อ่าน ลูกา 24:13-35
มองใหม่ (บทความจากหนังสือ " ฤดูกาล " วันเวลากับพระวาจา วันอาทิตย์ ปี A โดย น.สาราจิตต์)
เขาทั้งสองก้าวเดินออกจากเยรูซาเล็ม
...ดินแดนที่ความหวังพบจุดจบแห่งความแพ้พ่าย
ชายแปลกหน้าร่วมทางไปกับเขาบนถนนสายนี้
...พวกเขาเล่าเรื่องหัวใจที่หมดหวัง
...พระเบซูผู้เคยเป็นความหวังว่าจะปลดปล่อยอิสราเอลใหเป็นอิสระ
บัดนี้มาตายจาก....และสูญหาย
ในเรื่องราวของพวกเขา...สองสิ่งดูสวนทาง
..ความหวังในพระเยซู กับ ความตายของพระองค์
ความตายของพระองค์ ถูกมองเหมือนความตายอื่น
...จุดจบสิ้น..สถานีสุดท้าย..ของทางสายแห่งคำสัญญา
พวกเขาโศกเศร้า มิเพียงแต่ความตายของพระเยซู
แต่...เพราะความตายของความสัมพันธ์กับพระองค์
ณ เวลานี้ พวกเขาเป็นเพียงแค่อดีตสาวก ของประกาศกผู้ตายจาก
จนกระทั่งเรื่องราวที่น่าเศร้าจบลง
ชายแปลกหน้าจึงเริ่มเรื่องราวใหม่
ทรงเชิญพวกเขาให้มองดูอดีตอีกครั้ง...ด้วยแสงแห่งพระวาจา
ทรงให้ความหมายใหม่ แก่เรื่องราวเก่า
...ความตายของพระคริสตเจ้า เป็นประตูสู่สิริมงคล
สำหรับชายแปลกหน้า...ความตายของพระเยซู เป็นความสำเร็จแห่งภารกิจ
และ...มิใช่ความล้มเหลว...หรือจุดจบสิ้น
ชายแปลกหน้า นำพาพวกเขาให้ค้นพบความหมายของอดีต
ด้วยแสงตะวันใหม่
พวกเขาของพระองค์ให้ค้างคืน เพราะคำ่แล้ว
ณ ที่โต๊ะอาหาร...ทรงบิปัง และส่งให้พวกเขา
ตาของพวกเขาเปิดออก และจำพระองค์ได้...พระเยซูผู้กลับคืนชีพ
พวกเขาเริ่มมองเห็นอนาคตใหม่...ความหวังใหม่
กล้าพอที่จะเดินกลับสู่เยรูซาเล็ม...แม้ในความมืด
เพื่อเล่าขานเรื่องราวแห่งการพบเจอ.
อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
ยอห์น 10:1-10
ไม่แปลกหน้า
ย่างก้าวของตนแปลกหน้า
ก่อเกิดฝุ่นดินแห่งความหวาดระแวงและความสงสัย
ย่างก้าวของชุมพาบาล
นำพาสายลมแห่งความอิ่มสุข และมั่นคงปลอดภัย
เขาเรียกแกะด้วยชื่อ....พาสู่พื้นหญ้าเขียวสด
เขาเดินนำหน้า......แกะรู้จักเสียงของเขา
เขายอมสละชีวิตเพื่อแกะของตน
พระองค์มิใช่คนแปลกหน้า
มิใช่มนุษย์ต่างดาวที่ปรากฎตัวยามคำ่คืน ห่อหุ้มด้วยความแตกต่าง
พระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ
ทรงเสด็จมาสูู่บ้านเมืองของพระองค์
แตประชากรของพระองค์มิได้ต้อนรับ
ทรงเกิดและเติบโตในหมู่ประชากร
ทรงหลั่งนำ้ตา...ในวันนั้นที่มนุษยชาติเจ็บปวดร้องไห้
ทรงร่วมเสียงหัวเราะ....ในวันนั้นที่ดอกไม้บานบนผืนแผ่นดินแห่งหัวใจมนุษย์
พระองค์ทรงรับการดูหมิ่น แต่มิเคยตอบโต้
ทรงเป็นทุกข์เจ็บปวด แต่.....ไม่เคยแก้แค้น
เพราะทรงวางทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา
ทั้งหมดนี้ มิได้บ่งแสดงการเป็น ยอดมนุษย์
แต่.....ประกาศถึงหนทางการเป็น มนุษย์ ของพระองค์
มนุษย์...ผู้กล่าวความจริงอย่างสงบนิ่ง และหนักแน่น
แม้ยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูผู้โกรธแค้น และมุ่งทำร้าย
มนุษย์...ผู้เลี้ยงฝูงชนที่ขาดแคลนจนอิ่มล้น
.....ผู้รักและเห็นใจฝูงชนที่ทนทุกข์
.....ผู้มีหัวใจอิสระจากรอยเจ็บปวดในอดีต
ในมนุษย์ผู้นี้
.....ที่มนุษยชาติได้รู้จักเสียงแห่งความรักนิรันดร์กาลของพระบิดา.
เทศกาลปัสกา (เดิม :อาทิตย์ที่3 เทศกาลปัสกา)
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ขอบคุณครับ
กลัวจะกระทู้จะตกไปเร็ว
ไว้ผมเดินไปถึง อาทิตย์ที่ 3 ปัสกา เมื่อไหร่
จะโยงลิงค์ไว้นะครับ
กลัวจะกระทู้จะตกไปเร็ว
ไว้ผมเดินไปถึง อาทิตย์ที่ 3 ปัสกา เมื่อไหร่
จะโยงลิงค์ไว้นะครับ
สากลเขาปัสกากันแล้ว แต่ออร์โธด๊อกซ์เรายังมหาพรตอยู่เยย
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ทำกระทู้ ออร์โธด๊อกซ์ เรื่อง มหาพรตเลย จะได้ครบๆGray Cat de St.Tsar NicholasII เขียน: สากลเขาปัสกากันแล้ว แต่ออร์โธด๊อกซ์เรายังมหาพรตอยู่เยย
ข้อมูลไม่พอครับ T_TMan of Macedonia เขียน:ทำกระทู้ ออร์โธด๊อกซ์ เรื่อง มหาพรตเลย จะได้ครบๆGray Cat de St.Tsar NicholasII เขียน: สากลเขาปัสกากันแล้ว แต่ออร์โธด๊อกซ์เรายังมหาพรตอยู่เยย
ให้เวลาหาข้อมูลนะคะGray Cat de St.Tsar NicholasII เขียน:ข้อมูลไม่พอครับ T_TMan of Macedonia เขียน:ทำกระทู้ ออร์โธด๊อกซ์ เรื่อง มหาพรตเลย จะได้ครบๆGray Cat de St.Tsar NicholasII เขียน: สากลเขาปัสกากันแล้ว แต่ออร์โธด๊อกซ์เรายังมหาพรตอยู่เยย
สนใจ สนใจ เข้าหัวข้อ " คริสตสัมพันธ์ "ก็ได้นะเนี๊ย
ต่อนะคะ
อาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ยน.14:1-12
ทางข้างหน้า
พระเยซู...แม้จะรักและห่วงใยศิษย์เพียงไร
ไม่เคยมอบคู่มือเทววิทยาที่สามารถให้คำตอบ
ต่อคำถามทุกข้อที่เกี่ยวกับพระ
ไม่เคยมอบหนังสือธรรมบัญญัติที่แจงรายละเอียด
เกี่ยวกับข้อพึงปฏิบัติและบาปที่ต้องละเว้น
ไม่เคยมอบแผนที่เส้นทางสู่อนาคต
แต่...พระองคื์เพียงเชื้อเชิญให้พวกเขามองยังพระองค์ และตรัสว่า
เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต
...ทรงเป็นประตูสู่พระเจ้า...หนทางสู่พระบิดา
....ในพระองค์ทรงเป็นความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า
ผู้ทรงเดินบนถนนของปาเลสไตน์....กินดื่มร่วมกับคนบาป
ทรงเป็นพระพักตร์พระบิดาผู้ทรงรักและห่วงใยมนุษยชาติ
....พระองค์ทรงเป็นชีวิต
....ของขวัญพระเจ้าพระบิดาที่ทรงมอบให้มนุษยชาติ
ทั้งหมดนี้เป็นทิศทางที่ชัดเจนสำหรับบรรดาศิษย์กระนั้นหรือ ?
เปล่าเลย....พวกเขายังมึนงง และยังคงต้องก้าวไป
พร้อมกับการแสวงหาหนทาง
....เริ่มเรียนรู้ว่า พวกเขาไม่มีคำตอบสำเร็จรูปอยู่ในมือ
ในท่ามกลางความขัดแย้ง พวกเขายังคงต้องจับมือกัน
และหาหนทางในการก้าวเดินสู่อนาคต
มีหลายสิ่งที่พระเยซูมิได้บอกพวกเขาล่วงหน้า
...และพวกเขาจำต้องก้าวเดินด้วยกัน
...ด้วยความสัตย์จริง สู่อนาคตที่คลุมเครือ
พระเยซูเจ้าทรงเชื่อในสาวกของพระองค์
ให้พวกเขาก้าวเดิน เผชิญกับความสับสนและซับซ้อนของโลก
เป็นความเชื่อนี้ที่หยุดพระองคืจากากรให้คำตอบสำเร็จรูปต่อทุกคำถาม
พวกเขายังคงต้องก้าวเดินด้วยหัวใจที่แสวงหา
ณ ที่นั้น...ชีวิตแห่งความเชื่อเติบโต
และหยั่งรากลึกอยู่ในพระองค์
อาทิตย์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
ยน.14:15-21
พระที่มองไม่เห็น
ความหวัง นำพาผู้คนให้ก้าวเดินสู่อนาคตที่ไม่รู้จัก
...ด้วยหัวใจที่มั่นคงปลอดภัย
แต่....ความหวังจะได้รับพลังจากที่ใด
ความหวังที่ขาดพลังเป็นเด็กกำพร้า
...ที่ถูกเลี้ยงดูในบ้านแห่งจินตนาการ
พระเยซู...มิเคยปล่อยให้ศิษย์ของพระองค์ให้อยู่ในโลกที่อ่อนแอ และบางเบา
แต่...ทรงสัญญาจะมอบพระจิตเจ้า
...ผู้จะทรงอยู่กับเขาตลอดไป
พลังแห่งพระจิต เป็นต้นธารแห่งความหวัง
ปราศจากพระองค์...ความหวังอ่อนนิ่ม และไร้ดอกผล
พระจิตเจ้า...พระพรแห่งองค์พระเจ้าให้พลังแก่ชีวิต
แม้ในท่ามกลางความตาย
...ให้แสงสว่างสุกใส แม้ในท่ามกลางความมืดมน
ทรงกล่าวนำล่วงหน้าว่า โลกจะไม่ต้อนรับพระจิตที่เขามองไม่เห็น
แท้จริงแล้ว...พวกเขาเคยไมต้อนรับองค์พระบุตรที่พวกเขามองเห็น
มาบัดนี้....ไม่ต้อนรับองค์พระจิตที่เขามองไม่เห็น
แต่...พระจิตของพระเจ้าจะอยู่ในชีวิตพวกเขา...ที่รักและเชื่อในพระองค์
พลังแห่งพระจิต จะก่อให้เกิดความกล้าหาญ และความหวัง
อันเป็นดอกและผลที่โลกมองเห็นได้
ผู้ที่รักและเชื่อในพระองคื ก้าวเดินสู่อนาคตที่ไม่เห็น
...ประกาศก้องถึงพลังแห่งพระจิตเจ้า ที่สว่างไสวอยู่ภายใน
พวกเขารู้ว่าพลังนี้มิใช่ของพวกเขา
แต่...เป็นของพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น
อาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ยน.14:1-12
ทางข้างหน้า
พระเยซู...แม้จะรักและห่วงใยศิษย์เพียงไร
ไม่เคยมอบคู่มือเทววิทยาที่สามารถให้คำตอบ
ต่อคำถามทุกข้อที่เกี่ยวกับพระ
ไม่เคยมอบหนังสือธรรมบัญญัติที่แจงรายละเอียด
เกี่ยวกับข้อพึงปฏิบัติและบาปที่ต้องละเว้น
ไม่เคยมอบแผนที่เส้นทางสู่อนาคต
แต่...พระองคื์เพียงเชื้อเชิญให้พวกเขามองยังพระองค์ และตรัสว่า
เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต
...ทรงเป็นประตูสู่พระเจ้า...หนทางสู่พระบิดา
....ในพระองค์ทรงเป็นความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า
ผู้ทรงเดินบนถนนของปาเลสไตน์....กินดื่มร่วมกับคนบาป
ทรงเป็นพระพักตร์พระบิดาผู้ทรงรักและห่วงใยมนุษยชาติ
....พระองค์ทรงเป็นชีวิต
....ของขวัญพระเจ้าพระบิดาที่ทรงมอบให้มนุษยชาติ
ทั้งหมดนี้เป็นทิศทางที่ชัดเจนสำหรับบรรดาศิษย์กระนั้นหรือ ?
เปล่าเลย....พวกเขายังมึนงง และยังคงต้องก้าวไป
พร้อมกับการแสวงหาหนทาง
....เริ่มเรียนรู้ว่า พวกเขาไม่มีคำตอบสำเร็จรูปอยู่ในมือ
ในท่ามกลางความขัดแย้ง พวกเขายังคงต้องจับมือกัน
และหาหนทางในการก้าวเดินสู่อนาคต
มีหลายสิ่งที่พระเยซูมิได้บอกพวกเขาล่วงหน้า
...และพวกเขาจำต้องก้าวเดินด้วยกัน
...ด้วยความสัตย์จริง สู่อนาคตที่คลุมเครือ
พระเยซูเจ้าทรงเชื่อในสาวกของพระองค์
ให้พวกเขาก้าวเดิน เผชิญกับความสับสนและซับซ้อนของโลก
เป็นความเชื่อนี้ที่หยุดพระองคืจากากรให้คำตอบสำเร็จรูปต่อทุกคำถาม
พวกเขายังคงต้องก้าวเดินด้วยหัวใจที่แสวงหา
ณ ที่นั้น...ชีวิตแห่งความเชื่อเติบโต
และหยั่งรากลึกอยู่ในพระองค์
อาทิตย์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
ยน.14:15-21
พระที่มองไม่เห็น
ความหวัง นำพาผู้คนให้ก้าวเดินสู่อนาคตที่ไม่รู้จัก
...ด้วยหัวใจที่มั่นคงปลอดภัย
แต่....ความหวังจะได้รับพลังจากที่ใด
ความหวังที่ขาดพลังเป็นเด็กกำพร้า
...ที่ถูกเลี้ยงดูในบ้านแห่งจินตนาการ
พระเยซู...มิเคยปล่อยให้ศิษย์ของพระองค์ให้อยู่ในโลกที่อ่อนแอ และบางเบา
แต่...ทรงสัญญาจะมอบพระจิตเจ้า
...ผู้จะทรงอยู่กับเขาตลอดไป
พลังแห่งพระจิต เป็นต้นธารแห่งความหวัง
ปราศจากพระองค์...ความหวังอ่อนนิ่ม และไร้ดอกผล
พระจิตเจ้า...พระพรแห่งองค์พระเจ้าให้พลังแก่ชีวิต
แม้ในท่ามกลางความตาย
...ให้แสงสว่างสุกใส แม้ในท่ามกลางความมืดมน
ทรงกล่าวนำล่วงหน้าว่า โลกจะไม่ต้อนรับพระจิตที่เขามองไม่เห็น
แท้จริงแล้ว...พวกเขาเคยไมต้อนรับองค์พระบุตรที่พวกเขามองเห็น
มาบัดนี้....ไม่ต้อนรับองค์พระจิตที่เขามองไม่เห็น
แต่...พระจิตของพระเจ้าจะอยู่ในชีวิตพวกเขา...ที่รักและเชื่อในพระองค์
พลังแห่งพระจิต จะก่อให้เกิดความกล้าหาญ และความหวัง
อันเป็นดอกและผลที่โลกมองเห็นได้
ผู้ที่รักและเชื่อในพระองคื ก้าวเดินสู่อนาคตที่ไม่เห็น
...ประกาศก้องถึงพลังแห่งพระจิตเจ้า ที่สว่างไสวอยู่ภายใน
พวกเขารู้ว่าพลังนี้มิใช่ของพวกเขา
แต่...เป็นของพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น