วัฏจักรจุดดับใหม่บนดวงอาทิตย์ก่อตัว อีก 3 ปีโลกเตรียมรับ "พายุสุริยะ
ไซน์เดลี/นิวไซแอนทิสต์/เอเยนซี - พบจุดดับเริ่มต้นวัฏจักรสุริยะใหม่ บนบริเวณซีกเหนือของดวงอาทิตย์ในทิศตรงข้ามกับจุดเดิม นักดาราศาสตร์คาดอาจเกิดพายุสุริยะในปี 2554 ซึ่งจะปลดปล่อยอนุภาคมีประจุสูงมายังโลก ส่งผลกระทบต่อระบบกระจายไฟฟ้า การสื่อสารและอันตรายต่อนักบินอวกาศ
องค์การสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ หรือโนอา (National Oceanic and Atmosphere Administration: NOAA) พบจุดมืด (sunspot) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าจุดดับ* เป็นจุดแรกในระยะเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักรสุริยะ (solar cycle) ซึ่งมีคาบเวลาประมาณ 11 ปีบริเวณซีกเหนือของดวงอาทิตย์โดยอยู่ตรงข้ามกับวัฏจักรเดิม
ทั้งนี้จุดมืดเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์ แต่เป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงอาทิตย์ซึ่งทำงานร่วมกับโนอาคาดว่าวัฏจักรใหม่จะเริ่มต้นในเดือน มี.ค.51 นี้ โดยคลาดเคลื่อนเร็วหรือช้า 6 เดือน
สำหรับจุดมืดที่พบนี้มีชื่อว่า #10,981 เป็นจุดมืดแรกของวัฏจักร 24 (cycle 24) ซึ่งเป็นวัฏจักรใหม่ และเป็นจุดมืดล่าสุดที่สังเกตได้นับแต่โนอาได้เริ่มต้นระบุจำนวนจุดมืดตั้งแต่ 5 ม.ค.2513
ที่สำคัญ คาดว่าวัฏจักรใหม่จะค่อนข้างทรงพลังคือทำให้เกิดจุดมืดได้ถึง 150 จุดต่อวันในช่วงจุดมืดมากสุด (sunspot maximum) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 2554 หรือ 2555 และช่วงเวลาดังกล่าวยังจะเกิดพายุสุริยะรุนแรงด้วย
"ในกรณีนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของพายุสุริยะ ซึ่งน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 3-4 ปีข้างหน้า" ดักลาส บีเซกเกอร์ (Douglas Biesecker) นักฟิสิกส์สุริยะจากศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (Space Weather Prediction Center) ของโนอากล่าว พร้อมเปรียบเปรยว่าการจุดมืดครั้งนี้เป็นเหมือนกับการพบนกรอบินตัวแรกในฤดูใบไม้ผลิ
ระหว่างเกิดพายุสุริยะนั้นอนุภาคที่มีประจุจำนวนมากจะถูกปลดปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ซึ่งอาจพุ่งตรงมายังโลก และอนุภาคเหล่านั้นสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบจ่ายไฟฟ้า รบกวนระบบสื่อสารและเป็นภัยต่อนักบินอวกาศจากรังสีอันตราย
พายุสุริยะยังสามารถสร้างความเสียหายต่อดาวเทียมสื่อสารและจมสัญญาณระบบจีพีเอสได้ ส่งผลให้กิจวัตรประจำวันอย่างการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือการทำธุรกรรมจากตู้เอทีเอ็มอาจชะงักทันทีในพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วโลก
ด้านเดวิด แฮธเวย์ (David Hathaway) จากศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล (Marshall Space Flight Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ในฮันท์วิลล์ อัลบามา กล่าวว่าดาวเทียมฮิโนเดะ (Hinode) ของญี่ปุ่นที่ช่วยนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความรุนแรงของพายุสุริยะนั้น อาจไวต่อรังสีและอนุภาคที่มีประจุซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ราวระเบิด และทำให้อุปกรณ์ของดาวเทียมเสียหายและหยุดทำงานก่อนเวลา
"เราศึกษามามากพอที่จะตระหนักได้โดยพื้นฐานว่า สัญญาณดังกล่าวจะเป็นการปลดปล่อยมวลของชั้นโคโรนา (ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์) ซึ่งคล้ายๆ กับการทำนายการเกิดพายุทอร์นาโด ที่นักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ได้เพียงเล็กน้อย จากการดูสัญญาณเรดาร์และลมในกลุ่มเมฆ แล้วกล่าวได้เพียงว่ามีโอกาสจะเกิดทอร์นาโด"
"แต่สำหรับการทำนายการเกิดพายุสุริยะ เรายังไม่สามารถคาดการณ์ได้แม้แต่อย่างนั้นเลย" แฮธเวย์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่าการติดตามจำนวนจุดมืดที่เกิดขึ้นตั้งแต่นี้ไป จนถึงกลางปี 2552 จะช่วยรับมือกับคำถามว่า เมื่อใดที่จะเกิดจุดมืดมากที่สุด โดยจำนวนจุดมืดในช่วงนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากวัฏจักรใหม่ที่ค้นพบนี้เป็นวัฏจักรที่ทรงพลัง.
*หมายเหตุ
"ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" ปรับเปลี่ยนการเรียก sunspot ที่เรียกกันตามความแพร่หลายว่า "จุดดับ" เป็น "จุดมืด" ตามพจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์อังกฤษ-ไทย ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย
From Manageronline
องค์การสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ หรือโนอา (National Oceanic and Atmosphere Administration: NOAA) พบจุดมืด (sunspot) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าจุดดับ* เป็นจุดแรกในระยะเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักรสุริยะ (solar cycle) ซึ่งมีคาบเวลาประมาณ 11 ปีบริเวณซีกเหนือของดวงอาทิตย์โดยอยู่ตรงข้ามกับวัฏจักรเดิม
ทั้งนี้จุดมืดเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์ แต่เป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงอาทิตย์ซึ่งทำงานร่วมกับโนอาคาดว่าวัฏจักรใหม่จะเริ่มต้นในเดือน มี.ค.51 นี้ โดยคลาดเคลื่อนเร็วหรือช้า 6 เดือน
สำหรับจุดมืดที่พบนี้มีชื่อว่า #10,981 เป็นจุดมืดแรกของวัฏจักร 24 (cycle 24) ซึ่งเป็นวัฏจักรใหม่ และเป็นจุดมืดล่าสุดที่สังเกตได้นับแต่โนอาได้เริ่มต้นระบุจำนวนจุดมืดตั้งแต่ 5 ม.ค.2513
ที่สำคัญ คาดว่าวัฏจักรใหม่จะค่อนข้างทรงพลังคือทำให้เกิดจุดมืดได้ถึง 150 จุดต่อวันในช่วงจุดมืดมากสุด (sunspot maximum) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 2554 หรือ 2555 และช่วงเวลาดังกล่าวยังจะเกิดพายุสุริยะรุนแรงด้วย
"ในกรณีนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของพายุสุริยะ ซึ่งน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 3-4 ปีข้างหน้า" ดักลาส บีเซกเกอร์ (Douglas Biesecker) นักฟิสิกส์สุริยะจากศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (Space Weather Prediction Center) ของโนอากล่าว พร้อมเปรียบเปรยว่าการจุดมืดครั้งนี้เป็นเหมือนกับการพบนกรอบินตัวแรกในฤดูใบไม้ผลิ
ระหว่างเกิดพายุสุริยะนั้นอนุภาคที่มีประจุจำนวนมากจะถูกปลดปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ซึ่งอาจพุ่งตรงมายังโลก และอนุภาคเหล่านั้นสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบจ่ายไฟฟ้า รบกวนระบบสื่อสารและเป็นภัยต่อนักบินอวกาศจากรังสีอันตราย
พายุสุริยะยังสามารถสร้างความเสียหายต่อดาวเทียมสื่อสารและจมสัญญาณระบบจีพีเอสได้ ส่งผลให้กิจวัตรประจำวันอย่างการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือการทำธุรกรรมจากตู้เอทีเอ็มอาจชะงักทันทีในพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วโลก
ด้านเดวิด แฮธเวย์ (David Hathaway) จากศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล (Marshall Space Flight Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ในฮันท์วิลล์ อัลบามา กล่าวว่าดาวเทียมฮิโนเดะ (Hinode) ของญี่ปุ่นที่ช่วยนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความรุนแรงของพายุสุริยะนั้น อาจไวต่อรังสีและอนุภาคที่มีประจุซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ราวระเบิด และทำให้อุปกรณ์ของดาวเทียมเสียหายและหยุดทำงานก่อนเวลา
"เราศึกษามามากพอที่จะตระหนักได้โดยพื้นฐานว่า สัญญาณดังกล่าวจะเป็นการปลดปล่อยมวลของชั้นโคโรนา (ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์) ซึ่งคล้ายๆ กับการทำนายการเกิดพายุทอร์นาโด ที่นักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ได้เพียงเล็กน้อย จากการดูสัญญาณเรดาร์และลมในกลุ่มเมฆ แล้วกล่าวได้เพียงว่ามีโอกาสจะเกิดทอร์นาโด"
"แต่สำหรับการทำนายการเกิดพายุสุริยะ เรายังไม่สามารถคาดการณ์ได้แม้แต่อย่างนั้นเลย" แฮธเวย์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่าการติดตามจำนวนจุดมืดที่เกิดขึ้นตั้งแต่นี้ไป จนถึงกลางปี 2552 จะช่วยรับมือกับคำถามว่า เมื่อใดที่จะเกิดจุดมืดมากที่สุด โดยจำนวนจุดมืดในช่วงนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากวัฏจักรใหม่ที่ค้นพบนี้เป็นวัฏจักรที่ทรงพลัง.
*หมายเหตุ
"ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" ปรับเปลี่ยนการเรียก sunspot ที่เรียกกันตามความแพร่หลายว่า "จุดดับ" เป็น "จุดมืด" ตามพจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์อังกฤษ-ไทย ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย
From Manageronline
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
ผลกระทบ ของพายุสุริยะ อาจไม่มีอันตารายมากนักสำหรับมนุษย์เท่า ระบบการสื่อสารอาจจะล่ม เช่น โทรศัพท์มือถือ วิทยุติดตามตัว ระบบนำร่องด้วยจีพีเอส เป็นต้น เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องพึ่งพาระบบดาวเทียมสื่อสาร ซึ่งลอยตัวอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลกนับหมื่นกิโลเมตร หากดาวเทียมสื่อสารที่ใช้งานอยู่เกิดเสียหายหรือขัดข้องจากการถูกโจมตีของลมสุริยะ ย่อมส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งทางเศรษฐกิจและในด้านความปลอดภัย ดังนั้นผู้ที่ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมจึงจำเป็นต้องมีแผนสำรองเอาไว้ในช่วงเวลาดังกล่าวเผื่อระบบดาวเทียมเกิดขัดข้องจริง ๆ นักเดินเรืออาจจะต้องพกแผนที่กับเข็มทิศออกเดินเรือด้วย เพราะวิธีบอกตำแหน่งแบบโบราณอย่างนี้อาจจำเป็นต้องนำมาใช้ หากระบบจีพีเอสขัดข้องในระหว่างเดินเรือ เป็นต้น
จะเห็นว่า ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นกับดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ซึ่งอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลก แต่จะไม่มีผลร้ายโดยตรงกับร่างกายหรือชีวิตของมนุษย์ที่อยู่บนพื้นโลก เพราะอนุภาคอันตรายจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถทะลุทะลวงเข้ามาถึงพื้นโลกได้ เนื่องจากโลกของเรามีเกราะกำบังหลายชั้น ทั้งวงแหวนแวนอัลเลนและบรรยากาศของโลก แม้แต่นักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนอวกาศ ก็ยังคงปลอดภัยจากลมสุริยะเพราะมียานอวกาศและชุดอวกาศเป็นสิ่งคุ้มกันอย่างดีอยู่แล้ว
จะเห็นว่า ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นกับดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ซึ่งอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลก แต่จะไม่มีผลร้ายโดยตรงกับร่างกายหรือชีวิตของมนุษย์ที่อยู่บนพื้นโลก เพราะอนุภาคอันตรายจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถทะลุทะลวงเข้ามาถึงพื้นโลกได้ เนื่องจากโลกของเรามีเกราะกำบังหลายชั้น ทั้งวงแหวนแวนอัลเลนและบรรยากาศของโลก แม้แต่นักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนอวกาศ ก็ยังคงปลอดภัยจากลมสุริยะเพราะมียานอวกาศและชุดอวกาศเป็นสิ่งคุ้มกันอย่างดีอยู่แล้ว
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
เราคงจะได้เห็นเหมือนในหนังเรื่อง Sunshine กันละทีนี้
-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
เห พายุสุริยะ ไหงเราอ่านเป็น พายสุริยะหว่า :huh: :huh:
จะมีคนเชื่อไหม
ว่าผมไม่เชื่อว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
แต่เพราะอะไร เพราะว่าการคำนวนพลาดเยอะมาก และไอนสไตน์เสนอแนวคิดดีแต่ไม่มีการยอมรับ บลาๆๆๆ เอาเป็นว่า วิทยาศาสตร์เวลาคำนวนแล้วถ้าเจอเอร์เรอร์จะมีค่า K ซึ่งเป้นค่าคงที่ค่านึงบ่งออกว่ามันเยอะมากหาค่าไม่ได้ต้องเป้นค่าประมาณๆ(เช่นไพน์เป็นต้น) ผนวกกะแคลคูลัสจำพวกลิมิตลู่เข้าออกด้วย ซึ่งแปลตามตัวคือ
"ผมคิดไม่ออก ติดค่าKไว้ละกาน แต่มันต้องใช่แน่ๆ ผมฟันธง"
ว่าผมไม่เชื่อว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
แต่เพราะอะไร เพราะว่าการคำนวนพลาดเยอะมาก และไอนสไตน์เสนอแนวคิดดีแต่ไม่มีการยอมรับ บลาๆๆๆ เอาเป็นว่า วิทยาศาสตร์เวลาคำนวนแล้วถ้าเจอเอร์เรอร์จะมีค่า K ซึ่งเป้นค่าคงที่ค่านึงบ่งออกว่ามันเยอะมากหาค่าไม่ได้ต้องเป้นค่าประมาณๆ(เช่นไพน์เป็นต้น) ผนวกกะแคลคูลัสจำพวกลิมิตลู่เข้าออกด้วย ซึ่งแปลตามตัวคือ
"ผมคิดไม่ออก ติดค่าKไว้ละกาน แต่มันต้องใช่แน่ๆ ผมฟันธง"
ถ้าจะเกิดขึ้นจริง
ก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ
เอชเองก็คงต้อง...นั่งนึกอะไรสนุกๆ รอ
ระหว่างมันผ่านมา แล้วผ่านไป....
ถ้ารอด..หมายถึงถ้าไม่มีอะไรรุนแรง
ก็คงต้องมานั่งช่วยกันคำนวนความเสียหาย แล้วแก้ไข
ส่วนถ้าไม่รอด...ก็พ้นสภาพเนื้อหนังก่อนอายุอันควรเร็วขึ้น
เหอๆ
อีกอย่าง...
โลกจะหมุนรอบอะไรหรือไม่หมุนรอบอะไรก็ช่างเหอะ
มันไม่ใช่ประเด็นในการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติซักนิด
ก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ
เอชเองก็คงต้อง...นั่งนึกอะไรสนุกๆ รอ
ระหว่างมันผ่านมา แล้วผ่านไป....
ถ้ารอด..หมายถึงถ้าไม่มีอะไรรุนแรง
ก็คงต้องมานั่งช่วยกันคำนวนความเสียหาย แล้วแก้ไข
ส่วนถ้าไม่รอด...ก็พ้นสภาพเนื้อหนังก่อนอายุอันควรเร็วขึ้น
เหอๆ
อีกอย่าง...
โลกจะหมุนรอบอะไรหรือไม่หมุนรอบอะไรก็ช่างเหอะ
มันไม่ใช่ประเด็นในการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติซักนิด
=^^=! พายรูปพระอาทิตย์ อบด้วยความร้อนอุณหภูมิเท่าดวงอาทิตย์ โดยใช้พลังงานฟิวชั่นเหมือนพระอาทิตย์melis เขียน: เห พายุสุริยะ ไหงเราอ่านเป็น พายสุริยะหว่า :huh: :huh:
-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
น่าอาหย่อยเนอะGray Cat Mobster เขียน:=^^=! พายรูปพระอาทิตย์ อบด้วยความร้อนอุณหภูมิเท่าดวงอาทิตย์ โดยใช้พลังงานฟิวชั่นเหมือนพระอาทิตย์melis เขียน: เห พายุสุริยะ ไหงเราอ่านเป็น พายสุริยะหว่า :huh: :huh:


-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
ทำไมต้องเป็นหมูด้วยล่ะแบกะดิน เขียน: พวกเราก็คงกลายเป็นหมูปิ้ง

ขอเป็นขาหมูเยอรมันอบได้ไหมอะอร่อยก่า อิอิแบกะดิน เขียน:น้ำหนักเกินมาตฐาน ! คงกลายเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้melis เขียน:ทำไมต้องเป็นหมูด้วยล่ะแบกะดิน เขียน: พวกเราก็คงกลายเป็นหมูปิ้ง![]()
สวดเข้าไว้ค่ะพี่น้อง...
เเต่ยุคนี้บ้านเมืองก็อาการเริ่มเหมือนวันสิ้นโลกเเล้วเเหล่ะค่ะ

เเต่ยุคนี้บ้านเมืองก็อาการเริ่มเหมือนวันสิ้นโลกเเล้วเเหล่ะค่ะ


necromancer เขียน:วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด...คือทำลายดวงอาทิตย์ซะ+Ecclesia+ เขียน: สวดเข้าไว้ค่ะพี่น้อง...
เเต่ยุคนี้บ้านเมืองก็อาการเริ่มเหมือนวันสิ้นโลกเเล้วเเหล่ะค่ะ![]()
![]()
:afro:
แต่ตอนนี้...ภาวนากันต่อไป
เฮ้อ
และถ้าทำลายดวงอาทิตย์และจะมองหน้ากันเห็นมั่ยเนี้ย หนาวแย่เลยย
จะพบว่า...........แบกะดิน เขียน:necromancer เขียน:วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด...คือทำลายดวงอาทิตย์ซะ+Ecclesia+ เขียน: สวดเข้าไว้ค่ะพี่น้อง...
เเต่ยุคนี้บ้านเมืองก็อาการเริ่มเหมือนวันสิ้นโลกเเล้วเเหล่ะค่ะ![]()
![]()
:afro:
แต่ตอนนี้...ภาวนากันต่อไป
เฮ้อ
และถ้าทำลายดวงอาทิตย์และจะมองหน้ากันเห็นมั่ยเนี้ย หนาวแย่เลยย
ตัวเองหล่อขึ้นมากเลย^^! ขอคุณความมืดที่ช่วยให้ดูหล่อล่ำขึ้น
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
ก็แบบหนังสิ เอานิวเคลัย์ไปจุดยังดวงอาทิตย์ เหอๆๆๆๆๆๆๆ เพื่อมวลมนุษย์ชาติnecromancer เขียน: วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด...คือทำลายดวงอาทิตย์ซะ
นึกว่าเหมือนอามาเกดอนRakkypoko! เขียน:ก็แบบหนังสิ เอานิวเคลัย์ไปจุดยังดวงอาทิตย์ เหอๆๆๆๆๆๆๆ เพื่อมวลมนุษย์ชาติnecromancer เขียน: วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด...คือทำลายดวงอาทิตย์ซะ
ที่เอาเครื่องขุดเจาะน้ำมันไปทำลายอุกาบาต
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ก็อย่างงี้แหละป้าเมลิส อายุเยอะแล้วตาก็ต้องฝ้าฟางเป็นธรรมดานะmelis เขียน: เห พายุสุริยะ ไหงเราอ่านเป็น พายสุริยะหว่า :huh: :huh:
