ทำอย่างไรดีครับ ในเมื่อรักษาความบริสุทธิ์ไว้ไม่ได้แล้ว ทำใจลำบากจริงๆ
เป็นเรื่องที่ผมก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นจนกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง
ผมมีอะไรกะแฟนคนปัจจุบันโดยที่ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า
จริงๆผมอายุจะ 30 แล้ว นับถือคาทอลิก ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีอะไรกะใครมาก่อนเลย
สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ละเมิดบาปข้อนี้
เคยมีเพื่อนชายชวนไป "ซื้อบริการ" ก็หลายครั้งก็ปฏิเสธไป
เคยเกือบจะ "ได้" สาวกลางคืน ก็หลายครั้ง และศักยภาพที่จะทำได้ ถ้าคิดจะทำ
เรื่องแฟนคนนี้ก็คบกันยังไม่ครบปีเลย จะไปคิดเรื่องแต่งงานให้ถูกต้อง ทั้งตามกม.พระศาสนจักร และทางประเพณีพื้นบ้านผูกข้อมือมันก็ยังไม่พร้อม
เราอยู่คนละจังหวัดกันห่างกันหลายร้อยกิโล ไม่ได้เจอกันตลอด จะไม่ให้เธอมาอยู่ด้วย (เป็นครั้งคราว) เธอก็จะเสียความรู้สึก พออยู่ด้วยกันมันก็เลี่ยงเรื่ออย่างว่ายากเหลือเกิน ผู้ชายถึงไม่เป็นฝ่ายเราแต่ถ้าอีกฝ่ายเริ่มมันก็ห้ามยาก (การไปสวรรค์มักต้องออกแรงมหาศาลเสมอ)
ทุกวันนี้แฟนผมไม่มีงานทำ ผมมีรายได้สูงพอสมควรก็เลยกะจะออกทุนเปิดร้านเล็กๆให้
ทางบ้านพ่อแม่ผมซี่งเป็นคาทอลิกที่เคร่งพอดูก็รู้เรื่องทีคบกัน แต่ไม่ทราบเรื่อง...(เป็นใครจะกล้าบอกหละ)
แล้วการที่แฟนผมยังตกงานและรับความช่วยเหลือจากผมก็ทำให้ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงานของผมที่ทราบเรื่อง มองอย่างเป็นห่วงว่าผมจะโดนหลอก โดนจับ จะเสียเงิน เสียใจ
เคยไปแก้บาปมา 2 ครั้ง ช่วงก่อนคริสต์มาส จากนั้นไม่ได้ไปอีก รู้สึกละอายใจ จะตั้งใจยังไงเดี๋ยวก็ทำอีก แฟนผมไม่ได้นับถือคาทอลิกและเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจะต้องเคร่งอะไรขนาดนั้น
ผมมีอะไรกะแฟนคนปัจจุบันโดยที่ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า
จริงๆผมอายุจะ 30 แล้ว นับถือคาทอลิก ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีอะไรกะใครมาก่อนเลย
สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ละเมิดบาปข้อนี้
เคยมีเพื่อนชายชวนไป "ซื้อบริการ" ก็หลายครั้งก็ปฏิเสธไป
เคยเกือบจะ "ได้" สาวกลางคืน ก็หลายครั้ง และศักยภาพที่จะทำได้ ถ้าคิดจะทำ
เรื่องแฟนคนนี้ก็คบกันยังไม่ครบปีเลย จะไปคิดเรื่องแต่งงานให้ถูกต้อง ทั้งตามกม.พระศาสนจักร และทางประเพณีพื้นบ้านผูกข้อมือมันก็ยังไม่พร้อม
เราอยู่คนละจังหวัดกันห่างกันหลายร้อยกิโล ไม่ได้เจอกันตลอด จะไม่ให้เธอมาอยู่ด้วย (เป็นครั้งคราว) เธอก็จะเสียความรู้สึก พออยู่ด้วยกันมันก็เลี่ยงเรื่ออย่างว่ายากเหลือเกิน ผู้ชายถึงไม่เป็นฝ่ายเราแต่ถ้าอีกฝ่ายเริ่มมันก็ห้ามยาก (การไปสวรรค์มักต้องออกแรงมหาศาลเสมอ)
ทุกวันนี้แฟนผมไม่มีงานทำ ผมมีรายได้สูงพอสมควรก็เลยกะจะออกทุนเปิดร้านเล็กๆให้
ทางบ้านพ่อแม่ผมซี่งเป็นคาทอลิกที่เคร่งพอดูก็รู้เรื่องทีคบกัน แต่ไม่ทราบเรื่อง...(เป็นใครจะกล้าบอกหละ)
แล้วการที่แฟนผมยังตกงานและรับความช่วยเหลือจากผมก็ทำให้ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงานของผมที่ทราบเรื่อง มองอย่างเป็นห่วงว่าผมจะโดนหลอก โดนจับ จะเสียเงิน เสียใจ
เคยไปแก้บาปมา 2 ครั้ง ช่วงก่อนคริสต์มาส จากนั้นไม่ได้ไปอีก รู้สึกละอายใจ จะตั้งใจยังไงเดี๋ยวก็ทำอีก แฟนผมไม่ได้นับถือคาทอลิกและเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจะต้องเคร่งอะไรขนาดนั้น
ทุกวันนี้ก็เจอกันเดือนละ 1-2 ครั้ง ถ้าผมเดินทางไปหาก็ค้างแค่ 1-2 คืน ถ้าเธอมาก็จะนานกว่าหน่อย เพราะเธอยังไม่มีงานทำเลยว่างกว่า แต่อีกหน่อยร้านที่เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยก็คงไม่ได้มาเท่าไหร่
ครอบครัวทางบ้านฝ่ายหญิงเราก็รู้จักพอสมควรซึ่งเขาก็ไม่ได้แสดงออกว่าสงสัยเรื่องนี้และเป็นมิตรกับผมมาก
ครอบครัวทางบ้านฝ่ายหญิงเราก็รู้จักพอสมควรซึ่งเขาก็ไม่ได้แสดงออกว่าสงสัยเรื่องนี้และเป็นมิตรกับผมมาก
สมควรไปแก้บาปนะคะ
การที่เเฟนยังไม่เข้าใจไม่เเปลก
ก็ต้องพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจไว้ก่อน
ถ้าเเฟนยินดีรับฟัง ก็โอเค สบายใจได้
เเต่ถ้าเธอยอมรับไม่ได้ เเนะนำว่าคุณต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้งค่ะ
การที่เเฟนยังไม่เข้าใจไม่เเปลก
ก็ต้องพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจไว้ก่อน
ถ้าเเฟนยินดีรับฟัง ก็โอเค สบายใจได้
เเต่ถ้าเธอยอมรับไม่ได้ เเนะนำว่าคุณต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้งค่ะ
ถ้ายังไม่มั่นใจว่าคนนี้เป็นตัวจริงรึป่าวนะครับ การคิดว่าจะแก้ปัญหาด้วยการรับผิดชอบ ถ้ามองในแง่ของศีลธรรมทั่วไปเป็นสิ่งดี แต่!!!!ถ้าทำอย่างนั้นแล้วอยู่ไปอยู่มาเกิดความรู้สึกว่าเค้าคนนั้นไม่ใช่ขึ้นมา(เพราะไม่ได้ศึกษากันอย่างดีก่อน)แล้วเลิกรากันไป แล้วถ้าเกิดคุณไปพบคนที่ใช่ แล้วตกลงปรงใจกัน ก็จะทำให้คุณผิดต่อศีลสมรส ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้นะครับ จึงควรพิจารณาอย่าดีมากๆก่อนตัดสินใจนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้อีกแรงนะครับ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ขอโทษต่อพระนะครับ พระองค์ทรงพระทัยดีเสมอ
เห็นด้วยครับหมีแพนด้า เขียน: ถ้ายังไม่มั่นใจว่าคนนี้เป็นตัวจริงรึป่าวนะครับ การคิดว่าจะแก้ปัญหาด้วยการรับผิดชอบ ถ้ามองในแง่ของศีลธรรมทั่วไปเป็นสิ่งดี แต่!!!!ถ้าทำอย่างนั้นแล้วอยู่ไปอยู่มาเกิดความรู้สึกว่าเค้าคนนั้นไม่ใช่ขึ้นมา(เพราะไม่ได้ศึกษากันอย่างดีก่อน)แล้วเลิกรากันไป แล้วถ้าเกิดคุณไปพบคนที่ใช่ แล้วตกลงปรงใจกัน ก็จะทำให้คุณผิดต่อศีลสมรส ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้นะครับ จึงควรพิจารณาอย่าดีมากๆก่อนตัดสินใจนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้อีกแรงนะครับ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ขอโทษต่อพระนะครับ พระองค์ทรงพระทัยดีเสมอ
บางครั้งการรับผิดชอบมันก็แสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษ
แต่ขอให้คิดให้ดีนะครับ
เท่าที่อ่านมา...เหมือนคุณยังไม่มั่นใจเลย
((รึเปล่า))
ลองปรึกษาคุณพ่อที่วัดนะคะ และก็สวดมากๆ ถ้าความสัมพันธ์ใดที่มาจากพระ พระจะให้คงอยู่ และจัดการให้ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่ พระจะนำออกไปเอง แต่ขอให้สวดนะคะ เพื่อที่จะได้มีความสัมพันธ์กับพระองค์มากขึ้น
อย่าท้อนะคะ ทุกคนมีพลาดกันได้ทั้งนั้น และบาปก็มีอีกหลายอย่างในโลก ขอให้เราสู้ และทำดีต่อไป

อย่าท้อนะคะ ทุกคนมีพลาดกันได้ทั้งนั้น และบาปก็มีอีกหลายอย่างในโลก ขอให้เราสู้ และทำดีต่อไป

- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พลาดไปแล้วก็พยายามใหม่ค่ะ
การคิดว่าเดี๋ยวก็ทำอีก ไม่อยากแก้บาป
นั่นคือ ความคิดที่ผิดมหันต์เลยนะคะ
เพราะนั้นเป้นการเปิดช่องให้กับความชั่วโดยไม่รุ้ตัว
เมื่อเราผ่อนผัน หรือ ผลัดผ่อน
การตกลงปลงใจที่จะทำบาปก้จะมากขึ้น
เพราะเราคิดว่า ทำอีกที แล้วค่อยไปแก้บาปพร้อม ๆ กันทีเดียว
นานวันเข้าก็จะกลายเป็นการเคยชิน และจะทำบาปไปเรื่อย ๆ
แล้วก็จะอายตัวเองมากขึ้น ที่สุดก็จะทิ้งพระไป
LL เห็นคนที่เป็นแบบนี้มาเยอะแล้ว
เชื่อเถอะนะคะ กลับไปแก้บาป แล้วตั้งใจใหม่ ว่าจะไม่ทำอีกจนกว่าจะแต่งงานให้ถูกต้อง
การแก้บาป ที่ทำให้คุณมีพระหรรษทานในการต่อสู้กับบาปนั้นมากขึ้น
ยิ่งเราละอายที่จะแก้บาปนี้มากเท่าไหร่ เมื่อคุณแก้บาปไปแล้ว
คุณก็จะยิ่งพยายามห่างจากบาปนั้น เพราะคุณจะไม่อยากไปสารภาพบาปนั้นอีก
คุณจะมีกำลังใจมากขึ้นในการต่อสู้กับมัน
ส่วนเรื่องแฟนของคุณ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องเคร่งนัก
ก็อธิบายให้เธอได้เข้าใจใน ศักดิ์ศรี และคุณค่าของความเป็นมนุษย์
และการแสดงความรัก ในคุณค่าของคำว่าครอบครัว
เราไม่ใช่สัตว์ ที่จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ที่คิดอยากจะทำ
แต่ศักดิ์ศรี และ คุณค่า ของความสัมพันธ์ที่เราจะมี
ควรจะเป็นความสัมพันธ์ที่มีค่ามากกว่าแค่ความสนุก หรือ ความสุขที่ได้จากการมีเซ็กซ์
การที่เราสงวนการมีความสัมพันธ์ไว้ สำหรับคู่สามี ภรรยาที่แต่งงานโดยถูกต้องนั้น
ความสัมพันธ์นั้นจะเป็นความสัมพันธ์ที่พระเจ้าจะอวยพรคุณทั้งคู่
ในพระคัมภีร์กกล่าวไว้ว่า
การมีความสัมพันธ์นั้น คือการที่คนทั้งสองได้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นคน ๆ เดียวกัน
ถ้าคุณมีความสัมพันธ์กับแฟน แล้วเกิดสมมุติมีเหตุให้ต้องจากกัน
แล้วคุณ หรือ เธอไปมีคนใหม่ คุณจะกลายเป็นคน ๆ เดียวกับใครอีกตั้งหลายคน
แล้วยิ่งถ้าเกิดแฟนคุณเกิดท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังงัย
คุณพร้อมที่จะรับดูแลเด็กที่จะเกิดมารึเปล่า
การที่คุณอดทน อดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง ยอมที่จะไม่มีความสัมพันธ์กับแฟน
ก็เป็นการประกาศว่า คุณถนุถนอมเธอ และ ให้เกียรติเธอเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าเธอจะรู้ หรือ ได้คิดถึงเกียรติของลูกผู้หญิงหรือไม่
แต่การที่คุณให้เกียรติเธอ ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลสในตัวคุณ เพื่อที่จะไม่ล่วงเกินเธอ
คุณก็ได้ส่วนสอนให้เธอรักศักดิ์ศรี แล คุณค่าในตัวเองด้วยเช่นกัน
ลองคิดดูว่า..เธอลูกสาวของคุณ น้องสาวของคุณ มีแฟน
แล้วมีความสัมพันธ์กับแฟน...คุณทนได้รึเปล่า คุณคิดว่าเหมาะสมรึเปล่า
เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าแฟนคนนี้เป็นตัวจริงของคุณ ก็จงรักและให้เกียรติเธอ
เพื่อที่ในวันข้างหน้า เมื่อคุณมีลูกสาว คุณ และ แฟน
จะได้สามารถอบรมสั่งสอนเขาให้รักษาเกียรติ และ ศักดิ์ศรีได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เอาล่ะค่ะ คิด และ ตรึตรองด้วยการทรงนำของพระจิตเจ้านะคะ
การที่คุณเข้ามาเขียนเล่าความกลุ้มใจของคุณในนี้ ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี
ที่ใจลึก ๆ คุณอยากจะกลับคืนดี อยากจะกลับสู่หนทางที่ถูกต้อง และ ควรจะเป็น
ขอนักบุญยอแซฟ และ พระแม่มารีอา ผู้เป็นแบบอย่างของการรักษาพรหมจรรย์
ได้ทรงให้กำลังใจ และ เป็นแบบอย่าง ให้คุณสามารถเข็มแข็ง
และเอาชนะบาปนี้ได้ค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพร
การคิดว่าเดี๋ยวก็ทำอีก ไม่อยากแก้บาป
นั่นคือ ความคิดที่ผิดมหันต์เลยนะคะ
เพราะนั้นเป้นการเปิดช่องให้กับความชั่วโดยไม่รุ้ตัว
เมื่อเราผ่อนผัน หรือ ผลัดผ่อน
การตกลงปลงใจที่จะทำบาปก้จะมากขึ้น
เพราะเราคิดว่า ทำอีกที แล้วค่อยไปแก้บาปพร้อม ๆ กันทีเดียว
นานวันเข้าก็จะกลายเป็นการเคยชิน และจะทำบาปไปเรื่อย ๆ
แล้วก็จะอายตัวเองมากขึ้น ที่สุดก็จะทิ้งพระไป
LL เห็นคนที่เป็นแบบนี้มาเยอะแล้ว
เชื่อเถอะนะคะ กลับไปแก้บาป แล้วตั้งใจใหม่ ว่าจะไม่ทำอีกจนกว่าจะแต่งงานให้ถูกต้อง
การแก้บาป ที่ทำให้คุณมีพระหรรษทานในการต่อสู้กับบาปนั้นมากขึ้น
ยิ่งเราละอายที่จะแก้บาปนี้มากเท่าไหร่ เมื่อคุณแก้บาปไปแล้ว
คุณก็จะยิ่งพยายามห่างจากบาปนั้น เพราะคุณจะไม่อยากไปสารภาพบาปนั้นอีก
คุณจะมีกำลังใจมากขึ้นในการต่อสู้กับมัน
ส่วนเรื่องแฟนของคุณ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องเคร่งนัก
ก็อธิบายให้เธอได้เข้าใจใน ศักดิ์ศรี และคุณค่าของความเป็นมนุษย์
และการแสดงความรัก ในคุณค่าของคำว่าครอบครัว
เราไม่ใช่สัตว์ ที่จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ที่คิดอยากจะทำ
แต่ศักดิ์ศรี และ คุณค่า ของความสัมพันธ์ที่เราจะมี
ควรจะเป็นความสัมพันธ์ที่มีค่ามากกว่าแค่ความสนุก หรือ ความสุขที่ได้จากการมีเซ็กซ์
การที่เราสงวนการมีความสัมพันธ์ไว้ สำหรับคู่สามี ภรรยาที่แต่งงานโดยถูกต้องนั้น
ความสัมพันธ์นั้นจะเป็นความสัมพันธ์ที่พระเจ้าจะอวยพรคุณทั้งคู่
ในพระคัมภีร์กกล่าวไว้ว่า
การมีความสัมพันธ์นั้น คือการที่คนทั้งสองได้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นคน ๆ เดียวกัน
ถ้าคุณมีความสัมพันธ์กับแฟน แล้วเกิดสมมุติมีเหตุให้ต้องจากกัน
แล้วคุณ หรือ เธอไปมีคนใหม่ คุณจะกลายเป็นคน ๆ เดียวกับใครอีกตั้งหลายคน
แล้วยิ่งถ้าเกิดแฟนคุณเกิดท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังงัย
คุณพร้อมที่จะรับดูแลเด็กที่จะเกิดมารึเปล่า
การที่คุณอดทน อดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง ยอมที่จะไม่มีความสัมพันธ์กับแฟน
ก็เป็นการประกาศว่า คุณถนุถนอมเธอ และ ให้เกียรติเธอเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าเธอจะรู้ หรือ ได้คิดถึงเกียรติของลูกผู้หญิงหรือไม่
แต่การที่คุณให้เกียรติเธอ ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลสในตัวคุณ เพื่อที่จะไม่ล่วงเกินเธอ
คุณก็ได้ส่วนสอนให้เธอรักศักดิ์ศรี แล คุณค่าในตัวเองด้วยเช่นกัน
ลองคิดดูว่า..เธอลูกสาวของคุณ น้องสาวของคุณ มีแฟน
แล้วมีความสัมพันธ์กับแฟน...คุณทนได้รึเปล่า คุณคิดว่าเหมาะสมรึเปล่า
เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าแฟนคนนี้เป็นตัวจริงของคุณ ก็จงรักและให้เกียรติเธอ
เพื่อที่ในวันข้างหน้า เมื่อคุณมีลูกสาว คุณ และ แฟน
จะได้สามารถอบรมสั่งสอนเขาให้รักษาเกียรติ และ ศักดิ์ศรีได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เอาล่ะค่ะ คิด และ ตรึตรองด้วยการทรงนำของพระจิตเจ้านะคะ
การที่คุณเข้ามาเขียนเล่าความกลุ้มใจของคุณในนี้ ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี
ที่ใจลึก ๆ คุณอยากจะกลับคืนดี อยากจะกลับสู่หนทางที่ถูกต้อง และ ควรจะเป็น
ขอนักบุญยอแซฟ และ พระแม่มารีอา ผู้เป็นแบบอย่างของการรักษาพรหมจรรย์
ได้ทรงให้กำลังใจ และ เป็นแบบอย่าง ให้คุณสามารถเข็มแข็ง
และเอาชนะบาปนี้ได้ค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพร
- antoinetty*
- โพสต์: 451
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm
necromancer เขียน: อ่านแล้วรู้สึกละอาย..ตัวเอง
![]()

มีญาติ (ชาย) คนหนึ่งเป็นคาทอลิก แต่งงานแล้วมีเหตุให้ต้องแยกทางกัน โดยที่ไม่ได้เป็นความผิดของฝ่ายชาย
ต่อมาญาติคนนี้มีภรรยาใหม่ แต่ไม่สามารถแต่งงานให้ถูกต้องได้ เพราะภรรยาเดิมยังมีชีวิตอยู่
ภรรยาคนใหม่กลับใจมาเข้าคาทอลิกด้วย แต่ทั้งคู่ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้
ผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนั้นเลยจริงๆแต่จะให้แต่งงานตอนนี้หรือเร็วๆนี้คงไม่ได้แน่
แต่ผมโชคดีกว่ามากตรงที่แฟนผมกะผมต่างคนต่างไม่ได้มีพันธะกับใครอื่นในตอนนี้
ได้แต่หวังว่าถ้าเราไม่เลิกกันซะก่อน เราจะสามารถเรียนรู้กันและกันเพื่อประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้น ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้หรือไม่
โดยทำผิดให้น้อยที่สุด หรือไม่ทำเลย (แม้จะยาก)
สมัยพ่อแม่ผมคบกันตั้ง 7 ปี ก่อนแต่งงาน เชื่อว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ทำไมเราทำไม่ได้นะ แม่ผมก็เป็น "คริสตัง" ยืนเหมือนกัน
ต่อมาญาติคนนี้มีภรรยาใหม่ แต่ไม่สามารถแต่งงานให้ถูกต้องได้ เพราะภรรยาเดิมยังมีชีวิตอยู่
ภรรยาคนใหม่กลับใจมาเข้าคาทอลิกด้วย แต่ทั้งคู่ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้
ผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนั้นเลยจริงๆแต่จะให้แต่งงานตอนนี้หรือเร็วๆนี้คงไม่ได้แน่
แต่ผมโชคดีกว่ามากตรงที่แฟนผมกะผมต่างคนต่างไม่ได้มีพันธะกับใครอื่นในตอนนี้
ได้แต่หวังว่าถ้าเราไม่เลิกกันซะก่อน เราจะสามารถเรียนรู้กันและกันเพื่อประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้น ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้หรือไม่
โดยทำผิดให้น้อยที่สุด หรือไม่ทำเลย (แม้จะยาก)
สมัยพ่อแม่ผมคบกันตั้ง 7 ปี ก่อนแต่งงาน เชื่อว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ทำไมเราทำไม่ได้นะ แม่ผมก็เป็น "คริสตัง" ยืนเหมือนกัน
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยครับ ทั้งๆที่พยายามจะหยุดที่จะทำแต่ กลิ่นของบาปมันช่างเย้ายวนจิตใจ (ใช้คำเวอร์ไปมะ) จนหลายๆครั้งคิดว่า "ทำไปเหอะเด๋วค่อยไปแก้บาป) รู้ตัวว่าแย่ แต่บางทีมันก็เผลอใจไป~@Little lamb@~ เขียน: เมื่อเราผ่อนผัน หรือ ผลัดผ่อน
การตกลงปลงใจที่จะทำบาปก้จะมากขึ้น
เพราะเราคิดว่า ทำอีกที แล้วค่อยไปแก้บาปพร้อม ๆ กันทีเดียว
นานวันเข้าก็จะกลายเป็นการเคยชิน และจะทำบาปไปเรื่อย ๆ
แล้วก็จะอายตัวเองมากขึ้น ที่สุดก็จะทิ้งพระไป

ประเด็นนี้น่าพิจารณาImmanuel (MichaelPaul) เขียน:กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยครับ ทั้งๆที่พยายามจะหยุดที่จะทำแต่ กลิ่นของบาปมันช่างเย้ายวนจิตใจ (ใช้คำเวอร์ไปมะ) จนหลายๆครั้งคิดว่า "ทำไปเหอะเด๋วค่อยไปแก้บาป) รู้ตัวว่าแย่ แต่บางทีมันก็เผลอใจไป ::008::~@Little lamb@~ เขียน: เมื่อเราผ่อนผัน หรือ ผลัดผ่อน
การตกลงปลงใจที่จะทำบาปก้จะมากขึ้น
เพราะเราคิดว่า ทำอีกที แล้วค่อยไปแก้บาปพร้อม ๆ กันทีเดียว
นานวันเข้าก็จะกลายเป็นการเคยชิน และจะทำบาปไปเรื่อย ๆ
แล้วก็จะอายตัวเองมากขึ้น ที่สุดก็จะทิ้งพระไป
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
คนที่คบกันแล้วอยู่ไกลกันอะไรๆมันก็ดีค่ะ
เพราะว่าคนอยู่ไกลกัน ก็จะมีแต่ความคิดถึงและห่วงใยกัน และก็แสดงแต่สิ่งดีออกมา
ที่คุณยังไม่รู้สึกแปลกอะไรกับแฟนคนนี้
ก็เพราะยังไม่ได้ลองมาวนเวียนอยู่ในวงจรชีวิตแฟนกันสักสองสามเดือนไงคะ
แค่เรื่องง่ายๆเช่นจะตัดสินใจเลือกอะไร เค้าเลือกอะไรเราเลือกอะไร
ตกลงกันได้ไหม หรือชอบเหมือนกันหรือต่างกันยังไง เค้ารับฟังและ เข้าใจเรารึเปล่า หรือเค้ามีเหตุผลพอไหม?
เรื่องแบบนี้พอมา คบกันสักพักใหญ่เราจะรู้ค่ะว่า จะไปกันได้รึเปล่า.....
แต่ถ้าเราต้องเลือกคนนี้จริง
เราก็ต้อง เห็นในทุก 360 องศา ของเค้า
และเราก็ต้องเป็นตัวเราให้มากที่สุดเช่นกัน
ต้อง ไม่สร้างภาพและไม่หลอกตัวเองค่ะ
เพราะ มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พระเป็นเจ้าได้เตรียมไว้ให้เรา
และพระองค์ก็ได้มอบปรีชาญาณและ หัวใจ มาให้เรา
เพื่อให้เรา ใช้สติปัญญาและ เปิด ใจ หาคนที่ ใช่ คนนั้นให้พบเจอ


ปล.อย่าลืมไปคืนดีกับพระ
และ
อดเปรี๊ยว ไว้กินหวานนะคะ

เพราะว่าคนอยู่ไกลกัน ก็จะมีแต่ความคิดถึงและห่วงใยกัน และก็แสดงแต่สิ่งดีออกมา
ที่คุณยังไม่รู้สึกแปลกอะไรกับแฟนคนนี้
ก็เพราะยังไม่ได้ลองมาวนเวียนอยู่ในวงจรชีวิตแฟนกันสักสองสามเดือนไงคะ
แค่เรื่องง่ายๆเช่นจะตัดสินใจเลือกอะไร เค้าเลือกอะไรเราเลือกอะไร
ตกลงกันได้ไหม หรือชอบเหมือนกันหรือต่างกันยังไง เค้ารับฟังและ เข้าใจเรารึเปล่า หรือเค้ามีเหตุผลพอไหม?
เรื่องแบบนี้พอมา คบกันสักพักใหญ่เราจะรู้ค่ะว่า จะไปกันได้รึเปล่า.....
แต่ถ้าเราต้องเลือกคนนี้จริง
เราก็ต้อง เห็นในทุก 360 องศา ของเค้า
และเราก็ต้องเป็นตัวเราให้มากที่สุดเช่นกัน
ต้อง ไม่สร้างภาพและไม่หลอกตัวเองค่ะ
เพราะ มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พระเป็นเจ้าได้เตรียมไว้ให้เรา
และพระองค์ก็ได้มอบปรีชาญาณและ หัวใจ มาให้เรา
เพื่อให้เรา ใช้สติปัญญาและ เปิด ใจ หาคนที่ ใช่ คนนั้นให้พบเจอ


ปล.อย่าลืมไปคืนดีกับพระ
และ
อดเปรี๊ยว ไว้กินหวานนะคะ

แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
necromancer เขียน:ประเด็นนี้น่าพิจารณาImmanuel (MichaelPaul) เขียน:กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยครับ ทั้งๆที่พยายามจะหยุดที่จะทำแต่ กลิ่นของบาปมันช่างเย้ายวนจิตใจ (ใช้คำเวอร์ไปมะ) จนหลายๆครั้งคิดว่า "ทำไปเหอะเด๋วค่อยไปแก้บาป) รู้ตัวว่าแย่ แต่บางทีมันก็เผลอใจไป ::008::~@Little lamb@~ เขียน: เมื่อเราผ่อนผัน หรือ ผลัดผ่อน
การตกลงปลงใจที่จะทำบาปก้จะมากขึ้น
เพราะเราคิดว่า ทำอีกที แล้วค่อยไปแก้บาปพร้อม ๆ กันทีเดียว
นานวันเข้าก็จะกลายเป็นการเคยชิน และจะทำบาปไปเรื่อย ๆ
แล้วก็จะอายตัวเองมากขึ้น ที่สุดก็จะทิ้งพระไป
อย่าคิดว่า...เดี๋ยวนี้ใครๆเค้าก็ทำกันค่ะ
เพราะว่า เราเป็น อนาคต คนบนสวรรค์
ย่อม ไม่ทำอะไรให้รัศมีของพระเป็นเจ้าและตัวเราต้องมัวหมองไป

ประเด็นคือ สมมตินะครับ ((ย้ำว่าสมมติ)) ถ้าพลาดไปแล้วล่ะฮะ:+:Regina Pacis:+: เขียน:necromancer เขียน:ประเด็นนี้น่าพิจารณาImmanuel (MichaelPaul) เขียน: กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยครับ ทั้งๆที่พยายามจะหยุดที่จะทำแต่ กลิ่นของบาปมันช่างเย้ายวนจิตใจ (ใช้คำเวอร์ไปมะ) จนหลายๆครั้งคิดว่า "ทำไปเหอะเด๋วค่อยไปแก้บาป) รู้ตัวว่าแย่ แต่บางทีมันก็เผลอใจไป ::008::
อย่าคิดว่า...เดี๋ยวนี้ใครๆเค้าก็ทำกันค่ะ
เพราะว่า เราเป็น อนาคต คนบนสวรรค์
ย่อม ไม่ทำอะไรให้รัศมีของพระเป็นเจ้าและตัวเราต้องมัวหมองไป
![]()
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พลาดไปแล้ว ก็พยายามแก้ไขกลับมาให้ถูกต้อง
หรือใกล้เคียงมากที่สุด เรื่องแบบนี้ต้องคุยยาวคับ
ขอคุยเป็นกรณี ๆ ไปดีกว่า สมมุติเอาเนี่ย ไม่ได้หรอก
เหตุการณ์มันมีความละเอียดอ่อน และ มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ ๆ ที่ต้องพิจารณาคู่กัน
หรือใกล้เคียงมากที่สุด เรื่องแบบนี้ต้องคุยยาวคับ
ขอคุยเป็นกรณี ๆ ไปดีกว่า สมมุติเอาเนี่ย ไม่ได้หรอก
เหตุการณ์มันมีความละเอียดอ่อน และ มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ ๆ ที่ต้องพิจารณาคู่กัน
ยุคสมัยเปลี่ยนนะคะ อย่าคิดมาก (โตแล้ว ลองถามพ่อกับแม่ดูตรงๆสิคะ ว่าเป็นอย่างที่คิดมั้ย อิ อิTimur เขียน: มีญาติ (ชาย) คนหนึ่งเป็นคาทอลิก แต่งงานแล้วมีเหตุให้ต้องแยกทางกัน โดยที่ไม่ได้เป็นความผิดของฝ่ายชาย
ต่อมาญาติคนนี้มีภรรยาใหม่ แต่ไม่สามารถแต่งงานให้ถูกต้องได้ เพราะภรรยาเดิมยังมีชีวิตอยู่
ภรรยาคนใหม่กลับใจมาเข้าคาทอลิกด้วย แต่ทั้งคู่ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้
ผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนั้นเลยจริงๆแต่จะให้แต่งงานตอนนี้หรือเร็วๆนี้คงไม่ได้แน่
แต่ผมโชคดีกว่ามากตรงที่แฟนผมกะผมต่างคนต่างไม่ได้มีพันธะกับใครอื่นในตอนนี้
ได้แต่หวังว่าถ้าเราไม่เลิกกันซะก่อน เราจะสามารถเรียนรู้กันและกันเพื่อประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้น ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้หรือไม่
โดยทำผิดให้น้อยที่สุด หรือไม่ทำเลย (แม้จะยาก)
สมัยพ่อแม่ผมคบกันตั้ง 7 ปี ก่อนแต่งงาน เชื่อว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ทำไมเราทำไม่ได้นะ แม่ผมก็เป็น "คริสตัง" ยืนเหมือนกัน


เราเป็นคาทอลิก เราก็ควรยึดค่านิยมและเอกลักษณ์ของเรา แต่ก็อย่าให้ค่านิยมนี้มาบดบังแก่น

ตอนนี้คุณรู้สึกผิด เป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่ตอนนี้เหมือนกับไม่รู้ว่า จะตอบสนองต่อความรู้สึกผิดนี้อย่างไร

จริงๆเรื่องนี้ยาวนะคะ และต้องใช้เวลา ถึงได้บอกให้ไปหาคุณพ่อ ตอนนี้ที่ทำได้คือ สวด พัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับพระ ที่เรายังไม่กล้าไป เพราะยังไม่ไว้ใจเท่าที่ควร ขอให้ไปหาพระอย่างที่เราเป็นนะคะ เวลาสวดก็ขอให้บอกพระตรงๆว่า ลูกอยากไปแก้บาป แต่ลูกก็ไม่มั่นใจว่า ลูกจะกลับมาทำอีกมั้ย ลูกยังอ่อนแอเกินไป ขอพระองค์ช่วยลูกด้วย บอกกับพระองค์ ระบายกับพระองค์ แบบที่ระบายในเวบนี่ล่ะค่ะ เล่าให้ฟังทุกอย่าง จริงใจกับพระ และไว้ใจในพระเมตตาของพระองค์ ... การเผชิญหน้ากับพระองค์ ไม่จำเป็นต้องสะอาดๆไปหานะคะ ขมุกขมัวก็ไปได้ บอกพระแค่คำเดียวว่า ลูกไม่ไหวแล้ว ช่วยลูกด้วย ลูกรู้ว่า ลูกไม่สมควร แต่ลูกไม่มีใครที่ช่วยได้นอกจากพระองค์
ตรงนี้เหมือนเป็นบททดสอบชีวิตนะคะ และก็เป็นบทเรียนด้วย ขอให้เราใช้ตรงนี้ เพื่อกลับไปหาพระองค์นะคะ อย่าคิดแง่ลบมาก อย่างน้อยตอนนี้ สิ่งที่เรียนรู้ก็คือ เราไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น เราตั้งใจดี แต่เราก็พลาดได้ ถ้ามีเวลา นั่งรำพึง เราจะรู้ข้อบกพร่องและความอ่อนแอของเรา เพื่อที่เราจะได้รู้จุดอ่อนตัวเอง และสามารถอุดรอยรั่วได้ต่อไป .... ซึ่งถ้าสวดดีๆนะคะ หลายครั้งจะออกมาว่า ต้นเหตุบางทีก็ไม่ใช่เรื่องเพศเสมอไป ขอให้ใช้ความผิดพลาดตรงนี้เรียนรู้ตัวเองนะคะ อย่าไปท้อกับมัน ขอให้สู้ ตอนนี้เรายังรับศีลได้ และยังไม่ตาย แปลว่า พระยังให้โอกาสเราอยู่ ขอให้เราขอบคุึณพระและใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์นะคะ
สู้ๆนะคะ อย่าท้อ ไปหาคุณพ่อ คุยกับพ่อ สวดภาวนา ให้อภัยตัวเอง และให้เวลากับตัวเองค่ะ

สวดพระเมตตาเป็นมั้ยคะ ลองสวดดูนะคะ ขอให้ไว้ใจในพระเมตตาของพระองค์ และไปหาพระองค์นะคะ
http://uk.geocities.com/palangjai2004/mercyjesus.html

http://uk.geocities.com/palangjai2004/mercyjesus.html
คือที่ว่าไม่ได้เจอกันทุกวันหนะ เวลาเจอกันบางทีก็หลายวันเลย คือคุณเธอเก็บของมาอยู่ด้วยเลยทีละ 4 วัน แต่บางครั้งก็ 10 วัน
เรียกว่าพอจะรู้ life style กันแล้ว
อะไรที่เราเป็นยังไงเราก็เป็นยังงั้น ผมเองไม่เคยสร้างภาพ ห้องเราจะรกแค่ไหนมันก็รกยังงั้น
ห้องคุณเธอก็รกเหมือนกัน แต่ถ้ามาอยู่กะเรา เธอจะมา clear ห้องให้เรา
ที่ยังตัดสินใจว่าเลือกคนนี้แน่ๆไม่ได้มันเป็นเพราะเรายังรู้จักกันไม่นานพอ ตอนนี้แค่ครึ่งปี
อยากให้ได้สัก 2 ปีเป็นอย่างน้อยค่อยคิดว่าจะมาอยู่ด้วยกันถาวรจริงๆ
อีกอย่างคือเราเปิดร้านเล็กๆที่บ้านเธอๆจะได้มีงานทำ ต่อไปเธอจะมาหาเราได้น้อยลง แต่เป็นการบังคับให้เราไปหาเธอบ่อยขึ้น ซึ่งโอกาสที่จะผิดอย่างว่ามันก็มี แต่น่าจะน้อยลง
ถ้าเธอตั้งใจทำงาน กิจการร้านที่เปิดมันรุ่ง ทางบ้านเราก็จะยอมรับเธอมากขึ้น ซึ่งมันต้องใช้เวลา
เคยพาเธอไปมิสซามาแล้วเหมือนกัน เธอบอกว่ารู้สึกประทับใจมากกว่าตอนไปเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนชาว protestant ทางภาคเหนือที่เธอเคยไป แต่ยังไม่ได้ศรัทธาถึงกับจะอยากศึกษาศาสนาของเรา
เรียกว่าพอจะรู้ life style กันแล้ว
อะไรที่เราเป็นยังไงเราก็เป็นยังงั้น ผมเองไม่เคยสร้างภาพ ห้องเราจะรกแค่ไหนมันก็รกยังงั้น
ห้องคุณเธอก็รกเหมือนกัน แต่ถ้ามาอยู่กะเรา เธอจะมา clear ห้องให้เรา
ที่ยังตัดสินใจว่าเลือกคนนี้แน่ๆไม่ได้มันเป็นเพราะเรายังรู้จักกันไม่นานพอ ตอนนี้แค่ครึ่งปี
อยากให้ได้สัก 2 ปีเป็นอย่างน้อยค่อยคิดว่าจะมาอยู่ด้วยกันถาวรจริงๆ
อีกอย่างคือเราเปิดร้านเล็กๆที่บ้านเธอๆจะได้มีงานทำ ต่อไปเธอจะมาหาเราได้น้อยลง แต่เป็นการบังคับให้เราไปหาเธอบ่อยขึ้น ซึ่งโอกาสที่จะผิดอย่างว่ามันก็มี แต่น่าจะน้อยลง
ถ้าเธอตั้งใจทำงาน กิจการร้านที่เปิดมันรุ่ง ทางบ้านเราก็จะยอมรับเธอมากขึ้น ซึ่งมันต้องใช้เวลา
เคยพาเธอไปมิสซามาแล้วเหมือนกัน เธอบอกว่ารู้สึกประทับใจมากกว่าตอนไปเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนชาว protestant ทางภาคเหนือที่เธอเคยไป แต่ยังไม่ได้ศรัทธาถึงกับจะอยากศึกษาศาสนาของเรา
-
- โพสต์: 199
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 02, 2008 8:19 pm
เอ๊ ถ้าคุณจะแต่งงานก็ต้องมีการอบรมคู่สมรสไม่ใช่เหรอ แฟนคุณก็ต้องไปด้วย เขาน่าจะได้เข้าในในสิ่งที่คุณเชื่อและศรัทธามิใช่เหรอ(ถ้ารักกันจริง) หรือ
ไม่ก็ลองอธิบายให้แฟนคุณฟังว่าคุณมีความเชื่อแบบไหน ถ้าเขาเข้าใจก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่คุณก็ลองคิดดู ลองสวดขอพระสิ พระองค์จะประทานหนทางให้
คุณเอง หวังว่าจะพอช่วยได้บ้างนะ สวัสดี
ไม่ก็ลองอธิบายให้แฟนคุณฟังว่าคุณมีความเชื่อแบบไหน ถ้าเขาเข้าใจก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่คุณก็ลองคิดดู ลองสวดขอพระสิ พระองค์จะประทานหนทางให้
คุณเอง หวังว่าจะพอช่วยได้บ้างนะ สวัสดี
ทำไมคิดว่า ที่บ้านจะไม่ยอมรับล่ะค่ะ พ่อแม่รักเรานะ เค้่าจะรักคนที่เรารัก (ถ้าเราแน่ใจว่ารักนะคะ)Timur เขียน:
ถ้าเธอตั้งใจทำงาน กิจการร้านที่เปิดมันรุ่ง ทางบ้านเราก็จะยอมรับเธอมากขึ้น ซึ่งมันต้องใช้เวลา

และทำไมคิดว่า เค้าจะยอมรับก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติพร้อม คิดแบบนี้กับพระด้วยรึเปล่าคะ เลยไม่กล้าไปหาพระน่ะค่ะ


เห็นด้วยว่า เวลาสั้นเกินไปTimur เขียน:
ที่ยังตัดสินใจว่าเลือกคนนี้แน่ๆไม่ได้มันเป็นเพราะเรายังรู้จักกันไม่นานพอ ตอนนี้แค่ครึ่งปี
อยากให้ได้สัก 2 ปีเป็นอย่างน้อยค่อยคิดว่าจะมาอยู่ด้วยกันถาวรจริงๆ
ต้องสวดขอพระค่ะ พระจะเรียกไม่เรียกใครขึ้นกับพระองค์ แต่ขอให้สวดให้แฟนนะคะTimur เขียน:
เคยพาเธอไปมิสซามาแล้วเหมือนกัน เธอบอกว่ารู้สึกประทับใจมากกว่าตอนไปเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนชาว protestant ทางภาคเหนือที่เธอเคยไป แต่ยังไม่ได้ศรัทธาถึงกับจะอยากศึกษาศาสนาของเรา

คือว่าอยากให้แฟนเขามีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว มันจะได้ดูดีหน่อยหนะครับ
รายได้มากน้อยไม่สำคัญ น้อยกว่าเราหลายเท่าก็ไม่เป็นไร
เพราะทางบ้านเราเขาเป็นห่วงเรา เขาก็กังวล จริงๆทางคุณพ่อก็ไม่ซีเรียสมาก แต่คุณแม่จะค่อนข้างกังวล
ผมก็เลยไม่กล้าเล่ารายละเอียดให้ฟังมากนักว่าคบกันระดับไหน
ทางบ้านเรารู้แค่ว่าเราเดินทางไป แต่ไม่รู้เรื่องที่เธอเดินทางมาหาเราด้วย
รายได้มากน้อยไม่สำคัญ น้อยกว่าเราหลายเท่าก็ไม่เป็นไร
เพราะทางบ้านเราเขาเป็นห่วงเรา เขาก็กังวล จริงๆทางคุณพ่อก็ไม่ซีเรียสมาก แต่คุณแม่จะค่อนข้างกังวล
ผมก็เลยไม่กล้าเล่ารายละเอียดให้ฟังมากนักว่าคบกันระดับไหน
ทางบ้านเรารู้แค่ว่าเราเดินทางไป แต่ไม่รู้เรื่องที่เธอเดินทางมาหาเราด้วย
เค้าห่วงน่ะค่ะ เป็นธรรมดาTimur เขียน: คือว่าอยากให้แฟนเขามีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว มันจะได้ดูดีหน่อยหนะครับ
รายได้มากน้อยไม่สำคัญ น้อยกว่าเราหลายเท่าก็ไม่เป็นไร
เพราะทางบ้านเราเขาเป็นห่วงเรา เขาก็กังวล จริงๆทางคุณพ่อก็ไม่ซีเรียสมาก แต่คุณแม่จะค่อนข้างกังวล
ผมก็เลยไม่กล้าเล่ารายละเอียดให้ฟังมากนักว่าคบกันระดับไหน
ทางบ้านเรารู้แค่ว่าเราเดินทางไป แต่ไม่รู้เรื่องที่เธอเดินทางมาหาเราด้วย

คนเป็นผู้ใหญ่นะคะ หลายครั้งเราคิดว่า เค้าไม่รู้นะ แต่ที่จริงเค้ารู้ แต่ไม่พูด เพราะเห็นว่า เราโตแล้ว อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย

ตอนนี้ ยิ่งเราอึดอัดกับพ่อแม่ บอกอะไรท่านทั้งหมดไม่ได้แบบนี้ ก็ต้องคุยกับพระบ่อยๆนะคะ ไว้ใจพระ ไม่งั้นจะยิ่งอึดอัด ยิ่งรู้สึกผิด และก็ใช้เวลาช่วงนี้ถามตัวเองว่า รักเค้าจริงมั้ย ถ้าตอบไม่ได้ ก็ถามพระ ขอพระ ให้พระรู้ว่า จิตใจเราเป็นอย่างไร พระจะมีวิธีบอกนะคะ อาจจะให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ให้เรารู้ว่า เราได้รักเค้าจริงหรือเปล่า และเค้ารักเราจริงมั้ย

บางทีเรื่องที่ว่า ให้เค้ามีงานทำ ดูมั่นคง มันอาจเป็นความคิดเราน่ะค่ะ ถ้าจะให้พ่อแม่ยอมรับแฟน ขอให้พระเป็นคนช่วยบอกดีกว่า ให้พระช่วยให้พ่อแม่ยอมรับดีกว่า .... การมีงานมั่นคง ก็ไม่ใช่ว่า จะเป็นอะไรที่ทำให้พ่อแม่หายห่วงเท่าไหร่ มันมีหลายปัจจัย บางทีถึงผู้หญิงมีพร้อมทุกอย่าง (ในสายตาเรา) แต่พ่อแม่ก็ใช่จะวางใจ ... ก็คงต้องเป็นพระเท่านั้นนะคะที่จะช่วยได้ ... เพราะพระองค์รู้ทุกอย่าง บางทีอาจเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ค่ะ

สวดเยอะๆนะคะ คุยกับพระบ่อยๆ โดยเฉพาะในศีลมหาสนิท


- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
ยอมรับครับว่ามันทำได้ยากมากๆ กับการต่อสู้กับเรื่องนี้ แต่เชื่อเถอะครับว่าเราต้องทำได้แน่ๆ ลองวิธีนี้มั้ยครับสำหรับผม ผมคิดว่าได้ผล หากนอนๆอยู่เกิดรู้สึกอย่างว่าขึ้นมา ก็ลองตัดใจลุกไปนั่งอยู่หน้ารูปพระ สวดแล้วคุยกับพระองค์ดู หรือที่สุดก็ลองสวดสายประคำดู เชื่อเหอะครับ ความรู้สึกนั้นน่าจะหายไป ลองดูคับ
สองคนยอมเป็น ของกันและกัน..ปรารถนาของหัวใจ
สองคนจะไปร่วมชีวิตกัน..อุปสรรคนั้นช่างมากมาย
ไม่มีงานวิวาห์ใด สำคัญ..คือเข้าใจ
ไม่มีคำให้พร เพียงสองคน..คอยปลอบใจ
มีความรักให้กัน แล้วทำไม....(จากเนื้อเพลง สองคน SMF) คิดจะแต่งงาน ให้เจ้าสาวเข้าคาทอลิก ในความเห็นของผม ก็คล้ายกับว่าคุณเก็บดอกไม้ถวายพระ แล้ว แอบเชยชมซะก่อน
เฮ้อ หนอ ความรัก...เป็นเรื่องที่หาความลงตัวกันมานานแล้ว สำหรับการ...ก่อนแต่งงาน ไม่รู้นะ สำหรับผมมันล่อแหลมเหลือเกินกับการที่จะบอกว่า เค้าเป็นเจ้าสาวของเราเป็นดอกไม้ของพระ(ขาดเพียงพิธีกรรม) ทำซะให้เรียบร้อย ก็ดีนะครับเป็นกำลังใจให้ ผมเองก็อยาก มีครอบครัวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสาวเจ้าจะยอมให้แต่งเมื่อไหร่ หงึๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮี้วววววว ววววววววววว
สองคนจะไปร่วมชีวิตกัน..อุปสรรคนั้นช่างมากมาย
ไม่มีงานวิวาห์ใด สำคัญ..คือเข้าใจ
ไม่มีคำให้พร เพียงสองคน..คอยปลอบใจ
มีความรักให้กัน แล้วทำไม....(จากเนื้อเพลง สองคน SMF) คิดจะแต่งงาน ให้เจ้าสาวเข้าคาทอลิก ในความเห็นของผม ก็คล้ายกับว่าคุณเก็บดอกไม้ถวายพระ แล้ว แอบเชยชมซะก่อน
เฮ้อ หนอ ความรัก...เป็นเรื่องที่หาความลงตัวกันมานานแล้ว สำหรับการ...ก่อนแต่งงาน ไม่รู้นะ สำหรับผมมันล่อแหลมเหลือเกินกับการที่จะบอกว่า เค้าเป็นเจ้าสาวของเราเป็นดอกไม้ของพระ(ขาดเพียงพิธีกรรม) ทำซะให้เรียบร้อย ก็ดีนะครับเป็นกำลังใจให้ ผมเองก็อยาก มีครอบครัวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสาวเจ้าจะยอมให้แต่งเมื่อไหร่ หงึๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮี้วววววว ววววววววววว
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
warlock เขียน: ผมเองก็อยาก มีครอบครัวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสาวเจ้าจะยอมให้แต่งเมื่อไหร่ หงึๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮี้วววววว ววววววววววว


โอ้ว ... ขอให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ที่ได้ทรงเตรียมไว้ในหนทางแห่งความรอ ผ่านทางเหตุการณ์ที่ยากลำบากต่างๆมากมายด้วยเทอญ
... ขอให้ ต้นร้ายปลายดี เน้อ ...
... ขอให้ ต้นร้ายปลายดี เน้อ ...