6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)
ต่างกันอย่างไร ครับ ข้อ 5 เมื่อก่อตั้งนักบวชหญิง "คณะรักไม้กางเขน" ยังไม่มีนักบวชหญิงเข้ามาหรือครับ

47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย
>>> สถิติ นี้ได้มาจากไหน ครับ
ในข้อ6 หมายถึง คณะจากต่างประเทศครับJeab Agape เขียน: 5.) คณะนักบวชหญิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะรักกางเขนสยาม (1672)
6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)
ต่างกันอย่างไร ครับ
จากเว็บชมรมนักธุรกิจคาทอลิกแห่งประเทศไทยครับJeab Agape เขียน:
47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย
>>> สถิติ นี้ได้มาจากไหน ครับ
ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ทางของพระคริสต์กระจ่างขึ้น และไม่ทำให้ความรักในพระเจ้าเติบโตแต่อย่างใด และไม่ใช่ความรู้ที่สาวกของพระคริสต์จะสอน มันไร้ค่า เพราะมันเป็นประวัติศาสต์ของมนุษย์ และมันนำมาซึ่งความจองหองซึ่งไร้ค่าอีกนั่นละ ผมไม่ปลื้มแบนผมโล้ด T_THoly เขียน:
ขอขอบคุณ "น้องโป้ง (Antoinetty) นักศึกษาปี 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ได้ส่งบทความ "ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย" มาแบ่งปันกัน แต่ละข้อที่กล่าวมา ล้วนเป็นความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ประมาณว่า เป็นความรู้รอบตัวของคริสตังไทยก็ว่าได้
ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย*
1.) พระสังฆราชชาวไทยองค์แรกคือ พระคุณเจ้ายาโกเบ แจง เกิดสว่าง (ปกครองมิสซังจันทบุรีปี 1944-1952)
2.) พระสังฆราชชาวต่างประเทศองค์สุดท้ายที่ได้รับอภิเษกคือ พระคุณเจ้าแยร์แม็ง แบร์ทอลด์ (ปกครองมิสซังอุบลฯปี 1970-1976)
3.) พระสังฆราชที่ปกครองนานที่สุด 3 อันดับแรก คือ พระคุณเจ้าแปร์รอส (1909-1947), พระคุณเจ้าเทียนชัย (1971-2009) และพระคุณเจ้าคาร์เร็ตโต (1950-1987)
..............................................................
99.) ต้นไม้ที่มีมากที่สุดในวิทยาลัยแสงธรรมคือ ต้นกล้วย (ไม่นับวัชพืช)
100.) สมัยมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ก่อตั้งใหม่ๆ อยู่ในความดูแลของคณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ (ซิสเตอร์ซาเลเซียน)
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!8395.entry?sa=97342904
โอ้ว พี่เป็นหมอหรอครับ ?sansrepos เขียน: ในเวลาเดียวกัน เคยมีการสำรวจสถานภาพทางเศรษฐกิจองค์กร กิจการค้า /ธนาคาร / โรงงานอุตสาหกรรมที่มีเจ้าของ / ผู้ถือหุ้น / ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคาทอลิกก่อนปี 2540 พบว่า หากรวมจำนวนทรัพย์สินของธุรกิจการค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันมีจำนวนสูงถึง 30 % ของ GNP ของประเทศไทยในปีนั้น ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากทั้งที่จำนวนคาทอลิกในประเทศมีเพียง 0.5 % ของประเทศเท่านั้น หากมองตัวเลขของประชากรที่ยังอยู่อย่างแร้นแค้นใต้เส้นความอยากจน (Under the poverty line) ซึ่งตัวเลขในปี 2002 กำหนดครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 922 บาท โดยมีประชากรถึง 6.22 ล้านคน คิดเป็น 9.76 % ของประชากรทั้งหมด
หากพลังของนักธุรกิจคาทอลิก ที่มีส่วนอยู่ถึง 30 % ของ GNP ของประเทศสามารถร่วมกันอย่างแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างสรรค์สังคมโลกตามจิตตารมณ์แห่งคริสตชน สังคมประเทศไทย และสังคมโลกจะน่าอยู่สักเพียงใด
quote มาให้ดูครับ
ถ้าดูเฉพาะในเมืองไทยเรา จะเห็นว่าพระเจ้าอวยพระพรให้พวกเรามากเลยนะครับ คิดคร่าวๆว่ากำลังทรัพย์หรือรายได้ของเรามากกว่าคนไทยที่ไม่ใช่คาทอลิกโดยเฉลี่ยถึงประมาณ 85 เท่าตัวเลยทีเดียว แปลว่ามีมากก็ต้องแบ่งปันมากๆด้วยครับ ระหว่างแบ่งปันก็ต้องแสดงให้เขาเห็นพระคริสต์ในตัวเรา
คุณพ่อของผมท่านเคยอยู่ในชมรมนักธุรกิจคาทอลิกเหมือนกันครับ แต่หลังๆนี่ท่านเน้นไปทางงานแปลเรื่องศาสนามากกว่า
ผมไม่ได้เข้าชมรมนี้แต่ก็หนีไม่พ้นพระจัดให้มาอยู่รพ.คาทอลิก เลยได้อยู่ชมรมเวชบุคคลคาทอลิกแทนครับ นี่ก็อยู่มาได้ครบปีหนึ่งแล้ว
มันก็พูดกันยากนะครับ เรื่องแบบนี้Happiness เขียน: เรื่องกษัตริย์ไทยเป็นคาทอลิคนั้น ไม่มีใครรับรองได้ว่าเป็นความจริงนะครับ เป็นเรื่องที่ฟรั่งบันทึกไว้ฝ่ายเดียว
อาจารย์บุญยก ตามไท ได้เขียนไว้ในวารสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 5 ฉบับที่ 9 เกี่ยวกับเรื่องการเข้ามาของชาวโปรตุเกสในประเทศสยามไว้อย่างน่าสนใจ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "มีเกล็ดประวัติศาสตร์บันทึกโดยฝรั่งว่า เมื่อปี พ.ศ. 2087 (1544) อันโตนิโอ เด ปายวา (Antonio de Paiva) ชาวโปรตุเกสได้เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินสมเด็จพระชัยราชาธิราช และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าและสนทนาเรื่องราวเกี่ยวกับคริสตศาสนากับพระองค์จนเลื่อมใส และพระองค์ทรงได้รับพิธี Baptise (พิธีล้างบาป) ได้รับพระราชทินนามเป็นภาษาโปรตุเกสว่า Dom Joao ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์พิเศษอย่างยิ่ง" เรื่องนี้แม้จะไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าเป็นความจริงด้วยเหตุผลบางประการ แต่หากว่าเราติดตามเรื่องนี้ให้ดีก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน เพราะว่าหนังสือประวัติศาสตร์ไทยบางฉบับได้วงเล็บการสิ้นพระชนม์ของพระชัยราชาว่า ถูกลอบวางยาพิษสิ้นพระชนม์ นอกจากนี้ในหนังสือ Documenta Indica ซึ่งมีอยู่ 2 เล่ม รวมทั้งนักศึกษาที่เป็นชาวยุโรปบางท่าน ได้ให้หลักฐานที่บอกไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่ชื่อ อันโตนิโอ เด ปายวา ได้โปรดศีลล้างบาปให้กษัตริย์ไทย ตั้งชื่อให้ด้วยว่า Dom Joใo หรือนักบุญยวงที่เราเรียกกัน เราคงตามเรื่องนี้ต่อไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
http://haab.catholic.or.th/churchbkk//2 ... holic.html
ผมยกมายาวกว่าคุณ triyo นะครับ
ประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษากันอย่างระมัดระวัง บางอย่างก็ไม่กระจ่าง บางอย่างก็บิดเบือน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆอย่างเปลี่ยนศาสนา น่าจะมีอะไรชัดเจนกว่านี้นะครับ แบบนี้ก็ไม่ชัดเจน ฟรั่งเขียนฝ่ายเดียว แล้วเราก็ไม่รู้ว่าหนังสือที่ฟรั่งเขียนนั้นมีจริงไหม ถ้ามีจริงเราจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเชื่อได้มีนัยยะอะไรซซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ถ้าเป็นจริงคงมีหลักฐานชัดเจนกว่านี้ไปแล้ว
ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะsasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ
แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
ถ้าหมายถึงสงคราม ละก็..Buddy เขียน:ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะsasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ
แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
มีคนบอกว่า ประวัติศาสตร์ ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ... อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ![]()
มานั่งคิดย้อนกลับไป สุดท้ายสิ่งที่เรียนมา จะรู้ได้ไหมเนี่ยว่าอะไรมันถูกอะไรมันผิดsansrepos เขียน: คนชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อันนี้เป็นความจริงในทุกๆประเทศ
แต่พงศาวดารในประเทศที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์อาจจะพอเชื่อถือได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้องเป็นความจริงทั้งหมด
เท่าที่เคยอ่านๆมานี่พงศาวดารตั้งแต่อยุธยามาถึงรัตนโกสินทร์ หลายๆเรื่องถูกบรรจุในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยด้วยซ้ำ
อย่างเรื่องสงครามไทยรบพม่านี่ถ้าไปศึกษาพงศาวดารพม่า และหลักฐานของฝรั่งก็จะพบหลายๆเรื่องที่ไม่ตรงกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา
อย่างเรื่องพระนเรศวรทรงชนช้างชนะและฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง อันนี้พงศาวดารพม่าบันทึกเพียงว่า พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ในสนามรบเพราะทรงถูกกระสุนปืน (ไม่รู้ว่าของฝ่ายอโยธยา หรือของฝ่ายหงสาฯเองด้วยซ้ำ) และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชนช้างเลย เรื่องพระนเรศวรทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำอันนี้ก็ยังน่าสงสัย เพราะแม่น้ำสะโตงที่ว่านี่กว้างมาก ปืนสมัยนั้นไม่น่าจะยิงข้ามได้
ยิ่งมาถึงเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เอามาเขียนใส่ไข่กันเป็นตุเป็นตะ
เมื่อเวลาผ่านไป หลายๆอย่างก็จะกระจ่างขึ้นครับ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดอยู่ดี เอาว่าเรารู้แค่พอสังเขป เก็บเอาบทเรียนที่มีประโยชน์ไปใช้กับชีวิตในยุคปัจจุบันก็น่าจะ OK แล้วครับtaiyo เขียน:มานั่งคิดย้อนกลับไป สุดท้ายสิ่งที่เรียนมา จะรู้ได้ไหมเนี่ยว่าอะไรมันถูกอะไรมันผิดsansrepos เขียน: คนชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อันนี้เป็นความจริงในทุกๆประเทศ
แต่พงศาวดารในประเทศที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์อาจจะพอเชื่อถือได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้องเป็นความจริงทั้งหมด
เท่าที่เคยอ่านๆมานี่พงศาวดารตั้งแต่อยุธยามาถึงรัตนโกสินทร์ หลายๆเรื่องถูกบรรจุในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยด้วยซ้ำ
อย่างเรื่องสงครามไทยรบพม่านี่ถ้าไปศึกษาพงศาวดารพม่า และหลักฐานของฝรั่งก็จะพบหลายๆเรื่องที่ไม่ตรงกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา
อย่างเรื่องพระนเรศวรทรงชนช้างชนะและฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง อันนี้พงศาวดารพม่าบันทึกเพียงว่า พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ในสนามรบเพราะทรงถูกกระสุนปืน (ไม่รู้ว่าของฝ่ายอโยธยา หรือของฝ่ายหงสาฯเองด้วยซ้ำ) และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชนช้างเลย เรื่องพระนเรศวรทรงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำอันนี้ก็ยังน่าสงสัย เพราะแม่น้ำสะโตงที่ว่านี่กว้างมาก ปืนสมัยนั้นไม่น่าจะยิงข้ามได้
ยิ่งมาถึงเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เอามาเขียนใส่ไข่กันเป็นตุเป็นตะ![]()
คือถ้าเป็นสงครามก็จะเป็นแบบนั้น ใครชนะ ของคนนั้นก็จะดูมีน้ำหนักมากกว่า ดูน่าเชื่อมากกว่าBuddy เขียน:ไม่ใช่ว่า ทุกประเทศในโลกก็เป็นแบบนี้เหรอคะ : xemo016 :sasuke เขียน: เรื่องพรรค์นี้พูดยากครับ
แต่ในฐานะคนที่พอรู้ประวัติศาสตร์ มีความคิดว่าว่าพงศาวดารไทยเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะ "เหนือหัว" สั่งให้เขียน ถ้าเขียนไม่ถูกใจ "เหนือหัว" หรือเขียนแล้ว "เหนือหัว" จะถูกด่า ก็ห้ามเขียนครับ
มีคนบอกว่า ประวัติศาสตร์ ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ... อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ : xemo017 :
ฮ่ะๆๆ ...Holy เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
ผมว่าเป็นคริสต์หรือเป็นพุทธนั่นไม่สำคัญหรอกHoly เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
^Holy เขียน: เหมือนบางคนจะรับไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดมีพระมหากษัตริย์ไทยสักองค์เป็นคริสต์
Deo Gratias เขียน: ขอบคุณค่ะ
ได้ความรู้เกี่ยวกับพี่น้องคาทอลิกเพิ่มขึ้นมากมาย
อย่างงี้คริสตชนไทยเราน่าจะมาเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อนำความเป็นเอกภาพของเรากลับคืนมา
91.) ในประเทศไทย เรียก คาทอลิก ว่า คริสตัง และเรียก โปรเตสแตนท์ ว่า คริสเตียน
92.) ในภาษาอังกฤษ คำว่า คริสเตียน เป็นคำรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์
โดยเรียกรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ว่า "คริสตชน"(ยกเว้นกรณีต้องการเจาะจง)
ดีไหมคะ