เผยชีวิตด้านใน พระเจ้า ความรัก และศรัทธา เติมเต็มจิตวิญญาณ ให้เปี่ยมด้วยความสุข
บรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงริมทะเลหัวหินในวันนี้ จะเป็นอีกโมเม้นท์หนึ่งที่พวกเราทีมงานสุขกายสบายใจจะต้องจดจำและประทับใจไปอีกแสนนาน เพราะเราได้มีโอกาสนั่งล้อมวงสนทนากับพระเอกคนดังที่ได้ชื่อว่ามีชีวิตลึกลับอันดับต้นๆ ของวงการบันเทิง
หลังจากที่เราหอบหิ้วกันมาจากกรุงเทพฯ และตั้งใจทำงานกลางแดดร้อนจัด บวกกับต้องแข่งกับเวลามาทั้งวันจนได้ภาพสวยๆ ที่เป็นตัวของตัวเองที่สุดของนายแบบสุดหล่อ แอนดริว เกร้กสัน ทำให้เย็นย่ำค่ำนี้ทั้งทีมงานและแอนดริวต่างอ่อนล้าไปตามๆ กัน
แต่ถึงอย่างไรทีมงานทุกคนก็ให้คะแนนความสุขเต็มร้อยสำหรับการทำงานในวันนี้ เพราะเราต่างสัมผัสได้ถึงความน่ารักเป็นกันเอง และความเป็นมืออาชีพของนายแบบ พร้อมทั้งอิ่มใจไปกับบทสนทนาที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงชีวิตด้านใน ความรัก และความศรัทธาที่มาเติมเต็มจิตวิญญาณของเขาให้เปี่ยมไปด้วยความสุข และเป็นความสุขที่สัมผัสได้ เดี๋ยวนี้
![รูปภาพ](http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/11/A8548447/A8548447-105.jpg)
-*-เกือบ 20 ปีที่ทำงานในวงการบันเทิง แต่ก็ยังเป็นพระเอกถึงทุกวันนี้
เพราะว่าพระเจ้ายังอยากให้ผมเป็นอยู่ครับ ผมเชื่อในพระเจ้าเหมือนที่ในพระคัมภีร์บอกว่า เราหว่านเมล็ดพืช เราปลูกต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน แต่ถ้าพระเจ้าไม่ให้มันโต ยังไงมันก็ไม่โต แต่ถ้าพระเจ้าจะให้มันเกิดมา ต่อให้มันอยู่ในทะเลทรายมันก็เกิดขึ้นมาได้ ก็คงเหมือนกันแหละครับ ผมรู้สึกว่าพระเจ้ายังอยากให้ผมอยู่ในวงการนี้ และพระเจ้าก็อวยพรในงานที่ผมทำเสมอ ซึ่งมีหลายครั้งผมก็รู้สึกเลยว่า นิสัยอย่างผมมาทำงานอย่างนี้ได้ยังไง แต่พระเจ้าก็ให้ผมทำได้ ขอบคุณพระเจ้าครับ
มีช่วงหนึ่งที่เข้าวงการใหม่ๆ ตอนนั้นผมยังไม่ได้เล่นละครเลย ก็มีงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา แล้วก็มาเล่นหนังเป็นช่วงแรกที่ผมยังไม่รู้ว่า การทำงานจริงๆ มันเป็นยังไง เหมือนสมัยตอนเรียนหนังสือ คนอื่นเขาก็บอกว่าให้ตั้งใจเรียนนะ ผมก็ไม่รู้ว่าการตั้งใจเรียนมันเป็นยังไงผมไม่รู้จริงๆ แต่ผมก็รู้ว่าผมต้องไปโรงเรียน เรียนหนังสือก็ตามๆ เพื่อนไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่รู้หรอกว่าเรียนแล้วจะเป็นอะไร บางครั้งผมก็หาคำตอบที่มันดูดี พอตอบแล้วดูโอเคหน่อยว่าอนาคตเราอยากจะเป็นอะไร
-*-เด็กๆ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเข้าวงการบันเทิง
เวลาที่ได้ยินคนอื่นเขาถามว่า โตไปอยากทำอะไร ผมคิดนะแต่ผมไม่รู้ ยังไม่มีคำตอบในใจ พอได้มาทำงานในวงการบันเทิง ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เวลาที่ผมมองนักแสดงที่มีชื่อเสียงหรือนัการเมือง เรารู้สึกว่าดูดีจังเพราะเรามองเห็นแต่ด้านที่ประสบความสำเร็จของเขา ก็เหมือนกันผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมเข้ามาในวงการบันเทิงทำไม อย่างตอนถ่ายโฆษณา เขาบอกให้วิ่งเราก็วิ่งแค่นั้นเอง ได้แต่ตั้งใจทำตามที่เขาบอก ทำงานก็อย่างนี้แหล่ะครับคือทำตามที่เขาบอก ตอนเด็กๆ ก็มีดื้อบ้างเพราะบางอย่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม ซักพักก็เริ่มรู้สึกได้เองว่าอยากจะทำงานให้มันออกมาดี เพราะเห็นคนอื่นๆ ที่เขาตั้งใจทำงานแล้วออกมาดี ก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นครั้งแรกที่คิดว่าอยากจะตั้งใจทำงาน หลักจากที่เล่นหนังได้ 4-5 เรื่องแล้วสุดท้ายก็ต้องขอบคุณพระเจ้า เพราะช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่เรารู้จักพระเจ้าในชีวิตครั้บ