นักวิทยาศาสตร์จะทดลอง เครื่องสร้างหลุมดำ พรุ่งนี่ครับ !!!!
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
ยังไม่ได้บังคับให้วิ่งชนกันนิ แค่โคจรรอบๆเฉยๆ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ตะลึง!!! LHC ของ CERN ทำงามหน้าซะแล้ว!!! เมื่อวัยรุ่นสาวชาวอินเดีย ฆ่าตัวตาย เพราะกลัวหลุมดำจาก LHC!!!
วัยรุ่นอินเดียฆ่าตัวตายเพราะกลัวหลุมดำจาก LHC
Submitted by lew on Thu, 09/11/2008 - 23:59. India LHC
3vote Chayya Lal วัยรุ่นสาวชาวอินเดียกินยาฆ่าตัวตายเนื่องจากกลัวว่าจะเกิดหลุมดำจากเครื่อง Large Hadron Collider
เธอถูกพบหลังทานยาไม่ทราบชนิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้
Chayya วิตกกังวลว่าจะเกิดหลุมดำหลังจากที่ได้ชมข่าวจากโทรทัศน์ โดยได้แสดงความกังวลกับครอบครัวหลายครั้ง ทางครอบครัวของเธอพยาบามเบี่ยงความสนใจของเธอไปทางอื่นแต่ไม่สำเร็จ
ไม่รู้ว่าจะโทษ LHC หรือโทษรายการโทรทัศน์ดี?
ที่มา - PhysOrg
http://www.physorg.com/news140327173.html
http://jusci.net/node/756
เฮ้อ~~~~
วัยรุ่นอินเดียฆ่าตัวตายเพราะกลัวหลุมดำจาก LHC
Submitted by lew on Thu, 09/11/2008 - 23:59. India LHC
3vote Chayya Lal วัยรุ่นสาวชาวอินเดียกินยาฆ่าตัวตายเนื่องจากกลัวว่าจะเกิดหลุมดำจากเครื่อง Large Hadron Collider
เธอถูกพบหลังทานยาไม่ทราบชนิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้
Chayya วิตกกังวลว่าจะเกิดหลุมดำหลังจากที่ได้ชมข่าวจากโทรทัศน์ โดยได้แสดงความกังวลกับครอบครัวหลายครั้ง ทางครอบครัวของเธอพยาบามเบี่ยงความสนใจของเธอไปทางอื่นแต่ไม่สำเร็จ
ไม่รู้ว่าจะโทษ LHC หรือโทษรายการโทรทัศน์ดี?
ที่มา - PhysOrg
http://www.physorg.com/news140327173.html
http://jusci.net/node/756
เฮ้อ~~~~
โปรดใช้วิจารณญาณในการชม น่ะจ๊ะBatholomew เขียน: ตะลึง!!! LHC ของ CERN ทำงามหน้าซะแล้ว!!! เมื่อวัยรุ่นสาวชาวอินเดีย ฆ่าตัวตาย เพราะกลัวหลุมดำจาก LHC!!!
วัยรุ่นอินเดียฆ่าตัวตายเพราะกลัวหลุมดำจาก LHC
Submitted by lew on Thu, 09/11/2008 - 23:59. India LHC
3vote Chayya Lal วัยรุ่นสาวชาวอินเดียกินยาฆ่าตัวตายเนื่องจากกลัวว่าจะเกิดหลุมดำจากเครื่อง Large Hadron Collider
เธอถูกพบหลังทานยาไม่ทราบชนิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้
Chayya วิตกกังวลว่าจะเกิดหลุมดำหลังจากที่ได้ชมข่าวจากโทรทัศน์ โดยได้แสดงความกังวลกับครอบครัวหลายครั้ง ทางครอบครัวของเธอพยาบามเบี่ยงความสนใจของเธอไปทางอื่นแต่ไม่สำเร็จ
ไม่รู้ว่าจะโทษ LHC หรือโทษรายการโทรทัศน์ดี?
ที่มา - PhysOrg
http://www.physorg.com/news140327173.html
http://jusci.net/node/756
เฮ้อ~~~~
หรือไม่ก็...กรุณาเขย่าขวดก่อนดื่ม...
(แต่ถ้าไม่ทัน ก็ให้ตีลังกา หลังดื่มแล้วกัน... )
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
หนึ่งในนั้นมีนักฟิสิกส์คนไทยอยู่ด้วยคนนึง
เป็นเพื่อนพี่สาว ถ้าเกิดวันนึงรุ่นพี่คนนี้มันเมาค้าง
คำนวนพลาด แค่องศาเดียวก็เกิดระเบิดรุนแรง
คนได้เจอกันโลกหน้าแน่นอน
เป็นเพื่อนพี่สาว ถ้าเกิดวันนึงรุ่นพี่คนนี้มันเมาค้าง
คำนวนพลาด แค่องศาเดียวก็เกิดระเบิดรุนแรง
คนได้เจอกันโลกหน้าแน่นอน
เฮ้อ...ไม่น่าเลยจริงๆ นะ...Batholomew เขียน: วัยรุ่นอินเดียฆ่าตัวตายเพราะกลัวหลุมดำจาก LHC
Submitted by lew on Thu, 09/11/2008 - 23:59. India LHC
3vote Chayya Lal วัยรุ่นสาวชาวอินเดียกินยาฆ่าตัวตายเนื่องจากกลัวว่าจะเกิดหลุมดำจากเครื่อง Large Hadron Collider
เธอถูกพบหลังทานยาไม่ทราบชนิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้
Chayya วิตกกังวลว่าจะเกิดหลุมดำหลังจากที่ได้ชมข่าวจากโทรทัศน์ โดยได้แสดงความกังวลกับครอบครัวหลายครั้ง ทางครอบครัวของเธอพยาบามเบี่ยงความสนใจของเธอไปทางอื่นแต่ไม่สำเร็จ
ไม่รู้ว่าจะโทษ LHC หรือโทษรายการโทรทัศน์ดี?
งานนี้อาจจะโทษ LHC หรือโทษรายการโทรทัศน์ไม่ได้ แต่อาจจะต้องโทษตัวของเธอคนนั้นเอง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ในวิวรณ์ไม่ได้บอกว่าพระเจ้าจะทำไร แต่บอกว่าพระเจ้าบอกว่ามนุษย์จะทำอะไร
อย่าวิตกอะไรเกินกว่าเหต ในนั้นพวกนักวิทยาศาสตร์ต้องเยอะแยะแล้วเขาทดลองเขาไม่กลัวกว่าเราหรือ การที่เขาไม่กลัวแล้วพบายามทดลองก็แสดงว่าเขารู้ไงว่าเปอร์เซนต์เกิดเป็นไปได้น้อย แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายหรือน่ากลัวอะไรเลย มีแต่พวกรายการทีวีที่ชอบพูดอะไรให้มันน่าตกใจ ถึงเกิดจริงแล้วเรารู้ไหมว่าภายในหลุมดำนั้นมีอะไร เราก็ไม่รู้ ถ้าพระเจ้าจะให้ หลุมดำ มาดูดโลกไปทั้งโลกนั้นก็คือน้ำพระทัยพระเจ้า ดังนั้นอย่ากลัวอะไรมากไป
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 12, 2008 8:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อยากให้เพื่อน ๆ อ่านนะครับ พอดีได้อ่านจาก pantip.com ชอบมาก ๆ
ความคิดเห็นที่ 28
คือการทดลองของCERN ที่นำโปรตรอนมาวิ่งชนกันน่ะ มันจำลองการเกิดเหตุการ BIG BANG แบบย่อยๆ
ว่าจักรวาลนี้มันเกิดจากการระเบิดของอนุภาค
แล้วทีนี้มันก็ขัดกันกับความเชื่อที่บอกว่าพระเจ้าสร้างโลกไง
ถ้าพระเจ้าสร้างโลกมาจริง ก็ต้องสร้างให้มันเสร็จเรยทีเดียว
จะทำให้มันระเบิด ให้มันร้อนตั้งนานเป็นล้านๆปีทำไม จริงป่ะ
......................................
ตอบข้อหลังก่อนน่ะครับ ว่า ที่ว่า ถ้าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างจริง
ทำไม ไม่สร้างให้เสร็จทีเดียวเลย จริงไหม ทำไมต้องรอ
ก็ต้องตอบว่า ไม่จริง
แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ได้พูดชัดว่า การทรงสร้างนั้นใช้ระยะเวลา
ทั้งหมด 7 วัน ซึ่งวันในที่นี้ ก็ยังตีความไม่ได้ด้วยว่า หมายถึง
วันตามแบบเวลาของเรา หรือ วันเพื่อเป็นการแสดงภาพ เพราะ ..
เปโตร ผู้เป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ เคยกล่าวว่า
วันหนึ่งของพระเจ้าก็ยาวนานเหมือนพันวันของมนุษย์
และในปฐมกาลได้ล่าวว่า ในวันที่ 7 พระเจ้าทรงหยุดพักจากการทรงสร้าง
และตั้งให้เป็นวันสะบาโต แต่ .. พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่ามีวันที่ 8 หรือ
ไม่ได้บอกว่า พระเจ้าทรงหยุดจากการพักเมื่อไหร่ แม้แต่น้อย
หากนี่ยังคงเป็นวันที่ 7 คือ วันแห่งการหยุดพักจากการทรงสร้างของพระเจ้า
นั่น แปลว่า วันที่ 7 ของพระองค์ ยาวนานมากกว่า 5 พันปี นับแต่ยุคของโมเสส ผู้เป็นผู้บันทึกการทรงสร้างของพระเจ้า และ ยาวนานกว่า 6 พันปี นับจากยุคของอับราฮับ และยาวนานกว่านั้น ถ้าจะนับแต่ยุคของอาดัม
ดังนั้นการบอกว่า วัน ในการสร้าง ย่อมยากที่จะแปลความว่า วัน
หมายถึง 1 วัน และ 1 คืน เพราะนั่นคือภาพลักษณ์ ที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า
การทรงสร้างแต่ละขั้นตอนนั้น มีวาระ มีช่วงระยะเวลา ที่สร้าง และ หยุดสร้าง
ส่วนเรื่องการทดลองต่าง ๆ
จะบอกว่าขัดแย้งกับความเชื่อเรื่องพระเจ้านั้น ย่อมเป็นข้อสรุปที่ง่ายเกินไป
พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่าการเกิดของโลกเกิดอย่างไร ระบุเพียงว่า
เมื่อ พระเจ้าตรัส มันก็เกิดขึ้น ดังนั้น ย่อมไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าสร้างโลก เหมือนที่เร้าสร้างบ้าน ดังนั้น ทุกวิธีการย่อมเป็นไปได้ เมื่อพระเจ้าทรงตรัส และ แน่นอน เป็นที่แน่ชัดว่า หากว่าพระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างขึ้นในเวลาเดียวกันทันที ทำไม พระคัมภีร์จึงต้องระบุว่า ทรงสร้างสิ่งทั้งหมดถึง 6 วัน แปลว่า พระเจ้าทรงให้มีการพัก อยู่เสมอ ๆ ระหว่างการสร้าง
และการสร้างก็มีรูปแบบวิธีการที่ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้เคยเห็น
ว่าพระเจ้าทรงสร้างอย่างไร พระเจ้าไม่ได้ค่อยๆ ใช้มือปั้นโลก
แต่ทรงใช้พระวาทะ ตรัส ดังนั้น เมื่อตรัสแล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้
ที่สำคัญ หากการเกิดของทฤษฏี Big Bang เป็นความจริง
นั่นย่อมมีข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งคือ การทำให้โปรตอนมาวิ่งชนกัน
ย่อมต้องมีบุคคลผู้ควบคุมให้เกิด เหมือนอย่างที่มนุษย์พยายามจำลอง
มนุษย์เป็นผู้ควบคุม และ หากเป็นความจริง ก็ต้องมีพระผู้ควบคุมการยิงในเวลานั้นเช่นกัน
การระเบิดที่รุนแรง ย่อมไม่ใช่เป็นจุดกำเนิดทั้งหมดของโลก
ก๊าซธรรมชาติต่างๆ น้ำ อากาศ สิ่งมีชีวิต องค์ประกอบอื่นๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องพูดถึงด้วย
และเป็นเรื่องที่น่าพิศวงเพียงใด ที่เราได้รู้ว่า
พระเจ้าทรงวางโลกนี้ในจุดที่ถูกต้องขนาดไหน
เพราะหากโลกเขยิบใกล้ดวงอาทิตย์กว่านี้อีกนิดเดียว ความร้อน และ รังสียูวี จะฆ่าทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดตายสิ้น
และเช่นเดียวกัน หากเขยิบออกกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ฤดูหนาวจะยาวนานขึ้น สิ่งมีชีวิตจะตายหมดเช่นกัน
คงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ หากเราจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีการควบคุม
แต่เป็นไปโดยความบังเอิญ และ ยังคงบังเอิญจนทุกวันนี้
เพราะในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีการควบคุม มันย่อมมีโอกาส
ที่จะเป็น หรือ ไปอย่างไรก็ได้ ในเมื่อระบบสุริย เป็นไปโดยความบังเอิญ
แต่เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงวางรากฐานของโลกนี้ไว้แล้ว
และพระเจ้าทรงควบคุม ดูแลทุกอย่าง อย่างเหมาะสม
สมกับที่พระองค์ได้ทรงตรัสเมื่อแรกเริ่มทรงสร้างโลกว่า
"ดียิ่งนัก"
จากคุณ : PLATTINUM - [ 10 ก.ย. 51 16:43:31 ]
อ้างอิง http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 83764.html
ความคิดเห็นที่ 28
คือการทดลองของCERN ที่นำโปรตรอนมาวิ่งชนกันน่ะ มันจำลองการเกิดเหตุการ BIG BANG แบบย่อยๆ
ว่าจักรวาลนี้มันเกิดจากการระเบิดของอนุภาค
แล้วทีนี้มันก็ขัดกันกับความเชื่อที่บอกว่าพระเจ้าสร้างโลกไง
ถ้าพระเจ้าสร้างโลกมาจริง ก็ต้องสร้างให้มันเสร็จเรยทีเดียว
จะทำให้มันระเบิด ให้มันร้อนตั้งนานเป็นล้านๆปีทำไม จริงป่ะ
......................................
ตอบข้อหลังก่อนน่ะครับ ว่า ที่ว่า ถ้าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างจริง
ทำไม ไม่สร้างให้เสร็จทีเดียวเลย จริงไหม ทำไมต้องรอ
ก็ต้องตอบว่า ไม่จริง
แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ได้พูดชัดว่า การทรงสร้างนั้นใช้ระยะเวลา
ทั้งหมด 7 วัน ซึ่งวันในที่นี้ ก็ยังตีความไม่ได้ด้วยว่า หมายถึง
วันตามแบบเวลาของเรา หรือ วันเพื่อเป็นการแสดงภาพ เพราะ ..
เปโตร ผู้เป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ เคยกล่าวว่า
วันหนึ่งของพระเจ้าก็ยาวนานเหมือนพันวันของมนุษย์
และในปฐมกาลได้ล่าวว่า ในวันที่ 7 พระเจ้าทรงหยุดพักจากการทรงสร้าง
และตั้งให้เป็นวันสะบาโต แต่ .. พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่ามีวันที่ 8 หรือ
ไม่ได้บอกว่า พระเจ้าทรงหยุดจากการพักเมื่อไหร่ แม้แต่น้อย
หากนี่ยังคงเป็นวันที่ 7 คือ วันแห่งการหยุดพักจากการทรงสร้างของพระเจ้า
นั่น แปลว่า วันที่ 7 ของพระองค์ ยาวนานมากกว่า 5 พันปี นับแต่ยุคของโมเสส ผู้เป็นผู้บันทึกการทรงสร้างของพระเจ้า และ ยาวนานกว่า 6 พันปี นับจากยุคของอับราฮับ และยาวนานกว่านั้น ถ้าจะนับแต่ยุคของอาดัม
ดังนั้นการบอกว่า วัน ในการสร้าง ย่อมยากที่จะแปลความว่า วัน
หมายถึง 1 วัน และ 1 คืน เพราะนั่นคือภาพลักษณ์ ที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า
การทรงสร้างแต่ละขั้นตอนนั้น มีวาระ มีช่วงระยะเวลา ที่สร้าง และ หยุดสร้าง
ส่วนเรื่องการทดลองต่าง ๆ
จะบอกว่าขัดแย้งกับความเชื่อเรื่องพระเจ้านั้น ย่อมเป็นข้อสรุปที่ง่ายเกินไป
พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่าการเกิดของโลกเกิดอย่างไร ระบุเพียงว่า
เมื่อ พระเจ้าตรัส มันก็เกิดขึ้น ดังนั้น ย่อมไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าสร้างโลก เหมือนที่เร้าสร้างบ้าน ดังนั้น ทุกวิธีการย่อมเป็นไปได้ เมื่อพระเจ้าทรงตรัส และ แน่นอน เป็นที่แน่ชัดว่า หากว่าพระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างขึ้นในเวลาเดียวกันทันที ทำไม พระคัมภีร์จึงต้องระบุว่า ทรงสร้างสิ่งทั้งหมดถึง 6 วัน แปลว่า พระเจ้าทรงให้มีการพัก อยู่เสมอ ๆ ระหว่างการสร้าง
และการสร้างก็มีรูปแบบวิธีการที่ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้เคยเห็น
ว่าพระเจ้าทรงสร้างอย่างไร พระเจ้าไม่ได้ค่อยๆ ใช้มือปั้นโลก
แต่ทรงใช้พระวาทะ ตรัส ดังนั้น เมื่อตรัสแล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้
ที่สำคัญ หากการเกิดของทฤษฏี Big Bang เป็นความจริง
นั่นย่อมมีข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งคือ การทำให้โปรตอนมาวิ่งชนกัน
ย่อมต้องมีบุคคลผู้ควบคุมให้เกิด เหมือนอย่างที่มนุษย์พยายามจำลอง
มนุษย์เป็นผู้ควบคุม และ หากเป็นความจริง ก็ต้องมีพระผู้ควบคุมการยิงในเวลานั้นเช่นกัน
การระเบิดที่รุนแรง ย่อมไม่ใช่เป็นจุดกำเนิดทั้งหมดของโลก
ก๊าซธรรมชาติต่างๆ น้ำ อากาศ สิ่งมีชีวิต องค์ประกอบอื่นๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องพูดถึงด้วย
และเป็นเรื่องที่น่าพิศวงเพียงใด ที่เราได้รู้ว่า
พระเจ้าทรงวางโลกนี้ในจุดที่ถูกต้องขนาดไหน
เพราะหากโลกเขยิบใกล้ดวงอาทิตย์กว่านี้อีกนิดเดียว ความร้อน และ รังสียูวี จะฆ่าทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดตายสิ้น
และเช่นเดียวกัน หากเขยิบออกกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ฤดูหนาวจะยาวนานขึ้น สิ่งมีชีวิตจะตายหมดเช่นกัน
คงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ หากเราจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีการควบคุม
แต่เป็นไปโดยความบังเอิญ และ ยังคงบังเอิญจนทุกวันนี้
เพราะในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีการควบคุม มันย่อมมีโอกาส
ที่จะเป็น หรือ ไปอย่างไรก็ได้ ในเมื่อระบบสุริย เป็นไปโดยความบังเอิญ
แต่เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงวางรากฐานของโลกนี้ไว้แล้ว
และพระเจ้าทรงควบคุม ดูแลทุกอย่าง อย่างเหมาะสม
สมกับที่พระองค์ได้ทรงตรัสเมื่อแรกเริ่มทรงสร้างโลกว่า
"ดียิ่งนัก"
จากคุณ : PLATTINUM - [ 10 ก.ย. 51 16:43:31 ]
อ้างอิง http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 83764.html
- reccanohono
- โพสต์: 1045
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
- ที่อยู่: thailand
ขอบพระคุณมากค่ะพี่เอื้อ เป็นบทความที่ดีมากจริงๆค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบใจนะครับ ขอบคุณพระ พี่แค่ลากคำตอบของเค้ามาแปะเท่านั้นครับ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ความเหนสามเก้านี่เยี่ยมไปเลยครับ
-
- โพสต์: 207
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 17, 2008 2:13 pm
เครื่องสร้างอนุภาคเค้าใหญ่จิงๆ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เราพูดตามความเชื่อของเรานะครับ กรุณาเคารพความคิดเห็นกันด้วยนะครับbb_z เขียน:ลื่นk.kung เขียน: จะมาทดลองกันทำไมนะ ก็รู้อยู่แล้วว่าโลกนี้พระเจ้าเป็นคนสร้าง ใครจะมาเหนือกว่าพระเจ้าไม่ได้
ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยโทษเขาด้วย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมไม่ทราบครับ ว่าใครใช้กับคุณ แล้วคุณรู้สึกยังไง?
แต่สำหรับผมแล้ว คุณกำลังแสดงความไม่เคารพในความคิดเห็นของคนอื่นครับ เรื่องของคุณกับบุคคลที่ 3 ผมคงไม่ยุ่งเกี่ยว ขอให้คุณบอกเค้าเอง เหมือนที่ผมทำ
ปล.ขออภัยแล้วก็คือจบครับ ไม่ค้างคา
แต่สำหรับผมแล้ว คุณกำลังแสดงความไม่เคารพในความคิดเห็นของคนอื่นครับ เรื่องของคุณกับบุคคลที่ 3 ผมคงไม่ยุ่งเกี่ยว ขอให้คุณบอกเค้าเอง เหมือนที่ผมทำ
ปล.ขออภัยแล้วก็คือจบครับ ไม่ค้างคา
ตอนเขาใช้กับผม ผมรู้สึกเฉยๆ รู้สึกเหมือนเขาต้องการตอบแบบขอไปที ไม่คิดเลยว่าเขากำลังแสดงความไม่เคารพในความคิดเห็นของผมอยุBatholomew เขียน: ผมไม่ทราบครับ ว่าใครใช้กับคุณ แล้วคุณรู้สึกยังไง?
แต่สำหรับผมแล้ว คุณกำลังแสดงความไม่เคารพในความคิดเห็นของคนอื่นครับ เรื่องของคุณกับบุคคลที่ 3 ผมคงไม่ยุ่งเกี่ยว ขอให้คุณบอกเค้าเอง เหมือนที่ผมทำ
ปล.ขออภัยแล้วก็คือจบครับ ไม่ค้างคา
ดังนั้น
ผมอยากตอบแบบ เฉยๆ แบบ ขอไปที (ตามที่ผมเข้าใจ) บ้าง
ผมไม่ทราบว่ามันกำลังแสดงว่าไม่เคารพความคิดเห็นนะครับ
ผมก้ขอโทษด้วย แล้วกันนะครับ ที่ทำให้คุณคิดอย่างงั้น จบครับ ไม่ค้างคาเช่นกัน