ไม่ทราบเคยอ่านผ่านหรือยังคะ เห็นอ่านเข้าใจง่ายดี เลยเก็บมาฝาก
การนำหลักคริสตธรรมไปประยุกต์สู่ชีวิตจริง
ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ ได้ให้แนวคิดเหี่ยวกับการนำเราหลักคริสธรรมไปศึกษา วิเคราะห์ในชีวิตจริงดังนี้
1. เพื่อผลดีของเราเอง ให้สังเกตว่าในการเปิดเผยรหัสธรรมเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ นั้น พระเยซูทรงแสดงความ ปรารถนา อย่างแรงกล้า ให้เราได้มีส่วนรู้เห็นชีวิตเร้นลับ ภายในพระองค์ในส่วนที่เป็นพระเจ้า ทั้งนี้เพราะทรงเห็นว่าจะเป็น ประโยชน์ต่อตัว มนุษย์เองอย่างยิ่ง นักบุญหลายท่านได้ตรึกตรองเห็นคุณค่าล้ำลึกมาแล้วมากต่อมาก
ให้สังเกตและตรึกตรองพระดำรัสตอนหนึ่ง "หากผู้ใดรักเรา ก็จงปฏิบัติตาม คำสั่งสอน ของเราพระบิดาจะทรงรักเขา
และเรา (ทั้งสามบุคคล) จะมาหาเขาเพื่อ ประทับอยู่ในตัวเขา" (ยอห์น ๑๔.๒๕) จงตรึกตรองดูว่ามนุษย์ผู้นั้นจะมีศักดิ์ศรี สูงส่งเพียงไร มีโชคดีมหาศาลสักแค่ไหน ได้มีผู้บรรลุและประสบความอิ่มอกอิ่มใจในพระสัญญานี้มากต่อมากแล้ว ผู้ไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติก็ไม่อาจจะรู้คุณค่า ไม่รู้คุณค่าก็ไม่อาจสนใจ มนุษย์เราก็มีอยู่แค่นี้แหละ
2.สวรรค์เริ่มในโลกนี้แล้ว ชาวคริสต์คาทอลิกถือว่าผู้ไม่มีบาปหนัก มีพระหรรษาทานประจำใจตลอดเวลา พระหรรษาทานคือ สภาพของวิญญาณที่พอพระทัยพระเจ้า พระตรีเอกภาพประทับใจในใจของเขา เขาอาจจะไม่รู้สึกมากนักเพราะเขายังมีความรักเพียงเล็กน้อย หากเขาได้ฝึกฝนความรักให้ละเมียดละไมมากขึ้น กิเลสเบาบางลง การทำตามใจตัวเองน้อยลงตามลำดับ เขาจะรู้สึกการประทับของพระตรีเอกภาพ ในจิตใจเขามากขึ้น ๆ จนรู้สึกได้ชัดเจนเจ้าจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เขาบรรลุสวรรค์แล้ว จะเป็นตายไม่สำคัญแล้วเพราะสวรรค์อยู่ในใจของเขาแล้ว โลกนี้โลกหน้าเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขาเสียแล้ว
3.ศาสนาคริสต์คือความสัมพันธ์กับพระเจ้าโดย ผู้ที่มีสวรรค์อยู่ในอกจะรู้สึกว่าตนติดต่อกับพระเจ้า โดยตรง ภายในจิตใจของตนเอง เขาจะรู้สึกมีพระบิดที่รักและห่วงใยลูกของพระองค์ภายในจิตใจของตน เขาจะส่งกระแส ความรู้สึกรัก ภักดีถึงพระองค์โดยตรงภายในจิตใจของตน เขามั่นใจและวางใจว่าพระองค์ ทรงพร้อมที่จะรับกระแสความรู้สึก ของตนด้วย ความชื่นชม จิตใจของขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ความรู้สึกเป็น หนึ่ง เดียวกับพระบิดานี้เอง ทำให้เขาต้องพลอย ห่วยใย ถึงมนุษย์ทุกคนในฐานะพี่น้องเขาจะ คอยสอดส่องดูแลและห่วงใยทุกคน ด้วยความบริสุทธิใจและจริงใจโดย ไม่มีเบื้องหลัง ผลประโยชน์เป็นตัวนำ เขาจะผูกพันแน่นแฟ้นกับพระศาสนาจักร ในฐานะเป็นองค์กรที่พระบิดาทรงสร้างไว้เป็นสายสัมพันธ์ ระหว่างพี่น้องทุกคน ในมุนษย์ชาติ ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต เขาจะติดต่อสัมพันธ์กับ พระบุตรในสภาพบุตรมนุษย์ คือพระเยซู เขารู้สึกว่าพระเยซูถ่อมองค์ลงเป็นมนุษย์เหมือนเขา เพื่อทำตัวเป็นพี่ใหญ่ของเขาและของมนุษย์ทุกคน เขาจะรู้สึกสนิท สนมกับพระองค์แต่ก็เคารพยำเกรงพระองค์อย่างยิ่ง เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเขาก็รู้ว่า พระองค์ทรงมีประสบการณ์ได้เหมือนเขาย่อม เข้าใจความรู้สึกและความต้องการของเขาได้อย่างละเอียดสุขุมยิ่งเขา จะรู้สึกว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะเข้าใจได้ดีเท่าพระองค์ แม้แต่ ตัวของเขาเองก็ตาม เขาจะมอบหมายชีวิตความเป็นอยู่ของเขาให้พระะองค์จัดการตามพระประสงค์อย่างไม่อั้น และพระองค์ก็ จะ พาเขาสู่ความรัก ของพระบิดาตาม ที่ทรงสัญญาไว้
เขาจะรู้สึกการทำงานของพระจิตกายในจิตใจของเขา เขาระสู้สึกว่าเขาฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อในการสื่อสัมพันธ์กับพระบิดา และพระบุตร เขาละเมียดละไมอย่างคาดไม่ถึงในการบริการพี่น้องเพื่อนมนุษย์ทุกรูปทุกนามอย่างเหมาะสมเป็นกรณี ๆ ไป ทุกคน ชื่นชมในตัวเขาแต่เขารู้สึกว่านั่นเป็นผลงานของพระจิตเจ้าที่ทำการในตัวเขาโดยใช้เขาเครื่องมือเพื่อพระภารกิจของพระองค์ เขาจะ คอยระวังตัวมิให้เป็นเครื่องมือที่แข็งทื่อหยาบกระด้างต่อพลังกระตุ้นอันแผ่วเบาของพระองค์ในจิตใจของเขา
4.ร่างกายพลอยศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วย เมื่อเรามีพระตรีเอกภาพในจิตใจของเราร่างกายของเราก็พลอยมีเกียรติได้เป็นที่ประทับน้อย ๆ ของพระเจ้าไปนักบุญเปาโลเตือนสติ คริสตชนรุ่นแรกว่า "ท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายของท่านคือวิหารของพระจิตเจ้า พระองค์ประทับในตัวท่าน พระองค์มาจากพระเจ้า ตัวท่านไม่เป็นกรรมสิทธ์ของท่านต่อไปแล้ว เพราะพระเยซูไทรงไถ่ถอนมาด้วยราคาแพง จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าและรับเสด็จไว้ ในตัวท่านเถิด ดังนั้นเราพึงใช้ร่างกายของเราและร่างกายของผู้อื่นในทางที่ถูกที่ควรเสมอ ให้รู้จักเกรงพระทัยพระตรีเอกภาที่ประทับอยู่ ภายในไม่พึง ทำอะไรที่จะระคายพระทัยพระองค์เป็นอันขาด
หลักปฏิบัติตนของคริสตชน
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
5.ถวายเกียรติแด่พระตรีเอกภาพโดยการพัฒนาตัวเอง มนุษย์แต่ละคนเมื่อมีพระตรีเอกภาพประทับในดวงจิต ย่อมมีความสัมพันธ์เฉพาะกับพระองค์ เขาควรตระหนักได้วามีความสำคัญเป็นเอกภพ หมายความว่าพระเจ้าทรงให้ความสำคัญแก่ ตัวเขาเป็นการเฉพาะตัวเขาจริง ๆ จะหาสิ่งใดหรือผู้ใดมาทดแมนไม่ได้อีกแล้ว เพราะคนอื่นใดเอกภพย่อมไม่ใช่ตัวเขา และพระตรี เอกภาพทรงเจาะจงประทับและผูกพันกับตัวเขาโดยเฉพาะ เขามีความสำคัญโดยเฉพาะในเอกภพในสายพระเนตรของพระองค์ เหมือนแม่รักลูกคนสุดท้องของตนซึ่งจะเอาใครมาแทนไม่ได้
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ แต่ละคนพึงพัฒนาตนเองให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยเฉพาะ โดยอาศัยพระพรเฉพาะตัวที่พระเจ้า ประทานให้ โดยอาศัยทรัพยากรเท่าที่มาและสิ่งแวดล้อมเฉพาะที่ตนมี เพื่อพัฒนาตนเองขึ้นเป็นตัวของตัวเองโดยเฉพาะ มีความ เหมาะสมที่จะให้พระตรีเอกภพทรงใช้งานในที่เฉพาะของตน อันจะหาใครอื่นมาทดแทนมิได้ เขาจะอยู่ในตำแหน่งแหล่งที่ใดนั้น ไม่สำคัญ ใครจะคิดว่าเขาเป็นใครนั้นไม่สำคัญ ความสำคัญที่แท้จริงอยู่ที่ว่าพระตรีเอกภพทรงประทับอยู่กับเขาทรงวางเขาไว้ตรง นั้น ให้ทำหน้าที่นั้นและมีบทบาทอย่างนั้นและเขาน้อมรับทุกอย่างด้วยความรักภักดีต่อพระตรีเอกภพในจิตใจของเขา เขาภูมิใจใน ตำแหน่งหน้าที่ของเขาที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเพราะเป็นตำแหน่งหน้าที่และบทบาท ที่พระตรีเอกภพทรงตระเตรียม ไว้แต่อดีตนิรันดรเพื่อเขาโดยเฉพาะ
ด้วยความสำนึกอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้วเช่นนี้ เขาจะพยายามรักษาทั้งใจและกายของเขาให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไว้เป็นที่ประทับของ พระตรีเอกภพ เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงอบายมุขทุกอย่าง เขาจะไม่ยอมทำบาป เขาจะหลีกเลี่ยงหนทางที่จะนำไปสู่ความบาป แต่เขา ก็รู้จักวางตัวมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนไม่ทำแตกแยกในสังคมเขายินดีเสียสละ ยอมเสียเปรียบและยอมรับใช้ทุกคนเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้โดยรักษาความพอเหมาะพอดี มิให้เสียหน้าที่อันพึงมีต่อตัวเขาเองต่อครอบครัวของเขา ต่อประเทศชาติ และต่อพระศาสนา จักรอันเป็นสังคมที่พระเยซูเจ้าเองทรงทำหน้าที่เป็นประมุขที่มองไม่เห็น
6.ถวายเกียรติแด่พระตรีเอกภาพโดยการเคารพบุคคลอื่น มนุษย์ทุกคนเป็นลูกของพระบิดาเดียวกัน บางคนเป็นสถิต ของพระตรีเอกภาพแล้ว ส่วนคนที่เหลือ ทุกคนมีสิทธิและอยู่ในศักยภาพที่จะเป็นที่สถิตของพระองค์เมื่อไรก็ได้ เราจึงควรเคารพ ทุกคน เห็นใจทุกคน พยายามเข้าใจทุกคน ช่วยเหลือ ทุกคนเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ไม่ทำความยุติธรรมแก่ใครเลย ไม่โกรธหรือ ดูถูกเหยียดหยามใครเลย ไม่คิดเอาปรียบใครเลยมไม่มองใครเลยในแง่ร้าย เกลียดชังใครไม่ได้เลยเป็นอันขาด
7.ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ได้ชื่อว่ามนุษย์แล้วไม่ว่าจะเป็นใคร มีฐานะเช่นไร ย่อมมีความยิ่งใหญ่เทียบเคียงพระบุตร เพราะพระบุตร ทรงลดองค์ลงเกิดเป็นมนุษย์ มีเนื้อหนังมังสาอย่างเรามนุษย์ เป็นเกียรติแก่มนุษย์ปานใดที่พระองค์มิเพียงแต่เสด็จ มาเยี่ยมมนุษย์ แต่ทรงเข้ามาเป็น สมาชิกคนหนึ่งในสังคมมนุษย์ทรงแทรกองค์เข้ามาร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับมนุษย์ มนุษย์จะมี ความยิ่งใหญ่จริง ๆ ในเอกภพก็โดยร่วมสร้าง ประวัติศาสตร์กับพระองค์ อันจะเป็นประวัติศาสตร์ที่ธำรงอยู่ตลอดกาล นิรันดร ดังคำประกาศของสำนักวาติกันที่ ๒ ว่า ........."พระวจนะ...ได้ทรงแทรกแซงเข้ามาในประวัติศาสตร์โลกในสภาพของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ที่รับเอาประวัติศาสตร์เป็น .........ส่วนองค์และสรุปประวัติศาสตร์โดยพระกิจการของพระองค์"
มาจากนี้ ค๊า http://www.dra.go.th/dra_new/religion_C ... rist_5.asp
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ แต่ละคนพึงพัฒนาตนเองให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยเฉพาะ โดยอาศัยพระพรเฉพาะตัวที่พระเจ้า ประทานให้ โดยอาศัยทรัพยากรเท่าที่มาและสิ่งแวดล้อมเฉพาะที่ตนมี เพื่อพัฒนาตนเองขึ้นเป็นตัวของตัวเองโดยเฉพาะ มีความ เหมาะสมที่จะให้พระตรีเอกภพทรงใช้งานในที่เฉพาะของตน อันจะหาใครอื่นมาทดแทนมิได้ เขาจะอยู่ในตำแหน่งแหล่งที่ใดนั้น ไม่สำคัญ ใครจะคิดว่าเขาเป็นใครนั้นไม่สำคัญ ความสำคัญที่แท้จริงอยู่ที่ว่าพระตรีเอกภพทรงประทับอยู่กับเขาทรงวางเขาไว้ตรง นั้น ให้ทำหน้าที่นั้นและมีบทบาทอย่างนั้นและเขาน้อมรับทุกอย่างด้วยความรักภักดีต่อพระตรีเอกภพในจิตใจของเขา เขาภูมิใจใน ตำแหน่งหน้าที่ของเขาที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเพราะเป็นตำแหน่งหน้าที่และบทบาท ที่พระตรีเอกภพทรงตระเตรียม ไว้แต่อดีตนิรันดรเพื่อเขาโดยเฉพาะ
ด้วยความสำนึกอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้วเช่นนี้ เขาจะพยายามรักษาทั้งใจและกายของเขาให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไว้เป็นที่ประทับของ พระตรีเอกภพ เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงอบายมุขทุกอย่าง เขาจะไม่ยอมทำบาป เขาจะหลีกเลี่ยงหนทางที่จะนำไปสู่ความบาป แต่เขา ก็รู้จักวางตัวมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนไม่ทำแตกแยกในสังคมเขายินดีเสียสละ ยอมเสียเปรียบและยอมรับใช้ทุกคนเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้โดยรักษาความพอเหมาะพอดี มิให้เสียหน้าที่อันพึงมีต่อตัวเขาเองต่อครอบครัวของเขา ต่อประเทศชาติ และต่อพระศาสนา จักรอันเป็นสังคมที่พระเยซูเจ้าเองทรงทำหน้าที่เป็นประมุขที่มองไม่เห็น
6.ถวายเกียรติแด่พระตรีเอกภาพโดยการเคารพบุคคลอื่น มนุษย์ทุกคนเป็นลูกของพระบิดาเดียวกัน บางคนเป็นสถิต ของพระตรีเอกภาพแล้ว ส่วนคนที่เหลือ ทุกคนมีสิทธิและอยู่ในศักยภาพที่จะเป็นที่สถิตของพระองค์เมื่อไรก็ได้ เราจึงควรเคารพ ทุกคน เห็นใจทุกคน พยายามเข้าใจทุกคน ช่วยเหลือ ทุกคนเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ไม่ทำความยุติธรรมแก่ใครเลย ไม่โกรธหรือ ดูถูกเหยียดหยามใครเลย ไม่คิดเอาปรียบใครเลยมไม่มองใครเลยในแง่ร้าย เกลียดชังใครไม่ได้เลยเป็นอันขาด
7.ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ได้ชื่อว่ามนุษย์แล้วไม่ว่าจะเป็นใคร มีฐานะเช่นไร ย่อมมีความยิ่งใหญ่เทียบเคียงพระบุตร เพราะพระบุตร ทรงลดองค์ลงเกิดเป็นมนุษย์ มีเนื้อหนังมังสาอย่างเรามนุษย์ เป็นเกียรติแก่มนุษย์ปานใดที่พระองค์มิเพียงแต่เสด็จ มาเยี่ยมมนุษย์ แต่ทรงเข้ามาเป็น สมาชิกคนหนึ่งในสังคมมนุษย์ทรงแทรกองค์เข้ามาร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับมนุษย์ มนุษย์จะมี ความยิ่งใหญ่จริง ๆ ในเอกภพก็โดยร่วมสร้าง ประวัติศาสตร์กับพระองค์ อันจะเป็นประวัติศาสตร์ที่ธำรงอยู่ตลอดกาล นิรันดร ดังคำประกาศของสำนักวาติกันที่ ๒ ว่า ........."พระวจนะ...ได้ทรงแทรกแซงเข้ามาในประวัติศาสตร์โลกในสภาพของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ที่รับเอาประวัติศาสตร์เป็น .........ส่วนองค์และสรุปประวัติศาสตร์โดยพระกิจการของพระองค์"
มาจากนี้ ค๊า http://www.dra.go.th/dra_new/religion_C ... rist_5.asp
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
อ่านดูคล้าย ๆข้อความมันขาด ๆหาย ๆอยู่เหมิอนกัน ถือว่าเป้นการฝึกสมองประลองการเดาละกันนะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณครับ 
