+ บทนำ สารจากแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ ลำไทร จ.ปทุมธานี +

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:10 pm

คำประกาศ
ตามกฤษฎีกาของสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อA.A.S.58,1186(อนุมัติ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่6ณ.วันที่14ตุลาคม1966)แถลงว่า พระองค์ทรง อนุมัติให้ตีพิมพ์เรื่องใดก็ตามที่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเป็นเจ้าโดย ไม่ต้องผ่านการรับรอง“ไม่ขัดข้อง”(Nihil Obstat)และ“อนุญาตให้พิมพ์ได้ ” (Imprimatur) แต่มีเงื่อนไขว่าจักต้องไม่มีข้อความใดที่ขัดต่อความเชื่อและ ศีลธรรม
ผู้จัดพิมพ์ต้นฉบับบันทึกสาสน์นี้ขอน้อมรับคำตัดสินอย่างเป็นทาง การและเด็ดขาดของผู้มีอำนาจสอนในพระศาสนจักรโดยไม่มีเงื่อนไข

จากใจผู้ รวบรวมสาสน์




วันเสาร์ที่30ตุลาคม 2547

บันทึกนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง และเป็นความเชื่อส่วนตัวของ ผม แรกๆผมก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผมที่อยู่ดีๆผม สามารถรับรู้ได้ทางจิต ผมจะได้ยินทั้งเสียงและภาพผ่านเข้ามาทางหน้าผาก ของผม ผมคิดอยู่นานเหมือนกันว่าเรานี่ท่าจะเพี้ยนเสียแล้วกระมัง หรือเป็น เรื่องของจิตใต้สำนึกของผมเองหรือเปล่าที่คิดขึ้นมาเอง หรือว่าเป็นปีศาจที่มา ล่อลวงให้ผมหลงเชื่อกันแน่

ผมชื่อ เปโตร อายุ 49 ปี ผมเป็นลูกหลานของคนจันทบุรี แต่ได้ย้าย เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯนานแล้ว ผมเป็นคริสตังที่ตกอยู่ในบาปมากมาย ได้ละทิ้ง พระไปเป็นเวลานานหลายสิบปี จะไปวัดก็เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ ถ้าวันไหนไม่ อยากไปก็ไม่ไป ไม่เคยคิดสักครั้งที่จะไปหาพระด้วยจิตใจที่แท้จริง หลายครั้งที่ผม พบความยากลำบากในชีวิต แต่ก็ได้รับพระพรจากพระเป็นเจ้าให้ได้รอดพ้นจาก ความทุกข์ยากลำบาก หรือแม้กระทั่งภัยอันตรายต่างๆ ผมก็รอดพ้นมาได้อย่างน่า ประหลาด แต่ก็นั่นแหละผมไม่เคยสำนึกเลยว่าพระได้ช่วยให้ผมได้รอดมาได้จนถึง ทุกวันนี้

คุณยายของผมเป็นสัตบุรุษ จากหลังวัดโรมันคาทอลิค, จันทบุรี ทุกๆเสาร์สิ้นเดือนท่านจะต้องไปร่วมสวดภาวนาที่หน้าถ้ำแม่พระที่วัดพระวิ สุทธิวงส์, ลำไทร, ร่วมกับกลุ่มผู้สูงอายุจาก จันทบุรี ซึ่งได้ทำการแสวงบุญเช่นนี้ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานถึง 16 ปี จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ คุณยายของผมเป็นคนที่มีใจศรัทธาต่อแม่พระมาก ท่านจะ ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการ สวดสายประคำขอพรต่อแม่พระเพื่อให้ลูกๆ หลานๆ อยู่ ในศีลในพรและขอให้พระทรงคุ้มครองพวกเราทุกคน ตอนที่เวลาท่านเจ็บหนัก ท่านต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก แต่ท่านก็ยังไม่ลืมที่เรียกหาแม่พระอยู่ตลอด เวลา เมื่อท่านได้เสียชีวิตไปเมื่อ วันที่ 18 ต.ค.ปี พ.ศ.2544 ด้วยความรักของ ยายที่มีต่อพวกเราซึ่งเป็นลูกหลาน ผมเชื่อว่าถึงแม้ว่าท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ท่านก็ยังคงสวดภาวนา และวิงวอนขอต่อแม่พระให้พวกเราอยู่เสมอ พวกเรา จึงเริ่มกลับใจและสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณของท่านพร้อมกันทุกคืนในเวลา ประมาณ 19.00น. นอกจากนี้พวกเราได้สืบทอดเจตนารมย์ของยายที่จะไปร่วม สวดภาวนากับกลุ่มผู้สูงอายุจากจันทบุรี (ปัจจุบันนี้เหลือเพียงอีกเพียงไม่กี่คน เท่านั้น เนื่องจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทาง, การเจ็บป่วย, การเสีย ชึวิต, และการที่ต้องอดหลับอดนอนเพื่อสวดภาวนาเฝ้าอยู่ที่หน้าถ้ำแม่พระ ตลอดทั้งคืนนั่นเอง)

เมื่อแรกเริ่มที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการสวดภาวนาที่หน้าถ้ำแม่พระที่ ลำไทรนั้น ผมรู้สึกถึงความอบอุ่น, ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความรักใคร่กลม เกลียวกัน เพราะทุกคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือมาหาแม่พระผู้เป็นที่รัก ของพวกเราทุกคน หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบประวัติการประจักษ์ของแม่พระ ที่ถ้ำแม่พระ, วัดพระวิสุทธิวงส์, ลำไทร, ลำลูกกา, ปทุมธานี ผมจึงขออนุญาต สรุปข้อความบางส่วนจากหนังสืออิสระ ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 พ . ศ .- มิ . ย . 31 เพื่อให้ ท่านผู้อ่าน ได้ทราบถึงประวัติย่อๆดังนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 28, 2006 10:39 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:14 pm

แม่พระประจักษ์ที่ประเทศไทย เมื่อปี 2531 ที่วัดลำไทร
จากบทสัมภาษณ์คุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม เจ้าอาวาสวัดวิสุทธิวงส์( ในขณะนั้น ) อาเดเรียเป็นชาวออสเตรเลีย เธอกำลังทำงานที่โคเออร์และเธอได้รับการติด ต่อสนทนากับแม่พระเป็นเวลา 9 ปี และมีข่าวสารเป็นครั้งคราวจากแม่พระเพื่อ ขอให้เธอเขียนถึงพระสันตะปาปาและบุคคลสำคัญ เธอได้บอกกับคุณพ่อว่า ตั้งแต่วันที่ 12 เม . ย . 2531เป็นต้นไป แม่พระจะมาประจักษ์ขณะที่มีการสวด สายประคำ และชื่อของแม่พระในการมาประจักษ์ครั้งนี้คือ “พระแม่ผู้เห็นอกเห็น ใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร”
อาเดเรียได้เขียนบอกถึงสาเหตุที่แม่พระมาประจักษ์ไว้เมื่อวันที่ 25 พ . ค . 2531 มีใจความว่า เพื่อสอนเราว่าให้เรารักพระเยซูเจ้าเสมอๆ
1) ไม่มีใครรักพระเยซูเจ้าได้ดีเท่าแม่ และติดตามด้วยแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2) เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งเลวร้าย
3) เพื่อช่วยวิญญาณเราและวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ
4) เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักรและผู้มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5) เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระ อาณาจักรสวรรค์และให้ความหวังแก่เรา

หลังจากปี พ.ศ. 2531 เป็นต้นมาก็มิได้มีการบันทึกอะไรไว้เป็นหลักฐานอีกเลย และยังไม่มีผู้คนมาสวดภาวนาที่ถ้ำแม่พระแห่งนี้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ถ้าหากบรรดาผู้สูงอายุเหล่านี้ตายไปกันหมดแล้ว ก็คงจะไม่มีใครมาหาแม่พระที่นี่อีก เป็นแน่ จะมีใครรู้บ้างไหมว่า แม่พระทรงมาคอยลูกๆของแม่อยู่ที่ถ้ำแห่งนี้นาน ถึง16 ปีแล้ว
ช่วงแรกๆของการไปแสวงบุญที่ลำไทร ผมได้ยินผู้ใหญ่หลายๆท่านพูดถึง อัศจรรย์ที่พวกท่านได้เห็นหรือได้รับพระพรจากแม่พระ ยิ่งทำให้ผมอยากไปมากยิ่งขึ้น คงมีสักวันที่คนบาปอย่างผม จะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่พระบ้าง ตลอดระยะเวลา 3 ปีแรกจึงเหมือนกับช่วงเวลาแห่งการรอคอยและชำระจิตวิญญาณของผม จากคนที่เคยทิ้งวัดไปหลายสิบปี ผมเริ่มรู้สึกว่าอยากไปวัด, อยากไปหาแม่พระ, อยากสวดภาวนามากขึ้นทุกวัน จนในที่สุดอยู่มาวันหนึ่ง ผมก็เริ่มได้ยินเสียงของแม่พระทรงตรัสกับผมที่ถ้ำแม่พระที่ลำไทร ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่ผมคิดขึ้นมาเองในใจหรือเปล่า จึงได้ถามแม่พระอยู่ในใจว่า ถ้าเป็นพระประสงค์ของแม่ที่จะให้ลูกได้รับสาสน์แล้ว ขอให้ลูกได้ยินข้อความเดิมนั้นอีกครั้ง และผมก็ได้ยินจริงๆ แรกๆผมก็ ไม่กล้าเล่าให้ ใครฟังนอกจากญาติ พี่น้องในครอบครัวเท่านั้น เพราะกลัวคนอื่นเขาจะหาว่าผมเสียสตินั่นเอง ในจิตใจของผมเริ่มร้อนรน อยากให้ผู้คนกลับมาหาแม่พระเหมือนเดิม แม่พระได้ทรงตรัสให้ผมเริ่มงานของแม่ด้วยการส่งให้ผมไปหาคุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม ซึ่งในขณะนั้นผมยังไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวเลย เพียงแต่ทราบว่าท่านอยู่ที่ วัดมารีสวรรค์, ดอนเมืองเท่านั้น แต่ในที่สุดผมก็ได้รับการดลใจให้ไปหาคุณพ่อจนได้เพื่อขอให้ท่านเป็นคุณพ่อทางฝ่ายวิญญาณของผม
แม่พระทรงค่อยๆสอนคนบาปหนาอย่างผมทีละเล็กทีละน้อย ถึงความรักที่พระบิดาเจ้าและพระเยซูเจ้าทรงมีต่อลูกๆของพระองค์เป็นเวลาถึงสามปีเต็มๆ เมื่อ เริ่มปีที่ 4 แม่พระจึงได้ทรงเริ่มประทานสาสน์ และตรัสว่าจะมาพบกับผมทุกๆวัน เสาร์ที่บ้านของผมและให้ผมบันทึกสาสน์ของแม่เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ผมจึงได้ถวายตัวกับแม่พระ เพื่อขอเป็นข้ารับใช้ของแม่ไปจนตลอดชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ. 2548

แม่พระได้สอนให้ผมเริ่มต้นชำระจิตใจของตนเองให้บริสุทธิ์, ทำแต่ความดี, ให้อภัยแก่ผู้อื่น, รู้จักกับการให้ความรักและความเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์โดยที่ไม่หวังสิ่งใดๆ เป็นการตอบแทน นอกจากนี้แม่พระยังได้ทรงสอนให้ผมรู้จักการให้ความ ช่วยเหลือแก่ญาติพี่น้องของตนเองก่อนที่จะไปให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผมมักจะมองข้ามไปเสมอ กว่าผมจะมาถึงวันนี้ได้ เมื่อผมมองย้อนหลังกลับไป แม่พระได้ทรงชำระจิตวิญญาณของผมอย่างช้าๆจนผมแทบไม่รู้ตัว ผมไม่มีความรู้เรื่องพระคำภีร์เลย แต่แม่พระก็ทรงให้เวลาผมปรับตัวก่อนที่จะทรงตรัสให้ผมเริ่มทำงานให้แม่ สิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดก็คือการได้ช่วยวิญญาณของน้องชายของผมที่ทิ้งวัดไปเป็นเวลา 2ปี ให้กลับใจมาหาแม่พระได้สำเร็จ ผมขอ ขอบพระคุณแม่พระที่ทรงสอนให้ผมไม่ละความพยายาม และค่อยๆพูดชักจูงใจจนเขาสมัครใจที่จะไปขอแก้บาปด้วยตนเอง แม่พระได้ทรงประทานสาสน์ที่มีคุณค่า แก่จิตวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลายอย่างมากมาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

“มีน้อยคนนักที่มาหาเราในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่”

“จงอย่าไปตัดสินผู้อื่น (ผู้ที่มีอำนาจตัดสินมนุษย์ทุกคนได้นั้น มีแต่พระเป็นเจ้าเท่านั้น) จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีประโยชน์มากที่สุด จงตั้งใจถวายเกียรติแด่พระผู้ เป็นเจ้า”

“ตอนเวลาที่จะทำบาปให้นึกถึงภาพพระเยซู ภาพแห่งความทรมานของพระองค์แล้วจะรู้ว่า พระองค์รักเรามากเพียงใด”

“ความเชื่อของมนุษย์อยู่ที่การได้มองเห็นแม่เท่านั้นหรือ? ลูกเชื่อเพราะได้เห็นใช่ไหม? ถ้าลูกไม่เห็น ลูกก็ไม่เชื่อในแม่ใช่ไหม?…”

“มนุษย์ทุกคนก็เป็นคนบาป แต่สามารถที่จะเดินตามเราได้ จงขอโทษพระผู้เป็นเจ้า พระองค์พร้อมเสมอที่จะให้อภัย”

“จงให้อภัยแก่ญาติพี่น้องของลูก ผู้ใดก็ตามที่ทำให้ลูกไม่พอใจ หรือเสียใจ จงให้อภัยแก่เขา สวดให้เขาเพื่อเขาจะได้กลับมาเป็นลูกของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง”

“จงอย่าหวั่นไหวในทุกๆสิ่ง พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดเส้นทางให้พวกลูกแล้ว จงเดินตามเส้นทางนั้นเถิด จงมีสติ จงอดกลั้นและให้อภัย แผ่ความรักความเมตตาในตัวลูกไปยังคนรอบข้าง ถึงแม้ลูกจะรู้ว่าเขาจะทิ้งขว้างความมีน้ำใจ ของลูกก็จงให้อภัย จงดูตัวอย่างของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงรักมนุษย์แค้ไหน พวกลูกก็รู้ดีใช่มั๊ย? ท่านคืออาจารย์ของลูก จงเดินตามแนวทางชีวิตของท่าน แล้วชีวิตของพวกลูกจะได้พบแต่สันติสุข”

“มนุษย์เมื่อตกในความลำบากอย่างถึงที่สุด เขาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ใน ช่วงสุดท้ายแห่งวิกฤตินั้น เขาจะกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า น่าเสียดายเวลาเหลือ เกินที่ก่อนหน้านี้ ทำไมเขาไม่เคยนึกถึงพระองค์”

“เหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นและที่ได้เกิดขึ้นในส่วนต่างๆของโลกนี้ ก็เป็นผลจากบาปของมนุษย์ที่พวกเขายินดีที่จะกระทำมัน ทั้งๆที่เขารู้ว่ามันจะมีผลร้ายขึ้นภายหลัง แม่หวังว่าพวกลูกยังคงจำได้ถึงคำที่แม่มาเตือนลูกให้สวดภาวนา และ ทำพลีกรรมเพื่อขออภัยโทษแทนพวกพ้องของลูก แม่ยังยืนยันคำนั้นอยู่ การสวดภาวนา การทำพลีกรรม ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคนใจบาปได้ แม่ได้เคยบอกว่า พระบิดาเจ้าให้มาแจ้งว่า เหตุการณ์ทั้งหลายนั้นกำลังจะจบสิ้นแล้ว มันจะจบสิ้นแต่เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น คนที่ใจบาปทั้งหลายก็จะเริ่มทำในสิ่งที่ชั่วร้ายอีกเหมือนเดิม”

“ขอให้ลูกทั้งหลายได้ตั้งมั่นอยู่ในความดี เพราะขณะนี้ปีศาจกำลังทำงานของมัน อยู่ มันสามารถเข้ามาได้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความคิดของลูก มันจะทำงานง่ายมาก ถ้าลูกฟังเสียงของมันแม้แต่เพียงนิดเดียว อย่าได้หลงเชื่อ จงหันหลังกลับและสวดภาวนาในทันที แม่ให้สัญญาว่าลูกจะพ้นภัย”

“เวลาของพวกลูกทุกคนได้มีกำหนดไว้แล้วอย่างแน่นอนตายตัว แต่พวกลูกเองต่างหากที่คอยผลัดผ่อน ไม่เร่งรีบที่จะฉวยโอกาสอันดีที่ลูกยังมีอยู่นี้ ได้แสดง ความรักด้วยการกระทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ”

“จงอย่าลืมว่า กระแสน้ำเมื่อไหลจากที่สูงตกลงไปสู่ยังที่ต่ำแล้ว มันก็ยากที่จะไหล ย้อนทวนขึ้นมาได้อีก อย่าเสียโอกาส ในเมื่อพวกลูกได้พร่ำวิงวอนสวดภาวนา ยกระดับจิตใจของพวกลูกให้สูงขึ้นมากมายกว่าบรรดาจิตชั่วร้ายทั้งหลายแล้ว เหตุใดเล่า? พวกลูกจึงยังคงเชื่อฟังและปฏิบัติตามเสียงแห่งจิตชั่วร้ายนั้นเช่นมันเป็นนายของลูกเล่า”

“จงอย่ากลัวเลย ถึงจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ด้วยการภาวนาและการทำพลีกรรมของพวกลูกทั้งหลาย สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้”

“จงจำไว้ว่าแม่จะอยู่กับพวกลูกทุกคนที่เปิดใจหาแม่ และจะอยู่ในทุกๆหนทุกแห่ง ตลอดไป”

ผมเชื่ออย่างสิ้นสุดจิตใจว่าสาสน์นี้มาจากแม่พระอย่างแน่นอน ท่านผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่ขอให้ลองใช้วิจารญาณดูเองนะครับว่า สาสน์นี้มีอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่จิตวิญญาณของท่านบ้าง?
*************************
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
kaland

จันทร์ มิ.ย. 19, 2006 1:02 pm

ที่จริงก็ไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี่เท่าไหร่นะครับ แต่รู้สึกว่าน่าสนใจ ::)
ตอบกลับโพส