
มีข้อความใน Bible อยากจาถามพี่ๆคับ
หวัดดีคับทุกท่าน.. พอดีช่วงนี้ไม่มีไรทำเลยเอาBible มาอ่าน อ่านไปอ่านมาก้อเลยงง..คับว่าทำไม่ในฺBibleมันถึงมีเรื่องอาไรต่อมิอาไรมากมายไปหมด ผมก้อเลยมานังคิดดูว่าที่จริงแล้วเราอ่านหนังสือเล่มนี้กันโดยที่ไม่เคยหวนกลับมาคิดตามตัวหนังสือกันเลยว่าเป็นไปใด้มัย ผมเลยสรุปเองเลยหลังจาอ่านมา ยังไงฝากไปช่วยตรวจด้วยนะคับว่าจริงไม่ เอาเป็นว่าตั้งแต่พระเยซู เกิด จนถึง โดนเอาไปใว้บนไม่กางเขน "ไม่มีสาวกคนไหนที่พูดตรงกันเลย"..งง มากๆ,ไม่ว่าจาเป็นวัน เวลา และสถานที่ ไม่เชื่อลองไปเอามาสักสองหรือสามเล่ม แล้วเปิดบทเดียวกันดูสิครับ แล้วจารู้เอง เราทำตามกันโดยที่ไม่คิดเลย อย่างเช่นวันนี้เป็นวันเกิดของSt.Malthew เลยขอเอาข้อความในบางตอนมาอ่านให้ฟัง แล้วลองเอาไปคิดกันดูนะครับ "อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะนำสันติภาพมาสู่โลก แต่เรานำดาบมา เรามาเพื่อจาให้ลูกชายหมางใจกับบิดาและลูกสาวหมางใจกับมารดา และผู้ที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน ก็จาเป็นศัตรูต่อกัน ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่าเราผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา Malthew10:34-37" อ่านแล้วรู้สึกยังไงคับ ผมไปถามคุณพ่อท่านนึง แกนิ้งไปพักนึงแล้วถามผมว่ามีด้วยเหรอบทไหนผมก้อเลยเอาให้แกดู แกเลยบอกว่า"อย่าไปแปลตามตัวหนังสือ" กำ..แล้วจาให้แปลว่าอาไรคับ ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้อ้างว่า "ทุกข้อความในBibleเป็นคำพูดของพระเจ้า แก้ไขแม้แต่ตัวเดียวก้อไมใด้ ถูกต้องและเป็นความจริงทุกประการ" ...ไงก็ขอฝากท่าน ผู้อ่าน อย่าพึ้งมาต่อว่าผม อยากให้ท่านกลับไปอ่าน Bible ที่ท่านถือติดตัวให้ดีก่อน..ขอบคุณคับ 

- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนค่ะว่า
1.พระเยซูเจ้าลงมาสอน แต่พระองค์ไม่เคยเีขียนหนังสือเองสักเล่ม
2.สาวกของพระเยซูเจ้า แต่ละคนที่บันทึกเรื่องราว ก็เป็นบุคคลหนึ่ง ๆ ย่อมมีมุมมองและสิ่งที่รับรู้ จดจำ จากเหตุการณ์เดียวกัน แต่ก็อาจรับรู้หรือตีความต่างกันไปบ้างในรายละเอียด เป็นเรื่องธรรมดาของคน ๆ หนึ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นจริงแน่นอนที่พวกเขาชี้ไปอย่างเดียวกันคือ การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้าเพื่อไถ่บาปมนุษย์ นี่ต่างหากความมหัศจรรย์ที่แท้จริงที่ทั้ง 4 เล่มชี้มาที่หัวข้อเดียวกัน
3.สมัยนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีแม้แต่แมกกาซีนรายสัปดาห์ หรือกระทั่งหนังสือพิมพ์ ข้อมูลส่วนที่ผู้เขียนไม่ได้รับรู้ด้วยตัวเอง ก็ต้องไปสอบถามเรื่องราวจากคนที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ และมันก็ไม่ได้มีแค่คนสองคน การรับสารในสมัยนั้นมีสองแบบคือ รับด้วยตัวเอง กับ ฟังข่าวสารจากคำบอกเล่าของคนอื่น เท่านั้น
เรื่องข้อความใน Bible ได้รับการดลใจจากพระเจ้า (ไม่รู้สิ เล่มที่เรามีเขียนว่าแบบนี้) คริสตชนทุกคนก็ถือแบบนี้ ได้รับการดลใจจากพระเจ้า แต่ผู้เขียนเป็นคน ๆ หนึ่ง ข้อความที่้น้องยกมานั่นฟังดูเวอร์ไปรึเปล่า แต่แก้ไขไม่ได้ และถูกต้องและเป็นความจริง นั้นมันก็จริงอยู่
ที่เขาว่าไม่ควรตีความตามตัวอักษร ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า "ความจริง" ที่ไบเบิ้ลสื่อนั้น หลักๆ ก็คือเรื่องการเปิดเผยจากพระเจ้าต่อมนุษย์ "เป็นการเปิดเผยพระวจนะของพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยภาษาที่จำกัดของมนุษย์เอง" ไปจนถึงการประสูติของพระเยซูเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผ่านครรภ์ของพระนางมารีย์ การที่ยอห์นให้บัพติศมา การทดลองจากมาร การสอนและอุปมาเรื่องสวรรค์ การถูกพวกฟาริสีใส่ร้าย การถูกทรยศโดยสาวกเพียงคนเดียว การถูกตรึงบนกางเขน การกลับเป็นขึ้นมา
ทั้งหมดเป็นการบอกให้รู้ว่า เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นแน่นอนในอดีต แต่ถ้าคุณต้องการรายละเอียดลึกถึงขั้นขุมขน คงต้องไปเกิดเป็นคนยุคโน้นแล้วกระมัง (ย้ำอีกครั้ง ยุคนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ต)
ที่สำคัญ ประเด็นสำคัญที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รู้ คือการไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์ และน้ำพระทัยพระองค์ เพื่อกลับสู่อ้อมอกพระบิดาผู้สร้างในสวรรค์เมื่อร่างกายบนโลกตายไป ไม่ต้องตกนรก หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าต่อให้คุณรู้ชื่อทูตสวรรค์ทุกตนแบบละเอียดยิบ ก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อมันก็เป็นแค่เรื่องนึงที่รู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีผลกับความรอดใด ๆ
พอเข้าใจมากขึ้นไหมคะ ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมอีกไหม
1.พระเยซูเจ้าลงมาสอน แต่พระองค์ไม่เคยเีขียนหนังสือเองสักเล่ม
2.สาวกของพระเยซูเจ้า แต่ละคนที่บันทึกเรื่องราว ก็เป็นบุคคลหนึ่ง ๆ ย่อมมีมุมมองและสิ่งที่รับรู้ จดจำ จากเหตุการณ์เดียวกัน แต่ก็อาจรับรู้หรือตีความต่างกันไปบ้างในรายละเอียด เป็นเรื่องธรรมดาของคน ๆ หนึ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นจริงแน่นอนที่พวกเขาชี้ไปอย่างเดียวกันคือ การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้าเพื่อไถ่บาปมนุษย์ นี่ต่างหากความมหัศจรรย์ที่แท้จริงที่ทั้ง 4 เล่มชี้มาที่หัวข้อเดียวกัน
3.สมัยนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีแม้แต่แมกกาซีนรายสัปดาห์ หรือกระทั่งหนังสือพิมพ์ ข้อมูลส่วนที่ผู้เขียนไม่ได้รับรู้ด้วยตัวเอง ก็ต้องไปสอบถามเรื่องราวจากคนที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ และมันก็ไม่ได้มีแค่คนสองคน การรับสารในสมัยนั้นมีสองแบบคือ รับด้วยตัวเอง กับ ฟังข่าวสารจากคำบอกเล่าของคนอื่น เท่านั้น
เรื่องข้อความใน Bible ได้รับการดลใจจากพระเจ้า (ไม่รู้สิ เล่มที่เรามีเขียนว่าแบบนี้) คริสตชนทุกคนก็ถือแบบนี้ ได้รับการดลใจจากพระเจ้า แต่ผู้เขียนเป็นคน ๆ หนึ่ง ข้อความที่้น้องยกมานั่นฟังดูเวอร์ไปรึเปล่า แต่แก้ไขไม่ได้ และถูกต้องและเป็นความจริง นั้นมันก็จริงอยู่
ที่เขาว่าไม่ควรตีความตามตัวอักษร ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า "ความจริง" ที่ไบเบิ้ลสื่อนั้น หลักๆ ก็คือเรื่องการเปิดเผยจากพระเจ้าต่อมนุษย์ "เป็นการเปิดเผยพระวจนะของพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยภาษาที่จำกัดของมนุษย์เอง" ไปจนถึงการประสูติของพระเยซูเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผ่านครรภ์ของพระนางมารีย์ การที่ยอห์นให้บัพติศมา การทดลองจากมาร การสอนและอุปมาเรื่องสวรรค์ การถูกพวกฟาริสีใส่ร้าย การถูกทรยศโดยสาวกเพียงคนเดียว การถูกตรึงบนกางเขน การกลับเป็นขึ้นมา
ทั้งหมดเป็นการบอกให้รู้ว่า เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นแน่นอนในอดีต แต่ถ้าคุณต้องการรายละเอียดลึกถึงขั้นขุมขน คงต้องไปเกิดเป็นคนยุคโน้นแล้วกระมัง (ย้ำอีกครั้ง ยุคนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ต)
ที่สำคัญ ประเด็นสำคัญที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รู้ คือการไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์ และน้ำพระทัยพระองค์ เพื่อกลับสู่อ้อมอกพระบิดาผู้สร้างในสวรรค์เมื่อร่างกายบนโลกตายไป ไม่ต้องตกนรก หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าต่อให้คุณรู้ชื่อทูตสวรรค์ทุกตนแบบละเอียดยิบ ก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อมันก็เป็นแค่เรื่องนึงที่รู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีผลกับความรอดใด ๆ
พอเข้าใจมากขึ้นไหมคะ ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมอีกไหม
คำถามแรกๆ ตามที่น้อง Valkyrie Zero Number อธิบายให้ฟังแล้วนะครับAtheist เขียน:"อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะนำสันติภาพมาสู่โลก แต่เรานำดาบมา เรามาเพื่อจาให้ลูกชายหมางใจกับบิดาและลูกสาวหมางใจกับมารดา และผู้ที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน ก็จาเป็นศัตรูต่อกัน ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่าเราผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา Malthew10:34-37" อ่านแล้วรู้สึกยังไงคับ
ส่วนผมจะขออธิบายตีความพระวาจาข้อนี้ให้ทราบนะครับ
หมายถึงว่า การที่มาเป็นคริสตชนหรือติดตามพระเยซูเจ้า จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ ไม่เว้นแม้แต่ภายในครอบครัวเดียวกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เป็นตัวอย่างจริงของพี่น้องเราในบอร์ดที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ แล้วถูกคนที่บ้านที่ไม่ใช่คริสต์ ต่อต้าน บางทีถึงกับจะตัดญาติกันเลยก็มีครับ
และถ้าผู้นั้นรักบิดา มารดา ยิ่งกว่าพระองค์ ก็หมายความว่า ยอมที่จะไม่มาเป็นคริสตชน ตามที่บิดา มารดาต้องการ เขาก็ไม่ใช่คริสตชน เป็นความสมัครใจของเขาเองที่ไม่เลือกพระองค์ ไม่รักพระองค์ เขาผู้นั้นก็ยังไม่ใช่แกะของพระองค์ครับ เพราะแกะของพระองค์ย่อมฟังเสียงของพระองค์
ถ้าน้อง Atheist (แปลว่า ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า) สงสัยพระวาจาข้อไหน ก็ถามมาได้นะครับ

ขอพระเป็นเจ้าอวยพระพร
หากเรายึดถือว่า ความจริง เป็นสิ่งดีงาม ที่บุคคลผู้ทรงศีลจะต้องยืดมั่นแล้ว
เหตุใดเล่า? บรรดาคริสรต์สาวกในคริสต์จักร ต้องกล่าวคำ ดังนี้ด้วย !!
“ในเมื่อความอสัตย์ของข้าพเจ้าทำให้เห็นความสัตย์จริงของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มพูนพระเกียรติสิริของพระองค์ แล้ว ทำไมข้าพจั้งถูกตัดสินลงโทษว่าเป็นคนปาบเล่า?” (หากข้าพเจ้าจะโกหกเพื่อ เกียติยศของพระเจ้า ข้าพเจ้าบาปด้วยหรือ?) (อ้างจาก พระคริสต์ธรรมคำภีร์ โรม 3:7 , วจนะของเซนต์พอล ผู้เขียนพระคำภีร์เล่นแรกในใบเบิ้ล)
อันนี้จาตีความว่าไงครับ
ถ้างั้นช่วยตีความนี้ให้ด้วยนะครับ
1.บรรดากิจการที่ท่านทำขึ้นมาจะถูกทำลายลงและพินาศอย่างเร็วรวด
2.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้โรคร้ายติดพันท่าน พระองค์จะเผาพลาญท่าน ให้สิ้นเสียงจากแผ่นดิน
3.พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่าน จะทำให้ท่านซูบผอม เป็นไข้อักเสบร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยพายุที่ร้อนเก้า ด้วยราขึ้น และสิ่งหล่าวนี้จะติดตามตัวท่านไปจนกว่าตัวท่านจะพินาศ
4.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้ฝนในแผ่นดินของท่านเป็นฝุ่นละออง หลายวันจนกว่าท่านจะถูกทำลาย ซากศพของท่านจะกลายเป็นอาหารของพวกสัตว์ 5. พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีอียิปต์ ด้วยริดสีดวงทวารขั้นรุนแรง ด้วยโรคลักปิดลักเปิด และด้วยโรคคัน ซึ่งจะรักษาไม่ได้
6.พระเยโฮวาห์จะทำให้ท่านเป็นโรควิกลจริต โรคตาบอดและให้จิตใจยุ้งเหยิง
7. ท่านจะต้องคลำไปในเวลาเที่ยง เหมือนคนตาบอดคลำไปในความมืด และท่านจะไม่มีความเจริญในหนทางของท่าน ท่านจะถูกบีบคั้นและถูกปล้นอยู่เสมอ และจะไม่มีใครช่วยท่านได้เลย 8.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านกำเนิดบุตรชายและบุตรสาว แต่จะไม่เป็นของท่าน เพราะเขาจะต้องตกเป็นเชลย 9.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านรับทานผลบาบแห่งตัวท่านเองเป็นอาหาร คือเนื้อบุตรชายและบุตรสาวของท่านเอง 10.พระเยโฮวาห์จะทรงนำมาสู่ท่านและเชื้อสายของท่าน ด้วยภัยพิบัติอย่างผิดธรรมดา ภัยพิบัติที่ร้ายแรงและช้านาน ความเจ็บไข้ต่างๆที่ร้ายแรง และยิ้งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรค ทั้งหลายซึ้งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดตัวท่านจนกว่าท่านจาตายไปในที่สุด …!!!
คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะตามหาท่าน และตามทันท่านจนกว่าท่านจะถูกทำลาย เพราะว่าท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ยิ่งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรคทั้งหลายแห่งอียิปต์ ซึ่งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดพันท่านอยู่ จนกว่าท่านทั้งหลายจะถูกทำลาย
พระนามที่น่าสะพรึงกลัวนี้ คือพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
Deuteronomy 28:20-58
จริงไม่จริงก้อไปเช็คดูกันเอานะครับ
เหตุใดเล่า? บรรดาคริสรต์สาวกในคริสต์จักร ต้องกล่าวคำ ดังนี้ด้วย !!
“ในเมื่อความอสัตย์ของข้าพเจ้าทำให้เห็นความสัตย์จริงของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มพูนพระเกียรติสิริของพระองค์ แล้ว ทำไมข้าพจั้งถูกตัดสินลงโทษว่าเป็นคนปาบเล่า?” (หากข้าพเจ้าจะโกหกเพื่อ เกียติยศของพระเจ้า ข้าพเจ้าบาปด้วยหรือ?) (อ้างจาก พระคริสต์ธรรมคำภีร์ โรม 3:7 , วจนะของเซนต์พอล ผู้เขียนพระคำภีร์เล่นแรกในใบเบิ้ล)
อันนี้จาตีความว่าไงครับ
ถ้างั้นช่วยตีความนี้ให้ด้วยนะครับ
1.บรรดากิจการที่ท่านทำขึ้นมาจะถูกทำลายลงและพินาศอย่างเร็วรวด
2.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้โรคร้ายติดพันท่าน พระองค์จะเผาพลาญท่าน ให้สิ้นเสียงจากแผ่นดิน
3.พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่าน จะทำให้ท่านซูบผอม เป็นไข้อักเสบร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยพายุที่ร้อนเก้า ด้วยราขึ้น และสิ่งหล่าวนี้จะติดตามตัวท่านไปจนกว่าตัวท่านจะพินาศ
4.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้ฝนในแผ่นดินของท่านเป็นฝุ่นละออง หลายวันจนกว่าท่านจะถูกทำลาย ซากศพของท่านจะกลายเป็นอาหารของพวกสัตว์ 5. พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีอียิปต์ ด้วยริดสีดวงทวารขั้นรุนแรง ด้วยโรคลักปิดลักเปิด และด้วยโรคคัน ซึ่งจะรักษาไม่ได้
6.พระเยโฮวาห์จะทำให้ท่านเป็นโรควิกลจริต โรคตาบอดและให้จิตใจยุ้งเหยิง
7. ท่านจะต้องคลำไปในเวลาเที่ยง เหมือนคนตาบอดคลำไปในความมืด และท่านจะไม่มีความเจริญในหนทางของท่าน ท่านจะถูกบีบคั้นและถูกปล้นอยู่เสมอ และจะไม่มีใครช่วยท่านได้เลย 8.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านกำเนิดบุตรชายและบุตรสาว แต่จะไม่เป็นของท่าน เพราะเขาจะต้องตกเป็นเชลย 9.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านรับทานผลบาบแห่งตัวท่านเองเป็นอาหาร คือเนื้อบุตรชายและบุตรสาวของท่านเอง 10.พระเยโฮวาห์จะทรงนำมาสู่ท่านและเชื้อสายของท่าน ด้วยภัยพิบัติอย่างผิดธรรมดา ภัยพิบัติที่ร้ายแรงและช้านาน ความเจ็บไข้ต่างๆที่ร้ายแรง และยิ้งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรค ทั้งหลายซึ้งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดตัวท่านจนกว่าท่านจาตายไปในที่สุด …!!!
คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะตามหาท่าน และตามทันท่านจนกว่าท่านจะถูกทำลาย เพราะว่าท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ยิ่งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรคทั้งหลายแห่งอียิปต์ ซึ่งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดพันท่านอยู่ จนกว่าท่านทั้งหลายจะถูกทำลาย
พระนามที่น่าสะพรึงกลัวนี้ คือพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
Deuteronomy 28:20-58
จริงไม่จริงก้อไปเช็คดูกันเอานะครับ
พี่สาวครับเรามาเล่นทายปัญหากันดีกว่าคับ..
1. ถาม: พระเยชูเกิดเมื่อไหร่?
ตอบ: ระหว่างที่แฮรอดมีชีวิตอยู่. (คือ ก่อน 4BC) มัทธิว 2:1
ตอบ: ระหว่างที่ซีเรนเนียสเป็นผู้ว่าราชกาลที่ซีเรีย. (คือ หลังจาก 7AD) ลูกา 2:1-7
ข้อสังเกต: เป็นไปได้ไหมว่า เรากำลังพูดถึงคน 2 คนที่ชื่อเยซูเหมือนกัน.
2. ถาม: พระเยชูประสูติ ณ สถานที่ใด?
ตอบ: ในบ้าน. มัทธิว 2:11
ตอบ: ในโลงเลี้ยงสัตว์. manger ลูกา 2:7
ตอบ: ในถ้ำ. Justin Martyr (หมอสอนศาสนายุคแรกเริ่ม)
ข้อสังเกต: Justin Martyr มีชีวิตอยู่ในต้นศตวรรษที่ 2 แต่ไม่เคยกล่าวหรืออ้างถึง “ข่าวดี”
ของ มัทธิหรือลูกา เป็นไปได้ไหมว่าหนังสือเหล่านี้ ยังไม่ได้แต่งและเรียบ
เรียงสมบูรณ์. ทั้งยังตกลงกันไม่ได้ว่า กุมารน้อยมหัศจรรย์ได้กำเนิด ณที่ใดแน่..
*ตกลงขอไหนถูกครับ...! คำตอบทั้งหมดมันอยู่ในBible ที่พี่บอกว่าเป็นประวัติของพระเยซู ตกลงข้อไหนครับ....
1. ถาม: พระเยชูเกิดเมื่อไหร่?
ตอบ: ระหว่างที่แฮรอดมีชีวิตอยู่. (คือ ก่อน 4BC) มัทธิว 2:1
ตอบ: ระหว่างที่ซีเรนเนียสเป็นผู้ว่าราชกาลที่ซีเรีย. (คือ หลังจาก 7AD) ลูกา 2:1-7
ข้อสังเกต: เป็นไปได้ไหมว่า เรากำลังพูดถึงคน 2 คนที่ชื่อเยซูเหมือนกัน.
2. ถาม: พระเยชูประสูติ ณ สถานที่ใด?
ตอบ: ในบ้าน. มัทธิว 2:11
ตอบ: ในโลงเลี้ยงสัตว์. manger ลูกา 2:7
ตอบ: ในถ้ำ. Justin Martyr (หมอสอนศาสนายุคแรกเริ่ม)
ข้อสังเกต: Justin Martyr มีชีวิตอยู่ในต้นศตวรรษที่ 2 แต่ไม่เคยกล่าวหรืออ้างถึง “ข่าวดี”
ของ มัทธิหรือลูกา เป็นไปได้ไหมว่าหนังสือเหล่านี้ ยังไม่ได้แต่งและเรียบ
เรียงสมบูรณ์. ทั้งยังตกลงกันไม่ได้ว่า กุมารน้อยมหัศจรรย์ได้กำเนิด ณที่ใดแน่..
*ตกลงขอไหนถูกครับ...! คำตอบทั้งหมดมันอยู่ในBible ที่พี่บอกว่าเป็นประวัติของพระเยซู ตกลงข้อไหนครับ....
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เท่าพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระสติปัญญาสูงส่ง แต่ถ้าเอาแค่สติปัญญามนุษย์จะเข้าใจ และถ้าสงสัยขนาดนี้ ผมแนะนำท่านๆหนึ่งครับ ถ้าอยากรู้จริงๆนะครับ
ให้ไปพบคุณพ่อเจ้าวัด วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ หรือจะเรียกโบส์ถก็ได้แล้วแต่จะเรียกครับ
อยู่ซอยลาดพร้าว 124 เข้าไปเห็นเลยครับ โทรไปนัดก่อนก็ดีครับ แนะนำให้ถามท่านต่อหน้านะครับ ผมมั่นใจว่าคุณจะได้คำตอบ ที่เพียงพอต่อสติปัญญาของมนุษย์อย่างเรา แน่นอนครับ
ที่แนะนำอย่างนี้เพราะต้องการให้คุณได้ข้อมูลที่ผมคิดว่าขัดเจนมากๆเลยครับ เพราะต้องยอมรับความจริงว่าผมไม่มีปัญญาตอบจริงๆครับ
ขอให้คุณได้คำตอบที่ตรงความต้องการนะครับ
ให้ไปพบคุณพ่อเจ้าวัด วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ หรือจะเรียกโบส์ถก็ได้แล้วแต่จะเรียกครับ
อยู่ซอยลาดพร้าว 124 เข้าไปเห็นเลยครับ โทรไปนัดก่อนก็ดีครับ แนะนำให้ถามท่านต่อหน้านะครับ ผมมั่นใจว่าคุณจะได้คำตอบ ที่เพียงพอต่อสติปัญญาของมนุษย์อย่างเรา แน่นอนครับ
ที่แนะนำอย่างนี้เพราะต้องการให้คุณได้ข้อมูลที่ผมคิดว่าขัดเจนมากๆเลยครับ เพราะต้องยอมรับความจริงว่าผมไม่มีปัญญาตอบจริงๆครับ
ขอให้คุณได้คำตอบที่ตรงความต้องการนะครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
จะตอบเรื่องนี้ให้ก่อนละกันAtheist เขียน:หากเรายึดถือว่า ความจริง เป็นสิ่งดีงาม ที่บุคคลผู้ทรงศีลจะต้องยืดมั่นแล้ว
เหตุใดเล่า? บรรดาคริสรต์สาวกในคริสต์จักร ต้องกล่าวคำ ดังนี้ด้วย !!
“ในเมื่อความอสัตย์ของข้าพเจ้าทำให้เห็นความสัตย์จริงของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มพูนพระเกียรติสิริของพระองค์ แล้ว ทำไมข้าพจั้งถูกตัดสินลงโทษว่าเป็นคนปาบเล่า?” (หากข้าพเจ้าจะโกหกเพื่อ เกียติยศของพระเจ้า ข้าพเจ้าบาปด้วยหรือ?) (อ้างจาก พระคริสต์ธรรมคำภีร์ โรม 3:7 , วจนะของเซนต์พอล ผู้เขียนพระคำภีร์เล่นแรกในใบเบิ้ล)
อันนี้จาตีความว่าไงครับ
ถ้างั้นช่วยตีความนี้ให้ด้วยนะครับ
1.บรรดากิจการที่ท่านทำขึ้นมาจะถูกทำลายลงและพินาศอย่างเร็วรวด
2.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้โรคร้ายติดพันท่าน พระองค์จะเผาพลาญท่าน ให้สิ้นเสียงจากแผ่นดิน
3.พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่าน จะทำให้ท่านซูบผอม เป็นไข้อักเสบร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยพายุที่ร้อนเก้า ด้วยราขึ้น และสิ่งหล่าวนี้จะติดตามตัวท่านไปจนกว่าตัวท่านจะพินาศ
4.พระเยโฮวาห์จะทรงบันดาลให้ฝนในแผ่นดินของท่านเป็นฝุ่นละออง หลายวันจนกว่าท่านจะถูกทำลาย ซากศพของท่านจะกลายเป็นอาหารของพวกสัตว์ 5. พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีอียิปต์ ด้วยริดสีดวงทวารขั้นรุนแรง ด้วยโรคลักปิดลักเปิด และด้วยโรคคัน ซึ่งจะรักษาไม่ได้
6.พระเยโฮวาห์จะทำให้ท่านเป็นโรควิกลจริต โรคตาบอดและให้จิตใจยุ้งเหยิง
7. ท่านจะต้องคลำไปในเวลาเที่ยง เหมือนคนตาบอดคลำไปในความมืด และท่านจะไม่มีความเจริญในหนทางของท่าน ท่านจะถูกบีบคั้นและถูกปล้นอยู่เสมอ และจะไม่มีใครช่วยท่านได้เลย 8.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านกำเนิดบุตรชายและบุตรสาว แต่จะไม่เป็นของท่าน เพราะเขาจะต้องตกเป็นเชลย 9.พระเยโฮวาท์จะให้ท่านรับทานผลบาบแห่งตัวท่านเองเป็นอาหาร คือเนื้อบุตรชายและบุตรสาวของท่านเอง 10.พระเยโฮวาห์จะทรงนำมาสู่ท่านและเชื้อสายของท่าน ด้วยภัยพิบัติอย่างผิดธรรมดา ภัยพิบัติที่ร้ายแรงและช้านาน ความเจ็บไข้ต่างๆที่ร้ายแรง และยิ้งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรค ทั้งหลายซึ้งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดตัวท่านจนกว่าท่านจาตายไปในที่สุด …!!!
คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะตามหาท่าน และตามทันท่านจนกว่าท่านจะถูกทำลาย เพราะว่าท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ยิ่งกว่านั้นพระองค์จะทรงนำโรคทั้งหลายแห่งอียิปต์ ซึ่งท่านกลัวนั้นมาสู่ท่าน และมันจะติดพันท่านอยู่ จนกว่าท่านทั้งหลายจะถูกทำลาย
พระนามที่น่าสะพรึงกลัวนี้ คือพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
Deuteronomy 28:20-58
จริงไม่จริงก้อไปเช็คดูกันเอานะครับ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจสภาพธรรมชาติของพระเจ้ากับมนุษย์ก่อน
อย่างแรกคือ
พระเจ้า มีจริง
พระเจ้า ทรงพระชนม์อยู่
พระเจ้า เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง และเฝ้ามองดูแลตลอดเวลา
พระเจ้า มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง แม้แต่กาลเวลา หรือกฎเกณฑ์ทุกอย่าง
พระเจ้า เป็นผู้ให้แม้กระทั่งชีวิตแก่สิ่งที่มีชีวิตทุกอย่าง และมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะเอาชีวิตไปในทันทีที่พระองค์ต้องการ
และที่สำคัญคือ พระเจ้า "ถูกเสมอ"
ส่วนมนุษย์ แต่เดิมรุ่นอาดัมกับเอวาพระเ้จ้าสร้างมาดี แต่ทั้งสองฝ่าฝืนคำสั่งไปกินผลไม้ต้องห้าม เพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้าจึงเกิด "บาป" ขึ้นมา และนับจากนั้นมนุษย์ก็ตกอยู่ในบาป และทำบาปมาเสมอในทุกยุคทุกสมัย พูดง่าย ๆ หากพระเจ้าคือผู้ตัดสิน มนุษย์ก็อยู่ในฐานะ "ทาส" "นักโทษ" "ผู้กระทำผิด" และว่ากันตามจริงแล้วก็ "ไม่มีสิทธิ์เถียงเลย"
ลองคิดเล่น ๆ ถ้ามนุษย์ชอบโทษ ชอบตัดสินว่าพระเจ้าผิด ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ทำไมกลับไม่ยอมดูตัวเองเลย
มนุษย์ชอบพูดว่า ตนทำงาน ตนก็ควรได้ค่าจ้าง (แต่พระเจ้าเองก็ทำงานกับมนุษย์ตลอด ทำไมมนุษย์ไม่มีอะไรจะให้แถมยังหาเรื่องตำหนิด่า)
มนุษย์ชอบพูดว่า ตนปลูกผัก ตนเลี้ยงสัตว์ ตนก็มีสิทธิ์ในพืชและสัตว์นั้น ๆ จะซื้อจะขายจะกินก็เรื่องของเขา (แต่พระเจ้าทำตั้งแต่ให้มีจุดเริ่มต้น และทำให้พืชผลที่ถูกหว่านเจริญเติบโต และเป็นผู้สร้างฝูงสัตว์มาให้มนุษย์ดูแล ทำไมพระเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้บ้าง)
มนุษย์ชอบพูดว่า ตนมีสิทธิ์ในเรื่องโน้นเรื่องนี้ ในสิ่งที่ตัวเองเป็นเจ้าของ (แต่กลับไม่ยอมรับว่าพระเจ้าก็เป็นเจ้าของยิ่งกว่า)
เท่านี้เข้าใจหรือยังว่า "มนุษย์ไม่มีความชอบธรรมอะไรไปสู้กับพระเจ้าเลย"
และสภาพที่เป็นจริงคือ มนุษย์ตกอยู่ในบาป ทำความผิดต่อพระเจ้า ต่อสิ่งทรงสร้างต่าง ๆ และต่อมนุษย์ด้วยกันเองด้วย แถมหลายคนยังทำเป็นกร่างไม่ยอมรับผิดง่าย ๆ อีก ดังนั้นจึง "มีความผิด"
และค่าจ้างของความผิดบาปก็คือ "ความตาย"
แม้มนุษย์บางคนจะชอบตั้งกฎขึ้นมาว่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผิด อย่าฆ่าคน ให้ทำแต่สิ่งดี อย่าทุบตีหรือต่อสู้ อย่าลักขโมย ทว่าในความเป็นจริง หลายคนก็ชอบใจเวลาเห็นผู้กระทำผิดถูกลงโทษ หลายคนต่อสู้และฆ่าคนที่จะมาปล้นหรือมาฆ่าตน แม้จะบอกว่าเป็นการป้องกันตัวเองได้ แต่ความจริงก็ยังเป็นว่า ตนทำร้ายร่างกายเขาอยู่ดี ทำไมเด็ก ๆ ชอบดูหนังฮีโร่ทุบตีทำร้ายคนร้ายที่บางทีก็ใช่จะเลวร้ายมากนักเมื่อเทียบกับคนจริง ๆ อีกจำนวนมากที่อย่างเก่งก็แค่เข้าคุกไม่นาน ทำไมมีกฎหมายประหารชีวิต ในเมื่อมันก็คือฆ่าคนอยู่ดี ทำไมเพชฌฆาตที่ก็เป็นคนเหมือนกันถึงฆ่าคนได้โดยไม่โดนเอาผิด
ในเมื่อขนาดหมู่มนุษย์เองยังมองว่าทำผิดต้องได้รับโทษ แล้วพระเจ้าจะลงโทษคนทำผิดมั่งไม่ได้หรือ
แน่นอน ว่าตามหลักแล้ว ที่คนหลายคนชอบพูดว่า พระเจ้าร้าย พระเจ้าจะทำลายโลก ไม่เห็นเป็นองค์ความดีเลย แม้ในหลาย ๆ เรื่องที่พวกเขาเขียนจะปกป้องโลกไว้ได้ แต่ลองนึกดูดี ๆ หากวันพิพากษามาถึงจริง คิดว่าพระเจ้าโง่ถึงขนาดยอมเดินตามเกมของมนุษย์ขนาดนั้นเชียวหรือ? เอาเข้าจริง ๆ ไม่ใช่ฝ่ายมนุษย์หรอกหรือจะแพ้ย่อยยับ และโดนตัดสินโทษเรียบร้อยโรงเรียนจีนซะเอง? ถึงตอนนั้นคิดว่าจะหนีพระเจ้าพ้นหรือ? ต่อให้เชื่อไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า ก็เหมือนไม่เชื่อว่ามีดาบอยู่ในโลก แต่ก็ใช่จะไม่มีดาบมาฟันเขาให้ตายอยู่ดีไม่ใช่รึ
........ที่ว่ามา ใช่ ดู ๆ ไปก็เหมือนกับแค่นั้น แต่รู้ไหม ทำไมมนุษย์ยังคงอยู่มาได้
ไม่ใช่เพราะว่าแท้ที่จริง "พระเจ้ารักมนุษย์มาก" งั้นหรือ จริง ๆ ถ้าศึกษาพระคัมภีร์เดิม(ซึ่งเป็นเรื่องราวของอิสราเอลในสมัยก่อนเสียมาก) จะเข้าใจได้ว่า แม้แต่คนอิสราเอลที่เป็นคนเขียนเองก็ใช่ย่อย ทำบาปไม่น้อยไปกว่าชนชาติอื่นเลย และไม่แปลกใจหรือว่า แทนที่จะกำราบให้หมดสิ้นย่อยยับไม่เหลือกระทั่งชื่อ ทำไมพระเจ้าถึงยังยอมใจอ่อนปล่อยให้ชนชาติอิสราเอลอยู่มาจนทุกวันนี้ได้ แถมยังเป็นต้นกำเนิดของพระผู้ไถ่ที่ลงมาไถ่บาปให้แก่คนทั้งโลกอีก
แปลกดี ในเมื่อคนหลายคนชอบประนามพระเจ้าที่ทำน้ำท่วมโลก โดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ไม่แน่คนสมัยนั้นอาจจะเลวถึงขั้นตัวเองยังยอมรับไม่ได้เลย เผลอ ๆ อาจอยากทำยิ่งกว่าก็ได้ และที่สำคัญ คนพวกนี้ชอบทำเป็นลืม ว่าพระเจ้ายังอุตส่าห์เหลือครอบครัวของโนอาห์และสัตว์ที่เป็นคู่อย่างละชนิดมาให้สืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อได้อีก
พอพระเจ้าส่งพระเยซูมาประกาศข่าวดีเรื่องสิทธิ์ที่มนุษย์จะกลับไปหาพระเจ้าบนสวรรค์ได้ ไม่ต้องลงนรก โดยการกลับมาคืนความสัมพันธ์ที่ห่างเหินและแตกร้าวในอดีตให้กลับมา แต่มนุษย์ยังทำอะไร ทำบาป จับผิด ไปจนถึงจับพระองค์ไปตรึง พระเยซูเจ้าที่เป็นถึงบุตรพระเจ้าที่มีศักดิ์สูงสุดจริง ๆ แถมทำให้เกิดปาฏิหาริย์หลายครั้งหลายหน จะจัดการยังไงก็ได้แท้ ๆ ก็ยังอุตส่าห์อดทนยอมทรงตายบนไม้กางเขนเพื่อให้ความผิดบาปถูกยกขึ้นโดยพระองค์แท้ ๆ
แล้วไง พอพระองค์เป็นขึ้นมาให้มนุษย์เห็นแล้วเอาไปประกาศ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่แค่ไม่เชื่อเปล่า จับไปฆ่า ไปทรมาน จับไปสั่งห้ามพูดมั่งล่ะ บางที่รุนแรงกล่าวหาใส่ร้ายว่าเป็นพวกผีพวกมาร หรือแม้กระทั่งเอาสิ่งที่คนเหล่านั้นจะใช้ประกาศข่าวดี มาจับผิดถ้อยคำตรงโน้นตรงนี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ ยังจะเอา โดยทีอธิบายเหตุผลเรื่องข้อจำกัดทางประวัติศาสตร์ ทีอย่างนี้ล่ะไม่ฟัง ไม่สน กรูจะจับผิด ใครจะทำไม
ถามจริง
1.แล้วทำไมไม่ถามมั่งล่ะ ว่าชื่อเฮโรด หรือชื่อคนโน้นคนนี้มีเหมือนกันมั่งรึเปล่า (ลืมแล้วเหรอ เฮโรดคนลูกที่มาหลังคนพ่อก็ใช้ชื่อเฮโรดเหมือนกันนะเออ แต่เป็นคนละคน)
2.พระเยซูจะประสูติในบ้าน ในรางหญ้า หรือว่าในปราสาท แค่เข้าใจแตกต่างกันแค่เ็ล็กน้อยก็ทำให้คนตกนรกแล้วหรือ
ดูท่าจะเข้าใจไบเบิลผิดไปไกลแล้วนะ จุดมุ่งหมายของไบเบิลคืออะไรก็บอกไปแล้ว แต่ที่ยกมา มันไม่ใช่ประเด็นหลัก เป็นแค่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยคนสมัยก่อน ในยุคที่การสื่อสารยังไม่ก้าวหน้า ไม่มีอินเทอร์เน็ต ถามจริงอ่านตรงนี้ไหมเนี่ย
อ๋อเหรอ แสดงว่าเอาแต่ตีความตัวอักษร ไม่ยอมศึกษาหาข้อมูลเลยสิ จำได้ว่าในพระคัมภีร์ก็น่าจะมีบอกไว้นะ ว่าพระเยซูเจ้ากำหนดความสัมพันธ์ของครอบครัวรูปแบบใหม่ เป็นครอบครัวโดยความเชื่อ ดังนั้นคริสตชนจึงเรียกคริสตชนด้วยกันว่าพี่น้อง โดยมีพระเยซูเป็นพี่ใหญ่ พระเจ้าเป็นพ่อ พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นอิสราเอลโดยทางพระวิญญาณ ไม่ได้เป็นโดยสายเลือดที่เป็นขอบเขตจำกัดไว้ด้วยสภาพเนื้อหนังในโลกAtheist เขียน:ใครบอกพี่สาวครับว่าพระเยซูจามาปลดปล่อยพวกเราอ่านดูให้ดีก่อนนะครับ เค้าจามาปลดปล่อยคนยิวเท่านัน แล้วใด้เลือกไว้แล้วด้วย144000คน เป็นชายชาวยิวที่บริสุตเท่านั้น ไม่เชื่อก้อลองไปถามคุณพ่อผู้ใหญ่ ดูเอาเองถ้าเค้ากล้าตอบนะ...!
แล้วก็ ทำไมต้องพูดว่า "ถ้าเขากล้าตอบ" ด้วย แล้วยังจะให้ไปถาม พูดแบบนี้ตัวเองไม่ดูกวนไปหน่อยรึ
แต่ดูจากบุคลิกและท่าทีการพูดแล้ว ก็คงจะทำเป็นมองผ่าน ๆ ทำหูทวนลมที่เราพูดอยู่ดีล่ะมั้ง แค่ชื่อก็ส่อแนวแอนตี้ซะแล้วแบบนี้ ไม่ได้ดูถูก แค่พูดความจริงจากท่าทีที่เห็นแค่นั้น
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
"เจ้าจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่เจ้าหว่าน" คุณหว่านอะไรไว้วันนี้...วันพิพากษาก็ได้ตามนั้นนะครับ
อุตสาห์คิดว่าเป็นคนที่อยากรู้แล้วเข้ามาถามเพื่อหาคำตอบแล้วนะเนี่ย แต่อีหรอบคงเป็นพวกแกะหลงโดนหมาป่าเขมือบไปครึ่งตัวแล้วล่ะมั้ง รึเปล่า?
ชื่อคนในสมัยพระเยซูก็มีซ้ำกันเยอะนะครับ บางทีเขาตั้งชื่อลูกให้เหมือนชื่อพ่อเป๊ะๆเลยก็มี
แต่สิ่งที่ยืนยันว่าพระเยซูที่เราพูดถึงเป็นคนเดียวกันเพราะ หนังสือ 4 เล่มของไบเบิ้ลบรรยายภารกิจของพระองค์ไว้ตรงกันหมด (แต่ถ้าเรื่องรายละเอียด เอางี้ครับ เวลากลุ่มนักเรียนไปทัศนศึกษาแล้วครูสั่งให้เขียนรายงานเนี่ย คิดว่าแต่ละคนมันจะเขียนตรงกันเป๊ะทุกตัวอักษรมั้ยครับ?)
บอกตรงๆ อันนี้บ่นให้คนในบอร์ดฟังนะครับ เห็นคนยุคนี้แล้วผมเริ่มเหนื่อยจะพูดให้คนกลับใจแล้วจริงๆ
เหมือนคุณวาลคิรี่บอกครับ.....หลายๆครั้ง ผมล่ะอยากเห็นคนพวกนี้ตกนรกให้รู้แล้วรู้รอดซะมั่ง....
...แต่มันผิดนี่สิ ก็กลุ้มอยู่เนี่ย ไม่รู้จะทำยังไงดี= =lll ใครมีวิธีมองในด้านบวกบ้างครับ ท้อจะแย่อยู่แล้ว
อุตสาห์คิดว่าเป็นคนที่อยากรู้แล้วเข้ามาถามเพื่อหาคำตอบแล้วนะเนี่ย แต่อีหรอบคงเป็นพวกแกะหลงโดนหมาป่าเขมือบไปครึ่งตัวแล้วล่ะมั้ง รึเปล่า?
ชื่อคนในสมัยพระเยซูก็มีซ้ำกันเยอะนะครับ บางทีเขาตั้งชื่อลูกให้เหมือนชื่อพ่อเป๊ะๆเลยก็มี
แต่สิ่งที่ยืนยันว่าพระเยซูที่เราพูดถึงเป็นคนเดียวกันเพราะ หนังสือ 4 เล่มของไบเบิ้ลบรรยายภารกิจของพระองค์ไว้ตรงกันหมด (แต่ถ้าเรื่องรายละเอียด เอางี้ครับ เวลากลุ่มนักเรียนไปทัศนศึกษาแล้วครูสั่งให้เขียนรายงานเนี่ย คิดว่าแต่ละคนมันจะเขียนตรงกันเป๊ะทุกตัวอักษรมั้ยครับ?)
บอกตรงๆ อันนี้บ่นให้คนในบอร์ดฟังนะครับ เห็นคนยุคนี้แล้วผมเริ่มเหนื่อยจะพูดให้คนกลับใจแล้วจริงๆ
เหมือนคุณวาลคิรี่บอกครับ.....หลายๆครั้ง ผมล่ะอยากเห็นคนพวกนี้ตกนรกให้รู้แล้วรู้รอดซะมั่ง....
...แต่มันผิดนี่สิ ก็กลุ้มอยู่เนี่ย ไม่รู้จะทำยังไงดี= =lll ใครมีวิธีมองในด้านบวกบ้างครับ ท้อจะแย่อยู่แล้ว
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ในเมื่อคุณเป็นพวกไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าอยู่จริง ตามชื่อที่อุตส่าห์ตั้ง
แล้วเอาทฤษฏีที่ผู้ฝักใฝ่เหมือนคุณขยันคิดขึ้นมาจับผิด
แล้วมาอุปโหลกว่าตัวเองขยันอ่านไบเบิ้ลเอง สงสัยเองขึ้นมาเนี่ย
ก็หมดราคาคุยแล้วค่ะ เมคสตอรี่เก่งจริง ๆ
ถ้าว่างขนาดนั้น เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ขยันทำมาหากินเถอะค่ะ คู๊ณณณณ
ถ้าคิดจะมาลองภูมิในนี้ ก็มาผิดที่แล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีน้ำใจดีในการเข้ามาตอบนะคะ
แต่การหาคำตอบให้กับคนที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์
เพราะเขาไม่ได้มาเพื่อหาคำตอบ แต่มาเพื่อลองภูมิและอวดฉลาด
การเสวนากับคนที่ส่อเจตนาโฉ่งฉ่างแบบนี้ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
นอกจากจะเป็นการเสริมความอีโก้บวมให้คนถาม และเราเหนื่อยเปล่า
ขอให้ตอบเฉพาะคนที่พร้อมจะกลับใจดีกว่าค่ะ

~@Little lamb@~
Defender of lawS
แล้วเอาทฤษฏีที่ผู้ฝักใฝ่เหมือนคุณขยันคิดขึ้นมาจับผิด
แล้วมาอุปโหลกว่าตัวเองขยันอ่านไบเบิ้ลเอง สงสัยเองขึ้นมาเนี่ย
ก็หมดราคาคุยแล้วค่ะ เมคสตอรี่เก่งจริง ๆ

ถ้าว่างขนาดนั้น เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ขยันทำมาหากินเถอะค่ะ คู๊ณณณณ
ถ้าคิดจะมาลองภูมิในนี้ ก็มาผิดที่แล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีน้ำใจดีในการเข้ามาตอบนะคะ

แต่การหาคำตอบให้กับคนที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์
เพราะเขาไม่ได้มาเพื่อหาคำตอบ แต่มาเพื่อลองภูมิและอวดฉลาด
การเสวนากับคนที่ส่อเจตนาโฉ่งฉ่างแบบนี้ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
นอกจากจะเป็นการเสริมความอีโก้บวมให้คนถาม และเราเหนื่อยเปล่า
ขอให้ตอบเฉพาะคนที่พร้อมจะกลับใจดีกว่าค่ะ

~@Little lamb@~
Defender of lawS