2. แล้วทำไมคิดว่า คนอื่นไม่รู้ล่ะคะangel2009 เขียน: 2. ผมถึงได้พยายามบอกคุณไงว่าเมื่อสมัยก่อนโบสถ์คาทอลิกเป็นอย่างไร
3. ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าคุณไม่มีทางรู้สึกหรือรู้ความคิดของพระเป็นเจ้า คุณแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนผม ไม่มีทางทีคุณจะรู้สึกถึงความรู้สึก ความคิดของพระองค์ เหมือนกับที่คุณเคยพูดว่าคุณไม่พอใจทีผมรักจูเดียล เหมือนที่พระเป็นเจ้ารัก คุณไม่สามารถยั่งถึงความรักของพระองค์ได้ครับ คุณสามารถเข้าใจได้ว่าพระองค์รักคุณ แต่คุณไม่สามารถทราบได้ว่าพระองค์รักคุณอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ครับ อย่าเอาความคิดของมนุษย์มาเปรียบเทียบกับพระองค์ครับ
4. อย่าโมโหครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าก่อน ในมิสซาเมื่อถึงภาคถวายทำไมพระสงฆ์ยังต้องล้างมือก่อนที่จะจับศีลหล่ะครับ คิดดูให้ดีน๊ะครับ
5. เขามีทางเดินที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการภาวนาที่แตกต่างกันครับ มีวิธีที่จะสละชีวิตที่แตกต่างกันครับ ถูกต้องครับว่าทุกคนรักในพระเจ้า แต่การเดินทางของแต่ละคนก็แต่ละเส้นทางครับ ศึกษาดูลึกๆ
ใช่ครับอะไรในที่ลับหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นจะได้พัฒนาความเชื่อ เหมือนกับสิ่งที่เราไม่เคยเรียนรุ้หรือไม่ทราบมาก่อนไงครับ เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้วเราจะได้พัฒนาความเชื่อให้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณเชื่อแต่ในสิ่งที่คุณเรียนมา ที่คุณเข้าใจ ถ้าผิดไปจากนี้คุณก็ว่าผิด แล้วคุณจะพัฒนาความรู้คุณได้ยังไงหล่ะครับ โรงเรียนก้มีครูคอยสอนเราแต่ก็ยังต้องมีห้องสมุดให้เราค้นคว้าหาความรู้กันเองเลย นั่นคือความจริงครับ ทำใจให้สบายครับอย่าสับสน แค่แลกเปลี่ยนความคิดกันเท่านั้นเอง
3. เรารับรู้ความรู้สึกนึกคิดของพระได้ไม่ทั้งหมด แต่เราก็รับรู้และเข้าใจในแบบของเรา และเราไปหาพระในแบบที่เราเป็น ถ้าพระองค์ไม่ให้เรามีความรู้สึกถึงพระองค์ พระองค์จะมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไมคะ พระเป็นเจ้าสร้างเรามาตามฉายาของพระองค์ เราก็มีอะไรที่เหมือนกันบ้างล่ะ อย่างน้อย เราก็มีหัวใจที่รักได้เหมือนพระองค์ เรามีลมปราณของพระองค์เป็นชีวิตเรา ถ้าเราไม่เข้าใจพระองค์ เราจะมีความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ รับรู้แบ่งปันความทุกข์ได้ยังไง เราจะสวดเดินรูป ภาคไปทำไม ถ้าพระไม่ให้เรารับรู้ความรู้สึกของพระองค์ และรู้ว่า พระองค์ร่วมทุกข์กับเรา จริงอยู่ว่า เรารับได้ไม่หมด เพราะถ้ารับหมด หรือรู้หมด ก็คงตาย แต่เราก็รับได้และรู้ได้ เท่าที่เราสามารถทำได้อย่างสุดหัวใจ
พระเป็นเจ้าพยายามให้เราเข้าใจพระองค์ สื่อสารกับเราในภาษาของเราในแบบที่เราเข้าใจได้
devotion ของอโกโกจะคล้ายกับฟาติมา ตรงที่มี devotion of the two hearts (Immaculate Heart of Mary and Sacred Heart of Jesus) นะคะ สิ่งที่พระพยายามแสดงให้เราเห็นดวงใจที่ร้อนรน ลุกเป็นไฟของพระองค์น่ะค่ะ อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็น แต่เป็นสิ่งที่พระองค์พยายามสื่อกับเราได้ เหมือนเราคุยกับเด็กเล็กๆน่ะค่ะ เราก็จะ baby talk ใช่มั้ย คุยกับคนหูหนวก เราก็พยายามพูดภาษามือกับเค้า ถามว่า มันสื่อทั้งหมดได้มั้ย ก็ไม่ได้หรอก แต่เราก็พยายามให้เค้าเข้าใจ และให้เค้าเข้าใจเราในแบบที่เค้าเป็น ตามความสามารถของเค้า ... ไม่งั้นพระเยซูเจ้าไม่สอนเราให้เรียกพระเป็นเจ้าว่า "พ่อ" หรอกค่ะ เพราะพระองค์คือพ่อของเราทุกคนจริงๆ เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับพ่อ เราก็คุยกับพ่อ พยายามเข้าใจพ่อ ที่จริงคนเป็นพ่อคนเนี่ย เป็น gift อย่างนึงนะคะในการเข้าใจความรักต่อพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่มีต่อเรา
คุณเชื่อและเข้าใจใช่มั้ยคะว่า พระเยซูเจ้าคือพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ (Divinity and Humanity of Jesus) ... และความเป็นมนุษย์แท้ของพระองค์คืออะไรคะ
สิ่งที่ปีศาจกลัวมากที่สุด คือกลัวคนจะมาสนิทกับพระ มันพยายามทุกทางเพื่อให้คนออกห่างพระ การที่มันเพิ่มข้อจำกัดให้คนไปหาพระได้มากเท่าไหร่ มันยิ่งสำเร็จมากเท่านั้น พระเยซูเจ้าบอก พระเจ้าคือพระบิดา คือพ่อเรา ให้เราเรียกพ่อ แต่ปีศาจบอก อย่าไปเรียก เดี๋ยวสนิทเกินไป
4. ไม่ได้โมโห แต่รำคาญค่ะ รับใช้แค่นี้ก็ไม่ได้ ... น่าเบื่อ ที่เราหาโน่นนี่ให้ ขอให้หาหน่อยแค่นี้ก็ไม่ได้ แต่สอนนะว่า เราต้องช่วยวิญญาณ นี่หรือคือการช่วย ตัวเองไม่เห็นทำเลย (และแถมมาคะยั้นคะยอว่า ต้องรู้ให้ได้อีกนะ มันน่ารำคาญมั้ยละ)
อันนั้นคือ washing rite นะคะ ทำหลังจากภาคถวาย และพ่อก็สวดระหว่างล้างว่า