นิกายคาทอลิกเชื่อในเรื่องการถูกรับขึ้นไป (Rapture) หรือไม่?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 1241
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร ก.ย. 09, 2025 12:54 am

หากจะพูดกันตามจริงแล้ว คริสตชนคาทอลิกเชื่อในรูปแบบของ “การถูกรับขึ้นไป (Rapture)” ซึ่งก็คือ การรับสัตบุรุษทุกคน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงหลับไปแล้ว ขึ้นสู่สวรรค์ ณ การเสด็จมา , การพิพากษาครั้งที่สอง และครั้งสุดท้ายของพระเยซู ก่อนหน้านั้นจะมีการปรากฏของผู้ต่อต้านพระคริสต์ (Antichrist) และช่วงเวลาแห่งการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “การทนทุกข์ทรมาน (Tribulation)“

แต่มีแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการถูกรับขึ้นไป ซึ่งมักจะเป็นแนวคิดต่อต้านนิกายคาทอลิกอย่างมาก กำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วนิกายโปรเตสแตนต์สายอีแวนเจลิคัลและสายมูลฐานนิยมหลายคณะ แนวคิดนี้แปลกแยกอย่างสิ้นเชิงจากคริสตศาสนาในช่วง 17 ศตวรรษแรก และยิ่งได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากหนังสือและภาพยนตร์ยุคหลังๆอย่าง ซีรีส์ อุบัติการณ์สวรรค์สั่ง - Left Behind (2014) ที่โด่งดัง

แม้ว่าแนวคิดใหม่เรื่องการถูกรับขึ้นไปนี้จะมีหลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปแล้วแนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับการแบ่งประวัติศาสตร์ทางพระคัมภีร์ออกเป็นชุดของ “การกระจาย (dispensations)” หรือ ยุคสมัย จากนั้นจึงเพิ่มการเสด็จมาครั้งที่สองอย่างลับๆของพระเยซู (ก่อนการเสด็จมาครั้งสุดท้าย) ซึ่งพระองค์จะทรงรับสัตบุรุษขึ้นไป ทิ้งผู้อื่นไว้เบื้องหลังเพื่อการทนทุกข์ทรมาน 7 ปีซึ่งเริ่มต้นโดยผู้ต่อต้านพระคริสต์ หลังจากนั้นจะมีการเสด็จกลับมาและการพิพากษาครั้งที่สาม ซึ่ง ณ จุดนั้นพระเยซูจะสถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์บนโลกเป็นระยะเวลา 1,000 ปี เมื่อสิ้นสุดการปกครองบนโลกนี้ จะมีการพิพากษาครั้งสุดท้าย และในที่สุดก็ถึงยุคสุดท้ายอย่างที่เรารู้จักกัน

มาดูข้อความในพระคัมภีร์เกี่ยวกับคำสอนอันน่ากังวลนี้กันให้ละเอียดยิ่งขึ้น

พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว!

ผู้เชื่อในแนวคิดการถูกรับขึ้นไปอ้างว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกยังไม่เริ่มต้นในรูปแบบใดๆ” โดยอ้างอิงจากการตีความของพวกเขาเกี่ยวกับยุคสมัยพันปีของพระคริสต์ที่อธิบายไว้ใน วิวรณ์ 20:4 พวกเขาเชื่อว่า “พระเยซูจะทรงเริ่มต้นยุคสมัยพระอาณาจักรพันปีอย่างแท้จริงในการเสด็จกลับมาครั้งที่สาม หลังจาก ‘การถูกรับขึ้นไป’”

+ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี - วิวรณ์ 20:4

แต่การอ่านพระคัมภีร์แบบผิวเผินก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระเยซูได้สถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์แล้วเมื่อพระองค์ประทับอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดน่าจะมาจาก ลูกา 17:20-21 เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” กล่าวอีกนัยหนึ่ง พระอาณาจักรนั้นอยู่ที่นี่แล้ว!

+ เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” - ลูกา 17:20-21 พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง

ในทำนองเดียวกัน ใน มัทธิว 6:30-33 พระเยซูตรัสกับบรรดาผู้ติดตามของพระองค์ว่า อย่ากังวลเกี่ยวกับความต้องการทางโลกในชีวิตประจำวัน แต่ให้ “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้”

+ แม้แต่หญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ รุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้ายังทรงตกแต่งให้งดงามเช่นนี้ พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านั้นหรือ ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง ดังนั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า ‘เราจะกินอะไร หรือจะดื่มอะไร หรือเราจะนุ่งห่มอะไร’
เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” - มัทธิว 6:30-33 ความวางใจในพระเจ้า

และใน มัทธิว 16:28 พระเยซูทรงเปิดเผยว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์” ในที่นี้ พระเยซูไม่ได้ทรงหมายถึง การสถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์เฉพาะในสวรรค์เท่านั้น ดังที่ผู้เชื่อในแนวคิดการถูกรับขึ้นไปบางคนพยายามอ้าง “เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์” จะเกิดขึ้นบนโลกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และในขณะที่บางท่านที่พระองค์กำลังตรัสด้วยยังมีชีวิตอยู่!

+ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์ - มัทธิว 16:28 เงื่อนไขในการติดตามพระคริสตเจ้า

พวกเราไม่ได้รอคอยการเสด็จกลับมาอย่างลับๆของพระเยซูในการรับขึ้นไป แล้วตามด้วยการเสด็จกลับมาครั้งที่สามเพื่อเริ่มต้นการสถาปนาของพระอาณาจักร เพราะพระอาณาจักรมาถึงแล้ว!

การปกครองหนึ่งพันปี?

แล้วยุคพันปีของพระเยซูที่กล่าวถึงใน วิวรณ์ 20:4 ? พวกที่เชื่อในการแนวคิดการถูกรับขึ้นไปโต้แย้งว่า “หากพระเยซูได้สถาปนาพระอาณาจักรของพระองค์บนโลกจริงๆ” เมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งแรกเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน พระอาณาจักรก็น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขายืนยันว่า “ช่วงเวลานี้ต้องยาวนานถึงพันปีจริงๆ”

+ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี - วิวรณ์ 20:4 การปกครองหนึ่งพันปีของพระคริสตเจ้า

พระศาสนจักรจะตอบว่า หนังสือวิวรณ์ (Revelation) เป็นหนังสือที่มีสัญลักษณ์มากมาย และใช้ตัวเลขและช่วงเวลาอย่างเป็นสัญลักษณ์ตลอดทั้งเล่ม ตัวเลขของสัตว์ร้าย คือ 666 ใน วิวรณ์ 13:18 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับ 144,000 ใน วิวรณ์ 14:3-5 (ลองนึกถึง 12 เผ่าที่เป็นตัวแทนของพันธสัญญาเดิม คูณด้วย อัครสาวก 12 คน ที่เป็นตัวแทนของพันธสัญญาใหม่ คูณด้วย 1,000) หนึ่งพันเป็นตัวเลขในพระคัมภีร์ ซึ่งโดยทั่วไป หมายถึง จำนวนหรือช่วงเวลาจำนวนมากที่ไม่ได้ระบุ

+ ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือหกร้อยหกสิบหก - วิวรณ์ 13:18 ประกาศกเทียมเป็นผู้รับใช้ของสัตว์ร้าย

+ เขาเหล่านั้นร้องเพลงบทใหม่หน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนและต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโส ไม่มีใครเรียนรู้บทเพลงนี้ได้ นอกจากคนบนแผ่นดินจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนผู้ได้รับการไถ่กู้ เขาบริสุทธิ์เหมือนพรหมจารี เพราะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขาติดตามลูกแกะไปทุกแห่งที่พระองค์เสด็จ ในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย คนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับการไถ่กู้ เป็นเหมือนผลแรกถวายแด่พระเจ้าและลูกแกะ ปากของเขาไม่เคยกล่าวคำเท็จ เขาไม่มีมลทิน - วิวรณ์ 14:3-5 ผู้ติดตามลูกแกะของพระเจ้า

คริสตชนทั่วไปเข้าใจการปกครองหนึ่งพันปีของพระเยซูใน วิวรณ์ บทที่ 20 ว่า “เป็นช่วงเวลาอันยาวนานเชิงสัญลักษณ์ที่พระเยซูทรงสถาปนาเมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งแรกและกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”

+ ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจแห่งบาดาลและโซ่ใหญ่เส้นหนึ่ง เขาจับมังกรหรืองูดึกดำบรรพ์ คือปีศาจและซาตาน แล้วล่ามมันไว้เป็นเวลาหนึ่งพันปี โยนมันลงไปในบาดาล ปิดกุญแจทางเข้าและประทับตราไว้ข้างบน เพื่อมิให้มันหลอกลวงนานาชาติให้หลงผิดได้อีกจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งพันปี หลังจากนั้น มันจะต้องถูกปล่อยออกมาชั่วระยะเวลาสั้นๆ

ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้รับอำนาจที่จะพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้า และเพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผู้ที่ไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือที่มือ เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิต และเข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี ผู้ตายคนอื่นไม่ได้กลับมีชีวิตจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งพันปี นี่คือการกลับคืนชีพครั้งแรก ผู้ที่มีส่วนในการกลับคืนชีพครั้งแรกย่อมเป็นสุขและเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ความตายที่สองไม่มีอำนาจเหนือเขาเหล่านี้เลย แต่เขาจะเป็นสมณะของพระเจ้าและของพระคริสตเจ้า และจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นเวลาหนึ่งพันปี

เมื่อครบกำหนดหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยจากที่คุมขัง มันจะออกไปหลอกลวงนานาชาติทั้งสี่มุมของแผ่นดินให้หลงผิดไป ทั้งโกกและมาโกก มันจะรวบรวมกำลังพลจำนวนมากเหมือนเม็ดทรายชายทะเลเพื่อทำสงคราม กำลังพลเหล่านี้กระจายไปทั่วแผ่นดิน ล้อมค่ายของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และนครซึ่งเป็นที่รักของพระเจ้าไว้ แต่ไฟตกจากสวรรค์เผาผลาญเขาเหล่านี้ ส่วนปีศาจที่หลอกลวงพวกเขาให้หลงผิดถูกโยนลงไปในทะเลไฟและกำมะถัน ที่นั่นมีทั้งสัตว์ร้ายและประกาศกเทียมอยู่ด้วย ปีศาจ สัตว์ร้าย และประกาศกเทียมจะถูกทรมานทั้งกลางวันกลางคืนตลอดนิรันดร

ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์ ท้องฟ้าและแผ่นดินสูญหายไปเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แล้วข้าพเจ้าเห็นบรรดาผู้ตายทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์ หนังสือหลายม้วนถูกคลี่ออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งคือม้วนหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกคลี่ออกด้วย บรรดาผู้ตายถูกพิพากษาตามข้อความที่บันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้นตามกิจการของเขา

ทะเลคืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนผู้ตายก็คืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในแดนผู้ตาย ทุกคนถูกพิพากษาตามกิจการของตน ความตายและแดนผู้ตายถูกโยนลงไปในทะเลไฟ ทะเลไฟนี้คือความตายครั้งที่สอง ผู้ใดไม่มีชื่อบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงในทะเลไฟ - วิวรณ์ 20:1-15 การปกครองหนึ่งพันปีของพระคริสตเจ้า / การพิพากษาครั้งสุดท้าย

การเสด็จมาครั้งสุดท้ายของพระเยซู และจะไม่ใช่ความลับ!

การเสด็จมาครั้งสุดท้ายของพระเยซูจะมีเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่สองหรือสามครั้งอย่างที่ผู้ที่เชื่อในการแนวคิดการถูกรับขึ้นไปบางคนอ้างไว้ ไม่มีส่วนใดในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเสด็จมาครั้งที่สามของพระเยซู และการเสด็จมาครั้งที่สองและครั้งสุดท้ายของพระองค์จะไม่เป็นความลับอย่างแน่นอน! ใน ลูกา 17:24 และ มัทธิว 24:27 พระเยซูตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า “เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้าหนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น” จะไม่มีใครพ้นเหตุการณ์นี้ได้!

+ เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้าหนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น - ลูกา 17:24 วันของบุตรแห่งมนุษย์

+ สายฟ้าแลบจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาฉันนั้น - มัทธิว 24:27 การเสด็จมาของบุตรแห่งมนุษย์

น่าแปลกที่ ข้อความพระคัมภีร์สำคัญหลายข้อที่ใช้โต้แย้งเรื่องการถูกรับขึ้นไปอย่างลับๆ กลับขัดแย้งกับแนวคิดดังกล่าวอย่างชัดเจน เช่น 1 โครินธ์ 15:51-55 เป็นข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการถูกยกขึ้นสู่สวรรค์ที่มักถูกยกมาอ้างบ่อยครั้งว่า “เสียงแตรจะดังขึ้น แล้วผู้ตายจะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย และเราจะเปลี่ยนแปลง” โปรดสังเกตการอ้างอิงถึงเสียงแตร!

+ โปรดฟังเถิด ข้าพเจ้ามีธรรมล้ำลึกข้อหนึ่งจะบอกท่าน เราทุกคนจะไม่ตาย แต่เราทุกคนจะเปลี่ยนแปลง ทันทีทันใด ชั่วพริบตา เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เสียงแตรจะดังขึ้น แล้วผู้ตายจะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย และเราจะเปลี่ยนแปลง - 1 โครินธ์ 15:51-55 สภาพร่างกายของผู้กลับคืนชีพ

ในทำนองเดียวกัน 1 เธสะโลนิกา 4:13-17 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่โปรดปรานอีกข้อหนึ่งเกี่ยวกับการถูกรับขึ้นไปอย่างลับๆ ที่ว่า “เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า” จะไม่มีความลับใดๆ เกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซู

+ พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้ที่หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป - 1 เธสะโลนิกา 4:13-17 ผู้ตายและผู้มีชีวิตขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา

ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #นิกายคาทอลิก #พระศาสนจักรคาทอลิก #พระศาสนจักร #การถูกรับขึ้นไป #ผู้ต่อต้านพระคริสต์ #การทนทุกข์ทรมาน #การเบียดเบียนคริสตชน #กลียุค #ยุคพันปี #ยุคสุดท้าย #คริสตชน #คริสตัง #คริสเตียน #พระเยซู #พระอาณาจักร #พระเจ้า #พระคัมภีร์ #catholic #rapture #antichrist #tribulation

CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/15JDic ... tid=wwXIfr
ตอบกลับโพส