พระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ กับไม่ครบบริบูรณ์ แตกต่างกันอย่างไรอ่าครับ
มิวสงสัย ( อีกแล้ว )
ถ้าตอบแบบให้คนพุทธเข้าใจ ก็อาจจะอธิบายได้ว่า พระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ คือ การที่พระเจ้าทรงอโหสิกรรมให้กับมนุษย์ที่สำนึกผิด กลับใจ พระองค์ก็ทรงยกหนี้บาปกรรมทั้งหมดให้ ไม่ต้องไปชดใช้อีกไม่ว่าในภพนี้หรือภพหน้า ส่วนพระคุณการรุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ หรือบางส่วน ก็เป็นการอภัยในโทษบาปให้บางส่วน ไม่ได้ให้อภัยทั้งหมด สำหรับการประทานพระคุณการุณย์ก็เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรที่จะให้ในโอกาสสำคัญ และผู้ขอรับได้ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
แล้วใครเป็นคนกำหนดอ่าคับ ว่าทำอย่างนี้จะได้รับพระคุณการุณย์
และถ้าการที่พระเจ้าทรงอโหสิกรรมให้กับมนุษย์ที่สำนึกผิด กลับใจ
พระองค์ก็ทรงยกหนี้บาปกรรมทั้งหมดให้ ไม่ต้องไปชดใช้ อย่างนี้ก็ไม่ต้องไป
รับอภัยบาปจากบาทหลวงหรอครับ
และถ้าการที่พระเจ้าทรงอโหสิกรรมให้กับมนุษย์ที่สำนึกผิด กลับใจ
พระองค์ก็ทรงยกหนี้บาปกรรมทั้งหมดให้ ไม่ต้องไปชดใช้ อย่างนี้ก็ไม่ต้องไป
รับอภัยบาปจากบาทหลวงหรอครับ
พระศาสนจักรเป็นผู้กำหนดคับแล้วใครเป็นคนกำหนดอ่าคับ ว่าทำอย่างนี้จะได้รับพระคุณการุณย์
ส่วนว่า
และถ้าการที่พระเจ้าทรงอโหสิกรรมให้กับมนุษย์ที่สำนึกผิด กลับใจ
พระองค์ก็ทรงยกหนี้บาปกรรมทั้งหมดให้ ไม่ต้องไปชดใช้ อย่างนี้ก็ไม่ต้องไป
รับอภัยบาปจากบาทหลวงหรอครับ
ถ้าเราสำนึกผิดอย่างจริงจัง และกลับใจอย่างจริงใจแล้ว บาปนั้นก็ย่อมหลุดออกจากผลของความเสียใจที่ได้กระทำบาปของเราคับ
เพียงแต่ว่า การที่เราไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์เพราะว่า พระเยซูเจ้าได้มอบอำนาจกับพระสงฆ์ไว้ ให้ท่านสามารถทำการ "ลบ" บาปของเราได้คับ
โดยเราสารภาพกับพระสงฆ์ แล้วสวดภาวนา และใช้โทษบาปตามที่พระสงฆ์กำหนด และไม่กลับไปทำบาปนั้น ๆ ซ้ำอีกคับ
เงื่อนไขการรับพระคุณการุณย์ ก็ต้องมีการรับศีลอภัยบาปจากบาทหลวง และการรับศีลมหาสนิทครับ ดังนั้น การจะรับพระคุณการุณย์ได้จึงต้องมีการสารภพาบาปกับบาทหลวงครับ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะได้รับmew เขียน: แล้วใครเป็นคนกำหนดอ่าคับ ว่าทำอย่างนี้จะได้รับพระคุณการุณย์![]()
และถ้าการที่พระเจ้าทรงอโหสิกรรมให้กับมนุษย์ที่สำนึกผิด กลับใจ
พระองค์ก็ทรงยกหนี้บาปกรรมทั้งหมดให้ ไม่ต้องไปชดใช้ อย่างนี้ก็ไม่ต้องไป
รับอภัยบาปจากบาทหลวงหรอครับ![]()
Edwardius เขียน: การที่พระยกโทษบาป ไม่ใช่การอโหสิกรรมครับ
ดูที่มา และความแตกต่างของศัพท์ด้วยครับ
ผมก็เห็นว่าความหมายคล้ายกัน จึงเอามาอธิบายให้คนที่นับถือศาสนาพุทธนะครับ
คำว่า อโหสิกรรม มาจากคำ ๒ คำ คือ อโหสิ เป็นคำภาษาบาลีแปลว่า " ได้มีแล้ว " หมายความว่า ได้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว กับคำว่า กรฺม ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤต แปลว่า การกระทำ หมายถึงการกระทำที่มีเจตนา อโหสิกรรม แปลรวมกันว่า กรรมที่ไม่ส่งผลแก่ผู้กระทำกรรมอีกต่อไป
ตามหลักพระพุทธศาสนา บุคคลที่ทำกรรมดีหรือกรรมชั่วโดยมีเจตนาในการทำกรรมนั้นจะต้องได้รับผลกรรมตามสมควรแก่การกระทำของตน คนที่ทำร้ายผู้อื่นคนที่คดโกงหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงก็จะได้รับผลกรรมนั้น เช่น ตนเองได้รับโทษถูกจำคุก หรือลูกหลานประสบเคราะห์ร้ายต่างๆ ทำให้ตนต้องเสียใจทุกข์ทรมานเพราะการสูญเสีย หรือแม้ไม่ได้รับกรรมในชาตินี้ กรรมก็จะติดตามไปส่งผลในภพหน้า
แต่กรรมที่ทำไว้นั้นถ้าเป็นกรรมเบาอาจจะไม่ส่งผลก็ได้ หากทำให้กรรมนั้นเป็นอโหสิกรรม วิธีทำกรรมให้เป็นอโหสิกรรมวิธีหนึ่งคือการยกโทษให้ เช่น เมื่อเราประพฤติล่วงเกินผู้อื่นด้วยกาย วาจา หรือใจ แล้วไปขอให้ผู้ที่เราประพฤติล่วงเกินยกโทษให้ เมื่อท่านยกโทษให้แล้วก็ถือว่ากรรมนั้นเป็นอโหสิกรรม ไม่ให้ผลอีกต่อไปทั้งในภพนี้และภพหน้า
ในภาษาไทยคำว่า อโหสิกรรม จึงกลายมามีความหมายว่า การเลิกแล้วต่อกัน การไม่เอาโทษกัน การเลิกจองเวรกัน
-
:+: seraphim :+:
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
พระคุณการุญ
คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ
คุณการุญ หมายถึง การให้อภัยโทษ
คุณพ่อจำเนียร กิจเจริญ
คุณการุญ หมายถึง การให้อภัยโทษ




