อาจารย์คนสำคัญของพระศาสนจักรยุคแรกสอนเรื่องแม่พระอย่างไร

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ค. 24, 2011 3:54 am

จากชายชั่วช้าสู่อาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักร
ป,ธรรมนิยม ถอดความ

เหตุการณ์สำคัญ 2 ช่วงที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 386 ได้ประทับความทรงจำไว้ให้แก่ชีวิตนักบวชของกรุงมิลานซึ่งเวลานั้นอยู่ภายใต้การจัดการปกครองของพระสังฆราช นักบุญอัมโบรสิโอ :

เหตุการณ์แรก คือ การค้นพบซากศพของนักบุญมรณสักขี แยร์แวส และโปรแตส ในวันที่ 17 มิถุนายน ร่างทั้งสองยังมีรอยพิสูจน์ว่าถูกทรมานก่อนตาย แก้มของท่านทั้งสองถูกเจาะด้วยดาบ ส่วนกะโหลกศีรษะของท่านทั้งสองมีรอยถูกทุบ แม้ชื่อเสียงของท่านนักบุญทั้งสองได้กระจายไปอย่างรวดเร็วในพระศาสนจักรเวลานั้นก็ตาม และแม้มีการมอบวัดหลายแห่งให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของท่านก็ตาม (ตัวอย่างวัดอันสง่างามศิลปะโกธิกใกล้ศาลากลางจังหวัดของกรุงปารีส)

รูปภาพ

เหตุการณ์อย่างที่ 2 ที่ดูโดดเด่นน้อยกว่าแต่กลับดังกระหึ่มมาตลอดเวลาในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรนั่นคือ การกลับใจของนักบุญออกัสติน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ค. 24, 2011 4:00 am

ระหว่างพระหรรษทานและความบาป

นักบุญออกัสติน เกิดที่เมืองตาก๊าสต์ (ปัจจุบันคือเมือง Souk-Ahras) ในแอฟริกาเหนือเมื่อปี 354 บิดาเป็นคนต่างศาสนา มารดาคือ นักบุญมอนิกา ออกัสตินได้เริ่มเรียนหลักความเชื่อตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่ออายุประมาณ 12 ขวบ ท่านเจ็บหนักจึงได้ขอรับศีลล้างบาป มารดาเป็นผู้เตรียมท่านเพื่อจะได้รับศีลล้างบาปเมื่อท่านหายดีแล้ว และแล้วก็ได้มีการประวิงการรับศีลล้างบาปของท่านไว้ก่อน แต่ก็ได้สอนให้ท่านสวดภาวนา

เวลานั้นบิดามารดาได้ส่งท่านไปเรียนที่ Madaure ที่นี่เองที่วัยหนุ่มเริ่มเหลวแหลกทีละเล็กทีละน้อย มิเพียงละทิ้งการภาวนาเท่านั้น แต่ท่านนักบุญกลายเป็นคนโกหก คนคดโกง และเป็นขโมย และแล้วตัณหาก็เข้าครอบงำจิตใจของหนุ่มน้อย แม้มารดาจะให้คำแนะนำอย่างไรท่านนักบุญก็ปล่อยตัวปล่อยใจตามสัญชาตญาณ เพื่อโอ้อวดตนเองมากกว่าเพราะความเลว เพื่อลอกแบบหรือไม่ก็ต้องการทำชั่วให้เหนือกว่าบรรดาเพื่อนๆ

รูปภาพ

เมื่อเป็นนักศึกษาอยู่ที่เมืองคาร์เธจ เกิดประทับใจในการอ่านหนังสือเรื่อง Hortens-ius ของปราชญ์ซิเซโรผู้พาท่านนักบุญเข้าในขอบข่ายของความจริงที่สัมผัสไม่ได้

โดยสัญชาตญาณท่านนักบุญหวนกลับมาสวดภาวนาอีก จากนั้นก็มีความรู้สึกว่าอยากอ่านพระคัมภีร์แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อต้องอ่านฉบับแปลแบบประชานิยมที่ดูยุ่งเหยิง ดังนั้นท่านนักบุญจึงเบนความสนใจสู่นิกายมานิเค ที่โอ้อวดว่าสามารถนำปรีชาญาณมาให้ได้ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ท่านนับุญได้อยู่กินกับสตรีคนหนึ่งและมีบุตรชื่อ อาเดโอดาต์ เวลานั้นท่านนักบุญอายุได้ 18 ปี

เมื่อายุ 20 ปี ท่านนักบุญได้กลับมาอยู่ที่เมืองตาก๊าสต์เป็นเวลา 2 ปี เพื่อสอนวิชาวาทศิลป์ จากนั้นเกิดความสนใจอย่างมากในวิชาโหราศาสตร์และนาฎศิลป์ ท่านได้พยายามใฝ่หาชื่อเสียง แต่ก็มิวายพบกับความสะเทือนใจและเบื่อหน่ายเมื่อเพื่อนคนหนึ่งต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ท่านจึงได้กลับไปคาร์เธจ และได้แต่งหนังสือเกี่ยวกับรมณียศาสตร์ ที่นี่เองท่านนักบุญได้พบกับพระสังฆราชที่มีชื่อเสียงสังกัดนิกายมานิเค แต่ท่านกลับต้องสะเทือนใจอย่างแรงต่อความอวิชชาของพระสังฆราชท่านนี้

ประมาณปลายปี ค.ศ. 383 ท่านนักบุญได้ไปกรุงโรมเพื่อเปิดโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่ง แต่บรรดานักศึกษาไม่จ่ายค่าเล่าเรียน เมื่อได้ไปพบเจ้าเมืองชื่อ Symmaque ที่ได้ให้ท่านนักบุญไปอยู่ที่กรุงมิลาน อันเป็นเมืองที่มีผู้คนน้อย แต่มีความสำคัญมากกว่ากรุงโรม ภายใต้การนำของพระสังฆราชอัมโบรซิโอ เพื่อเหตุผลทางโอกาสและความเหมาะสม ท่านนักบุญได้ไปคารวะพระสังฆราชอัมโบรซิโอ ที่ให้การต้อนรับแบบธรรมดา อย่างไรก็ตามนักบุญออกัสติน ชอบไปนั่งฟังพระสังฆราชอัมโบรซิโอเทศน์ที่พระวิหารทุกวันอาทิตย์

รูปภาพ

คำพูดอันไพเราะและสละสลวยของนักพูดท่านนี้จับใจท่านนักบุญมาก และรู้สึกยิ่งประทับใจเมื่อนักเทศน์ท่านนี้เน้นเรื่องการอ่านพระคัมภีร์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่านกล่าวว่า “วาจาอาจฆ่าได้ แต่องค์พระจิตจะให้ชีวิต” จากเหตุการณ์นี้ ท่านนักบุญจึงเริ่มอ่านพระคัมภีร์อีกครั้ง ทีละเล็กทีละน้อยท่านได้พบขุมทรัพย์ที่ไม่คาดฝันมาก่อน จึงเข้าใจในความผิดพลาดข้อความเชื่อของนิกายมานิเค

นักบุญมอนิกาผู้เป็นมารดาได้มาอยู่ด้วยในเวลานั้นเธอปรารถนาให้ท่านนักบุญแต่งงาน ดังนี้จึงสามารถแยกสตรีที่อยู่ด้วยกันออกไปโดยปริยาย อันที่จริงท่านนักบุญยังรักสตรีคนนั้น และได้สัตย์ซื่อตลอดมา (แต่สตรีผู้นี้ไม่สูงศักดิ์) นับเป็นความปวดร้าวใจยิ่งนักจากการต้องแยกกันครั้งนี้ ท่านนักบุญได้รับบุตรชายมาอยู่กับตน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ท่านก็ได้เห็นถึงความโง่เขลาของโหราศาสตร์ และได้รับอิทธิพลจากความเชื่อเพลโตแบบใหม่ อันช่วยให้ท่านนักบุญสามารถพบข้อยุติต่อปัญหาของความเลวร้ายที่ทำให้ท่านวุ่นวายใจ ท่านนักบุญค่อยๆ ขยับเข้าใกล้พระคริสตศาสนามาเรื่อยๆ ขณะที่ผู้เป็นมารดาเฝ้าภาวนาและร่ำให้เพื่อการกลับใจของบุตรชาย

รูปภาพ

การอ่านบทจดหมายต่างๆ ของนักบุญเปาโลได้สะท้องภาพอันแท้จริงขององค์พระคริสตเจ้าต่อหน้านักพูดท่านนี้ การกลับใจของท่านนักบุญค่อยๆ สุกงอมอย่างช้าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้พูดคุยกับพระสงฆ์อาวุโส ซิมปริซิอานุส ผู้ได้เล่าเรื่องการที่ Marius Victorinus ได้กลับใจมาเป็นคริสตังท่านผุ้นี้เป็นผู้แปลชุดหนังสือ Enneandes ของ Plotin ท่านนักบุญจึงเกิดความเร่าร้อนที่จะเลียนแบบท่านผู้นี้ แต่ทว่าตนเองยังติดอยู่กับความสนุกสนานทางเนื้อหนังอยู่

Ponticianus ชาวแอฟริกาคนหนึ่งได้เล่าเรื่องชีวิตฤษีของนักบุญอันตน ให้นักบุญออกัสตินฟัง นักบุญอาทานาซีโอ เป็นผู้เขียนชีวประวัติ นักบุญอันตน การได้ฟังเรื่องนี้ทำให้นักบุญออกัสตินจมลงกับบึ้งด้วยความละอายตนเอง และก็เป็นเวลาของการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ภายในตัวท่าน ท่านนักบุญได้ระบายความในใจนี้แก่ Alypius เพื่อนของท่าน ท่านร้องไห้และก็ได้หลบซ่อนตัวเพื่อพินิจไตร่ตรองภายในสวนของตน (คือภายในตัวของท่านนั่นเอง)

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ค. 24, 2011 4:04 am

เสียงเรียกของพระเป็นเจ้า

ขณะนั้นมีเสียงมาจากบ้านข้างเคียง เป็นเสียงของเด็กๆ ที่พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “หยิบขึ้นมาอ่านซิ! หยิบขึ้นมาอ่านซิ!” นักบุญออกัสตินเปิดหนังสือทันทีและตกลงอ่านบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม : “ให้เราดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่กินเลี้ยงเสพย์สุราเมามาย มิใช่ปล่อยตัวเสพย์กามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา แต่จงดำเนินชีวิตโดยรับพลังซึมซาบจากองค์พระเยซูคริสตเจ้า อย่าคิดบำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง” (โรม 13:13-14)

ไม่จำเป็นต้องอ่านต่อไปอีกแล้ว ความมืดมนในใจ ความลังเลใจสลายไปในทันใด และความตั้งใจได้กำหนดไว้แล้ว พระเป็นเจ้าได้กวักมือเรียกท่านนักบุญแล้ว ภายหลังท่านได้เขียนในบันทึการยืนยันความเชื่อว่า “ลูกรักพระองค์สายไปจริงๆ องค์ความสง่างามตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน เป็นเพราะว่าพระองค์อยู่ภายในตัวลูก แต่ลูกกลับอยู่นอกตัวลูก พระองค์อยู่กับลูก แต่ลูกกลับมิได้อยู่กับพระองค์ พระองค์ได้ทรงเรียกลูก และพระองค์ได้ตามเข้าไปจนสุดปลายความหูหนวกของลูก พระองค์ได้จุดประกายให้ลูก และความเจิดจรัสของพระองค์ทำให้ความตาบอดของลูกต้องผละจากไป พระองค์ได้ชโลมลูกด้วยน้ำหมอของพระองค์ ลูกได้สูดกลิ่นและถอนหายใจตามหลังพระองค์ พระองค์ได้สัมผัสลูกแลลูกก็เร่าร้อนด้วยความปรารถนาสันติของพระองค์”

รูปภาพ

ทันทีนักบุญออกัสตินบอกให้อะลิปีอัส เพื่อนรักได้รู้เรื่องการเปลี่ยนแปรทางชีวิตจิตของตน จากนั้นก็ได้ไปบอกมารดา ผู้ดีใจที่ได้เห็นคำกล่าวของนักบุญอัมโบรซีโอเป็นจริงขึ้นมาแล้ว : “ลูกของเธอจะไม่พินาศ เพราะเธอได้หลั่งน้ำตาอย่างมากมายเพื่อเขา”

ท่านนักบุญได้กลับใจอย่างดี เข้าหาพระเป็นเจ้าจนไม่คิดเรื่องแต่งงานเลย และท่านได้สละแล้วซึ่งความหวังของสมัยนั้น ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ของนักพูดและปลีกตัวไปอยู่อย่างเงียบๆ ที่ Cassissiacum อันเป้นที่ดินของเพื่อนคนหนึ่ง

ท่านอยู่ที่นั่นกับนักบุญมอนิกา อาเดอดาต์ลูกชายและเพื่อนๆ เฝ้ารำพึงพินิจถกเถียงปรัชญา เขียนและสวดภาวนาโดยใช้บทสดุดีเป็นหลักเป็นพิเศษ

รูปภาพ

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 24 เมษายน 387 ด้วยอายุ 33 ปี นักบุญออกัสตินพร้อมเอลิปิอุสเพื่อนสนิท และอาเดโอดาต์ลูกชาย ได้รับศีลล้างบาปที่กรุงมิลานโดยนักบุญอัมโบรซีโอ จากนั้นพระสังฆราชในอนาคตของฮิปปอน ได้กลับไปแอฟริกา (หลังจากได้อยู่กับมารดาจนมารดาเสียชีวิตที่โอสติอา) ณ ที่นั้นท่านนักบุญได้กลายเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร อาจคงแก่เรียนเท่าๆ กับนักบุญโธมัส อาควินัส ท่านนักบุญมีจิตใจที่เต็มล้นด้วยความรักต่อพระเป็นเจ้าและเพื่อมนุษย์ คำสอนของท่านนักบุญสรุปออกมาเป็นคำพูดดังนี้ : “จงรัก และทำทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา!”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ค. 24, 2011 4:18 am

นักบุญออกัสตินกล่าวถึงพระมารดาพรหมจารี

นักบุญออกัสตินได้เทศน์สอนมากมาย ได้เขียนมากมายจนถึงวันสิ้นชีวิตในปี 430 โดยมีอายุได้ 76 ปีแท้จริงแล้ว แม้ไม่มีผลงานใดพูดตรงๆ ถึงพระแม่พรหมจารี แต่ในบางโอกาสท่านได้กล่าวถึงพระแม่ด้วยความหยั่งรู้อันลึกล้ำ

ด้วยเหตุนี้ในบทเทศน์ที่ 25 ท่านได้เทศน์ว่า “ขอได้โปรดให้ความสนใจสิ่งที่องค์พระคริสตเจ้าได้ตรัสไว้ขณะที่ได้ผายพระหัตถ์ไปยังบรรดาสานุศิษย์ :

"ผู้ที่เป็นมารดาและพี่น้องของเรานะหรือ คือคนที่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า จนลุความสำเร็จ" พระแม่ได้เชื่อ อาศัยความเชื่อ ได้ให้กำเนิดพระบุตรอาศัยความเชื่อ พระแม่ได้รับเลือกเพื่อให้ความรอดพ้นของมนุษย์เกิดขึ้น พระแม่ถูกสร้างขึ้นโดยองค์พระคริสต์ก่อนที่องค์พระคริสต์รับสภาพมนุษย์ในครรภ์ของพระแม่ พระแม่มารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งผู้ได้รับการสร้างอย่างสมบูรณ์แบบ ได้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า และด้วยเหตุนี้เองพระแม่มารีจึงเป็นศิษย์ขององค์พระคริสต์ มากกว่าเป็นมารดาขององค์พระคริสต์เสียอีก ท่านเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้เป็นศิษย์ขององค์พระคริสต์ มากกว่าได้เป็นมารดาของพระองค์ เช่นกันพระแม่มารีเป็นผู้ประเสริฐ เหตุเพราะว่าก่อนที่จะบังเกิดองค์พระอาจารย์เจ้า พระแม่ได้อุ้มพระองค์ไว้ในพระครรภ์ก่อนแล้ว


รูปภาพ

ลองมาพิจารณากันซิว่า สิ่งที่พ่อได้กล่าวให้พวกลูกฟังนั้นถูกต้องไหม ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านมามีผู้คนมากมายติดตามพระองค์มาด้วย พระองค์ทรงกระทำกิจการอัศจรรย์หลากหลาย มีสตรีท่านหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า “เป็นบุญจริงสำหรับครรภ์ที่ได้อุ้มท่านมา!”

เพื่อจะได้ไม่มีการเสาะหาความสุขทางธรรมชาติเนื้อหนังพระองค์ตรัสตอบว่า “เป็นบุญมากกว่า แก่คนที่ได้ยินพระวาจาและรักษาไว้อย่างดี!”

ดังนี้พระแม่มารีมีบุญ ด้วยเหตุที่เป็นผู้ฟังพระวาจาของพระเป็นเจ้าและปฎิบัติตามอย่างดี พระแม่เก็บรักษาพระสัจธรรมไว้ในใจมากกว่าเก็บเนื้อหนัง (ขององค์พระคริสต์) ไว้ในครรภ์ หมายความว่าองค์พระคริสต์คือสัจธรรม องค์พระคริสต์คือเนื้อหนัง องค์พระคริสต์องค์สัจธรรมอยู่ในจิตใจของพระแม่มารี องค์พระคริสต์เนื้อหนังอยู่ในครรภ์ของพระแม่ เหตุว่าสิ่งที่เป็นชีวิตจิตย่อมเลิศกว่าสิ่งที่พระแม่อุ้มไว้ในทรวง

พระแม่มารีเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้มีบุญ แต่พระศาสนจักรอยู่เหนือพระแม่ขึ้นไปอีก ทำไมหรือ? ก็เพราะพระแม่เป็นส่วนของพระศาสนจักร อวัยวะศักดิ์สิทธิ์ อวัยวะที่โดดเด่น แม้จะโดดเด่นกว่าพระศาสนจักร อวัยวะนี้ก็ยังคงเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างทั้งร่าง ศีรษะของร่างนี้ คือองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้า จะต้องพูดอะไรอีก? “พวกเรามีหัวหน้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเรามีหัวหน้าเป็นพระเป็นเจ้า”


รูปภาพ


อีกแห่งหนึ่งที่นักบุญออกัสตินกล่าวถึงพระแม่มารีคือการถือพรหมจรรย์ :

“พระแม่มารีเป็นผู้มีบุญที่สนิทสัมพันธ์ในองค์พระคริสต์อาศัยความเชื่อ มากกว่าได้บังเกิดเนื้อหนังขององค์พระคริสต์ สายสัมพันธ์ประสามารดาของพระแม่ จะไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย ถ้าพระแม่มิได้เป็นผู้มีบุญอุ้มองค์พระคริสต์ในดวงใจ มากกว่าอุ้มองค์พระคริสต์ในพระครรภ์

ในเนื้อความอีกแห่งดูเหมือนว่า นักบุญออกัสตินได้คาดคิดไว้แล้วถึงธรรมล้ำลึกแห่งการปฎิสนธินิรมล ท่านนักบุญได้เขียนไว้ว่าดังนี้

“เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติองค์พระคริสต์ เมื่อเรากล่าวถึงพระแม่มารี ที่ไม่ต้องการให้เกิดมีปัญหาเมื่อเรื่องความบาปเข้ามาเกี่ยวข้อง แท้จริงพวกเราทราบดีว่า พระเจ้าได้ประทานพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่ให้แก่พระแม่ เพื่อชนะบาปทุกชนิดทุกแห่งหน ด้วยเหตุนี้เองพระแม่จึงเหมาะสมที่ตั้งครรภ์และบังเกิดองค์พระผู้ที่ชาวเราแน่ใจว่าไม่มีบาปใดๆ ทั้งสิ้น”

รูปภาพ


ในหนังสือ “เรื่องการถือศีลพรหมจรรย์” นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักรผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ ได้ชี้เน้นคุณลักษณะ 2 ประการของพระแม่มารีดังนี้

“พระแม่มารีเป็นสตรีผู้เดียวที่เป็น ทั้งพระมารดาและพรหมจารี ทั้งทางจิตและทางร่างกาย ทางจิตนั้นพระแม่เป็นมารดาของชาวเราทุกคน ผู้เป็นอวัยวะทุกส่วนของพระคริสตเจ้า เหตุเพราะพระแม่ได้ร่วมงานในการเกิดของบรรดาประชาสัตบุรุษในพระศาสนจักรอาศัยน้ำใจอันกว้างขวางของพระแม่

ทางร่างกายพระแม่มารีเป็นมารดาของศีรษะ/หัวหน้าของชาวเรา จำเป็นที่หัวหน้า/ศีรษะของชาวเราบังเกิดตามธรรมชาติเนื้อหนังจากพรหมจารี อาศัยอัศจรรย์อันโดดเด่นเพื่อจะได้บอกกล่าวว่า อวัยวะของพระองค์จะเกิดในพระศาสนจักรพรหมจารีตามธรรมชาติของชีวิตจิต ดังนี้เองพระแม่มารี จึงเป็นทั้งมารดาของพระคริสตเจ้าและพรหมจารีขององค์พระคริสต์”

รูปภาพ

ขอให้การครบรอบศตวรรษที่ 16 แห่งการกลับใจของนักบุญออกัสติน ช่วยแสดงให้ชาวเราเห็นว่าพระเป็นเจ้าทรงส่องสว่างทุกคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยจิตใจซื่อตรงและเร่าร้อน และสำหรับชาวเราที่รักพระแม่พรหมจารีอย่างสุดซึ้งให้เป็นการเตือนใจว่า พระเป็นเจ้าทรงพระปรีชาญาณล้ำลึกในการสงวนอภิสิทธิ์อันน่าชื่นชมไว้ให้พระแม่ของชาวเรา



แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับรวมเล่มปี 2001/2544 หน้า 24-27
ตอบกลับโพส