
ให้เรามาทำความเข้าใจกันก่อนถึงหัวข้อกระทู้ว่า "ทำไมถึงต้องภาวนาแก่ผู้ที่สาปแช่งท่าน?" แน่นอนว่าคำสอนนี้เป็นคำสอนของพระเยซูเจ้าที่ทรงสอนเราเพื่อให้เรานำไปปฏิบัติตาม ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงได้ยินจนคุ้นหูแล้วสำหรับพระวาจาบทนี้ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วมีใครไหมที่ได้ปฏิบัติตาม หรือพยายามที่จะทำ? ผมอยากให้พี่น้องลองนึกดูดีๆเวลามีใครก็ตามมาทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ เรามักจะนึกในใจเสมอๆว่า "ทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนี้ ไม่นึกเลยว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้"ใช่ไหมครับ นั่นแหละครับที่เป็นสาเหตุของพระวาจาบทนี้เพราะมนุษย์เรานั้นมีส่วนที่ดีและไม่ดีอยู่ในตัวดังนั้นเราก็ไม่ควรจะไปเกลียดชังหรือสาปแช่งใครเพราะการกระทำไม่ดีนองเขาในเมื่อตัวเราเองก็ยังมีส่วนไม่ดีอย่างอื่น(มธ 7:1-5)เพราะทุกคนมีส่วนดีและไม่ดีต่างกัน(1คร 12:12-30) ดังนั้นส่วนที่ไม่ดีนั้นก็เป็นเงามืดในวิญาณเขาและเวลาที่เขาแสดงด้านของเงามืดนั้นออกมาให้กับเราพี่น้อง ตรงนี้ผมก็มองว่าเป็นพระพรของพระเป็นเจ้าอย่างหนึ่งที่พระเป็นเจ้าประทานมาให้เรา การที่คนนั้นได้มาใส่ร้ายเบียดเบียนเราก็เหมือนเป็นคำขอร้องจากพระเป็นเจ้าว่า"นี่แนะพี่น้องของเจ้าทำความผิด เจ้าจะสวดภาวนาเพื่อเขาได้ไหม?" เพื่อให้เราได้มีโอกาสภาวนาเพื่อขออภัยโทษให้พี่น้องของเรา ให้เราเหมาะสมที่จะสวดบทข้าแต่พระบิดาว่า "โปรดประทานอภัยแก่ขาพเจ้า เหมือนขาพเจ้าอภัยแก่ผู้อื่น" มิเช่นนั้นเราก็ไม่ต่างอะไรกับสตอเบอรี่เวลาสวดบทนี้ :) และผมยังมองอีกว่านี่ก็เป็นทางช่วยอีกหนทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ตกอยู่ภายใต้บาปที่น่ากลัวที่สุดก็คือบาปจองหอง ผู้ที่จองหองนั้นทะนงตนไม่คิดว่าตนนั้นผิดไม่สำนึกว่าเป็นคนบาปและแน่นอนมันอันตรายมากต่อวิญญาณของเขา ลองนึกนะครับว่าสมมุตมีชายสองคนที่ชอบจับผิดผู้อื่นอยู่เสมอมาเจอกันและแน่นอนเค้าก็จะมัวแต่จับผิดอีกฝ่าย แต่หากเขากระทำตามพระวาจาบทนี้อย่างน้อยเขาก็ได้สวดขออภัยให้แก่กันและกัน และความจริงมีอีกมากมายกว่านี้ที่ผมไม่รู้จะเขียนบรรยายลงมายังไงให้คนอื่นเข้าใจ ก็อยากลองให้พี่น้องลองอ่านทำความเข้าใจ และลองนึกๆตามดูนะครับ ;D
เช่นนี้แล้วผมก็คิดได้ว่า พระวาจาของพระเป็นเจ้า 1 บท จะเชื่อมโยงกับคำสอน บทภาวนา และพระวาจาบทอื่นๆที่รวมอยู่กันเหมือนร่างกาย พระวาจาแต่ละบทก็คืออวัยวะต่างๆมีความแตกต่างกันแต่สำคัญเท่ากัน ร่างกายนี่ก็คือพระคริสต์เจ้า...ก็คือองค์ความรัก