทางศาสนจักร ที่จริงก็นำไปใช้ในแบบผิดๆ
ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ผมควรชี้ถึงความผิดพลาดที่น่าสนใจ ใน
ถาม-นั่นคือปัญหาใหญ่
ตอบ-กอสเปลฟิลิปเขียนเป็นภาษากอพติค (ภาษาอียิปต์โบราณ) และคำที่ใช้มีคำภาษากรีก ที่ความจริงไม่ได้หมายถึงคู่สมรส-มันหมายถึงเพื่อน และยังมีข้อความอื่นที่แดน บาวร์ ไปนำมาเขียน แต่เขาไม่รู้ถึงปัญหา ที่มีในข้อความ-ซึ่งก็คือปัญหาการคัดลอกสำเนาจากเอกสารโบราณที่ถูกค้นพบ มันมีรูในที่เอกสารชำรุด เราจึงไม่เห็นคำบางคำ มีข้อความบางคำที่ แดนบาวร์ยกอ้างที่กล่าวว่า
ตอบ-กอสเปลฟิลิปเขียนเป็นภาษากอพติค (ภาษาอียิปต์โบราณ) และคำที่ใช้มีคำภาษากรีก ที่ความจริงไม่ได้หมายถึงคู่สมรส-มันหมายถึงเพื่อน และยังมีข้อความอื่นที่แดน บาวร์ ไปนำมาเขียน แต่เขาไม่รู้ถึงปัญหา ที่มีในข้อความ-ซึ่งก็คือปัญหาการคัดลอกสำเนาจากเอกสารโบราณที่ถูกค้นพบ มันมีรูในที่เอกสารชำรุด เราจึงไม่เห็นคำบางคำ มีข้อความบางคำที่ แดนบาวร์ยกอ้างที่กล่าวว่า
ถาม-ในผลไม้เปลือกแข็งใบนี้ อะไรคือความผิดพลาดที่รหัสดาวินชี ใส่ไว้ในฐานะที่เกี่ยวข้องกับกอสเปลนี้
ตอบ- มีที่ผิดพลาดหลายอย่าง-แต่ในผลไม้เปลือกแข็งนี้ คือความล้มเหลวที่คิดว่า กอสเปลเหล่านี้มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ในเรื่องของพระเยซูมากยิ่งกว่าที่คัมภีร์ใหม่เขียนไว้ ผมกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องชวนเชื่อทางศาสนา แต่โดยความเคร่งครัดถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์-ข้อมูลเหล่านี้(ในรหัสดาวินชี)ไม่เป็นความจริง
เราสามารถกล่าวได้ว่าศูนย์กลางของข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ ก็คือ Holy Grail, ความหมายของชีวิตคือหยิน-หยางของชายกับหญิง ที่จริงสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์อย่างไร มันเป็นสิ่งนั้นหรือ
มีการพรรณนาที่เป็นจริงของกลุ่มคริสเตียนยุคแรกบางกลุ่ม,รวมทั้งกนอสติค และมันมีคุณค่าที่ควรนำมาพิจารณา เมื่อพวกเขากำลังคิดถึงเรื่องของเทววิทยา-แต่มันยากผมคิดว่ามัน ไม่ใช่ความคิดของพระเยซูหรือศาสนจักรยุคแรก มันอาจเป็นความเห็นที่ถูกต้องใช่ไหม มันอาจถูกแต่ที่ง่ายๆ ก็คือว่าไม่ใช่ที่พระเยซูคิดด้วยพระองค์เอง หรือผู้ติดตามในสมัยแรกๆคิดกัน ผมคิดว่าแดน บาวร์เขียนตามสมัยนิยม และเขาทำเป็นนิยายโดยนำพื้นฐานทางประวัติศาสตร์มาเขียน
ตอบ- มีที่ผิดพลาดหลายอย่าง-แต่ในผลไม้เปลือกแข็งนี้ คือความล้มเหลวที่คิดว่า กอสเปลเหล่านี้มีความเป็นจริงในทางประวัติศาสตร์ ในเรื่องของพระเยซูมากยิ่งกว่าที่คัมภีร์ใหม่เขียนไว้ ผมกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องชวนเชื่อทางศาสนา แต่โดยความเคร่งครัดถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์-ข้อมูลเหล่านี้(ในรหัสดาวินชี)ไม่เป็นความจริง
เราสามารถกล่าวได้ว่าศูนย์กลางของข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ ก็คือ Holy Grail, ความหมายของชีวิตคือหยิน-หยางของชายกับหญิง ที่จริงสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์อย่างไร มันเป็นสิ่งนั้นหรือ
มีการพรรณนาที่เป็นจริงของกลุ่มคริสเตียนยุคแรกบางกลุ่ม,รวมทั้งกนอสติค และมันมีคุณค่าที่ควรนำมาพิจารณา เมื่อพวกเขากำลังคิดถึงเรื่องของเทววิทยา-แต่มันยากผมคิดว่ามัน ไม่ใช่ความคิดของพระเยซูหรือศาสนจักรยุคแรก มันอาจเป็นความเห็นที่ถูกต้องใช่ไหม มันอาจถูกแต่ที่ง่ายๆ ก็คือว่าไม่ใช่ที่พระเยซูคิดด้วยพระองค์เอง หรือผู้ติดตามในสมัยแรกๆคิดกัน ผมคิดว่าแดน บาวร์เขียนตามสมัยนิยม และเขาทำเป็นนิยายโดยนำพื้นฐานทางประวัติศาสตร์มาเขียน
ถาม-ทำไมคนต้องการทำเช่นนั้น เมื่อ 2 พันปีมาแล้ว
ตอบ-ผมคิดว่ามีช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ผู้หญิงถูกเลี้ยงดูภายใต้อำนาจของผู้ชาย เคยมีความเคลื่อนไหวเพื่อเอาใจสตรีอย่างนั้น ความจริงไม่มีการอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ชาย แต่มีความเท่าเทียมกันกับชายและมนุษยชาติไม่มีความสมบูรณ์ทั้งชายและหญิง ขณะหนึ่งที่ประวัติศาสตร์โลกเหล่านั้นมีผลทางอำนาจในวิถีทางที่คนมองโลกและชนิดของหนังสือที่พวกเขาเขียนและวิธีการที่พวกเขาเข้าใจสรรพสิ่งนั้น
ถาม-และนั่นก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว
ตอบ-ยังมีการกดขี่จากชาย(หัวเราะ)
ถาม-ยังมีเวลาที่ความคิดตามสมัยนิยมได้รับความนิยม
ตอบ- เคยมีชั่วขณะหนึ่ง ในคริสตศาสนายุคแรกๆ ในขณะที่มีนิกาย กนอสติคและสมัยยุคกลาง เมื่อมีการปรากฎของผู้หญิงอย่างลึกลับ ที่ได้รับหน้าที่เท่ากับผู้ชาย-ตัวอย่างเช่นHildegare Von Bingen ผมคิดว่าเราอยู่ในเวลาที่ไม่ปกติตอนนี้ เพราะว่าอะไรที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ที่จริงมันเป็นยิ่งกว่าความเคลื่อนไหว ที่จะเป็นไป ยากที่จะกลับมา
ถาม-ความคิดนี้ควรเปลี่ยนคริสตศาสนาไหม
ตอบ-ผมคิดว่ามันกำลังเปลี่ยนคริสตศาสนา ผมหมายความว่า 30 ปีมาแล้ว มันยากที่จะมีผู้หญิงทำงานในคริสตจักรโปเตสแตนส์ แต่ตอนนี้ ปกติ ในการสัมมนามีเปอร์เซนต์ของนักศึกษาหญิงจำนวนสูง เรายังคงไม่มีความก้าวหน้า เราต้องการทำ แต่มันต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน
....................จบ..........................
ตอบ-ผมคิดว่ามีช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ผู้หญิงถูกเลี้ยงดูภายใต้อำนาจของผู้ชาย เคยมีความเคลื่อนไหวเพื่อเอาใจสตรีอย่างนั้น ความจริงไม่มีการอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ชาย แต่มีความเท่าเทียมกันกับชายและมนุษยชาติไม่มีความสมบูรณ์ทั้งชายและหญิง ขณะหนึ่งที่ประวัติศาสตร์โลกเหล่านั้นมีผลทางอำนาจในวิถีทางที่คนมองโลกและชนิดของหนังสือที่พวกเขาเขียนและวิธีการที่พวกเขาเข้าใจสรรพสิ่งนั้น
ถาม-และนั่นก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว
ตอบ-ยังมีการกดขี่จากชาย(หัวเราะ)
ถาม-ยังมีเวลาที่ความคิดตามสมัยนิยมได้รับความนิยม
ตอบ- เคยมีชั่วขณะหนึ่ง ในคริสตศาสนายุคแรกๆ ในขณะที่มีนิกาย กนอสติคและสมัยยุคกลาง เมื่อมีการปรากฎของผู้หญิงอย่างลึกลับ ที่ได้รับหน้าที่เท่ากับผู้ชาย-ตัวอย่างเช่นHildegare Von Bingen ผมคิดว่าเราอยู่ในเวลาที่ไม่ปกติตอนนี้ เพราะว่าอะไรที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ที่จริงมันเป็นยิ่งกว่าความเคลื่อนไหว ที่จะเป็นไป ยากที่จะกลับมา
ถาม-ความคิดนี้ควรเปลี่ยนคริสตศาสนาไหม
ตอบ-ผมคิดว่ามันกำลังเปลี่ยนคริสตศาสนา ผมหมายความว่า 30 ปีมาแล้ว มันยากที่จะมีผู้หญิงทำงานในคริสตจักรโปเตสแตนส์ แต่ตอนนี้ ปกติ ในการสัมมนามีเปอร์เซนต์ของนักศึกษาหญิงจำนวนสูง เรายังคงไม่มีความก้าวหน้า เราต้องการทำ แต่มันต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน
....................จบ..........................
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ขอบคุณคะ :D