อยากทราบ เรื่องของ โปรยุคหลัง ที่ลดบทบาทและตัด พระมารดา ลง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 6:01 am

Deo Gratias เขียน: ถามคุณเจนนอกเรื่องนิดนึงนะคะ  : emo045 :
กรีกออร์โธดอกซ์ กับ รัสเซียออร์โธดอกซ์ เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ?
มารอฟังด้วยคนครับ  : emo073 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 8:26 am

ข้า-พระ-เจ้า เขียน:
jacky เขียน:
Andreas เขียน: ผมก็เพิ่งเคยได้ยินจากคุณ Jacky ว่าแม่พระทรงมีบุตรอีกสองคนโดยวิธีตามธรรมชาติ หลังจากให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ผมก็สงสัยว่าใครเป็นคนบอกคุณเช่นนั้น เพราะเท่าที่ผมพยายามสืบคนข้อความเชื่อเกี่ยวกับพระนางพรหมจารีมารีย์ของนิกายออร์โธดอกซ์นั้น ต่างก็สอนว่า นิกายนี้เชื่อว่าพระนางทรงเป็นพรหมจรรย์ทั้งก่อนและหลังจากการประสูติของพระเยซูเจ้า พระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอ Ever-Virgin Mary โดยตั้งแต่เยาว์วัยพระนางมารีย์ทรงตั้งพระทัยจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต เป็นข้ารับใช้พระเจ้า แต่เมื่อถึงวัยที่จะสมรสบรรดาญาติของให้พระนางมารีย์ทรงแต่งงาน พระนางจึงได้ทรงแต่งงานกับท่านยอเซฟ โดยท่านโยเซฟก็ยินยอมให้พระนางคงความเป็นพรหมจรรย์เอาไว้ต่อไป แม้แต่หลังจากการประสูติของพระเยซูเจ้า พระนางก็ยังทรงเป็นพรหมจรรย์เพื่ออุทิศตนแด่พระเจ้าต่อไป ผมไม่ทราบนะครับ ว่านิกายออร์โธดอกซ์จะมีความเชื่อเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างไร
ความเชื่อต่างกันกะ catholic ค่ะ แม้แต่การ ละสังขารของ พระนาง (เดี๋ยวมา อธิบายเพิ่มเติม ) ในเรื่ิอง พรหมจารีมารีย์ นั้น ทาง orthodox จะถือว่า พระนางบริสุทธิ ทางจิตวิญญาณ
ค่ะ เพราะหลังจาก กำเนิดพระเยซูแล้ว พระนางก็มีบุตร อีกสอง-สามคน นะค่ะ ซึ่งเกิดโดย ธรรมชาติ ค่ะ แต่ ชีวิต พระนางไม่เคยทำบาป และพระเจ้ายังให้เกียรติพระนาง ที่จะให้เป็นพระมารดาของพระเยซูอีกด้วย  อันนี้ ถามจาก นักบวช orthodox ค่ะ เรื่องความแตกต่างข้อเชื่อ ในเรื่อง แม่พระ ระหว่าง catholic และ orthodox เพราะรู้มาว่า พี่น้อง catholic จะถือในเรื่อง ศักสิทธิ นิรมล ตลอดกาล ของแม่พระ, ส่วน orthodox จะเชื่อ ความเป็นมุนษย์ในแบบ ธรรมชาติของ แม่พระ แม่พระได้รับการไถ่บาปคนแรก โดยพระเยซู และเชื่อว่าหลังจาก พระเยซู แม่พระมีบุตร อีก ตามนี้

ถ้าอ่านพระคำ ตอนที่ มัทธิว13:55 คนนี้เป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ มารดาของเขาชื่อมารีย์มิใช่หรือ และน้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเสส ซีโมน และยูดาสมิใช่หรือ

มาระโก 6:3 คนนี้เป็นช่างไม้บุตรชายนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ" เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์

อย่างไรก็ตาม orthodox ทุกคนรักและเคารพ ให้เกียรติ แม่พระเสมอ ไม่น้อยไปกว่า ชาว catholic เลย ค่ะ แม้ว่าข้อเชื่อตรงนี้เราต่างกัน
ถ้าอยากศึกษาจริงๆ ให้มาที่วัดดีกว่า ค่ะ แนะนำ อยู่ราชวิถีซอย 22  มทำวัตร เ้ช้าเย็น คุณพ่อ อยู่ทุกวัน
พระคัมภีร์ตอนนี้ผมเคยถามพ่อเหมือนกัน

พ่อบอกว่า ถ้าจะตีความตามตัวอักษรไม่ได้เพราะถ้าตีตามตัวอักษร ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ตอนอื่นๆก็จะ วุ่นวายแน่ๆ เช่น วิวรณ์ เป็นต้น

พี่น้องในที่นี้น่าจะหมายถึง ญาติ มิตร มากกว่า
ถ้าจะตีความจากพระคัมภีร์จริงๆ

หากพระนางมารีย์ให้กำเนิดบุตรคนอื่นจริง
ทำไมตอนที่พระนางมารีย์และนักบุญโยแซฟพบเด็กชายเยซูในพระวิหาร
จึงไม่มีการกล่าวถึงน้องๆของพระองค์ละครับ?

หากจะกล่าวว่าพระนางมารีย์มีบุตรหลังจากนั้น
ก็คงแปลกดีเพราะพระเยซูจะมีน้องที่อายุน้อยกว่าพระองค์ตั้งแต่12ปีขึ้นไป


ปล.ไม่ได้ต้องการโจมตีข้อความเชื่อของออธอดอกซ์นะครับ
แต่ยืนยันข้อความเชื่อของเราคาทอลิก : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 8:52 am

เเอบเห็นด้วนกับรีพลายข้างบน
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:49 am

ข้า-พระ-เจ้า เขียน:
jacky เขียน:
Andreas เขียน: ผมก็เพิ่งเคยได้ยินจากคุณ Jacky ว่าแม่พระทรงมีบุตรอีกสองคนโดยวิธีตามธรรมชาติ หลังจากให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ผมก็สงสัยว่าใครเป็นคนบอกคุณเช่นนั้น เพราะเท่าที่ผมพยายามสืบคนข้อความเชื่อเกี่ยวกับพระนางพรหมจารีมารีย์ของนิกายออร์โธดอกซ์นั้น ต่างก็สอนว่า นิกายนี้เชื่อว่าพระนางทรงเป็นพรหมจรรย์ทั้งก่อนและหลังจากการประสูติของพระเยซูเจ้า พระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอ Ever-Virgin Mary โดยตั้งแต่เยาว์วัยพระนางมารีย์ทรงตั้งพระทัยจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต เป็นข้ารับใช้พระเจ้า แต่เมื่อถึงวัยที่จะสมรสบรรดาญาติของให้พระนางมารีย์ทรงแต่งงาน พระนางจึงได้ทรงแต่งงานกับท่านยอเซฟ โดยท่านโยเซฟก็ยินยอมให้พระนางคงความเป็นพรหมจรรย์เอาไว้ต่อไป แม้แต่หลังจากการประสูติของพระเยซูเจ้า พระนางก็ยังทรงเป็นพรหมจรรย์เพื่ออุทิศตนแด่พระเจ้าต่อไป ผมไม่ทราบนะครับ ว่านิกายออร์โธดอกซ์จะมีความเชื่อเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างไร
ความเชื่อต่างกันกะ catholic ค่ะ แม้แต่การ ละสังขารของ พระนาง (เดี๋ยวมา อธิบายเพิ่มเติม ) ในเรื่ิอง พรหมจารีมารีย์ นั้น ทาง orthodox จะถือว่า พระนางบริสุทธิ ทางจิตวิญญาณ
ค่ะ เพราะหลังจาก กำเนิดพระเยซูแล้ว พระนางก็มีบุตร อีกสอง-สามคน นะค่ะ ซึ่งเกิดโดย ธรรมชาติ ค่ะ แต่ ชีวิต พระนางไม่เคยทำบาป และพระเจ้ายังให้เกียรติพระนาง ที่จะให้เป็นพระมารดาของพระเยซูอีกด้วย  อันนี้ ถามจาก นักบวช orthodox ค่ะ เรื่องความแตกต่างข้อเชื่อ ในเรื่อง แม่พระ ระหว่าง catholic และ orthodox เพราะรู้มาว่า พี่น้อง catholic จะถือในเรื่อง ศักสิทธิ นิรมล ตลอดกาล ของแม่พระ, ส่วน orthodox จะเชื่อ ความเป็นมุนษย์ในแบบ ธรรมชาติของ แม่พระ แม่พระได้รับการไถ่บาปคนแรก โดยพระเยซู และเชื่อว่าหลังจาก พระเยซู แม่พระมีบุตร อีก ตามนี้

ถ้าอ่านพระคำ ตอนที่ มัทธิว13:55 คนนี้เป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ มารดาของเขาชื่อมารีย์มิใช่หรือ และน้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเสส ซีโมน และยูดาสมิใช่หรือ

มาระโก 6:3 คนนี้เป็นช่างไม้บุตรชายนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ" เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์

อย่างไรก็ตาม orthodox ทุกคนรักและเคารพ ให้เกียรติ แม่พระเสมอ ไม่น้อยไปกว่า ชาว catholic เลย ค่ะ แม้ว่าข้อเชื่อตรงนี้เราต่างกัน
ถ้าอยากศึกษาจริงๆ ให้มาที่วัดดีกว่า ค่ะ แนะนำ อยู่ราชวิถีซอย 22  มทำวัตร เ้ช้าเย็น คุณพ่อ อยู่ทุกวัน
พระคัมภีร์ตอนนี้ผมเคยถามพ่อเหมือนกัน

พ่อบอกว่า ถ้าจะตีความตามตัวอักษรไม่ได้เพราะถ้าตีตามตัวอักษร ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ตอนอื่นๆก็จะ วุ่นวายแน่ๆ เช่น วิวรณ์ เป็นต้น

พี่น้องในที่นี้น่าจะหมายถึง ญาติ มิตร มากกว่า
อันนี้ ถ้าไปถามคุณพ่อ catholic ก็จะได้คำตอบแบบ ข้อเชื่อ catholic แต่ หากไปถามคุณพ่อ orthodox ก็จะได้ข้อเชื่อ แบบ orthodox นะค่ะ
ถ้าจะมาถกกันในเรื่อง ศาสนศาสตร์ วันนี้ทั้งวันก็ไม่จบ เพราะเป็นความเห็นของแต่ละ นิกาย ค่ะ แต่สิ่ง หนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ความ รักของ พระเจ้า และแม่พระ การให้เกียรติและบูชา
พระนาง ในฐานะพระมารดา ที่ยิ่งใหญ่ เสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:50 am

Deo Gratias เขียน: ถามคุณเจนนอกเรื่องนิดนึงนะคะ  : emo045 :

กรีกออร์โธดอกซ์ กับ รัสเซียออร์โธดอกซ์ เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ?


เหมือนกันค่ะ ถือว่าเป็น พระศาสนาจักร ในเครือ eastern orthodox ต่างกันแค่ภาษา ท้องถิ่นในการสวด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 10:07 am

ในหนังสือ "ข้าแต่พระบิดา"
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การแตกนิกายด้วย เท่าที่จำความได้นี่ เนื้อหาที่สื่อออกมาค่อนข้างที่จะ อยากให้เป็นหนึ่งเดียวในพระกาย

และที่สำคัญคือ ทุกๆๆครั้งที่มีการแตกสายความเชื่อ แตกนิกาย ความเชื่อก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

จริงๆ ถ้าออโธด๊อกส์เป็นคริสตจักรโบราณ ซึ่งแยกจากคาทอลิก เนื่องจากคาทอลิกเปลี่ยนเป็นสากลมากขึ้น ก็น่าจะคงไว้ซึ่งข้อเชื่อเดียวกันนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 11:58 am

BoYz - The Series เขียน: ในหนังสือ "ข้าแต่พระบิดา"
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การแตกนิกายด้วย เท่าที่จำความได้นี่ เนื้อหาที่สื่อออกมาค่อนข้างที่จะ อยากให้เป็นหนึ่งเดียวในพระกาย

และที่สำคัญคือ ทุกๆๆครั้งที่มีการแตกสายความเชื่อ แตกนิกาย ความเชื่อก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

จริงๆ ถ้าออโธด๊อกส์เป็นคริสตจักรโบราณ ซึ่งแยกจากคาทอลิก เนื่องจากคาทอลิกเปลี่ยนเป็นสากลมากขึ้น ก็น่าจะคงไว้ซึ่งข้อเชื่อเดียวกันนะ


อันนี้ เจนไม่ขอออกความเห็นค่ะ เพราะข้อเขียนต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่ว่าใครเขียน และใครมีอิทธิพล พูดไปไม่ดีเลยเดี๋ยวกลายมาเป็น ทะเลาะกันไปป่าวๆ  อยากให้รักกันไว้ค่ะ เรามีกันอยู่แค่ ครึ่งเสี้ยวเดียว ของสังคมไทย จริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 12:37 pm

เรื่องมันผ่านมานานแล้วครับ
ที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ การสืบทอดสิ่งที่มีสาระ และไร้สาระรวมกัน

บางที ประเด็นที่ต้องทำใจมากที่สุด ก็คือ อำนาจครับ

ไม่มีใครยอมใครง่ายๆ ในเรื่องนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
godlike
โพสต์: 472
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 09, 2009 2:21 am

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 2:40 pm

jacky เขียน:
ข้า-พระ-เจ้า เขียน:
jacky เขียน: ความเชื่อต่างกันกะ catholic ค่ะ แม้แต่การ ละสังขารของ พระนาง (เดี๋ยวมา อธิบายเพิ่มเติม ) ในเรื่ิอง พรหมจารีมารีย์ นั้น ทาง orthodox จะถือว่า พระนางบริสุทธิ ทางจิตวิญญาณ
ค่ะ เพราะหลังจาก กำเนิดพระเยซูแล้ว พระนางก็มีบุตร อีกสอง-สามคน นะค่ะ ซึ่งเกิดโดย ธรรมชาติ ค่ะ แต่ ชีวิต พระนางไม่เคยทำบาป และพระเจ้ายังให้เกียรติพระนาง ที่จะให้เป็นพระมารดาของพระเยซูอีกด้วย  อันนี้ ถามจาก นักบวช orthodox ค่ะ เรื่องความแตกต่างข้อเชื่อ ในเรื่อง แม่พระ ระหว่าง catholic และ orthodox เพราะรู้มาว่า พี่น้อง catholic จะถือในเรื่อง ศักสิทธิ นิรมล ตลอดกาล ของแม่พระ, ส่วน orthodox จะเชื่อ ความเป็นมุนษย์ในแบบ ธรรมชาติของ แม่พระ แม่พระได้รับการไถ่บาปคนแรก โดยพระเยซู และเชื่อว่าหลังจาก พระเยซู แม่พระมีบุตร อีก ตามนี้

ถ้าอ่านพระคำ ตอนที่ มัทธิว13:55 คนนี้เป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ มารดาของเขาชื่อมารีย์มิใช่หรือ และน้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเสส ซีโมน และยูดาสมิใช่หรือ

มาระโก 6:3 คนนี้เป็นช่างไม้บุตรชายนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ" เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์

อย่างไรก็ตาม orthodox ทุกคนรักและเคารพ ให้เกียรติ แม่พระเสมอ ไม่น้อยไปกว่า ชาว catholic เลย ค่ะ แม้ว่าข้อเชื่อตรงนี้เราต่างกัน
ถ้าอยากศึกษาจริงๆ ให้มาที่วัดดีกว่า ค่ะ แนะนำ อยู่ราชวิถีซอย 22  มทำวัตร เ้ช้าเย็น คุณพ่อ อยู่ทุกวัน
พระคัมภีร์ตอนนี้ผมเคยถามพ่อเหมือนกัน

พ่อบอกว่า ถ้าจะตีความตามตัวอักษรไม่ได้เพราะถ้าตีตามตัวอักษร ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ตอนอื่นๆก็จะ วุ่นวายแน่ๆ เช่น วิวรณ์ เป็นต้น

พี่น้องในที่นี้น่าจะหมายถึง ญาติ มิตร มากกว่า
อันนี้ ถ้าไปถามคุณพ่อ catholic ก็จะได้คำตอบแบบ ข้อเชื่อ catholic แต่ หากไปถามคุณพ่อ orthodox ก็จะได้ข้อเชื่อ แบบ orthodox นะค่ะ
ถ้าจะมาถกกันในเรื่อง ศาสนศาสตร์ วันนี้ทั้งวันก็ไม่จบ เพราะเป็นความเห็นของแต่ละ นิกาย ค่ะ แต่สิ่ง หนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ความ รักของ พระเจ้า และแม่พระ การให้เกียรติและบูชา
พระนาง ในฐานะพระมารดา ที่ยิ่งใหญ่ เสมอ
ผมเห็นด้วยในเรื่องที่ว่าแต่ละนิกายมีความข้อความเชื่อบางอย่างแตกต่างกัน ถกทั้งวันก็ไม่จบครับ พระคัมภีร์เป็นปรัชญา มันตีความหมายได้หลายอย่างครับ หนักแน่นในความเชื่อของตนเข้าไว้แล้วกัน   แต่ถึงยังไงพระนางก็คือมารดาพระเจ้า ในทุกๆนิกายอยู่ดีครับ
แก้ไขล่าสุดโดย godlike เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 2:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 3:06 pm


ต่อไปนี้เป็นคำแปลบทความที่ผมอ้างอิงเอาไว้ ซึ่งมาจากพระสังฆราชของออร์โธดอกซ์เอง ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า "แม่พระไม่เคยให้กำเนิดบุตรคนอื่น ๆ หลังจากที่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว"

ผมประหลาดใจที่คุณ Jacky บอกว่า คริสตจักรออร์โธดอกซ์ของคุณสอนว่าแม่พระมีลูกอีกสองสามคนกับนักบุญโยเซฟ เพราะผมได้ทราบมานานแล้วว่าในความเชื่อนี้ ทางออร์โธดอกซ์เชื่อเหมือนคาทอลิก ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรคนเดียวของพระแม่มารีย์ และพระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอทั้งกายและวิญญาณ ผมจึงคิดว่าคุณ Jacky อาจจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปในข้อความเชื่อนี้ ผมจึงอยากให้คุณ Jacky ลองไปศึกษาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าหากเชื่อไม่ถูกต้อง จะเป็นอะไรที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนครับ เพราะท่านสังฆราชของออร์โธดอกซ์เองก็ยังเชื่อไม่เหมือนที่คุณ Jacky เชื่ออยู่ในเวลานี้ ผมไม่ได้หมายถึงทางคาทอลิกนะครับ

การทรงเป็นพรหมจารีเสมอของพระมารดาพระเจ้า (On the Ever-Virginity of the Theotokos (Mother of God)

โดย Archbishop Lazar Puhalo (ท่านเป็นพระสังฆราชเกษียรของพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์แห่งแคนาดา ที่ชื่อเสียงในด้านงานเขียนทางเทววิทยา)

รูปภาพ

เวปไซต์อัครสังฆมณฑลที่ท่านเคยปกครอง http://www.archdiocese.ca/e_bishop/archbishop.htm

พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ประกาศยืนยันเสมอมาว่าพระนางมารีย์พระมารดาของพระเจ้า ทรงเป็นพรหมจารีเสมอ ข้อความที่อ้างถึง
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 10:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 3:18 pm

เชื่อใครดี

jacky เขียน:
BoYz - The Series เขียน: ในหนังสือ "ข้าแต่พระบิดา"
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การแตกนิกายด้วย เท่าที่จำความได้นี่ เนื้อหาที่สื่อออกมาค่อนข้างที่จะ อยากให้เป็นหนึ่งเดียวในพระกาย

และที่สำคัญคือ ทุกๆๆครั้งที่มีการแตกสายความเชื่อ แตกนิกาย ความเชื่อก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

จริงๆ ถ้าออโธด๊อกส์เป็นคริสตจักรโบราณ ซึ่งแยกจากคาทอลิก เนื่องจากคาทอลิกเปลี่ยนเป็นสากลมากขึ้น ก็น่าจะคงไว้ซึ่งข้อเชื่อเดียวกันนะ


อันนี้ เจนไม่ขอออกความเห็นค่ะ เพราะข้อเขียนต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่ว่าใครเขียน และใครมีอิทธิพล พูดไปไม่ดีเลยเดี๋ยวกลายมาเป็น ทะเลาะกันไปป่าวๆ  อยากให้รักกันไว้ค่ะ เรามีกันอยู่แค่ ครึ่งเสี้ยวเดียว ของสังคมไทย จริงๆ

รูปภาพอย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ
ลองอ่านดูก่อนก็ได้ ไม่ได้สร้างความแตกแยกเลย แต่เนื้อหาการแยกนิกายกลับมุ่งสอนถึงความถ่อมใจและสันติด้วยซ้ำครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 3:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 4:51 pm

Andreas เขียน:
ต่อไปนี้เป็นคำแปลบทความที่ผมอ้างอิงเอาไว้ ซึ่งมาจากพระสังฆราชของออร์โธดอกซ์เอง ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า "แม่พระไม่เคยให้กำเนิดบุตรคนอื่น ๆ หลังจากที่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว"

ผมประหลาดใจที่คุณ Jacky บอกว่า คริสตจักรออร์โธดอกซ์ของคุณสอนว่าแม่พระมีลูกอีกสองสามคนกับนักบุญโยเซฟ เพราะผมได้ทราบมานานแล้วว่าในความเชื่อนี้ ทางออร์โธดอกซ์เชื่อเหมือนคาทอลิก ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรคนเดียวของพระแม่มารีย์ และพระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอทั้งกายและวิญญาณ ผมจึงคิดว่าคุณ Jacky อาจจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปในข้อความเชื่อนี้ ผมจึงอยากให้คุณ Jacky ลองไปศึกษาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าหากเชื่อไม่ถูกต้อง จะเป็นอะไรที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนครับ เพราะท่านสังฆราชของออร์โธดอกซ์เองก็ยังเชื่อไม่เหมือนที่คุณ Jacky เชื่ออยู่ในเวลานี้ ผมไม่ได้หมายถึงทางคาทอลิกนะครับ

การทรงเป็นพรหมจารีเสมอของพระมารดาพระเจ้า (On the Ever-Virginity of the Theotokos (Mother of God)

โดย Archbishop Lazar Puhalo (ท่านเป็นพระสังฆราชเกษียรของพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์แห่งแคนาดา ที่ชื่อเสียงในด้านงานเขียนทางเทววิทยา)

รูปภาพ

เวปไซต์อัครสังฆมณฑลที่ท่านเคยปกครอง http://www.archdiocese.ca/e_bishop/archbishop.htm

พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ประกาศยืนยันเสมอมาว่าพระนางมารีย์พระมารดาของพระเจ้า ทรงเป็นพรหมจารีเสมอ ข้อความที่อ้างถึง “บุตรชายคนแรกของพระนางมารีย์ (Mary's "Firstborn)” ได้ถูกตีความอย่างผิด ๆ นับไม่ถ้วนจากผู้ที่สอนผิด


“และเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเธอจนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรก” (มัทธิว 1:25)
ข้อความนี้ดูเหมือนว่าจะได้รับการแปลว่า “เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเธอจนกระทั่งหลังจาก...” อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ภาษากรีกคำว่า “eos” ระบุความหมายที่แท้จริงของ “เขาไม่ได้มีสัมพันธ์ทางเพศกับเธอตั้งแต่ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร” ผู้นิพนธ์พระวรสารประกาศความจริงนี้เพื่อที่จะยืนยันกับเราว่า นักบุญโยเซฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการปฏิสนธิของพระเยยซูเจ้า การใช้คำว่า “eos ou” ไม่ได้เรียกร้องความเข้าใจว่า นักบุญโยเซฟได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับพระนางมารีย์หลังจากที่พระคริสตเจ้าได้ประสูติแล้ว  มันเพียงแต่ระบุว่า ในการประสูติของพระเยซูเจ้า นักบุญโยเซฟไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับพระนางมารีย์ตั้งแต่ก่อนหน้าจนกระทั่งพระประสูติกาลของของพระเยซูเจ้า ดังนั้นท่านจึงไม่ได้เป็นบิดาแท้ของพระเยซูเจ้า นี่เป็นเพียงการใช้คำโดยทั่วไป ซึ่งเป็นแบบมาตรฐานและคุ้นเคยในการแสดงออก การใช้คำแบบนี้ และมีความหมายในทำนองเดียวกันนี้ ยังพบได้ในที่อื่น ๆ ของพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นการแสดงออกที่ใช้เป็นมาตรฐาน และมันไม่ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนในสิ่งที่ผู้มิใช่ออร์โธดอกซ์อ้างว่ามันหมายความอย่างนั้น ในหนังสือซามูเอล ฉบับที่ 2 6:23 เช่น “และมิลคาล ธิดาของกษัตริย์ซาอูล ไม่มีบุตรจนกระทั่ง (eos)เธอถึงแก่กรรม”  เธอได้มีบุตรหลังจากเธอถึงแก่กรรมแล้วหรือไม่?  ไม่ใช่อย่างแน่นอน  และนักบุญโยเซฟก็ไม่ได้ “มีความสัมพันธ์” กับพระนางมารีย์ หลังจากที่พระเยซูเจ้าประสูติแล้ว ในหนังสือปฐมกาล 8:7 “โนอาห์ได้ส่งอีกาตัวหนึ่งออกไป แล้วมันก็ไม่บินกลับมาอีกเลย จนกระทั่ง (eos) หลังจากน้ำลดไปจากแผ่นดิน” เราทราบจากพระคัมภีร์ว่าอีกาไม่ได้บินกลับไปที่เรือ พระคัมภีร์บันทึกว่ามันไม่บินกลับมา “จนกระทั่งหลังจาก”  แต่ในความเป็นจริง  มันไม่ได้บินกลับมาอีกเลย  พระคัมภีร์ยังระบุว่า “โยเซฟไม่ได้มีสัมพันธ์ทางเพศกับเธอ จนกระทั่งเธอได้ให้กำเนินบุตรชาย....” แต่ในความเป็นจริง โยเซฟไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเธอเลย  ในตัวอย่างอื่น ๆ พระคัมภีร์กล่าวว่า “ พระเจ้าทรงตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “เชิญประทับนั่งเบื้องขวาของเรา จนกว่า(eos) เราจะทำให้ศัตรูของท่านให้เป็นที่รองพระบาทของท่าน” (มาร์โก 12:36) นี่หมายความว่า พระคริสตเจ้าจะทรงประทับเบื้องขวาของพระบิดา เมื่อศัตรูของพระองค์โดนปราบให้ราบคาบไปแล้วหรือ?  หามิได้ ดังนั้นพระคัมภีร์จึงไม่ได้หมายความว่า “ โยเซฟไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับพระนางมารีย์ จนกระทั่งหลังจากที่เธอได้ให้กำเนิดบุตรคนแรก แล้วหลังจากนั้นถึงมีความสัมพันธ์กัน” พระคัมภีร์กล่าวเพียงว่า “เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเธอจนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรก”  ซึ่งพระคัมภีร์ต้องการสื่อความหมายเพียงแค่ ท่านโยเซฟไม่ได้มีส่วนเกี่ยวของกับการปฏิสนธิของพระเยซูเจ้า ท่านไม่ได้เป็นบิดาทางสายเลือดของพระเยซูเจ้า

ธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์ตระหนักถึงสิ่งนี้ โดยได้รับมาจากคำพยานยืนยันของพระนางมารีย์เอง เหมือนเช่นธรรมประเพณีอื่น ๆ ในพระศาสนจักร ทั้งได้รับการทรงนำและปกป้องจากการประทับอยู่ของพระจิตเจ้า ตามธรรมบัญัติของโมเสส พระนางมารีย์ทรงเป็นคู่หมั้นของท่านโยเซฟ ซึ่งท่านเป็นคนสูงวัย อาจจะมีศักดิ์เป็นลุงของพระนางมารีย์ (เช่นเดียวกับที่พระจิตเจ้าทรงนำเราในธรรมประเพณี) ดังนั้น การสมรสของท่านทั้งสองจึงเป็นการแต่งงานตามธรรมบัญญัติของโมเสส (ตามนิตินัย) ซึ่งมิได้อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กัน เพราะพระนางมารีย์เป็นผู้ให้กำเนิดบุตรหัวปี ซึ่งเป็นพระเมสซิยาห์ คำว่า “บุตรหัวปี” ก็มีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว อาจจะหมายถึงบุตรคนเดียว ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีบุตรคนอื่น ๆ ตามมาอีก ตามกฎของโมเสสบุตรหัวปีของคนและสัตว์มีความสำคัญเป็นพิเศษในทางศาสนา และนี่คือเห็นผลที่เน้นการบุตรหัวปีของพระเยซูเจ้า

และที่สุด ท่านอาจจะถามว่า “ตามธรรมชาติ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พระนางมารีย์จะยังคงรักษาความเป็นพรหมจรรย์เอาไว้หลังจากที่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว?”  พระคัมภีร์ได้ให้คำตอบง่าย ๆ ไว้ว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้า ทุกอย่างเป็นไปได้” (มัทธิว 19:26)

ความหมายและตัวตนของพี่น้องของพระเยซูเจ้า
ใครคือ “พี่น้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า”(มัทธิว 12:46-47) แล้วถ้าพระองค์มีพี่น้อง ทำไมเราจึงเรียก พระมารดาพระเจ้าว่า “พรหมจารีเสมอ”?

พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่กล่าวถึงพี่น้องของพระเยซูเจ้าหลายครั้ง โดยมีสี่ครั้งที่ระบุชื่อ เพื่ออธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นนั้นไม่ยาก เพราะพระคัมภีร์ระบุชื่อของพวกเขาสี่คน พร้อมทั้งระบุว่าใครเป็นบิดามารดาของพวกเขาด้วย
มัทธิว (13:55) และมาร์โก (6:3) l,ได้ให้รายชื่อพี่น้องของพระเยซูเจ้าไว้ คือ ยากอบ, โยเสส, ซีมอน และยูดาห์

เราทราบอย่างแน่นอนว่า ยากอบและโยเสสไม่ใช่บุตรของพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ เพราะพระคัมภีร์ระบุว่า พวกเขาเป็นบุตรของมารีย์อีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นภรรยาของ อัลเฟอัสหรือเคลโอปัส (มัทธิว 27:56 ; มาร์โก15:40) ยากอบก็เช่นกัน ถูกระบุว่าเป็นบุตรของอัลเฟอัส ในรายชื่อของบรรดาอัครสาวก (มัทธิว 10:3 ; มาร์โก 3:18 ; ลูกา 6:15 ; กิจการ 1:13) ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเหล่านี้ รวมทั้งบรรดาน้องสาวด้วย มักถูกพบในบริบทของธรรมเนียมการใช้ภาษาฮีบรู - อะราเมอิก เพราะแม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องก็ยังเรียกว่าเป็นพี่น้อง กรณีนี้ยังเหมือนกันในภาษากรีกและสลาฟ หรือแม้ในวัฒนธรรมปัจจุบัน ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารู้เป็นอย่างดีจากครอบครัวและชีวิตของเราเอง

เรามีตัวอย่างที่สมบูรณ์สำหรับกรณีนี้จากพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม คำที่ใช้บรรยายความสัมพันธ์ของอับราฮัมกับโลท ในหนังสือปฐมกาล 14:16 "adelphi"  ในภาษากรีก ซึ่งแปลได้ว่า “พี่น้อง” ในภาษาอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็รู้ว่าโลทเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องของอับราฮัม เราพยายามแปลคำภาษากรีก "adelphos" และ "adelphi" จากคำภาษาอะราเมอิคที่เราไม่รู้จัก และไม่มีใครรู้ว่าความหมายที่ถูกต้องคืออะไร ซึ่งมันมาถึงเราในภาษากรีกและภาษาอังกฤษตามลำดับ ในคำว่า “พี่น้อง”

หากดูตามที่ระบุในพระคัมภีร์ คงน่าจะไม่มีพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกับพระเยซูเจ้า มิฉะนั้น พระองค์ก็มิจะทรงมอบพระมารดาของพระองค์ให้อยู่ในความดูแลของนักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสาร(ยอห์น19:26) ที่เชิงไม้กางเขน ที่จริงหากพระองค์ทรงทำเช่นนั้น ก็เท่ากับเป็นการที่พระองค์ทรงไม่ให้ความเคารพกับพี่น้องของพระองค์อย่างยิ่ง ที่จะให้พวกเขาเป็นผู้ดูแลมารดาของตน ในคำทำนายจากพระคัมภีร์ พันธสัญญาเดิม ได้อธิบายถึงการแต่งงานแบบถือพรหมจรรย์ และการเป็นพรหมจารีเสมอของพระมารดาของพระคริสตเจ้า และเราก็มีประจักษ์พยานขององค์พระจิตเจ้าที่ตรัสกับพระศาสนจักรว่าพระนางมารีย์ “ทรงเป็นพรหมจารีเสมอ” (หนึ่งในข้อเชื่อเกี่ยวกับพระนางมารีย์)

นอกจากหลักฐานจากพระคัมภีร์ที่ว่าในธรรมเนียมของฮีบรู “พี่น้องชายหญิง” ไม่จำเป็นต้องหมายถึง “พี่น้องร่วมบิดามารดา” ธรรมประเพณีของเราชาวออร์โธดอกซ์สอนเราว่า พระนางพรหมจารีมารีย์ทรงเป็นธิดาคนเดียวของนักบุญโยอากิมและนักบุญอันนา แต่ใน ยอห์น 19:25 กล่าวว่า” พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอพัส และมารีย์ชาวมักดาลา” ถ้าพระวัติศาสตร์พระศาสนจักรของเราถูกต้อง เหตุใดพระนางมารีย์ถึงได้มีน้องสาว?  ข้อสงสัยแรกของเราคือ ผู้หญิงทั้งสองนั้นมีชื่อมารีย์เหมือนกัน !ไม่มีครอบครัวใดที่ตั้งชื่อลูกสาวสองคนของตนเองด้วยชื่อเดียวกัน! ดังนั้น นี่คือหลักฐานว่าความสัมพันะระหว่างสตรีสองคนนี้ต้องเป็นอะไรที่แตกต่างจากความหมายของคำว่า “น้องสาว” ในภาษาปัจจุบัน
ข้อสงสัยที่สอง ก็คือ พระคัมภีร์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า สตรีนี้ชื่อมารีย์ภรรยาของเคลโอพัส หรืออัลเฟอัสในภาษาอะราเมอิค  ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้พูด ดังนั้นที่มีการเรียก “พี่น้อง” ของพระเยซูเจ้าที่พบใน มาร์โก 6:3 จึงมีความหมายเป็นอย่างอื่นอย่างชัดเจน คือ เป็นบุตรของมารีย์ภรรยาของเคลโอพัส ที่มีศักดิ์เป็น “น้องสาว” ของพระนางมารีย์

ดังนั้น พระคัมภีร์จึงแสดงให้เห็นว่า “พี่น้อง” ของพระเยซูเจ้า จึงไม่ใช่ “พี่น้องร่วมบิดามารดา” ของพระองค์ แต่มีความสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งกับพระองค์แน่นอน และไม่มีหลักฐานจากพระคัมภีร์ที่ระบุว่าพระนางมารีย์ทรงให้กำเนิดบุตรคนอื่น ๆ อีก นอกจากพระเยซูเจ้า พระเจ้าของเรา

เห็นพระองค์ทรงประสูติเป็นทารกน้อยที่เบธเลเฮม เชิญสรรพสิ่งสรรเสริญพระองค์!

ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเรา


ตรงนี้ ที่นี่น่าจะรับความเชื่อจาก ทางโรมัน catholic จากข้ออ้างอิงนี้

- Member on the Bishops’ level and Co-chair of the Canadian Roman Catholic – Orthodox Dialogue committee.

เพราะทาง orthodox ดั่งเดิมเองจะไม่รับแนวคิด แบบตะวันตก  ซึ่งบางที่ เขาจะเรียกตัวเอง ว่า orthodox catholic โดยใช้หลักศาสนาศาสตร์ ที่มาจาก วาติกันและยอมรับที่จะเป็นหนึ่งกับ catholic เพียงแต่ พวกเขาจะใช้พิธีการ และจารีต แบบเดิม นี่เอง orthodox โดยแท้จะไม่ขึ้นอยู่กับวาติกัน และ แต่ละที่จะมีพระสังฆราชที่มีอำนาจปกครองตัวเอง

อันนี้อ้างอิงมาจาก เว็บ orthodox เหมือนกัน

The Church continued to call the Theotokos the "Virgin" even after the time when she supposedly would have had other children
, as some say. It would be a rather odd thing to keep calling a woman "the Virgin" and even "Ever-Virgin" when one was standing next to her other offspring in Church.

พระศาสนา จะเรียกพระมารดาว่า บริสุทธิ เสมอ แม้แต่ จะมีการสันนิฐานว่า พระนางจะมีบุตร คนอื่น
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 4:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 12:05 am

jacky เขียน: อันนี้ ถ้าไปถามคุณพ่อ catholic ก็จะได้คำตอบแบบ ข้อเชื่อ catholic แต่ หากไปถามคุณพ่อ orthodox ก็จะได้ข้อเชื่อ แบบ orthodox นะค่ะ
ถ้าจะมาถกกันในเรื่อง ศาสนศาสตร์ วันนี้ทั้งวันก็ไม่จบ เพราะเป็นความเห็นของแต่ละ นิกาย ค่ะ แต่สิ่ง หนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ความ รักของ พระเจ้า และแม่พระ การให้เกียรติและบูชา
พระนาง ในฐานะพระมารดา ที่ยิ่งใหญ่ เสมอ
jacky เขียน: อันนี้ เจนไม่ขอออกความเห็นค่ะ เพราะข้อเขียนต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่ว่าใครเขียน และใครมีอิทธิพล พูดไปไม่ดีเลยเดี๋ยวกลายมาเป็น ทะเลาะกันไปป่าวๆ  อยากให้รักกันไว้ค่ะ เรามีกันอยู่แค่ ครึ่งเสี้ยวเดียว ของสังคมไทย จริงๆ
เห็นด้วยกับคุณเจนค่ะ   : emo045 :
แต่ละคณะนิกายต่างมีศาสนศาสตร์ในหลายๆ เรื่องที่แตกต่างกันไปและต่างก็ล้ำลึกทั้งนั้น
ถ้าไปอ่านงานเขียนของกลุ่มไหน ถามคนของกลุ่มไหน ก็จะได้คำตอบตามศาสนศาสตร์ของกลุ่มนั้น
ซึ่งถ้าเอาศาสนศาสตร์มาชนกันไปเรื่อยๆ ก็จะไม่จบและเป็นชนวนให้ทะเลาะกันเปล่าๆ  
ดังนั้นให้เรายึดหลักที่เหมือนกันไว้ เพื่อคงความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ส่วนเรื่องปลีกย่อยๆ ที่ต่างกันใครจะเชื่อตามศาสนศาสตร์แบบไหนก็สุดแล้วแต่แต่ละคนค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 10:24 am

ผมขออีกนิดนึงนะครับ เพราะเจอในเวปของนิกายออร์โธดอกซ์ของอเมริกา ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโรมันคาทอลิกอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ท่านอัครสังฆราชที่ผมนำบทความของท่านมาอ้างอิง ท่านก็ไม่ได้ขึ้นกับโรมันคาทอลิกเช่นกัน เพราะท่านอัครสังฆราชองค์ปัจจุบัน เป็นสมาชิกของคณะกรรมการเสวนาระหว่างออร์โธดอกซ์และคาทอลิก ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ออร์โธดอกซ์จะต้องมาเชื่อตามคาทอลิกเมื่อมีการเสวนากัน  ผมเชื่อว่าในเรื่องแม่พระไม่ทรงมีบุตรคนอื่น ๆ อีกหลังให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว ออร์โธดอกซ์เชื่อเหมือนคาทอลิก เพราะเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่มีมาก่อนการแตกนิกาย ซึ่งทางคาทอลิกเพิ่มข้อเชื่อเกี่ยวกับแม่พระในภายหลังเกี่ยวกับ การปฏิสนธินิรมลของแม่พระ และการรับยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณของแม่พระ

และจากเวปไซต์ของนิกายออร์โธดอกซ์ในอเมริกา ก็มีหนังสือคำสอนที่เค้ามีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ก็กล่าวถึงการเป็นพรหมจารีเสมอของพระนางมารีย์ไว้ว่า

http://www.oca.org/OCchapter.asp?SID=2&ID=19

Jesus is born from the Virgin Mary because he is the divine Son of God, the Saviour of the world. It is the formal teaching of the Orthodox Church that Jesus is not a "mere man" like all other men. He is indeed a real man, a whole and perfectly complete man with a human mind, soul and body. But he is the man which the Son and Word of God has become. Thus, the Church formally confesses that Mary should properly be called Theotokos, which means literally "the one who gives birth to God." For the one born of Mary is, as the Orthodox Church sings at Christmas: "... he who from all eternity is God."

Jesus of Nazareth is God, or, more accurately, the divine Son of God in human flesh. He is a true man in every way. He was born. He grew up in edience to his parents. He increased in wisdom and stature (Lk 2:51-52). He had a family life with "brethren" (Mk 2:31-34), who according to Orthodox doctrine were not children born of Marry who is confessed as "ever-virgin", but were either cousins or children of Joseph.

พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระผู้ไถ่ของโลก นี่เป็นคำสอนอย่างเป็นทางการของพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ที่ว่า พระเยซูเจ้าไม่ทรงเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนคนทั่ว ๆ ไปเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นมนุษย์แท้ ทรงเป็นมนุษย์ทั้งครบและอย่างสมบูรณ์พร้อมด้วยความคิดจิตใจ วิญญาณ และร่างกายแบบมนุษย์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระบุตร พระวาจาของพระเจ้าซึ่งมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ดังนั้น พระศาสนจักรประกาศอย่างเป็นทางการว่า พระนางมารีย์สมควรได้รับการเรียกว่า "พระมารดาของพระเจ้า" ซึ่งหมายความว่า "ท่านผู้ให้กำเนิดแด่พระเจ้า"  เพราะว่าพระองค์ที่ประสูติจากพระนางมารีย์ ซึ่งพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ร้องประกาศในวันพระคริสตสมภพว่า "พระองค์ผู้ทรงเสด็จมาจากนิรันดรภาพทรงเป็นพระเจ้า"

พระเยซูเจ้า ชาวนาซาเรธ ทรงเป็นพระเจ้า หรือจะเรียกให้ถูกต้องก็คือ พระบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าในร่างมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นมนุษย์แท้ในทุกวิถีทาง พระองค์ทรงบังเกิดมา ทรงเจริญวัยด้วยความเคารพเชื่อฟังต่อบิดามารดา ทรงเจริญขึ้นด้วยสติปัญญาและความรู้ (ลูกา 2:51-52) พระองค์ทรงใช้ชีวิตครอบครัวกับพี่น้อง(มาร์โก 2:31-34) ผู้ซึ่งตามข้อความเชื่อของออร์โธดอกซ์ ไม่ใช่ลูก ๆ ที่เกิดจากพระนางมารีย์ ซึ่งทรงได้รับการประกาศว่าทรงเป็น "พรหมจารีเสมอ" (Ever-Virgin) แต่เป็นลูกพี่ลูกน้อง หรือลูกที่ติดมาของนักบุญโยเซฟ


และยังมีข้อมูลเพิ่มเติมจากเวป  http://www.religionfacts.com/christiani ... htm#virgin
เกี่ยวกับความเชื่อนี้ ว่า

Mary as Perpetual Virgin

Roman Catholicism and Eastern Orthodoxy teach that Mary was not only a virgin before she gave birth to Jesus, but she remained a virgin her entire life. Some Protestants also hold this view, including Luther, Zwingli, and Calvin, but most modern Protestants believe she later had other children with Joseph since the Bible speaks of Jesus' brothers and sisters. Catholics and Orthodox explain references to Jesus' brothers as either cousins, or as step brothers who were Joseph's children by a prior marriage.

แปลว่า

พระนางมารีย์ผู้ทรงเป็นพรหมจารีตลอดกาล
คำสอนของโรมันคาทอลิก และออร์โธดอกซ์ตะวันออก สอนว่าพระนางมารีย์ไม่ได้ทรงเป็นพรหมจารีเพียงแค่การการให้กำเนิดพระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่พระนางยังคงรักษาความเป็นพรหมจารีจนตลอดชีวิตของพระนาง โปรเตสแตนท์บางกลุ่มก็เชื่อเช่นเดียวกัน รวมทั้ง ลูเธอร์ สวิงลี่ และคาลวิน แต่โปรเตสแตนท์รุ่นใหม่เชื่อว่าหลังจากนั้นพระนางทรงมีบุตรคนอื่น ๆ กับท่านโยเซฟอีก เพราะพระคัมภีร์กล่าวถึงพี่น้องของพระเยซูเจ้า  คาทอลิกและออร์โธดอกซ์อธิบายการอ้างถึงพี่น้องของพระเยซูเจ้านี้ว่า หมายถึงญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง (พี่น้องเลี้ยง)หรือเป็นบุตรที่เกิดจากการแต่งงานคราวก่อนของท่านโยเซฟ

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ออร์โธดอกซ์ไทยจะมีความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปจากออร์โธดอกซ์อื่น ๆ ทั่วโลกครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Slave of God
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm

ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 12:43 pm

หนึ่งเดียวในพระเจ้า หนึ่งเดียวในพระคริสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 10:00 pm

Andreas เขียน:
พระนางมารีย์ผู้ทรงเป็นพรหมจารีตลอดกาล
คำสอนของโรมันคาทอลิก และออร์โธดอกซ์ตะวันออก สอนว่าพระนางมารีย์ไม่ได้ทรงเป็นพรหมจารีเพียงแค่การการให้กำเนิดพระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่พระนางยังคงรักษาความเป็นพรหมจารีจนตลอดชีวิตของพระนาง โปรเตสแตนท์บางกลุ่มก็เชื่อเช่นเดียวกัน รวมทั้ง ลูเธอร์ สวิงลี่ และคาลวิน แต่โปรเตสแตนท์รุ่นใหม่เชื่อว่าหลังจากนั้นพระนางทรงมีบุตรคนอื่น ๆ กับท่านโยเซฟอีก เพราะพระคัมภีร์กล่าวถึงพี่น้องของพระเยซูเจ้า  คาทอลิกและออร์โธดอกซ์อธิบายการอ้างถึงพี่น้องของพระเยซูเจ้านี้ว่า หมายถึงญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง (พี่น้องเลี้ยง)หรือเป็นบุตรที่เกิดจากการแต่งงานคราวก่อนของท่านโยเซฟ

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ออร์โธดอกซ์ไทยจะมีความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปจากออร์โธดอกซ์อื่น ๆ ทั่วโลกครับ
ตกลงตามนี้นะครับ ..? หรือยังไงอีก เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 9:47 pm

The Mother of God

The doctrine of the place and person of the Virgin Mary in the Church is called "mariology." Both Orthodoxy and Roman Catholicism believe she is "Mother of God" (Theotokos, Deipare) and "the Ever-Virgin Mary."

However, the Orthodox reject the Roman Catholic "dogma of the Immaculate Conception of the Virgin Mary," which was defined as "of the faith" by Pope Pius IX, on the 8th of December 1854. This dogma holds that from the first instant of her conception, the Blessed Virgin Mary was, by a most singular grace and privilege of Almighty God, and in view of the merits of Jesus Christ, the Redeemer of the human race, preserved from all stain of Original Sin. It is a doctrine revealed by God, and therefore to be firmly and steadfastly believed by all the faithful (from the Bull Ineffabilis Deus).

Such a theory has no basis in the Scriptures nor the Fathers. It contains many ideas (such as "the merits of Christ") likewise without apostolic foundation. The idea that the Lord and His Saints produced more grace than necessary. This excess may be applied to others, even those in purgatory (see below).

But to return: the Church does not accept the idea that the Mother of God was born with the (inherited) guilt of Adam; no one is. She did, however, inherit the mortality which comes to all on account of Adam's Fall.

Therefore, there is no need to do what Latin theologians have done. There is no reason to invent a theory to support the dogma of the Immaculate Conception. There is no need to teach that, on account of "the merits of Christ," the Holy Spirit was able to prevent her from inheriting the guilt of Adam.

In fact, she was born like every other human being. The Holy Spirit prepared the Virgin Mary for her role as the Mother of God. She was filled with the Uncreated Energy of the Holy Spirit of God in order that she might be a worthy vessel for the birth of Christ. Nevertheless, several of the Fathers observed that before the Resurrection of her Son, she had sinned. St. John Chrysostom mentions the Wedding at Cana where she presumed to instruct Him (John 2:3-4). Here was proof of her mortality.

Receiving the Holy Spirit once more at Pentecost, she was able to die without sin. Because of her special role in the Divine Plan ("economy" or "dispensation"), she was taken into the heavens, body and soul. She now sits at the foot of her Son, making intercession for all those who implore her mercy. The Orthodox Church honors the miracle of her "assumption" with a feast on 15 August; likewise, the followers of the Pope.

Both also believe in the intercessions of the Virgin Mary and all the Saints. Such intercessions reflect the unity of the Church in heaven and the Church on earth.

Both also believe that there is a sense in which the Mother of God is the Church. The Church is the Body of Christ. Those who belong to the Church are identified with Him. But He is also our "brother" (Rom. 8:29). If Christ is our brother, then, the Virgin Mary is our mother. But the Church is our mother through Baptism. Therefore, the Virgin Mary is the Church.



จากเว็บ http://www.ocf.org/OrthodoxPage/reading/ortho_cath.html   เรื่องข้อเชื่อ ที่แตกต่าง ระหว่าง Orthodox และ Catholic ยังมีรายละเอียด ปลีกย่อยอยู่มาก
อยากแปลให้ หมด แต่  : xemo029 : เยอะจริงๆ

ต้อง ขออภัยในความเข้าใจ ผิด เรื่อง Virgin นะค่ะ หวังว่า แม่พระคงให้อภัย  ในเรื่อง การไม่ยอมรับ นั้น จะเป็นเรื่อง การปฏิสนธินิรมล ของ แม่พระ ค่ะ ซึ่งแนวคิด นี้เป็นของ
พระสันตปาปา Pius IX ในปี 1854
However, the Orthodox reject the Roman Catholic "dogma of the Immaculate Conception of the Virgin Mary," which was defined as "of the faith" by Pope Pius IX, on the 8th of December 1854.
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 10:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 6:45 am

องค์ความรู้ที่จะกล่าวต่อไปนี้ได้คัดตัดตอนมาจาก
"มารีวิทยา"(เทียบบทความใน Encyclopedia of Theology,pp.893-905 โดย Michael Schmaus)



ปัญหา "พี่น้องของพระเยซู" (มก 3.31,6.3 ยน 2.12 กจ 1.14,1คร 9.5,กท 1.19)

ถ้าดูความตามเรื่องที่กล่าวกึงในพระคัมภีร์ตอนนั้น น่าจะหมายถึงพี่น้องแท้ๆของพระเยซู..
แต่ในพระคัมภีร์กรีก(ฉบับ เจ็ดสิบ/Septuagint=LXXเลขโรมัน=70)คำนี้หมายถึงลูกพี่ลูกน้องของพระเยซูเท่านั้น (เทียบ ปฐก 13.8,14.14)
นักพระคัมภีร์คาทอลิกเข้าใจตามพระคัมภีร์กรีก นอกจากนี้ใน พระวรสารโดยนักบุญมาร์โก 6.3,15.40
มารีย์มารดาของพี่น้องของพระเยซูเป็นคนละคนกับพระนางมารีย์มารดาของพระเยซู...


กราบลา..
ขอพระผู้เป็นเจ้า ทรงอำนวยพร..
ขอสันติสุขจงอยู่ในใจท่านพี่น้องทั้งหลายเถิด..
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 9:45 am

วันที่ 8 ธันวาคม ทางคาทอลิกจัดให้เป็นวันสมโภชการปฏิสนธินิรมลของแม่นางมารีย์ ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 ในปี ค.ศ. 1854 ซึ่งที่จริงแล้ว พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกได้มีการฉลองการปฏิสนธินิรมลของแม่พระตั้งแต่ ค.ศ.1476 ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาซิสตุสที่ 4  และพระนางพรหมจารีมารีย์ได้ประจักษ์มาที่เมืองลูรดส์ ประเทศฝรั่งเศษเมื่อไป ค.ศ 1858 หรือเพียง 4 ปี หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศข้อความเชื่อนี้ นักบุญแบร์นาแดตถามผู้ที่ประจักษ์มาหาเธอว่า "ท่านชื่ออะไร" สตรีนั้นตอบเธอว่า " "I am the Immaculate Conception" (Qué soï era immaculado councepcioũ)" "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล"  ซึ่งในขณะนั้น แบร์นาแดตเป็นเพียงเด็กหญิงยากจนไร้การศึกษา และไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 12:28 pm

Andreas เขียน: วันที่ 8 ธันวาคม ทางคาทอลิกจัดให้เป็นวันสมโภชการปฏิสนธินิรมลของแม่นางมารีย์ ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 ในปี ค.ศ. 1854 ซึ่งที่จริงแล้ว พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกได้มีการฉลองการปฏิสนธินิรมลของแม่พระตั้งแต่ ค.ศ.1476 ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาซิสตุสที่ 4  และพระนางพรหมจารีมารีย์ได้ประจักษ์มาที่เมืองลูรดส์ ประเทศฝรั่งเศษเมื่อไป ค.ศ 1858 หรือเพียง 4 ปี หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศข้อความเชื่อนี้ นักบุญแบร์นาแดตถามผู้ที่ประจักษ์มาหาเธอว่า "ท่านชื่ออะไร" สตรีนั้นตอบเธอว่า " "I am the Immaculate Conception" (Qué soï era immaculado councepcioũ)" "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล"  ซึ่งในขณะนั้น แบร์นาแดตเป็นเพียงเด็กหญิงยากจนไร้การศึกษา และไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย
อันนี้ทราบค่ะ แต่ พระศาสนจักร Orthodox ไม่ยอมรับ ข้อเชื่อนี้ ค่ะ เพราะถือว่าเป็นของ ใหม่และมาจาก วาติกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 12:42 pm

Andreas เขียน:
ต่อไปนี้เป็นคำแปลบทความที่ผมอ้างอิงเอาไว้ ซึ่งมาจากพระสังฆราชของออร์โธดอกซ์เอง ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า "แม่พระไม่เคยให้กำเนิดบุตรคนอื่น ๆ หลังจากที่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว"

ผมประหลาดใจที่คุณ Jacky บอกว่า คริสตจักรออร์โธดอกซ์ของคุณสอนว่าแม่พระมีลูกอีกสองสามคนกับนักบุญโยเซฟ เพราะผมได้ทราบมานานแล้วว่าในความเชื่อนี้ ทางออร์โธดอกซ์เชื่อเหมือนคาทอลิก ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรคนเดียวของพระแม่มารีย์ และพระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอทั้งกายและวิญญาณ ผมจึงคิดว่าคุณ Jacky อาจจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปในข้อความเชื่อนี้ ผมจึงอยากให้คุณ Jacky ลองไปศึกษาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าหากเชื่อไม่ถูกต้อง จะเป็นอะไรที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนครับ เพราะท่านสังฆราชของออร์โธดอกซ์เองก็ยังเชื่อไม่เหมือนที่คุณ Jacky เชื่ออยู่ในเวลานี้ ผมไม่ได้หมายถึงทางคาทอลิกนะครับ
หยุดโต้เถียงก้ับคุณ jacky เถอะครับพี่เพชร

พี่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า

แม้นิกายออธอดอกซ์ แม้จะมีที่มามาจากคาทอลิก
แต่ระบอบของเขาไม่ได้มี Metropolitan(มหานคร)เดียว เหมือนที่นิกายโรมันคาทอลิคมีนครวาติกัน

แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย

จึงไม่แปลกครับ ที่พี่เพชรจะเจอเอกสารของ คานาดาออธอดอกซ์รับรองการเป็นพรหมจารีย์เสมอของแม่พระ
แต่รัสเซียออธอดอกซ์สายซึ่งคุณjacky สังกัดอยู่ไม่ยอมรับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 12:52 pm

ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน:
Andreas เขียน:
ต่อไปนี้เป็นคำแปลบทความที่ผมอ้างอิงเอาไว้ ซึ่งมาจากพระสังฆราชของออร์โธดอกซ์เอง ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า "แม่พระไม่เคยให้กำเนิดบุตรคนอื่น ๆ หลังจากที่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าแล้ว"

ผมประหลาดใจที่คุณ Jacky บอกว่า คริสตจักรออร์โธดอกซ์ของคุณสอนว่าแม่พระมีลูกอีกสองสามคนกับนักบุญโยเซฟ เพราะผมได้ทราบมานานแล้วว่าในความเชื่อนี้ ทางออร์โธดอกซ์เชื่อเหมือนคาทอลิก ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรคนเดียวของพระแม่มารีย์ และพระนางทรงเป็นพรหมจารีเสมอทั้งกายและวิญญาณ ผมจึงคิดว่าคุณ Jacky อาจจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปในข้อความเชื่อนี้ ผมจึงอยากให้คุณ Jacky ลองไปศึกษาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าหากเชื่อไม่ถูกต้อง จะเป็นอะไรที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนครับ เพราะท่านสังฆราชของออร์โธดอกซ์เองก็ยังเชื่อไม่เหมือนที่คุณ Jacky เชื่ออยู่ในเวลานี้ ผมไม่ได้หมายถึงทางคาทอลิกนะครับ
หยุดโต้เถียงก้ับคุณ jacky เถอะครับพี่เพชร

พี่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า

แม้นิกายออธอดอกซ์ แม้จะมีที่มามาจากคาทอลิก
แต่ระบอบของเขาไม่ได้มี Metropolitan(มหานคร)เดียว เหมือนที่นิกายโรมันคาทอลิคมีนครวาติกัน

แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย

จึงไม่แปลกครับ ที่พี่เพชรจะเจอเอกสารของ คานาดาออธอดอกซ์รับรองการเป็นพรหมจารีย์เสมอของแม่พระ
แต่รัสเซียออธอดอกซ์สายซึ่งคุณjacky สังกัดอยู่ไม่ยอมรับ
อันนี้ ต้องขอยอม รับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ แม่พระ นะค่ะ คือ เราเชื่อ เหมือน catholic ว่าพระนาง ไม่เคยมีลูก อันนี้ เสียใจจริงๆ  : xemo031 : เพราะความเข้าใจผิด
แต่ ที่เขาหมายถึง นั้น การไม่ยอมรับข้อเชื่อ เกี่ยวกับ ปฎิสนธินิรมล อย่างเดียวค่ะ  : emo031 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 12:52 pm

jacky เขียน:
ต้อง ขออภัยในความเข้าใจ ผิด เรื่อง Virgin นะค่ะ หวังว่า แม่พระคงให้อภัย   ในเรื่อง การไม่ยอมรับ นั้น จะเป็นเรื่อง การปฏิสนธินิรมล ของ แม่พระ ค่ะ
ถ้าเป็นความเข้าใจผิดของคุณ Jacky ก็ไม่เป็นไรครับ สรุปคือในเรื่อง Ever virginity ของพระนางมารีย์เราเชื่อเหมือนกัน ส่วนเรื่องอื่น เราเคารพซึ่งกันและกันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 1:19 pm

ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย
ขอโทษครับ ไม่เข้าใจตรงนี้
15 สายที่ว่า นี่เป็นลักษณะ เป็นสายแบบเดียวกันกับ โปรเตสแตนหรือป่าวครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 1:24 pm

BoYz - The Series เขียน:
ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย
ขอโทษครับ ไม่เข้าใจตรงนี้
15 สายที่ว่า นี่เป็นลักษณะ เป็นสายแบบเดียวกันกับ โปรเตสแตนหรือป่าวครับ
ถ้าเป็น สาย Eastren orthodox นั้นความเชื่อจะไม่ ต่างกัน เลย ตรงนี้ เจนบอกแล้ว่า เข้าใจผิด แต่ที่ orthodox ไม่ยอมรับในเรื่ิอง ปฎิสนธินิลมน
ส่วน 15 สังฆมลทน นั้นความเชื่อ ไม่ต่างกันค่ะ ยืนยันได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ธ.ค. 08, 2009 1:34 pm

jacky เขียน:
BoYz - The Series เขียน:
ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย
ขอโทษครับ ไม่เข้าใจตรงนี้
15 สายที่ว่า นี่เป็นลักษณะ เป็นสายแบบเดียวกันกับ โปรเตสแตนหรือป่าวครับ
ถ้าเป็น สาย Eastren orthodox นั้นความเชื่อจะไม่ ต่างกัน เลย ตรงนี้ เจนบอกแล้ว่า เข้าใจผิด แต่ที่ orthodox ไม่ยอมรับในเรื่ิอง ปฎิสนธินิลมน
ส่วน 15 สังฆมลทน นั้นความเชื่อ ไม่ต่างกันค่ะ ยืนยันได้
ครับๆๆถามเฉยๆๆๆ กำลังเรียนรู้ข้อมูลหนะครับ อิอิ  : emo027 :
แหะๆ  : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

พุธ ธ.ค. 09, 2009 8:21 am

jacky เขียน:
BoYz - The Series เขียน:
ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: แต่นิกายออธอดอกซ์มี metropolitan 15สาย
ซึ่งก็มีความเชื่อแตกต่างกันในปลีกย่อย
ขอโทษครับ ไม่เข้าใจตรงนี้
15 สายที่ว่า นี่เป็นลักษณะ เป็นสายแบบเดียวกันกับ โปรเตสแตนหรือป่าวครับ
ถ้าเป็น สาย Eastren orthodox นั้นความเชื่อจะไม่ ต่างกัน เลย ตรงนี้ เจนบอกแล้ว่า เข้าใจผิด แต่ที่ orthodox ไม่ยอมรับในเรื่ิอง ปฎิสนธินิลมน
ส่วน 15 สังฆมลทน นั้นความเชื่อ ไม่ต่างกันค่ะ ยืนยันได้
-*- น่าแปลกที่ ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของเรา (อิสลาม) กลับเชื่อเรื่องการปฏิสนธินิรมลของแม่พระ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:12 am

แล้ว ท่าสำคัญมหากางเขน โปร หลังมาติน เค้าเอาออกไปเมื่อไร แล้วทำไมถึงเลิกใช้ล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:22 am

BoYz - The Series เขียน: แล้ว ท่าสำคัญมหากางเขน โปร หลังมาติน เค้าเอาออกไปเมื่อไร แล้วทำไมถึงเลิกใช้ล่ะ
อันนี้ ก็ไม่เข้าใจนะค่ะ ว่าทำไม คงต้องถามผู้รู้แล้วล่ะ  : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:30 pm

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
jacky เขียน:
BoYz - The Series เขียน: ขอโทษครับ ไม่เข้าใจตรงนี้
15 สายที่ว่า นี่เป็นลักษณะ เป็นสายแบบเดียวกันกับ โปรเตสแตนหรือป่าวครับ
ถ้าเป็น สาย Eastren orthodox นั้นความเชื่อจะไม่ ต่างกัน เลย ตรงนี้ เจนบอกแล้ว่า เข้าใจผิด แต่ที่ orthodox ไม่ยอมรับในเรื่ิอง ปฎิสนธินิลมน
ส่วน 15 สังฆมลทน นั้นความเชื่อ ไม่ต่างกันค่ะ ยืนยันได้
-*- น่าแปลกที่ ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของเรา (อิสลาม) กลับเชื่อเรื่องการปฏิสนธินิรมลของแม่พระ
อิสลามไม่ได้เชื่อนะ

เอกลองกลับไปไล่อ่านใหม่ทั้งหมด ดีๆ

การที่พระเยซูเจ้าการปฏิสนธินิรมลจากแม่พระ คริสตชนทุกสายนิกาย(ยกเว้นเทียมเท็จ) และอิสลามเชื่อเหมือนกัน

แต่การปฏิสนธินิรมลของตัวแม่พระเอง เป็นเทววิทยาที่พัฒนาในสายคาทอลิก และมีการประจักษ์ของแม่พระรับรองสนับสนุน2แห่งคือ ลูรด์ และ เหรียญแม่พระอัศจรรย์
ตอบกลับโพส