เวลาสวดสายประคำใครเป็นแบบผมบ้าง TT
- truelove_name
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm
ไม่รู้ว่าผม เกร็งไปรึเปล่านะครับ ตอนเล่นคอมอ่านอะไรไปเรื่อยๆ ก็ปกติดีทุกอย่าง
พอก่อนนอน จะสวดขอบคุณ สวดสารภาพบาป สวดสายประคำ ก็จะเกิดอาการลมในกระ
เพาะตีขึ้น เกิดเป็นอาการเรอ ระหว่างสวด หรือ หาวง่วงนอนระหว่างสวด ตอนนั้น
ผมแทบอยากจะมุดพสุธาหนีไปเลย อายมาก ต้องสวดเริ่มใหม่ ยิ่งผมไปอ่านเจอว่า ตอนสวดให้ปฏิบัติเหมือนอยู่ต่อหน้าพระบิดาฯ ผมยิ่ง เกร็งไปกันใหญ่เลย แล้วท่าทางเวลาสวดของผมปกติผมจะนั่งอยู่
ขอบเตียงในท่าพับเพียบ แต่ด้วย ความที่มัีกจะเหน็บกิน เลยเปลี่ยนมานั่งยืดขาไปบนเตียง แล้ว
เอาผ้าห่มคลุ้มขาไว้ แล้วเอาหมอนมาหนุนหลัง ท่าดูไม่สุภาพเท่าที่ควร แต่ผมก็ไม่รู้จะจัดท่าทางอย่างไรให้เหมาะสม ดี ประกอบกับผมชอบสวดผิดสวดเกิน บางทีในบทไม่มีก็ไปเติม หรือมีก็สวดข้าม รู้สึกไม่ดีมากๆเลยครับ ยิ่งช่วงนี้ผมจะสอบ แกะ แพะ ด้วย ประกอบกับปัญหา ชีวิตรุมเร้า ไม่มีใครจะปรึกษาได้เลย พอจะสวดสายประคำเพราะคิดว่าแม่พระจะช่วยได้ กลับดันต้องกังวลเรื่องท่าทางสวดอีก เลยอยากทราบว่า พี่น้องใน NMN นั้นมีวิธีจัดการเวลาสวดอย่างไรบ้างครับ แล้วผมมีคำถามด้วยนะครับ
1.ในบทสวดสายพระคำนั้น บางทีก็ลงท้ายด้วย อาเมน บางทีก็ไม่มี คือเราต้องพูดตามในบทหรือต้องพูดทุกครั้งที่สวดจบในแต่ละบทครับ แล้วเวลาเรา รำพึง(เรียกอย่างงี้รึเปล่า?) ต้องจบด้วย อาเมนรึเปล่าครับ
2.เวลาที่สวดสายประคำ(ซึ่งผมมักคิดถึงเรื่องอื่น) เราควรคิดถึงอะไรครับ บทที่ปากกำลังสวด หรือ ข้อรำพึงครับ
3.บทสวดสายประคำพระเมตตา ใช้สวดตอนไหนหรอครับ แล้วต่างจากบทปกติอย่างไรครับ
อย่าพึ่งเบื่อผมนะครับ ที่ชอบพิมอะไรย๊าวยาว ผมไม่่มีที่ปรึกษาที่อื่นอะครับ มีเบอร์คุณพ่อ ก็ไม่กล้าโทรไป (เพราะคุณพ่ออยู่ไกล๊ไกล แถมไม่เคยเจอหน้ากันด้วยเกรงใจท่าน) เพื่อนที่เป็นคาทอลิก ก็ เหอๆ ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนมากเป็นเราที่มักไปเตือนเค้าด้วย แต่ก็เตือนมากไม่ได้ล้างบาปก็ยังไม่ได้ล้าง เรียนคำสอนก็ไม่ได้เรียน(เพราะติดสอบติดนู่นติดนี่ไม่ได้เริ่มซะที ) เลยกลัวจะโดนตอกกลับอยู่บ่อยๆ ยังไงก็ขอความกรุณาด้วยครับ
พอก่อนนอน จะสวดขอบคุณ สวดสารภาพบาป สวดสายประคำ ก็จะเกิดอาการลมในกระ
เพาะตีขึ้น เกิดเป็นอาการเรอ ระหว่างสวด หรือ หาวง่วงนอนระหว่างสวด ตอนนั้น
ผมแทบอยากจะมุดพสุธาหนีไปเลย อายมาก ต้องสวดเริ่มใหม่ ยิ่งผมไปอ่านเจอว่า ตอนสวดให้ปฏิบัติเหมือนอยู่ต่อหน้าพระบิดาฯ ผมยิ่ง เกร็งไปกันใหญ่เลย แล้วท่าทางเวลาสวดของผมปกติผมจะนั่งอยู่
ขอบเตียงในท่าพับเพียบ แต่ด้วย ความที่มัีกจะเหน็บกิน เลยเปลี่ยนมานั่งยืดขาไปบนเตียง แล้ว
เอาผ้าห่มคลุ้มขาไว้ แล้วเอาหมอนมาหนุนหลัง ท่าดูไม่สุภาพเท่าที่ควร แต่ผมก็ไม่รู้จะจัดท่าทางอย่างไรให้เหมาะสม ดี ประกอบกับผมชอบสวดผิดสวดเกิน บางทีในบทไม่มีก็ไปเติม หรือมีก็สวดข้าม รู้สึกไม่ดีมากๆเลยครับ ยิ่งช่วงนี้ผมจะสอบ แกะ แพะ ด้วย ประกอบกับปัญหา ชีวิตรุมเร้า ไม่มีใครจะปรึกษาได้เลย พอจะสวดสายประคำเพราะคิดว่าแม่พระจะช่วยได้ กลับดันต้องกังวลเรื่องท่าทางสวดอีก เลยอยากทราบว่า พี่น้องใน NMN นั้นมีวิธีจัดการเวลาสวดอย่างไรบ้างครับ แล้วผมมีคำถามด้วยนะครับ
1.ในบทสวดสายพระคำนั้น บางทีก็ลงท้ายด้วย อาเมน บางทีก็ไม่มี คือเราต้องพูดตามในบทหรือต้องพูดทุกครั้งที่สวดจบในแต่ละบทครับ แล้วเวลาเรา รำพึง(เรียกอย่างงี้รึเปล่า?) ต้องจบด้วย อาเมนรึเปล่าครับ
2.เวลาที่สวดสายประคำ(ซึ่งผมมักคิดถึงเรื่องอื่น) เราควรคิดถึงอะไรครับ บทที่ปากกำลังสวด หรือ ข้อรำพึงครับ
3.บทสวดสายประคำพระเมตตา ใช้สวดตอนไหนหรอครับ แล้วต่างจากบทปกติอย่างไรครับ
อย่าพึ่งเบื่อผมนะครับ ที่ชอบพิมอะไรย๊าวยาว ผมไม่่มีที่ปรึกษาที่อื่นอะครับ มีเบอร์คุณพ่อ ก็ไม่กล้าโทรไป (เพราะคุณพ่ออยู่ไกล๊ไกล แถมไม่เคยเจอหน้ากันด้วยเกรงใจท่าน) เพื่อนที่เป็นคาทอลิก ก็ เหอๆ ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนมากเป็นเราที่มักไปเตือนเค้าด้วย แต่ก็เตือนมากไม่ได้ล้างบาปก็ยังไม่ได้ล้าง เรียนคำสอนก็ไม่ได้เรียน(เพราะติดสอบติดนู่นติดนี่ไม่ได้เริ่มซะที ) เลยกลัวจะโดนตอกกลับอยู่บ่อยๆ ยังไงก็ขอความกรุณาด้วยครับ
ไม่รู้สิค่ะเเต่เมจิจะไม่สวดตอนง่วงนอนซะเท่าไรเพราะถ้าง่วงจะเกิดอาการขี้เกียจนอนสวดเเล้วก็เผอหลับสวดไม่จบอ่าน้า เลยสวดตอนอาบนํ้าเสร็จใหม่ๆ(สดชื้นดี )ท่าสวดประจำเมยิก็ยังไงอ่ะมันพิสดารกว่าพี่อีก คุกเข่าหน้ารูปปั้นเเล้วยกเเขนสองข้างขึ้นถือสายประคำข้างที่ถนันที่สุดเเล้วก็สวดยังงั้นเลย หรือขี้เกียจระดับกลางก็จะคุกเข่าสวดเลยหรือขี้เกลียดมากๆก็นั่งสวดบนโต๊ะทำงาน ข้อ1ตอนจบทุกสายเมจิก็จะลงด้วยอาเเมนเสมอค่ะ ข้อ2ควรจะคิดถึงข้อรำพึงค่ะ ข้อ3ไม่รู้สิค่ะเมจิจะสวดคู่กะสายประคำทุกครั้ง .ไม่เบื่อเลยค่ะ เมจิชอบๆ มีอะไรก็ปรึกษากันได้(ถึงจะเด็กเเต่อย่าดูถูกกันน้า )
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
คุกเข่าสวดค่ะ
การคุกเข่าสวดเป็นการพลีกรรมด้วยค่ะ เวลาที่พี่ต้องการพระพรหรือความช่วยเหลือที่จำเป็นจากพระ พี่จะคุกเข่าสวดเสมอเลยค่ะ และก็ได้รับพระพรและความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอทุกครั้งเช่นกันค่ะ เดี๋ยวนี้เลยชอบคุกเข่าสวดบ่อยๆ และรู้สึกเลยว่ามีสมาธิในการสวดภาวนามากขึ้นด้วยไม่ค่อยวอกแวกค่ะ
การคุกเข่าสวดเป็นการพลีกรรมด้วยค่ะ เวลาที่พี่ต้องการพระพรหรือความช่วยเหลือที่จำเป็นจากพระ พี่จะคุกเข่าสวดเสมอเลยค่ะ และก็ได้รับพระพรและความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอทุกครั้งเช่นกันค่ะ เดี๋ยวนี้เลยชอบคุกเข่าสวดบ่อยๆ และรู้สึกเลยว่ามีสมาธิในการสวดภาวนามากขึ้นด้วยไม่ค่อยวอกแวกค่ะ
ใช่ค่ะเหมือนเมจิเลย เเต่เมจิจะพลีกรรมเเบบยกเเขนสวดค่ะกรอกสมบูรณ์ เขียน:คุกเข่าสวดค่ะ
การคุกเข่าสวดเป็นการพลีกรรมด้วยค่ะ เวลาที่พี่ต้องการพระพรหรือความช่วยเหลือที่จำเป็นจากพระ พี่จะคุกเข่าสวดเสมอเลยค่ะ และก็ได้รับพระพรและความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอทุกครั้งเช่นกันค่ะ เดี๋ยวนี้เลยชอบคุกเข่าสวดบ่อยๆ และรู้สึกเลยว่ามีสมาธิในการสวดภาวนามากขึ้นด้วยไม่ค่อยวอกแวกค่ะ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
เมจิ เขียน:ใช่ค่ะเหมือนเมจิเลย เเต่เมจิจะพลีกรรมเเบบยกเเขนสวดค่ะกรอกสมบูรณ์ เขียน:คุกเข่าสวดค่ะ
การคุกเข่าสวดเป็นการพลีกรรมด้วยค่ะ เวลาที่พี่ต้องการพระพรหรือความช่วยเหลือที่จำเป็นจากพระ พี่จะคุกเข่าสวดเสมอเลยค่ะ และก็ได้รับพระพรและความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอทุกครั้งเช่นกันค่ะ เดี๋ยวนี้เลยชอบคุกเข่าสวดบ่อยๆ และรู้สึกเลยว่ามีสมาธิในการสวดภาวนามากขึ้นด้วยไม่ค่อยวอกแวกค่ะ
- truelove_name
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm
ขอบคุณคร้าบ ^^ เวลาผมคุกเข่าสวดผมมักจะเมื่อยจนต้องขยับขาบ่อยๆอะครับ
เลยทำให้ดูไม่สุภาพ 5 55 แล้วถ้าผมจะขอสวดสายประคำเพื่อ.... (เช่น เพื่อ
ขอให้สอบได้คะแนนดีๆ , เพื่อให้คนอื่น ) ผมจะต้องพูดตอนไหนหรอครับ
แล้ว บทข้าแต่พระเจ้า ในหนังสือ ไม่มีคำว่าอาเมน เราต้องพูดไหมครับ แล้วหลัง
กล่าวบทรำพึงแล้ว ต้องอาเมนด้วยไหมครับ ?
เลยทำให้ดูไม่สุภาพ 5 55 แล้วถ้าผมจะขอสวดสายประคำเพื่อ.... (เช่น เพื่อ
ขอให้สอบได้คะแนนดีๆ , เพื่อให้คนอื่น ) ผมจะต้องพูดตอนไหนหรอครับ
แล้ว บทข้าแต่พระเจ้า ในหนังสือ ไม่มีคำว่าอาเมน เราต้องพูดไหมครับ แล้วหลัง
กล่าวบทรำพึงแล้ว ต้องอาเมนด้วยไหมครับ ?
- truelove_name
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm
น้องเมจิ น่ารักจัง ขยันตอบกระทู้จังเลยครับ ไม่นอนหรอเรา 5 5 5
- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
เวลาสวด ไม่ต้องเกร็งครับ ทำตัวเหมือนกับว่าเรากำลังคุยกับพ่อกับเเม่ พี่เลย์เเนะนำให้สวดช่วงหัวค่ำจะดีกว่าก่อนนอนนะครับ เพราะจะได้ไม่ง่วงเเละมีสมาธิในการสวด ท่านั่งถ้านั่งพับเพียบไปนานๆเเล้วตะคริวหรือเหน็บชากินก็เปลี่ยนท่านั่งสวดได้ครับ อาจนั่งขัดสมาธิสวดก็ได้
2. เวลาสวดสายประคำ น้องควรพิจารณาความหมายต่างๆในบทสวด ว่าบทนั้นกล่าวถึงอะไร มีสติอยู่กับการสวดตลอดเวลา
3.สายประคำพระเมตตาสวดเวลาไหนก็ได้ครับตามเวลาที่น้องสะดวกครับ
1. ตามบทสวดที่พระศาสนจักรเเต่ง ควรมีคำว่าอาเมนลงท้ายด้วยครับ เวลาเราสวดด้วยคำพูดของเราเอง จะมีคำว่า อาเมน หรือไม่มีก็ได้ ( ส่วนตัวพี่เลย์เวลาสวด บางครั้งก็มี บางครั้งก็ไม่มี )truelove_name เขียน: 1.ในบทสวดสายพระคำนั้น บางทีก็ลงท้ายด้วย อาเมน บางทีก็ไม่มี คือเราต้องพูดตามในบทหรือต้องพูดทุกครั้งที่สวดจบในแต่ละบทครับ แล้วเวลาเรา รำพึง(เรียกอย่างงี้รึเปล่า?) ต้องจบด้วย อาเมนรึเปล่าครับ
2.เวลาที่สวดสายประคำ(ซึ่งผมมักคิดถึงเรื่องอื่น) เราควรคิดถึงอะไรครับ บทที่ปากกำลังสวด หรือ ข้อรำพึงครับ
3.บทสวดสายประคำพระเมตตา ใช้สวดตอนไหนหรอครับ แล้วต่างจากบทปกติอย่างไรครับ
:
2. เวลาสวดสายประคำ น้องควรพิจารณาความหมายต่างๆในบทสวด ว่าบทนั้นกล่าวถึงอะไร มีสติอยู่กับการสวดตลอดเวลา
3.สายประคำพระเมตตาสวดเวลาไหนก็ได้ครับตามเวลาที่น้องสะดวกครับ
- truelove_name
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm
งั้นพี่ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ 5 5 5 จะสอบ แกะ แพะ อยู่แล้ว แย่แน่เลยเมจิ เขียน:เเหะๆ วันนี้นอนไม่หลับเลยtruelove_name เขียน:น้องเมจิ น่ารักจัง ขยันตอบกระทู้จังเลยครับ ไม่นอนหรอเรา 5 5 5
ปกติก็เรอ นะ เวลา กินข้าวอิ่มใหม่ ๆ เเล้วไปสวด
เเต่ ก่อนสวด โดยมาก จะ เตรียมจิตใจก่อนอ่ะ
ทำอะไร ทุก ๆ อย่างให้เสร็จก่อน ( จะได้ไม่มีอะไรต้องกังวน )
เเต่บางทีก็ปิดไฟสวดนะสวดเเบบมืด ๆ อ่ะ มีสมาธิดีมาก ( จริง ๆ นะ )
เรื่อง ท่าทางก็ ขัดตะหมาด ธรรมดา เเล้วกองสายประคำไปที่พื้น ค่อย ๆ ลากขึ้นทีละเม็ด ๆ ไปเรื่อย
( เเต่ถ้าอยู่ในวัด จะใช้มือสองข้างจับสายประคำตั้งยู่ในระดับหน้าอก อก หรือ ต่ำกว่าหน้าอก เเล้วค่อย ๆ สวดจากมือขวา ไปเรื่อย ๆ )
ก็จะมีท่าเเนว ๆ นี้ อ่ะ เเต่ไม่ค่อย ฟิก นะ อยากสวดท่าใหนก็ทำเเล้วเเต่ ช่วงเวลานั้นว่าสะดวกท่าใหน
เเต่ถ้าเป็นสายประคำเเบบ 10 ทศ ก็ จะ วางไว้บนเข่าด้านขวาเเล้วสวด
เเต่ในระหว่าง ที่สวด ถ้ามีการวอกเเวก หรือ อะไร เกิด ขึ้นก็จะหยุดสวดนะ เเล้ว ก็ ค่อย ๆ คุย กับตัวเราว่า เรา เป็นไรอะ
จากนั้นก็ อาจจะสนทนากับพระเจ้า โดยคำพูดของตัวเอง ที่ไม่ใช่บทสวดสำเร็จ
พอสติกลับมาได้ที่ เเล้ว ก็ค่อย เริ่มสวดใหม่ ( ไม่ใช่เริ่มสวดใหม่ทั้งหมดนะ * เเต่ ถ้า ก่อนหน้าที่สวดไม่มีคุณภาพจริง ๆ ก็ จะสวดใหม่ทั้งหมด )
สรุปแล้วการสวดภาวนา ก็ คือ การยกจิตใจเข้าหาพระเจ้า
ในเเต่ละวันเราอาจะ สวด ในใจ สักครั้งละ ทศ ก็ไ้ด้ ( ไม่ต้องกลัวลืมนะ เราใช้นับนิ้วเอาได้ )
สิ่งสำคัญไม่ใช่การสวดได้มากเท่าไหร่
เเต่เป็นการว่าเราได้อะไรจากการสวดครั้งนั้นบ้าง
**************** เสริมอีกนิด
เเต่ละ ทศ ก็จะมี บทรำพึงประจำวันใช่มั้ยครับ
ก็ พอเริ่มข้อรำพึงก็ ให้เรา คุยกับพระ จะอธิบายสั้น ๆ เเบบวีธีของ yack love ( เขียนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งต้องขออภัยด้วย )
เช่น วันอังคาร เป็นพระมหาทรมานใช่ปะ
เราก็ พอสวด เชิญพระจิต ข้าพเจ้าเชื่อ ( บทอัครสาวก ) วันทามารี เเละ พระศิริรุ่งโรจน์
ก็ ให้ รำพึงว่า ( ทศเเรก จะ เป็นพระเยซูเจ้าเข้าตรีทูตร )
ให้เราพยยาม ลำพึงเเละทำความเข้าใจว่าทำมัยพระเยซูจะต้องเข้าตรีทูตร เเละ สิ่งที่พระองค์ทรงเผยให้เห็นนี้ เราได้อะไรจาก พระองค์บ้าง
อันนี้เป็น บท รำพึง ของเเย็กเองนะ จะขอยกเป็นตัวอย่าง
เช่นพระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีทูต
ก็รำพึงว่า พระเยซูเจ้าข้า เพราะบาปของลูก จึงทำให้พระองค์ต้องทรงทุกทรมาน ทั้งกายเเละใจ จนเหงื่อ ซึมออกมาเป็นเลือด
เเต่พระบิดาก็ไม่ได้ละทิ้งพระองค์ ยังทรงอนุญาติให้ทูตรสวรรค์ ของพระองค์ มาถวายพละำกำลังเเก่พระองค์
เเต่พระองค์กลับ เชื่อเเละวางใจ ในพระบิดา โดยทรงวางใจ เเละอธิฐานด้วยความเชื่อเเละเรียบง่ายว่า
ขอทรงโปรดนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้า เเต่ ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า
เเต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เทอญ
ลูกได้มองเห็น เเล้วพระเจ้าข้าโปรดทรงทำให้ลูกเป็นเหมือนพระองค์ เมื่อครัีั้งที่พระองค์ทรงอยู่ในสวนเกตเสมนีด้วยเทอญ
ขอให้ลูกเชื่อเเละวางใจในพระองค์เสมอ เพราะชีวิตในโลกชั่วคราวนี้ของลูก ช่าง ไม่มีอะไรที่เเน่นอนเลย
บ่อยครั้งที่ลูกถูกทดลองให้ ถูกรู้สึกเหมือนกับ ว่าอยู่คนเดียวโดยไม่มีพระองค์ เคียงข้างเเละปล่อยให้ลูกต้องผชญปัญหาเพียงลำพัง
ขอพระองค์ทรงโปรด ทำให้ ในชั่วเวลาต่าง ๆ ในชีวิตนั้น ของลูก รวมถึงในอนาคตด้วย
ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ เเละไม่ลืมที่จะ อธิฐานด้วยความวางใจในพระนามของพระองค์
เพื่อให้ผ่านเหตุการณ์นั้น ๆ ไปได้
หรือบางทีเราอาจจะ เจอเรื่องราว ร้าย ๆ ในชีวิต เราอาจะ ลองทบทวนตัวเอง เเละมองพระองค์ ก็ได้
เช่น วันนี้เราโดนเพื่อนิทาหรือ ว่า มีคนใส่ร้ายเราเราก็อาจจะ รำพึง ว่า ขอพระเเม่เเบ่้งปันความเชื่อให้ลูกด้วยเถอะ เพราะตั้งเเต่พระเเม่ได้ตอบรับการบังเกิดของ พระเยซูเจ้า นั่นเเปลว่าพระเเม่ได้ยอมรับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้ด้วย
ลูกเชื่อว่าพระเเม่คงโดนนินทา โดนข้อครหาของเหล่าคนรอบข้าง เเต่พระเเม่ทรงฝากทุกอย่างไว้ในพระเจ้า โดยไม่สนใจ คำนินทาของคนในโลกนี้
ขอให้ลูกมีใจเหมือนพระเเม่ด้วยเทอญ
เเล้วพอ เราสวดถึง ทศที่ 10 ก็ อุทิศให้กับ บุคคลต่าง ๆ
เเต่โดยมาก เเย็กจะอุทิศ ดังนี้
ทศ เเรก ให้ กับวิญญาณในไฟชำระที่เป็นทุกข์ถึงบาป เเละเต็มใจที่จะใชเโทษบาปของตน
เเละวิญญาณต่าง ๆ ที่ เราสัญญาว่าจะภาวนา ให้กับเขา เเละเป็นพิเศษให้เเก่ ...... ( คนที่เรานึกถึงในวันนั้น ๆ ) เเละ คนในครอบครัวของลูกที่จากไปเเล้ว
ทศที่ 2
อันนี้ก็ อุทิศให้ กับ ครอบครัว ญาติ มิตรเเละศัตรู เเละ ....( บุคคลที่เราละลึกถึงเป็นพิเศษในวันนั้น )
ทศที่ 3
ก็ขอให้ ขอบคุณเรื่องราว ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงช่วยเราตลอดในวันนั้น ๆ เเละ ขอพระองค์ประทานพระพรเเละพระคุรพิเศษต่าง ๆ ( เช่นเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่อง ครอบครัว เเละ อื่น ๆ )
ทศ 4
เป็นการสวด เพื่อขอพระองค์ อภัยบาปของคนทั้งโลก ( โดยเราขอใช้คำภาวนา เหล่านี้ร่วมกับพระเเม่มารี ทูตสวรรค์ นักบุญในสวรรค์ ผู้ชอบธรรมในดินเเดนของพระ เเละ อารักขเทวดา )
เพื่อให้พระอภัยบาปของโลก ที่ทำผิดต่อพระองค์
ทศ 5
ก็ ขอรวมคำอธิฐานเเละภาวนาของเรา รวมกับเเม่พระ ทูตสวรรค์ นักบุญในสวรรค์ ผู้ชอบธรรมในดินเเดนของพระ เเละ อารักขเทวดา เพื่อสรรค์เสริญพระองค์ ความรักเเละพระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อโลก
***** เรื่องของ วิญญาณ ในไฟชำระ เเม้จะใช้คำว่า อุทฺศ เเต่ จริง ๆ เเล้ว สิ่งที่เรากำลังทำคือการวอนขอพระ ให้ช่วยปลดปล่อยเเละทำให้เวลาในไฟชำระของเขาหมดเร็วขึ้น
ศาสนาเราไม่ได้เน้นเรื่อง ริทกุศล นะ เพราะความดีทุกอย่างมาจากพระเจ้า
ที่เราทำคือการวอนขอให้พระ
เดี๋ยวพิมเเยอะกว่านี้ จะ เอียนไปกันใหญ่
55555555555555
เอาเป็นว่า การภาวนาไม่มีรูปแบบที่ตายตัวหรอกนะ
( เเต่เวลาสวดเเบบหมู่คณะก็ทำตามที่ได้เรียนมากนั่นละเวลาสวดในวัดอ่ะ )
ถ้าถามว่า ใช้เวลาในการสวดสายประคำ กี่นาที ขอบอกว่า yack love ใช้ เวลา ราว 1 ชม กว่า ๆ ถึง ชม ครึ่งในการภาวนาเเต่ละครังอ่ะ 5555555555555
เเบบว่า ช่วงเวลาที่ได้สวดภาวนาก็ คงเหมือนกัน ช่วยเวลาที่เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้า เราควรใช้เวลานั้นให้ดีให้มีค่าเเละให้เกิดประโยชน์ให้สูงสุด ^^
พี่น้องคนใหนมีอะไรเเนะนำเพิ่มเติมก็ได้นะครับ
ยินดีเปิดรับ ^^
เเต่ ก่อนสวด โดยมาก จะ เตรียมจิตใจก่อนอ่ะ
ทำอะไร ทุก ๆ อย่างให้เสร็จก่อน ( จะได้ไม่มีอะไรต้องกังวน )
เเต่บางทีก็ปิดไฟสวดนะสวดเเบบมืด ๆ อ่ะ มีสมาธิดีมาก ( จริง ๆ นะ )
เรื่อง ท่าทางก็ ขัดตะหมาด ธรรมดา เเล้วกองสายประคำไปที่พื้น ค่อย ๆ ลากขึ้นทีละเม็ด ๆ ไปเรื่อย
( เเต่ถ้าอยู่ในวัด จะใช้มือสองข้างจับสายประคำตั้งยู่ในระดับหน้าอก อก หรือ ต่ำกว่าหน้าอก เเล้วค่อย ๆ สวดจากมือขวา ไปเรื่อย ๆ )
ก็จะมีท่าเเนว ๆ นี้ อ่ะ เเต่ไม่ค่อย ฟิก นะ อยากสวดท่าใหนก็ทำเเล้วเเต่ ช่วงเวลานั้นว่าสะดวกท่าใหน
เเต่ถ้าเป็นสายประคำเเบบ 10 ทศ ก็ จะ วางไว้บนเข่าด้านขวาเเล้วสวด
เเต่ในระหว่าง ที่สวด ถ้ามีการวอกเเวก หรือ อะไร เกิด ขึ้นก็จะหยุดสวดนะ เเล้ว ก็ ค่อย ๆ คุย กับตัวเราว่า เรา เป็นไรอะ
จากนั้นก็ อาจจะสนทนากับพระเจ้า โดยคำพูดของตัวเอง ที่ไม่ใช่บทสวดสำเร็จ
พอสติกลับมาได้ที่ เเล้ว ก็ค่อย เริ่มสวดใหม่ ( ไม่ใช่เริ่มสวดใหม่ทั้งหมดนะ * เเต่ ถ้า ก่อนหน้าที่สวดไม่มีคุณภาพจริง ๆ ก็ จะสวดใหม่ทั้งหมด )
สรุปแล้วการสวดภาวนา ก็ คือ การยกจิตใจเข้าหาพระเจ้า
ในเเต่ละวันเราอาจะ สวด ในใจ สักครั้งละ ทศ ก็ไ้ด้ ( ไม่ต้องกลัวลืมนะ เราใช้นับนิ้วเอาได้ )
สิ่งสำคัญไม่ใช่การสวดได้มากเท่าไหร่
เเต่เป็นการว่าเราได้อะไรจากการสวดครั้งนั้นบ้าง
**************** เสริมอีกนิด
เเต่ละ ทศ ก็จะมี บทรำพึงประจำวันใช่มั้ยครับ
ก็ พอเริ่มข้อรำพึงก็ ให้เรา คุยกับพระ จะอธิบายสั้น ๆ เเบบวีธีของ yack love ( เขียนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งต้องขออภัยด้วย )
เช่น วันอังคาร เป็นพระมหาทรมานใช่ปะ
เราก็ พอสวด เชิญพระจิต ข้าพเจ้าเชื่อ ( บทอัครสาวก ) วันทามารี เเละ พระศิริรุ่งโรจน์
ก็ ให้ รำพึงว่า ( ทศเเรก จะ เป็นพระเยซูเจ้าเข้าตรีทูตร )
ให้เราพยยาม ลำพึงเเละทำความเข้าใจว่าทำมัยพระเยซูจะต้องเข้าตรีทูตร เเละ สิ่งที่พระองค์ทรงเผยให้เห็นนี้ เราได้อะไรจาก พระองค์บ้าง
อันนี้เป็น บท รำพึง ของเเย็กเองนะ จะขอยกเป็นตัวอย่าง
เช่นพระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีทูต
ก็รำพึงว่า พระเยซูเจ้าข้า เพราะบาปของลูก จึงทำให้พระองค์ต้องทรงทุกทรมาน ทั้งกายเเละใจ จนเหงื่อ ซึมออกมาเป็นเลือด
เเต่พระบิดาก็ไม่ได้ละทิ้งพระองค์ ยังทรงอนุญาติให้ทูตรสวรรค์ ของพระองค์ มาถวายพละำกำลังเเก่พระองค์
เเต่พระองค์กลับ เชื่อเเละวางใจ ในพระบิดา โดยทรงวางใจ เเละอธิฐานด้วยความเชื่อเเละเรียบง่ายว่า
ขอทรงโปรดนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้า เเต่ ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า
เเต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เทอญ
ลูกได้มองเห็น เเล้วพระเจ้าข้าโปรดทรงทำให้ลูกเป็นเหมือนพระองค์ เมื่อครัีั้งที่พระองค์ทรงอยู่ในสวนเกตเสมนีด้วยเทอญ
ขอให้ลูกเชื่อเเละวางใจในพระองค์เสมอ เพราะชีวิตในโลกชั่วคราวนี้ของลูก ช่าง ไม่มีอะไรที่เเน่นอนเลย
บ่อยครั้งที่ลูกถูกทดลองให้ ถูกรู้สึกเหมือนกับ ว่าอยู่คนเดียวโดยไม่มีพระองค์ เคียงข้างเเละปล่อยให้ลูกต้องผชญปัญหาเพียงลำพัง
ขอพระองค์ทรงโปรด ทำให้ ในชั่วเวลาต่าง ๆ ในชีวิตนั้น ของลูก รวมถึงในอนาคตด้วย
ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ เเละไม่ลืมที่จะ อธิฐานด้วยความวางใจในพระนามของพระองค์
เพื่อให้ผ่านเหตุการณ์นั้น ๆ ไปได้
หรือบางทีเราอาจจะ เจอเรื่องราว ร้าย ๆ ในชีวิต เราอาจะ ลองทบทวนตัวเอง เเละมองพระองค์ ก็ได้
เช่น วันนี้เราโดนเพื่อนิทาหรือ ว่า มีคนใส่ร้ายเราเราก็อาจจะ รำพึง ว่า ขอพระเเม่เเบ่้งปันความเชื่อให้ลูกด้วยเถอะ เพราะตั้งเเต่พระเเม่ได้ตอบรับการบังเกิดของ พระเยซูเจ้า นั่นเเปลว่าพระเเม่ได้ยอมรับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้ด้วย
ลูกเชื่อว่าพระเเม่คงโดนนินทา โดนข้อครหาของเหล่าคนรอบข้าง เเต่พระเเม่ทรงฝากทุกอย่างไว้ในพระเจ้า โดยไม่สนใจ คำนินทาของคนในโลกนี้
ขอให้ลูกมีใจเหมือนพระเเม่ด้วยเทอญ
เเล้วพอ เราสวดถึง ทศที่ 10 ก็ อุทิศให้กับ บุคคลต่าง ๆ
เเต่โดยมาก เเย็กจะอุทิศ ดังนี้
ทศ เเรก ให้ กับวิญญาณในไฟชำระที่เป็นทุกข์ถึงบาป เเละเต็มใจที่จะใชเโทษบาปของตน
เเละวิญญาณต่าง ๆ ที่ เราสัญญาว่าจะภาวนา ให้กับเขา เเละเป็นพิเศษให้เเก่ ...... ( คนที่เรานึกถึงในวันนั้น ๆ ) เเละ คนในครอบครัวของลูกที่จากไปเเล้ว
ทศที่ 2
อันนี้ก็ อุทิศให้ กับ ครอบครัว ญาติ มิตรเเละศัตรู เเละ ....( บุคคลที่เราละลึกถึงเป็นพิเศษในวันนั้น )
ทศที่ 3
ก็ขอให้ ขอบคุณเรื่องราว ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงช่วยเราตลอดในวันนั้น ๆ เเละ ขอพระองค์ประทานพระพรเเละพระคุรพิเศษต่าง ๆ ( เช่นเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่อง ครอบครัว เเละ อื่น ๆ )
ทศ 4
เป็นการสวด เพื่อขอพระองค์ อภัยบาปของคนทั้งโลก ( โดยเราขอใช้คำภาวนา เหล่านี้ร่วมกับพระเเม่มารี ทูตสวรรค์ นักบุญในสวรรค์ ผู้ชอบธรรมในดินเเดนของพระ เเละ อารักขเทวดา )
เพื่อให้พระอภัยบาปของโลก ที่ทำผิดต่อพระองค์
ทศ 5
ก็ ขอรวมคำอธิฐานเเละภาวนาของเรา รวมกับเเม่พระ ทูตสวรรค์ นักบุญในสวรรค์ ผู้ชอบธรรมในดินเเดนของพระ เเละ อารักขเทวดา เพื่อสรรค์เสริญพระองค์ ความรักเเละพระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อโลก
***** เรื่องของ วิญญาณ ในไฟชำระ เเม้จะใช้คำว่า อุทฺศ เเต่ จริง ๆ เเล้ว สิ่งที่เรากำลังทำคือการวอนขอพระ ให้ช่วยปลดปล่อยเเละทำให้เวลาในไฟชำระของเขาหมดเร็วขึ้น
ศาสนาเราไม่ได้เน้นเรื่อง ริทกุศล นะ เพราะความดีทุกอย่างมาจากพระเจ้า
ที่เราทำคือการวอนขอให้พระ
เดี๋ยวพิมเเยอะกว่านี้ จะ เอียนไปกันใหญ่
55555555555555
เอาเป็นว่า การภาวนาไม่มีรูปแบบที่ตายตัวหรอกนะ
( เเต่เวลาสวดเเบบหมู่คณะก็ทำตามที่ได้เรียนมากนั่นละเวลาสวดในวัดอ่ะ )
ถ้าถามว่า ใช้เวลาในการสวดสายประคำ กี่นาที ขอบอกว่า yack love ใช้ เวลา ราว 1 ชม กว่า ๆ ถึง ชม ครึ่งในการภาวนาเเต่ละครังอ่ะ 5555555555555
เเบบว่า ช่วงเวลาที่ได้สวดภาวนาก็ คงเหมือนกัน ช่วยเวลาที่เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้า เราควรใช้เวลานั้นให้ดีให้มีค่าเเละให้เกิดประโยชน์ให้สูงสุด ^^
พี่น้องคนใหนมีอะไรเเนะนำเพิ่มเติมก็ได้นะครับ
ยินดีเปิดรับ ^^
- roseofshalon
- โพสต์: 173
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm
1 http://www.up2disk.com/view.php?c=b762b12
2<a href="http://www.up2disk.com/view.php?c=b762b12"><img src="http://www.up2disk.com/uploads/b762b12.jpg</a>
3
4<a href="http://www.up2disk.com/thumb.php?c=b762b12"><img src="http://www.up2disk.com/uploads/b762b12.jpg" width="200" height="150" /></a>
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
2<a href="http://www.up2disk.com/view.php?c=b762b12"><img src="http://www.up2disk.com/uploads/b762b12.jpg</a>
3
4<a href="http://www.up2disk.com/thumb.php?c=b762b12"><img src="http://www.up2disk.com/uploads/b762b12.jpg" width="200" height="150" /></a>
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ