ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.ย. 15, 2009 7:58 pm

5.) คณะนักบวชหญิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะรักกางเขนสยาม (1672)

6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)


ต่างกันอย่างไร ครับ ข้อ 5 เมื่อก่อตั้งนักบวชหญิง "คณะรักไม้กางเขน" ยังไม่มีนักบวชหญิงเข้ามาหรือครับ : emo010 :


47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย

>>> สถิติ นี้ได้มาจากไหน ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ อังคาร ก.ย. 15, 2009 8:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 15, 2009 8:18 pm

Jeab Agape เขียน: 5.) คณะนักบวชหญิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะรักกางเขนสยาม (1672)

6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)


ต่างกันอย่างไร ครับ
ในข้อ6 หมายถึง คณะจากต่างประเทศครับ
Catholic Club, Chulalongkorn U.
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 10:48 pm

อังคาร ก.ย. 15, 2009 8:28 pm

Jeab Agape เขียน:
47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย

>>> สถิติ นี้ได้มาจากไหน ครับ
จากเว็บชมรมนักธุรกิจคาทอลิกแห่งประเทศไทยครับ

http://www.thaicatholicbiz.com/v18/inde ... 4&Itemid=3

อาจจะเก่าหน่อย แต่ก็น่าทึ่ง น่าประหลาดใจ และน่าสนใจครับ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ




พระเจ้าอวยพรครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ ก.ย. 16, 2009 11:50 am

ในเวลาเดียวกัน เคยมีการสำรวจสถานภาพทางเศรษฐกิจองค์กร กิจการค้า /ธนาคาร / โรงงานอุตสาหกรรมที่มีเจ้าของ / ผู้ถือหุ้น / ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคาทอลิกก่อนปี 2540 พบว่า หากรวมจำนวนทรัพย์สินของธุรกิจการค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันมีจำนวนสูงถึง 30 % ของ GNP  ของประเทศไทยในปีนั้น  ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากทั้งที่จำนวนคาทอลิกในประเทศมีเพียง 0.5 % ของประเทศเท่านั้น  หากมองตัวเลขของประชากรที่ยังอยู่อย่างแร้นแค้นใต้เส้นความอยากจน (Under the poverty line) ซึ่งตัวเลขในปี 2002 กำหนดครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 922 บาท โดยมีประชากรถึง 6.22 ล้านคน  คิดเป็น 9.76 % ของประชากรทั้งหมด
หากพลังของนักธุรกิจคาทอลิก ที่มีส่วนอยู่ถึง 30 % ของ GNP  ของประเทศสามารถร่วมกันอย่างแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างสรรค์สังคมโลกตามจิตตารมณ์แห่งคริสตชน สังคมประเทศไทย และสังคมโลกจะน่าอยู่สักเพียงใด

quote มาให้ดูครับ

ถ้าดูเฉพาะในเมืองไทยเรา จะเห็นว่าพระเจ้าอวยพระพรให้พวกเรามากเลยนะครับ คิดคร่าวๆว่ากำลังทรัพย์หรือรายได้ของเรามากกว่าคนไทยที่ไม่ใช่คาทอลิกโดยเฉลี่ยถึงประมาณ 85 เท่าตัวเลยทีเดียว แปลว่ามีมากก็ต้องแบ่งปันมากๆด้วยครับ ระหว่างแบ่งปันก็ต้องแสดงให้เขาเห็นพระคริสต์ในตัวเรา

คุณพ่อของผมท่านเคยอยู่ในชมรมนักธุรกิจคาทอลิกเหมือนกันครับ แต่หลังๆนี่ท่านเน้นไปทางงานแปลเรื่องศาสนามากกว่า

ผมไม่ได้เข้าชมรมนี้แต่ก็หนีไม่พ้นพระจัดให้มาอยู่รพ.คาทอลิก เลยได้อยู่ชมรมเวชบุคคลคาทอลิกแทนครับ นี่ก็อยู่มาได้ครบปีหนึ่งแล้ว
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

พุธ ก.ย. 16, 2009 1:11 pm

Holy เขียน:

ขอขอบคุณ "น้องโป้ง (Antoinetty) นักศึกษาปี 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ได้ส่งบทความ "ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย" มาแบ่งปันกัน แต่ละข้อที่กล่าวมา ล้วนเป็นความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ประมาณว่า เป็นความรู้รอบตัวของคริสตังไทยก็ว่าได้


ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย*


1.) พระสังฆราชชาวไทยองค์แรกคือ พระคุณเจ้ายาโกเบ แจง เกิดสว่าง (ปกครองมิสซังจันทบุรีปี 1944-1952)

2.) พระสังฆราชชาวต่างประเทศองค์สุดท้ายที่ได้รับอภิเษกคือ พระคุณเจ้าแยร์แม็ง แบร์ทอลด์ (ปกครองมิสซังอุบลฯปี 1970-1976)

3.) พระสังฆราชที่ปกครองนานที่สุด 3 อันดับแรก คือ พระคุณเจ้าแปร์รอส (1909-1947), พระคุณเจ้าเทียนชัย (1971-2009) และพระคุณเจ้าคาร์เร็ตโต (1950-1987)

..............................................................

99.) ต้นไม้ที่มีมากที่สุดในวิทยาลัยแสงธรรมคือ ต้นกล้วย (ไม่นับวัชพืช)

100.) สมัยมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ก่อตั้งใหม่ๆ อยู่ในความดูแลของคณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ (ซิสเตอร์ซาเลเซียน)


http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!8395.entry?sa=97342904
ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ทางของพระคริสต์กระจ่างขึ้น และไม่ทำให้ความรักในพระเจ้าเติบโตแต่อย่างใด และไม่ใช่ความรู้ที่สาวกของพระคริสต์จะสอน มันไร้ค่า เพราะมันเป็นประวัติศาสต์ของมนุษย์ และมันนำมาซึ่งความจองหองซึ่งไร้ค่าอีกนั่นละ ผมไม่ปลื้มแบนผมโล้ด T_T
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 3:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
antoinetty*
โพสต์: 451
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm

พุธ ก.ย. 16, 2009 8:14 pm

sansrepos เขียน: ในเวลาเดียวกัน เคยมีการสำรวจสถานภาพทางเศรษฐกิจองค์กร กิจการค้า /ธนาคาร / โรงงานอุตสาหกรรมที่มีเจ้าของ / ผู้ถือหุ้น / ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคาทอลิกก่อนปี 2540 พบว่า หากรวมจำนวนทรัพย์สินของธุรกิจการค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันมีจำนวนสูงถึง 30 % ของ GNP  ของประเทศไทยในปีนั้น  ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากทั้งที่จำนวนคาทอลิกในประเทศมีเพียง 0.5 % ของประเทศเท่านั้น  หากมองตัวเลขของประชากรที่ยังอยู่อย่างแร้นแค้นใต้เส้นความอยากจน (Under the poverty line) ซึ่งตัวเลขในปี 2002 กำหนดครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 922 บาท โดยมีประชากรถึง 6.22 ล้านคน  คิดเป็น 9.76 % ของประชากรทั้งหมด
หากพลังของนักธุรกิจคาทอลิก ที่มีส่วนอยู่ถึง 30 % ของ GNP  ของประเทศสามารถร่วมกันอย่างแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างสรรค์สังคมโลกตามจิตตารมณ์แห่งคริสตชน สังคมประเทศไทย และสังคมโลกจะน่าอยู่สักเพียงใด

quote มาให้ดูครับ

ถ้าดูเฉพาะในเมืองไทยเรา จะเห็นว่าพระเจ้าอวยพระพรให้พวกเรามากเลยนะครับ คิดคร่าวๆว่ากำลังทรัพย์หรือรายได้ของเรามากกว่าคนไทยที่ไม่ใช่คาทอลิกโดยเฉลี่ยถึงประมาณ 85 เท่าตัวเลยทีเดียว แปลว่ามีมากก็ต้องแบ่งปันมากๆด้วยครับ ระหว่างแบ่งปันก็ต้องแสดงให้เขาเห็นพระคริสต์ในตัวเรา

คุณพ่อของผมท่านเคยอยู่ในชมรมนักธุรกิจคาทอลิกเหมือนกันครับ แต่หลังๆนี่ท่านเน้นไปทางงานแปลเรื่องศาสนามากกว่า

ผมไม่ได้เข้าชมรมนี้แต่ก็หนีไม่พ้นพระจัดให้มาอยู่รพ.คาทอลิก เลยได้อยู่ชมรมเวชบุคคลคาทอลิกแทนครับ นี่ก็อยู่มาได้ครบปีหนึ่งแล้ว
โอ้ว พี่เป็นหมอหรอครับ ?
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 11:08 am

สมัยผมเรียนที่จุฬาฯเกือบไม่เคยเจอเพื่อนหรือรุ่นน้องจากคณะแพทย์มาชมรมเลยครับ จริงๆในรุ่นผมนี่แพทย์จุฬาฯมีคาทอลิกเกือบ 10 คนเห็นจะได้ แทบจะมีผมคนเดียวที่มาชมรมเกือบทุกเดือน ตั้งแต่ผมเรียนจบก็ไม่ได้แวะไปอีกเพราะอยู่ต่างจังหวัดเกือบตลอด

มีน้องสาวเรียนครุศาสตร์จุฬาฯแกก็ไปชมรมอยู่บ้าง พอจบมาคงเป็นพระญาณสอดส่อง แกได้งานทันทีที่รร.คาทอลิกชื่อดัง แถมได้รับมอบหมายให้เป็นครูคำสอนอีกตะหาก อะไรจะขนาดนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
NuSaiy
โพสต์: 37
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 19, 2009 12:40 am
ที่อยู่: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จันทร์ ก.ย. 21, 2009 11:18 pm

ว้าวๆ เพิ่งเห็นว่าลงในเว็บนี้ด้วย ^^

สมาชิกชมรมคาทอลิก จุฬาฯ รายงานตัวอีกคนค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Happiness
โพสต์: 345
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 14, 2009 11:23 pm

อังคาร ก.ย. 22, 2009 1:54 am

เรื่องกษัตริย์ไทยเป็นคาทอลิคนั้น ไม่มีใครรับรองได้ว่าเป็นความจริงนะครับ เป็นเรื่องที่ฟรั่งบันทึกไว้ฝ่ายเดียว

อาจารย์บุญยก ตามไท ได้เขียนไว้ในวารสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 5 ฉบับที่ 9 เกี่ยวกับเรื่องการเข้ามาของชาวโปรตุเกสในประเทศสยามไว้อย่างน่าสนใจ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "มีเกล็ดประวัติศาสตร์บันทึกโดยฝรั่งว่า เมื่อปี พ.ศ. 2087 (1544) อันโตนิโอ เด ปายวา (Antonio de Paiva) ชาวโปรตุเกสได้เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินสมเด็จพระชัยราชาธิราช และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าและสนทนาเรื่องราวเกี่ยวกับคริสตศาสนากับพระองค์จนเลื่อมใส และพระองค์ทรงได้รับพิธี Baptise (พิธีล้างบาป) ได้รับพระราชทินนามเป็นภาษาโปรตุเกสว่า Dom Joao ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์พิเศษอย่างยิ่ง"  เรื่องนี้แม้จะไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าเป็นความจริงด้วยเหตุผลบางประการ แต่หากว่าเราติดตามเรื่องนี้ให้ดีก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน เพราะว่าหนังสือประวัติศาสตร์ไทยบางฉบับได้วงเล็บการสิ้นพระชนม์ของพระชัยราชาว่า ถูกลอบวางยาพิษสิ้นพระชนม์    นอกจากนี้ในหนังสือ Documenta Indica ซึ่งมีอยู่ 2 เล่ม รวมทั้งนักศึกษาที่เป็นชาวยุโรปบางท่าน ได้ให้หลักฐานที่บอกไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่ชื่อ อันโตนิโอ เด ปายวา ได้โปรดศีลล้างบาปให้กษัตริย์ไทย ตั้งชื่อให้ด้วยว่า Dom Joใo หรือนักบุญยวงที่เราเรียกกัน เราคงตามเรื่องนี้ต่อไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

http://haab.catholic.or.th/churchbkk//2 ... holic.html

ผมยกมายาวกว่าคุณ triyo นะครับ

ประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษากันอย่างระมัดระวัง บางอย่างก็ไม่กระจ่าง บางอย่างก็บิดเบือน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆอย่างเปลี่ยนศาสนา น่าจะมีอะไรชัดเจนกว่านี้นะครับ แบบนี้ก็ไม่ชัดเจน ฟรั่งเขียนฝ่ายเดียว แล้วเราก็ไม่รู้ว่าหนังสือที่ฟรั่งเขียนนั้นมีจริงไหม ถ้ามีจริงเราจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเชื่อได้มีนัยยะอะไรซซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ถ้าเป็นจริงคงมีหลักฐานชัดเจนกว่านี้ไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ก.ย. 22, 2009 3:33 am

Happiness เขียน: เรื่องกษัตริย์ไทยเป็นคาทอลิคนั้น ไม่มีใครรับรองได้ว่าเป็นความจริงนะครับ เป็นเรื่องที่ฟรั่งบันทึกไว้ฝ่ายเดียว

อาจารย์บุญยก ตามไท ได้เขียนไว้ในวารสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 5 ฉบับที่ 9 เกี่ยวกับเรื่องการเข้ามาของชาวโปรตุเกสในประเทศสยามไว้อย่างน่าสนใจ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "มีเกล็ดประวัติศาสตร์บันทึกโดยฝรั่งว่า เมื่อปี พ.ศ. 2087 (1544) อันโตนิโอ เด ปายวา (Antonio de Paiva) ชาวโปรตุเกสได้เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินสมเด็จพระชัยราชาธิราช และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าและสนทนาเรื่องราวเกี่ยวกับคริสตศาสนากับพระองค์จนเลื่อมใส และพระองค์ทรงได้รับพิธี Baptise (พิธีล้างบาป) ได้รับพระราชทินนามเป็นภาษาโปรตุเกสว่า Dom Joao ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์พิเศษอย่างยิ่ง"  เรื่องนี้แม้จะไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าเป็นความจริงด้วยเหตุผลบางประการ แต่หากว่าเราติดตามเรื่องนี้ให้ดีก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน เพราะว่าหนังสือประวัติศาสตร์ไทยบางฉบับได้วงเล็บการสิ้นพระชนม์ของพระชัยราชาว่า ถูกลอบวางยาพิษสิ้นพระชนม์    นอกจากนี้ในหนังสือ Documenta Indica ซึ่งมีอยู่ 2 เล่ม รวมทั้งนักศึกษาที่เป็นชาวยุโรปบางท่าน ได้ให้หลักฐานที่บอกไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่ชื่อ อันโตนิโอ เด ปายวา ได้โปรดศีลล้างบาปให้กษัตริย์ไทย ตั้งชื่อให้ด้วยว่า Dom Joใo หรือนักบุญยวงที่เราเรียกกัน เราคงตามเรื่องนี้ต่อไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

http://haab.catholic.or.th/churchbkk//2 ... holic.html

ผมยกมายาวกว่าคุณ triyo นะครับ

ประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษากันอย่างระมัดระวัง บางอย่างก็ไม่กระจ่าง บางอย่างก็บิดเบือน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆอย่างเปลี่ยนศาสนา น่าจะมีอะไรชัดเจนกว่านี้นะครับ แบบนี้ก็ไม่ชัดเจน ฟรั่งเขียนฝ่ายเดียว แล้วเราก็ไม่รู้ว่าหนังสือที่ฟรั่งเขียนนั้นมีจริงไหม ถ้ามีจริงเราจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเชื่อได้มีนัยยะอะไรซซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ถ้าเป็นจริงคงมีหลักฐานชัดเจนกว่านี้ไปแล้ว

มันก็พูดกันยากนะครับ เรื่องแบบนี้
มันเป็นการพิสูจน์หาข้อเท็จจริง (ไปเพื่ออะไร)
แม้กระทั่งปัจจุบันนี้เอง ก็มีเรื่องที่คนไทยไม่แตะ และไม่รู้ ถูกเขียนประจานโดยไม่ค่อยได้รับความสนใจในต่างประเทศก็มีเช่นกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อังคาร ก.ย. 22, 2009 4:47 am

เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ

แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
ต้องเขียนให้อะไรๆมันดีๆ เริ่ดๆเข้าไว้ จะได้ไม่โดน "เหนือหัว" "กุดหัว"เอา ดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ชาติอื่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
โดยเฉพาะพงศาวดารบ้านเรา เขียนแล้วมีแก้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะ "เหนือหัว" คนใหม่ไม่พอใจเรื่องเดิมๆ
ถ้าของเก่าดูไม่ดี หรือทำให้เมืองของ"เหนือหัว"ระส่ำระส่าย ก็สามารถจัดการเปลี่ยนได้เลย
ผมเลยไม่ค่อยเชื่อถือหลักฐานพงศาวดารเท่าไหร่... แต่ก็ไม่ใช่ว่าพงศาวดารฟังไม่ขึ้นเสมอไป
มันดูจะฟังขึ้นต่อเมื่อสองฉบับขึ้นไปเขียนเหมือนกันเท่านั้น คนๆเดียวพูดน้ำหนักไม่พอหรอก จริงไหมครับ

แต่ผมคิดว่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนั้น "ไร้ค่าทางการศึกษาประวัติศาสตร์"
เหมือนแค่เรื่องซุบซิบนินทาของชาวบ้าน ที่รู้มาว่าท่านอย่างโน้นท่านอย่างนี้

ถามจริงว่ามีใครรู้จริงซักคนไหม
คำตอบคือไม่มีหรอกครับ ฟังเค้ามาอีกที อ่านของเค้ามาอีกทีทั้งนั้น นี่ล่ะประวัติศาสตร์

คาดเดาได้ แต่ห้ามฟันธงครับ

ฉะนั้นก็อย่าพูดถึงกันเลยครับ ถ้าจะเอาแค่สนุกปาก ไม่เกิดประโยชน์ ไม่จรรโลงสังคม
เดี๋ยวก็ว่าใครแย่งบัลลังก์คนโน้น ใครฆ่าคนนี้ เป็นชู้กับใคร ไร้สาระทั้งนั้นครับ
แก้ไขล่าสุดโดย sasuke เมื่อ อังคาร ก.ย. 22, 2009 5:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ก.ย. 22, 2009 8:42 am

sasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ

แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะ  : xemo016 :

มีคนบอกว่า ประวัติศาสตร์ ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ... อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ  : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ก.ย. 22, 2009 8:58 am

Buddy เขียน:
sasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ

แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะ  : xemo016 :

มีคนบอกว่า ประวัติศาสตร์ ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ... อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ  : xemo017 :
ถ้าหมายถึงสงคราม ละก็..
คนแพ้คงตายไปแล้ว ไม่ก็หนีหัวซุกหัวซุน โดนขัง.. ไม่มีเวลาเขียนมั้ง

อัลกุรอาน กับ ไบเบิล
เขียนถึงพระเยซูต่างกัน จะเชื่ออันไหนดีละ งานนี้
แถมอยู่ๆก็มี Jesus In india โผล่มาอีก
ต่างคนต่างเล่าอ้าง

อาจจะสรุปได้หรือไม่ว่า "ประวัติศาสตร์ ไม่มีใครรู้จริง"
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ก.ย. 22, 2009 11:13 am

คนชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อันนี้เป็นความจริงในทุกๆประเทศ

แต่พงศาวดารในประเทศที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์อาจจะพอเชื่อถือได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้องเป็นความจริงทั้งหมด

เท่าที่เคยอ่านๆมานี่พงศาวดารตั้งแต่อยุธยามาถึงรัตนโกสินทร์ หลายๆเรื่องถูกบรรจุในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยด้วยซ้ำ

อย่างเรื่องสงครามไทยรบพม่านี่ถ้าไปศึกษาพงศาวดารพม่า และหลักฐานของฝรั่งก็จะพบหลายๆเรื่องที่ไม่ตรงกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา

อย่างเรื่องพระนเรศวรทรงชนช้างชนะและฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง อันนี้พงศาวดารพม่าบันทึกเพียงว่า พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ในสนามรบเพราะทรงถูกกระสุนปืน (ไม่รู้ว่าของฝ่ายอโยธยา หรือของฝ่ายหงสาฯเองด้วยซ้ำ) และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชนช้างเลย เรื่องพระนเรศวรทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำอันนี้ก็ยังน่าสงสัย เพราะแม่น้ำสะโตงที่ว่านี่กว้างมาก ปืนสมัยนั้นไม่น่าจะยิงข้ามได้

ยิ่งมาถึงเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เอามาเขียนใส่ไข่กันเป็นตุเป็นตะ
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

อังคาร ก.ย. 22, 2009 12:26 pm

sansrepos เขียน: คนชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อันนี้เป็นความจริงในทุกๆประเทศ

แต่พงศาวดารในประเทศที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์อาจจะพอเชื่อถือได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้องเป็นความจริงทั้งหมด

เท่าที่เคยอ่านๆมานี่พงศาวดารตั้งแต่อยุธยามาถึงรัตนโกสินทร์ หลายๆเรื่องถูกบรรจุในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยด้วยซ้ำ

อย่างเรื่องสงครามไทยรบพม่านี่ถ้าไปศึกษาพงศาวดารพม่า และหลักฐานของฝรั่งก็จะพบหลายๆเรื่องที่ไม่ตรงกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา

อย่างเรื่องพระนเรศวรทรงชนช้างชนะและฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง อันนี้พงศาวดารพม่าบันทึกเพียงว่า พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ในสนามรบเพราะทรงถูกกระสุนปืน (ไม่รู้ว่าของฝ่ายอโยธยา หรือของฝ่ายหงสาฯเองด้วยซ้ำ) และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชนช้างเลย เรื่องพระนเรศวรทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำอันนี้ก็ยังน่าสงสัย เพราะแม่น้ำสะโตงที่ว่านี่กว้างมาก ปืนสมัยนั้นไม่น่าจะยิงข้ามได้

ยิ่งมาถึงเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เอามาเขียนใส่ไข่กันเป็นตุเป็นตะ
มานั่งคิดย้อนกลับไป สุดท้ายสิ่งที่เรียนมา จะรู้ได้ไหมเนี่ยว่าอะไรมันถูกอะไรมันผิด  ::039::
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ก.ย. 22, 2009 12:30 pm

taiyo เขียน:
sansrepos เขียน: คนชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อันนี้เป็นความจริงในทุกๆประเทศ

แต่พงศาวดารในประเทศที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์อาจจะพอเชื่อถือได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้องเป็นความจริงทั้งหมด

เท่าที่เคยอ่านๆมานี่พงศาวดารตั้งแต่อยุธยามาถึงรัตนโกสินทร์ หลายๆเรื่องถูกบรรจุในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยด้วยซ้ำ

อย่างเรื่องสงครามไทยรบพม่านี่ถ้าไปศึกษาพงศาวดารพม่า และหลักฐานของฝรั่งก็จะพบหลายๆเรื่องที่ไม่ตรงกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา

อย่างเรื่องพระนเรศวรทรงชนช้างชนะและฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง อันนี้พงศาวดารพม่าบันทึกเพียงว่า พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ในสนามรบเพราะทรงถูกกระสุนปืน (ไม่รู้ว่าของฝ่ายอโยธยา หรือของฝ่ายหงสาฯเองด้วยซ้ำ) และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชนช้างเลย เรื่องพระนเรศวรทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำอันนี้ก็ยังน่าสงสัย เพราะแม่น้ำสะโตงที่ว่านี่กว้างมาก ปืนสมัยนั้นไม่น่าจะยิงข้ามได้

ยิ่งมาถึงเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เอามาเขียนใส่ไข่กันเป็นตุเป็นตะ
มานั่งคิดย้อนกลับไป สุดท้ายสิ่งที่เรียนมา จะรู้ได้ไหมเนี่ยว่าอะไรมันถูกอะไรมันผิด  ::039::
เมื่อเวลาผ่านไป หลายๆอย่างก็จะกระจ่างขึ้นครับ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดอยู่ดี เอาว่าเรารู้แค่พอสังเขป เก็บเอาบทเรียนที่มีประโยชน์ไปใช้กับชีวิตในยุคปัจจุบันก็น่าจะ OK แล้วครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พุธ ก.ย. 23, 2009 12:08 am

Buddy เขียน:
sasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ

แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะ  : xemo016 :

มีคนบอกว่า ประวัติศาสตร์ ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ... อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ  : xemo017 :
คือถ้าเป็นสงครามก็จะเป็นแบบนั้น ใครชนะ ของคนนั้นก็จะดูมีน้ำหนักมากกว่า ดูน่าเชื่อมากกว่า
มีเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นบุกรุกนานกิง เข่นฆ่าประชาชนชายนับไม่ถ้วน และข่มขืนผู้หญิงแทบทั้งเมือง...
ญี่ปุ่นชนะการรบ ณ จุดนั้นจริง และพยายามเขียนประวัติศาสตร์ใหม่กลบเกลื่อนความผิดที่ทำ

แต่คิดว่าประชาคมโลกเค้าเชื่ออะไรที่ญี่ปุ่นเขียนไหมล่ะครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%87

ไม่ได้ขอให้เชื่อ แต่ให้พิจารณาไว้เป็นทางเลือกครับ

การศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ได้สำคัญแค่ว่า "เกิดอะไรขึ้น"
ที่สำคัญกว่าคือ "ทำไมถึงเป็นแบบนั้น" มีเหตุการณ์ใดที่ผลักดันให้เกิดขึ้น
และเหตุการณ์นี้ส่งผลอย่างไรต่ออนาคต มีผลต่อโลกปัจจุบันและต่อเราอย่างไร
ถ้ามัวแต่มานั่งเถียงว่า "เกิดอะไรขึ้น" ก็จะไม่จบซะที เพราะอย่างที่ผมบอกว่าไม่มีใครรู้จริง
โดยเฉพาะเรื่องเก่าๆสมัยอยุธยาหรือก่อนหน้านั้น เพราะการบันทึกเหตุการณ์ถูกควบคุมโดยกษัตริย์
ถ้าอยากจะคาดเดาความจริง ก็ให้ฟังหลายๆคนเล่า หลายๆหลักฐาน หลายๆเหตุผลในการตีความครับ

ที่ผมพูดในที่นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์จะให้ใครทะเลาะกัน
แต่ผมอยากให้ปัญญาชนคนไทยอย่ามัวแต่หลงกับประวัติศาสตร์แบบผิดๆ
คิดกันเยอะๆ อย่าเชื่อเพราะแค่ได้ยินเค้าเล่ามา



ปล. ยิ่งเดี๋ยวนี้มีทฤษฎีเยอะแยะไปหมด แต่ละอันแฟนตาซีไม่แพ้พงศาวดารเลย
เดี๋ยวก็คนโน้นยิงคนนี้ตาย หรือที่แท้จริงยังไม่ตาย คนโน้นมีชู้ หรือคนนี้เป็นเอดส์เป็นมะเร็ง
และไม่น่าเชื่อว่ามีคนพูดถึงเรื่องกลับชาติมาเกิดด้วย 555+

แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครรู้จริงซักคน พี่ไทยฟังเค้าเล่ามาทั้งนั้น
แก้ไขล่าสุดโดย sasuke เมื่อ พุธ ก.ย. 23, 2009 12:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 23, 2009 1:29 am

เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 1:32 am

Holy เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
ฮ่ะๆๆ ...

คิดเหมือนผมเลยพี่

: emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 3:08 am

Holy เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
ผมว่าเป็นคริสต์หรือเป็นพุทธนั่นไม่สำคัญหรอก

ถ้าสมมติว่า...เกิดในหลวงของเรากลายเป็นคริสต์ขึ้นมา
แล้วคนที่รักในหลวงอยู่แล้วเค้าจะหันหนีเหรอครับ ผมว่าไม่แน่ๆ...
สิ่งที่ทำให้คนรักในหลวงก็คือสิ่งที่เราได้รับ สิ่งดีๆที่พระองค์ทำให้เรา
ไม่ใช่เพียงเพราะพระองค์นับถือศาสนาเดียวกับเรา กับพระชัยราชาธิราชก็เช่นกัน

แค่เปลี่ยนศาสนาไม่สามารถเปลี่ยนความดีที่เค้าทำไปหรอกครับ
LooperZZ
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 13, 2010 1:38 am

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 2:51 am

ง่ายที่สุดเลยว่า ไทยเคยเป็นเมืองขึ้นพม่า แต่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นชาติตะวันตกเลย  oh
นี่ละที่ผมอยากได้ยินมานาน

101.ชาวคาทอลิกในไทย ส่วนมากจะมีเชื้อสาย ญวน จีน หรือไม่ก็ลูกครึ่งฝรั่ง มีประมาณ30%ที่เป็นชาวคาทอลิกไทยดั้งเดิม
†ลูกแกะพระเจ้า...
โพสต์: 124
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 30, 2009 5:18 pm
ที่อยู่: ขอนแก่น

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 11:28 pm

†ลูกแกะพระเจ้า...
Holy เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
  ^
  ^
  ^

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

เหมือนบางคนเขาจะรับไม่ได้ หรืออาจจะไม่ยอมแม้แต่จะเปิดใจยอมรับเลย หากมีหน่อเนื้อสันตติวงศ์สักพระองค์เป็นคาทอลิก
ภาพประจำตัวสมาชิก
anserinus
โพสต์: 24
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 03, 2009 10:25 am

อาทิตย์ ก.พ. 14, 2010 7:23 am

สุดยอด
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 17, 2010 7:17 pm

Deo Gratias เขียน: ขอบคุณค่ะ  : xemo026 :
ได้ความรู้เกี่ยวกับพี่น้องคาทอลิกเพิ่มขึ้นมากมาย

91.) ในประเทศไทย เรียก คาทอลิก ว่า คริสตัง และเรียก โปรเตสแตนท์ ว่า คริสเตียน

92.) ในภาษาอังกฤษ คำว่า คริสเตียน เป็นคำรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์
อย่างงี้คริสตชนไทยเราน่าจะมาเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อนำความเป็นเอกภาพของเรากลับคืนมา
โดยเรียกรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ว่า "คริสตชน"(ยกเว้นกรณีต้องการเจาะจง)
ดีไหมคะ  : emo038 :




ชอบตรงข้อความของคุณตรงนี้ครับ "คริสตชนไทยเราน่าจะมาเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อนำความเป็นเอกภาพของเรากลับคืนมา"
โดยเรียกรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ว่า "คริสตชน"
ตอบกลับโพส