รวมกระทู้ เมื่อบูเป็นโรคจิต/ อยากฆ่าตัวตาย/ยังเหมือนเดิม/เบื่อ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อาทิตย์ เม.ย. 13, 2008 5:28 am

บูภาวนาให้เขาแล้วนะ
บูบอกพระองค์ว่าถ้าพระองค์ต้องการบูยินดีแลกกับเขา เขาสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่าบู
บูคิดฆ่าตัวตายนั่นเป็นบาปหนัก มันเหมือนกับทรยศพระองค์ ตรงข้ามกับเขา เขาทำอะไรผิดเหรอ ที่ต้องมาป่วยอย่างนั้น
เขารักพระองค์มาก บูก้อเหมือนกัน แต่ถ้าพระองค์ไม่ว่าอะไร เขาสมควรมีชีวิตอยู่ต่อมากกว่าบูนะ เขารักชีวิตของเขาแต่บูกลับไม่
ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองร้องไห้ให้คนอื่น นั่นคงหมายความว่า บูคงไม่เย็นชา แบบที่ตัวเองคิดสินะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ เม.ย. 13, 2008 10:45 am

BouQueT*Mary Mag เขียน: ถ้าเป็นไปได้ เทอคนนั้นอยากจะแลกชีวิตกะบูมั๊ย
เป็นไปไม่ได้
และ
BouQueT*Mary Mag เขียน: ถ้าเป็นไปได้จริงๆ บูขอล่ะ ขอแลกกะเขาละกัน บูแทบสิ้นหวัง ขณะที่เขายังไม่
เป็นไปไม่ได้
BouQueT*Mary Mag เขียน: บูมีชีวิตที่บูไม่ต้องการ ขณะที่เขาต้องการ
บูไม่ต้องการ แต่พระเจ้าต้องการ
พระเจ้าปรารถนาให้ทุกคนทั้งบูและเด็กคนนั้นมีชีวิตที่เป็นพยาน

ชีวิตของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ชีวิตทุกคนก็มีทั้งความทุกข์และความสุข
ทุกคนมีกางเขนที่ต้องแบก แต่คริสตชนยินดีที่จะแบกเพราะได้พบพระเยซูเจ้า ผู้แบกกางเขนรอเป็นเพื่อนเรามากว่าพันปีแล้ว

"ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน
จงรับเอาแอกของเราแบกไว้และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน"
มัทธิว11:28
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 13, 2008 10:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร เม.ย. 15, 2008 7:09 am

i know it's impossible..

that's bad..

i told him i wish i could at least she wanna live while i don't

why god still want me to be alive then?? i'm useless
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

อังคาร เม.ย. 15, 2008 7:57 am

มีคนเคยพูดว่า "ผู้ที่รู้เส้นทางชีวิตของตัวเอง ในจักรวาลนี้มีเพียง 2 คน 1 คือพระเจ้า และ 2 คือเจ้าตัวเอง"

พระเจ้ารู้เส้นทางที่พี่บูจะเดินแล้ว

พี่ล่ะ รู้เส้นทางที่ตัวเองจะต้องเดินหรือยัง??

ถ้ายังก็รีบหน่อยนะครับ  :angel:

ขอพระเจ้าอวยพร
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร เม.ย. 15, 2008 7:59 am

บูหวังว่า พระองค์จะบอกบูนะ เพราะตัวบูเอง ก้อไม่รู้เหมือนกัน

สับสนไปหมด อยากจะปล่อยไปตามพระประสงค์ของพระองค์ซะ

ถ้าให้บูตัดสินใจเอง มันคงไม่ดีแน่
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. เม.ย. 17, 2008 12:16 am

น้องบูจะโทรมาคุยกับพี่มั้ย  หรือพี่โทรไปก็ได้  ทิ้งเบอร์ให้พี่หลังไมค์นะคะ

ตอนนี้บูได้ไปคุยกับ school counsellor บ้างรึเปล่าคะ  พี่เคยเตือนตั้งแต่ก่อนไปเดนมาร์กนะว่า  ถ้าไม่ไปหาจิตแพทย์ก่อนไป  ไปแล้วจะยิ่งมีปัญหา เหมือนไปเจอโจทย์เพิ่ม  โจทย์เดิมยังแก้ไม่หมด  เจออันใหม่แล้ว ... เพราะเรื่องการปรับตัวเป็นเรื่องใหญ่

ต้องไปหา counsellor นะคะ  คือถ้าไปหา school counsellor เนี่ย  คิดว่าประกันมันจะ cover นะ  ถ้าไปหาที่อื่นอาจต้องจ่าย copay เยอะหน่อย  ....  มันใช้เวลานะ  แต่ถ้าไม่รีบไปหา  จะไปกันใหญ่  แต่ต้องอดทน  และให้ความร่วมมือกับ counsellor นะคะ  ::001::
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พฤหัสฯ. เม.ย. 17, 2008 12:31 am

บูก้อไปหาจิตแพทย์อยู่ค่ะ
แต่พี่บัดดี้พูดถูก มันอาจช้าเกินไป
บูพยายามบอกเป็นนัยๆกับครอบครัวว่าบูต้องการความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่สนใจเท่านั้นเอง
สุดท้ายบูเลยต้องลงมือทำก่อน เขาจึงเห็นว่าบูมีปัญหา
แย่จังเนอะ

บางทีปัญหาทั้งหมดอาจเป็นเรื่องครอบครัวก้อได้ ที่บูคิดว่าเขาเอาใจใส่บูไม่พอ ทำให้บูเริ่มเรียกร้องความสนใจรูปแบบต่างๆ
จนกระทั่งถึงกับซึมเศร้าและอยากตาย เพราะมีความรู้สึกว่า ไม่มีใครรัก

บูพูดกับนักบำบัดอยู่ แต่มันก้อไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมามาก บูกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เขาไม่ได้ช่วยอะไรบูเลย
ส่วนหมอก้อให้แต่ยา ไม่รู้สิ หรือว่าบูควรเปลี่ยนหมออีก
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. เม.ย. 17, 2008 12:42 am

BouQueT*Mary Mag เขียน: บูก้อไปหาจิตแพทย์อยู่ค่ะ
แต่พี่บัดดี้พูดถูก มันอาจช้าเกินไป
บูพยายามบอกเป็นนัยๆกับครอบครัวว่าบูต้องการความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่สนใจเท่านั้นเอง
สุดท้ายบูเลยต้องลงมือทำก่อน เขาจึงเห็นว่าบูมีปัญหา
แย่จังเนอะ

บางทีปัญหาทั้งหมดอาจเป็นเรื่องครอบครัวก้อได้ ที่บูคิดว่าเขาเอาใจใส่บูไม่พอ ทำให้บูเริ่มเรียกร้องความสนใจรูปแบบต่างๆ
จนกระทั่งถึงกับซึมเศร้าและอยากตาย เพราะมีความรู้สึกว่า ไม่มีใครรัก

บูพูดกับนักบำบัดอยู่ แต่มันก้อไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมามาก บูกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เขาไม่ได้ช่วยอะไรบูเลย
ส่วนหมอก้อให้แต่ยา ไม่รู้สิ หรือว่าบูควรเปลี่ยนหมออีก
คือ  ไปโทษพ่อแม่ไม่ได้หรอก  บางทีเค้าไม่รู้อ่ะว่า  ต้องทำไงดี  เลี้ยงลูกนี่  ไม่ง่ายนะ

เวลาบูคุยกับ therapist ที่นี่นะ  ไอ้อาการเอาแต่ใจนี่  เค้าจะไม่ค่อยเข้าใจนะ  เพราะเค้าไม่ได้เห็นการเลี้ยงแบบบ้านเรา  แต่เค้าจะช่วยเราได้ในแบบของเค้า 

จิตแพทย์เค้าก็ทำหน้าที่ให้ยา  ถูกแล้ว  และ counselling session ก็จะช่วยเสริมกัน  ในการรักษา  กุญแจของมันคือ  การออกจากตัวเองนะ  เดี๋ยวพี่โทรไปคุยด้วย  ขอเป็นเสาร์อาทิตย์นะ  เพราะพี่โทรฟรี
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พฤหัสฯ. เม.ย. 17, 2008 12:59 am

รับทราบงับ  :grin:
Akira
โพสต์: 101
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 05, 2007 6:51 pm

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 2:11 am

Buddy เขียน:
BouQueT*Mary Mag เขียน: บูก้อไปหาจิตแพทย์อยู่ค่ะ
แต่พี่บัดดี้พูดถูก มันอาจช้าเกินไป
บูพยายามบอกเป็นนัยๆกับครอบครัวว่าบูต้องการความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่สนใจเท่านั้นเอง
สุดท้ายบูเลยต้องลงมือทำก่อน เขาจึงเห็นว่าบูมีปัญหา
แย่จังเนอะ

บางทีปัญหาทั้งหมดอาจเป็นเรื่องครอบครัวก้อได้ ที่บูคิดว่าเขาเอาใจใส่บูไม่พอ ทำให้บูเริ่มเรียกร้องความสนใจรูปแบบต่างๆ
จนกระทั่งถึงกับซึมเศร้าและอยากตาย เพราะมีความรู้สึกว่า ไม่มีใครรัก

บูพูดกับนักบำบัดอยู่ แต่มันก้อไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมามาก บูกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เขาไม่ได้ช่วยอะไรบูเลย
ส่วนหมอก้อให้แต่ยา ไม่รู้สิ หรือว่าบูควรเปลี่ยนหมออีก
คือ  ไปโทษพ่อแม่ไม่ได้หรอก  บางทีเค้าไม่รู้อ่ะว่า  ต้องทำไงดี  เลี้ยงลูกนี่  ไม่ง่ายนะ

เวลาบูคุยกับ therapist ที่นี่นะ  ไอ้อาการเอาแต่ใจนี่  เค้าจะไม่ค่อยเข้าใจนะ  เพราะเค้าไม่ได้เห็นการเลี้ยงแบบบ้านเรา  แต่เค้าจะช่วยเราได้ในแบบของเค้า 

จิตแพทย์เค้าก็ทำหน้าที่ให้ยา  ถูกแล้ว  และ counselling session ก็จะช่วยเสริมกัน  ในการรักษา  กุญแจของมันคือ  การออกจากตัวเองนะ  เดี๋ยวพี่โทรไปคุยด้วย  ขอเป็นเสาร์อาทิตย์นะ  เพราะพี่โทรฟรี
เห็นที่คุณ buddy เขียนมาเลยนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูดเลย ส่วนตัวก็มีปัญหากะแม่เหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นดูโฆษณาอะไรซักอย่างอยู่ ที่มีพ่อมาขอโทษลูกว่า ขอโทษนะที่เลี้ยงไม่ดี

แม่ก็บอกประมาณว่า จำไม่ได้ล่ะเอาเลาๆ ประมาณว่า แม่ก็ไม่มีใครสอนเลี้ยงลูกเหมือนกัน ที่เลี้ยงมาเนี่ยก็เลี้ยงมาอย่างดีอย่างที่แม่คิดว่าดีแล้ว

ก็นะเรื่องบางเรื่องแม่ก็พยายามเลี้ยงเท่าที่รู้ แม่อาจจะไม่รู้ว่าการที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ไม่ได้คุยกับลูกนานๆ มันจะทำให้เป็นยังไง แต่ก็คิดว่านั่นเป็นทางเลือกที่พ่อแม่เลือกว่าดีที่สุดแล้วสำหรับลูกๆ พ่อก็ออกไปทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่อยู่ประมาณ ป. 2 นานๆ เจอกันที เจอกันปีนึงประมาณเดือนนึงได้(รวมๆ กัน) ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยได้เจอตั้งแต่จบม. 6 เพราะว่ามาเรียนกรุงเทพตั้งแต่จบป. 6 ก็เจอหน้ากันก็ตอนปิดเทอม

ที่บ้านนี่แม่ลูกจะทะเลาะกันมากกว่าคุยกันสนุกสนาน ลูกๆ ก็มีน้อยใจว่าทำไมแม่ไม่ชมกันบ้าง ทำไมแม่ไม่เข้าใจตัวลูกบ้าง ทำไมต้องบ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ มาหลังๆ นี่(ไม่กี่วัน) ตัวเองเพิ่งมาลองสังเกตตัวเอง จริงๆ แล้วตัวเองก็ทำไม่ถูกอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน ก็สมแล้วที่โดนด่า หุหุ

แต่ก่อนเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน เห็นแม่เพื่อนชวนเพื่อนไปดูหนังด้วยกัน รู้สึกว่าครอบครัวเค้าอบอุ่นจัง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น รู้สึกว่าน้ำตาซึมที่เห็นภาพอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะประทับใจ แต่น้อยใจตัวเอง ทำไมนะที่บ้านไม่มีพูดคุยกันดีๆ อย่างนี้ ทำไมต้องมีเรื่องบ่นว่ากันตลอด ทำอะไรก็ผิดตลอด แม่ก็บ่นถึงพ่อ พ่อก็บ่นถึงแม่ จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกภาพความรักระหว่างพ่อแม่ไม่ออกว่าคู่ที่รักกันเค้าแสดงออกกันยังไง ลูกๆ ต่างก็น้อยใจที่แม่ว่าตลอด ไม่เคยชมถึงเรื่องดีๆ เลย จนไม่กล้าจะตัดสินใจอะไรกลัวโดนด่าโดนว่าไปหมด เดี๋ยวผิดอีก หาของช้าหน่อยก็โดนบ่น หาของไม่เจอก็โดนว่า บางทีนานๆ ทีกลับบ้านทีก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ไหนก็หาไม่เจอก็โดนว่า ทำไมต้องระเบิดอารมณ์ใส่ด้วยนะ พูดกันดีๆ ก็ได้ บางทีมีว่าให้คนอื่นได้ิยินด้วย ขายหน้าจริงๆ

แต่.....จะยังไงก็แล้วแต่เราก็คิดว่ายังไงเราก็ต้องให้อภัยเค้า ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นพ่อแม่เรา แต่เพราะว่าไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วก็เลี้ยงให้ดีตามที่รู้ดีที่สุด เรื่องจิตวิทยาเนี่ยคงหวังว่าจะให้เค้ามาเข้าใจเรื่องนี้แล้วมาพิจารณาถึงสิ่งที่เค้าทำกับเราก็คงไม่ได้ ที่บ้านลูกๆ ก็ดูเหมือนโมโหแม่กันเวลาแม่บ่นแม่ว่า แต่ก็ยังดีที่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเกลียด มาหลังๆ นี่ก็พอจะเข้าใจว่าเค้าก็ต้องการให้ลูกๆ เข้าใจในตัวเค้าเหมือนกัน

พ่อแม่ ก็ไม่ใช่สิ่งศักดิสิทธิ์ที่อยู่บนหิ้งที่ถูกต้องเสมอหรือแตะต้องไม่ได้ มีโมโห มีถูก มีผิด มีพลาดจากความไม่รู้ เหมือนปถุชนธรรมดานี่แหล่ะ มีอ่อนไหว มีน้อยใจ ต้องการความดูแลเอาใจใส่จากลูกๆ เหมือนกัน อันหลังๆ นี่เริ่มมาจับเอาเองจากที่ยอมเปิดใจรับฟังเรื่องที่แม่บ่นมาบ้างจากที่แต่ก่อนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตลอดเนื่องจากเบื่อกับคำบ่นที่มีอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน

ถ้าพ่อแม่เราทำผิดทำพลาดกับเราไป เราจะให้อภัยได้หรือเปล่า กับเพื่อนกับคนรอบตัวเรา เรายังให้อภัยได้ แต่นี่ใครกันทำไมถึงจะให้อภัยไม่ได้

ส่วนเรื่องที่จะคาดหวังว่าให้คนอื่นจะเข้าใจเรา โดยที่เราไม่พูดไม่บอกไปตรงนั้นๆ คงจะไม่ได้หรอกถึงแม้จะเป็นพ่อแม่เราก็ตาม แม่เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนนิสัยยังไง เพราะว่าเราก็ไม่ค่อยแสดงออกให้แม่เห็นเหมือนกัน

ถ้าเราไม่เรื่องที่เรารู้สึกกับแม่ยังไงที่เขียนมาให้อ่านให้แม่ฟัง แม่ก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเราคิดยังไง รู้สึกยังไง น้อยใจขนาดไหน
Bug & Bee

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 8:58 am

Akira เขียน:

เห็นที่คุณ buddy เขียนมาเลยนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูดเลย ส่วนตัวก็มีปัญหากะแม่เหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นดูโฆษณาอะไรซักอย่างอยู่ ที่มีพ่อมาขอโทษลูกว่า ขอโทษนะที่เลี้ยงไม่ดี

แม่ก็บอกประมาณว่า จำไม่ได้ล่ะเอาเลาๆ ประมาณว่า แม่ก็ไม่มีใครสอนเลี้ยงลูกเหมือนกัน ที่เลี้ยงมาเนี่ยก็เลี้ยงมาอย่างดีอย่างที่แม่คิดว่าดีแล้ว

ก็นะเรื่องบางเรื่องแม่ก็พยายามเลี้ยงเท่าที่รู้ แม่อาจจะไม่รู้ว่าการที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ไม่ได้คุยกับลูกนานๆ มันจะทำให้เป็นยังไง แต่ก็คิดว่านั่นเป็นทางเลือกที่พ่อแม่เลือกว่าดีที่สุดแล้วสำหรับลูกๆ พ่อก็ออกไปทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่อยู่ประมาณ ป. 2 นานๆ เจอกันที เจอกันปีนึงประมาณเดือนนึงได้(รวมๆ กัน) ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยได้เจอตั้งแต่จบม. 6 เพราะว่ามาเรียนกรุงเทพตั้งแต่จบป. 6 ก็เจอหน้ากันก็ตอนปิดเทอม

ที่บ้านนี่แม่ลูกจะทะเลาะกันมากกว่าคุยกันสนุกสนาน ลูกๆ ก็มีน้อยใจว่าทำไมแม่ไม่ชมกันบ้าง ทำไมแม่ไม่เข้าใจตัวลูกบ้าง ทำไมต้องบ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ มาหลังๆ นี่(ไม่กี่วัน) ตัวเองเพิ่งมาลองสังเกตตัวเอง จริงๆ แล้วตัวเองก็ทำไม่ถูกอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน ก็สมแล้วที่โดนด่า หุหุ

แต่ก่อนเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน เห็นแม่เพื่อนชวนเพื่อนไปดูหนังด้วยกัน รู้สึกว่าครอบครัวเค้าอบอุ่นจัง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น รู้สึกว่าน้ำตาซึมที่เห็นภาพอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะประทับใจ แต่น้อยใจตัวเอง ทำไมนะที่บ้านไม่มีพูดคุยกันดีๆ อย่างนี้ ทำไมต้องมีเรื่องบ่นว่ากันตลอด ทำอะไรก็ผิดตลอด แม่ก็บ่นถึงพ่อ พ่อก็บ่นถึงแม่ จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกภาพความรักระหว่างพ่อแม่ไม่ออกว่าคู่ที่รักกันเค้าแสดงออกกันยังไง ลูกๆ ต่างก็น้อยใจที่แม่ว่าตลอด ไม่เคยชมถึงเรื่องดีๆ เลย จนไม่กล้าจะตัดสินใจอะไรกลัวโดนด่าโดนว่าไปหมด เดี๋ยวผิดอีก หาของช้าหน่อยก็โดนบ่น หาของไม่เจอก็โดนว่า บางทีนานๆ ทีกลับบ้านทีก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ไหนก็หาไม่เจอก็โดนว่า ทำไมต้องระเบิดอารมณ์ใส่ด้วยนะ พูดกันดีๆ ก็ได้ บางทีมีว่าให้คนอื่นได้ิยินด้วย ขายหน้าจริงๆ

แต่.....จะยังไงก็แล้วแต่เราก็คิดว่ายังไงเราก็ต้องให้อภัยเค้า ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นพ่อแม่เรา แต่เพราะว่าไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วก็เลี้ยงให้ดีตามที่รู้ดีที่สุด เรื่องจิตวิทยาเนี่ยคงหวังว่าจะให้เค้ามาเข้าใจเรื่องนี้แล้วมาพิจารณาถึงสิ่งที่เค้าทำกับเราก็คงไม่ได้ ที่บ้านลูกๆ ก็ดูเหมือนโมโหแม่กันเวลาแม่บ่นแม่ว่า แต่ก็ยังดีที่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเกลียด มาหลังๆ นี่ก็พอจะเข้าใจว่าเค้าก็ต้องการให้ลูกๆ เข้าใจในตัวเค้าเหมือนกัน

พ่อแม่ ก็ไม่ใช่สิ่งศักดิสิทธิ์ที่อยู่บนหิ้งที่ถูกต้องเสมอหรือแตะต้องไม่ได้ มีโมโห มีถูก มีผิด มีพลาดจากความไม่รู้ เหมือนปถุชนธรรมดานี่แหล่ะ มีอ่อนไหว มีน้อยใจ ต้องการความดูแลเอาใจใส่จากลูกๆ เหมือนกัน อันหลังๆ นี่เริ่มมาจับเอาเองจากที่ยอมเปิดใจรับฟังเรื่องที่แม่บ่นมาบ้างจากที่แต่ก่อนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตลอดเนื่องจากเบื่อกับคำบ่นที่มีอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน

ถ้าพ่อแม่เราทำผิดทำพลาดกับเราไป เราจะให้อภัยได้หรือเปล่า กับเพื่อนกับคนรอบตัวเรา เรายังให้อภัยได้ แต่นี่ใครกันทำไมถึงจะให้อภัยไม่ได้

ส่วนเรื่องที่จะคาดหวังว่าให้คนอื่นจะเข้าใจเรา โดยที่เราไม่พูดไม่บอกไปตรงนั้นๆ คงจะไม่ได้หรอกถึงแม้จะเป็นพ่อแม่เราก็ตาม แม่เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนนิสัยยังไง เพราะว่าเราก็ไม่ค่อยแสดงออกให้แม่เห็นเหมือนกัน

ถ้าเราไม่เรื่องที่เรารู้สึกกับแม่ยังไงที่เขียนมาให้อ่านให้แม่ฟัง แม่ก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเราคิดยังไง รู้สึกยังไง น้อยใจขนาดไหน
คุณ akira คุณเขียนได้โดนใจเรามากๆเลย
เราอยากให้เพื่อนเราหลายๆคนได้อ่าน เพราะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในหลายๆครอบครัว
ที่พ่อกะแม่คิดอย่าง  ลูกๆรู้สึกอีกอย่าง

เลยไม่มีใครเข้าใจใคร และกลายเป็นปัญหาในครอบครัว

ขอบคุณมากๆนะคะ
Akira
โพสต์: 101
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 05, 2007 6:51 pm

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 9:47 am

Bug & Bee เขียน: คุณ akira คุณเขียนได้โดนใจเรามากๆเลย
เราอยากให้เพื่อนเราหลายๆคนได้อ่าน เพราะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในหลายๆครอบครัว
ที่พ่อกะแม่คิดอย่าง  ลูกๆรู้สึกอีกอย่าง

เลยไม่มีใครเข้าใจใคร และกลายเป็นปัญหาในครอบครัว

ขอบคุณมากๆนะคะ
ขอบคุณมาก ไม่คิดว่าที่เขียนจะโดนใจใครมากๆ  ::001::

ที่ผ่านมา ก็มีน้องที่พยายามสื่อให้แม่รู้ถึงความรู้สึกของเค้า น้องอยากให้แม่ดูฉากนึงของเรื่องรักแห่งสยามที่ตัวเอกช่วยแม่ประดับต้นคริสมาส ที่ตัวเอกถามแม่หลายๆ ครั้งว่าเอาอันนี้มาติดดีมั๊ย เอาอันนี้มาติดดีมั๊ย แม่ก็ตอบว่าติดไปเถอะ เมื่อโดนถามบ่อยๆ ก็ถามว่าจะถามอะไรมากมาย ตัวเอกก็ตอบว่าก็เดี๋ยวติดไม่ถูกใจก็โดนแม่ว่าอีก

แต่แม่ก็ไม่ได้ดูเพราะขี้เกียจดูหนัง ในบ้านเราก็เป็นเหมือนอย่างนี้แหล่ะลูกๆ แต่ละคน ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ถูกใจแม่ ทำอย่างนี้ก็โดนบ่น ทำอย่างนี้ก็โดนว่า บางครั้งก็ไม่เข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมก็เลยไม่รู้ว่าผิดอะไร รู้แต่ว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะโดนบ่นเท่านั้นแหล่ะ ถ้าเหตุการณ์อย่างในหนังเกิดที่บ้านเราคงโดนแม่ว่ากระเจิงไปแล้วล่ะ

ตอนนี้ตัวเราเองก็มีปมในใจอยู่ว่า เราทำผิดเสมอ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือที่ทำงาน ก็จะคิดว่าอีกแล้วเราผิดอีกแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้ไม่อยากเจอเลย ก็คิดว่าทำไมต้องเป็นคนผิดอีกแล้วนะ ผิดตลอดผิดเสมอ

ลูกๆ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีให้แม่เข้าใจในตัวเค้า แม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ลูกเข้าใจความคิดแม่ เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว แต่ก่อนพูดดีๆ ก็ไม่เข้าใจ เปลี่ยนมาพูดแรงๆ ก็ไม่เข้าใจ ก็เลยพูดแรงๆ มาตลอดเลย เพราะแม่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไงเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างเจอทางตันในการทำให้อีกฝ่ายมาเข้าใจตัวเอง

เราได้มาคิดว่า การที่ทำให้คนอื่นเข้าใจตัวเองนั้นมันใช้เวลามากกว่าการที่เราจะไปเข้าใจเค้าเสียอีก ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เลยกลับไปบ้านจะลองไปทำความเข้าใจแม่ดู อยากจะลองไปคลายปมของตัวเอง แต่ก็ดีกว่าเดิมจิ๊ดนึง พอจะเข้าใจว่าแม่ต้องการให้ลูกๆ มาช่วยดูแลแม่บ้าง แต่นอกนั้นเรื่องอื่นมาทีก็มีโมโหแม่บ้างกับบางเรื่องที่รู้สึกว่าจู้จี้เกินไป บางเรื่องก็พยายามจะอธิบายเหตุผล แต่แม่ก็ว่าเป็นเถียงไป (บางครั้งก็อยากอธิบายเหตุผลนะว่าทำไมทำไปอย่างนี้ แต่แม่ก็มองเป็นเถียงไป)

คราวหลังถ้าได้ไปบ้านอีกจะลองค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองไปในแบบที่แม่ต้องการจะให้เป็นล่ะกัน เปลี่ยนตัวเองมันง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่นนี่เนอะ

เราอยากเห็นครอบครัวเป็นครอบครัวที่มีความสุข เบื่อแล้วกับการได้ยินคำบ่นคำด่าตั้งแต่เด็กๆ อยากให้ครอบครัวเป็นครอบครัว อยากเห็นแม่กับลูกพูดคุยกันสนุกสนาน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากกกกมากกกกๆ ในบ้านเรา

แต่...ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนเหมือนกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Akira เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 9:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Bug & Bee

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 9:58 am

Akira เขียน:
เราได้มาคิดว่า การที่ทำให้คนอื่นเข้าใจตัวเองนั้นมันใช้เวลามากกว่าการที่เราจะไปเข้าใจเค้าเสียอีก ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เลยกลับไปบ้านจะลองไปทำความเข้าใจแม่ดู อยากจะลองไปคลายปมของตัวเอง แต่ก็ดีกว่าเดิมจิ๊ดนึง พอจะเข้าใจว่าแม่ต้องการให้ลูกๆ มาช่วยดูแลแม่บ้าง แต่นอกนั้นเรื่องอื่นมาทีก็มีโมโหแม่บ้างกับบางเรื่องที่รู้สึกว่าจู้จี้เกินไป บางเรื่องก็พยายามจะอธิบายเหตุผล แต่แม่ก็ว่าเป็นเถียงไป (บางครั้งก็อยากอธิบายเหตุผลนะว่าทำไมทำไปอย่างนี้ แต่แม่ก็มองเป็นเถียงไป)

คราวหลังถ้าได้ไปบ้านอีกจะลองค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองไปในแบบที่แม่ต้องการจะให้เป็นล่ะกัน เปลี่ยนตัวเองมันง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่นนี่เนอะ

เราอยากเห็นครอบครัวเป็นครอบครัวที่มีความสุข เบื่อแล้วกับการได้ยินคำบ่นคำด่าตั้งแต่เด็กๆ อยากให้ครอบครัวเป็นครอบครัว อยากเห็นแม่กับลูกพูดคุยกันสนุกสนาน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากกกกมากกกกๆ ในบ้านเรา

แต่...ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนเหมือนกัน
คุณพูดอีก ก็ถูกอีกค่ะ
ถึงแม้คุณจะบอกว่าบรรยากาสในบ้าน เป็นแบบนั้น แต่เรารู้สึกได้ว่า พวกคุณรักแม่มากนะคะ
รู้สึกอย่างนั้นค่ะ

: emo045 :
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 12:11 pm

well, if you look from the outside my family will be like warm family
but i don't think we are...since i'm like this
or am i the one who having problem with everything??
or am i the one who need love more than the others??
or can't i feel love?
am i wanna be loved??

there's a 1000 questions in my heads right now, confused about my family, me...

final answer, i think we do have family problem here
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 1:38 pm

^
^
^

เริ่มต้นจาก จุดที่เธอ เป็น แล้ว ยอมแก้จากจุดนั้น

ให้คุยกับพี่บัดดี้ ตั้งแต่รู้จักกับพี่บัดดี้มา พี่เธอจะเป็นคนอ่อนโยน
เห็นอก เห็นใจ และเข้าใจ บูดีกว่าคนอื่น บูต้อง เริ่มอย่างนี้ (1 ) ทำส่วนของบู (2 ) พี่บัดดี้ ทำส่วนของเธอ (3 ) พ่อ -แม่ ทำส่วนของเขา
(4 ) คนอื่นๆ (เจี๊ยบด้วย ) ทำส่วนของตัวเอง ตามที่ได้ทำ (5 )แต่ทุกอย่าง ให้อยู่ในการทรงนำ หรือกระทำของพระเจ้า ฮะ :wink:
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 8:08 pm

ชอบข้อเขียนที่คุณอากิล่า เขียนมากๆครับ น้องบูครับ น้องยังสบายกว่าหลายคนนะครับ เอาละ น้องสามารถไปเข้าเงียบได้ไหมครับ อย่างไรขอฝากน้องบูไว้กับพี่น้องผู้หญิงในบอรด์นี้แหละกันครับ ลองพาน้องไปเข้าเงียบดูนะครับ จิตใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน แถมบางทีอาจได้ยินคำตอบจากพระด้วย ดีไหม การบำบัดและให้กำลังใจน้องเพียงแต่ในบอรด์ คงไม่เพียงพอแล้วล่ะ หวังดีและคิดถึงเสมอครับ

ขอพระอวยพรน้องบูครับผม
Akira
โพสต์: 101
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 05, 2007 6:51 pm

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 8:10 pm

Bug & Bee เขียน: คุณพูดอีก ก็ถูกอีกค่ะ
ถึงแม้คุณจะบอกว่าบรรยากาสในบ้าน เป็นแบบนั้น แต่เรารู้สึกได้ว่า พวกคุณรักแม่มากนะคะ
รู้สึกอย่างนั้นค่ะ

: emo045 :
เราก็ไม่รู้นะว่าน้องอีกสองคนรักแม่มากขนาดไหน แต่น้องสองคนก็มีเรื่องทะเลาะกับแม่ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยเห็นแบบว่าทะเลาะกันแล้วไม่คุยกันนานเลย มีแต่ทะเลาะกันซักพักเปลี่ยนเรื่องก็คุยกันต่อ ก็คุยกันต่อ น้องอีกคนถึงแม่ว่าจะไม่ค่อยได้คุยกับแม่เท่าไหร่ แต่ก็เคยมีความคิดที่อยากถ่ายวีดีโอแม่เก็บไว้ เอาไว้ดูทีหลัง

หลังๆ ที่เราอยากจะดีกับแม่บ้าง คงเพราะว่าแต่ก่อนเคยทำให้แม่เสียใจมามากล่ะมั๊ง

บูจากมุมมองของคนภายนอก ครอบครัวเราก็ดูเป็นครอบครัวที่ปกติเหมือนกัน ดูไม่เหมือนครอบครัวที่มีปัญหาหรอก
ปัญหาบางเรื่องนั้น เราต้องยอมมาพิจารณาตัวเองว่าความผิดนั้นอยู่ที่เราหรือเปล่า ถึงแม้ว่าตัวเราเองก็ไม่อยากจะเป็นฝ่ายผิดหรอกนะ

คนทุกคนต้องการความรัก อยากมีคนเอาใจใส่เหมือนกันทุกคนแหล่ะ แต่บางทีนิยามพฤติกรรมที่แสดงถึงความรักของแต่ละคนมันอาจจะต่างกันไป
บางคนพ่อแม่ไม่ซื้อของให้ก็นึกว่าไม่ใส่ใจแล้ว บางคนก็เฉยๆ
บางคน(อย่างเรา)เห็นพ่อแม่ชวนไปดูหนังก็คิดว่านั่นเป็นการแสดงความอบอุ่นแล้ว แต่บางคนก็เฉยๆ
บางคนเห็นพ่อแม่ร้องให้เสียใจยามที่เราประสบอุบัติเหตุถึงเข้าใจว่าพ่อแม่ก็ห่วงใยเรา
บางคนแค่พ่อแม่ทักถามสารทุกข์สุกดิบหลังจากกลับบ้านก็เข้าใจแล้วว่าพ่อแม่เป็นห่วง แต่บางคนก็เฉยๆ เข้าใจว่าทักไปงั้นๆ

นิยามพฤติกรรมถึงการแสดงความรักที่ต่างกัน บางทีก็ทำให้เข้าใจความรักได้ต่างกันก็ได้นะ พอไม่แสดงออกอย่างที่เราคิดอยากให้ทำ ก็เข้าใจว่าไม่รักก็ได้
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณ Pra-Kaew มากสำหรับคำชม ปกติไม่เคยเขียนอะไรอย่างนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะมีผลตอบรับดีอย่างนี้
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 8:17 pm

บูหว่าน คนใกล้ชิด คนรอบข้าง ด้วยความรัก แล้วจะได้ความรักนั้นตอบแน่นอน

พระเยซูตรัสว่า "จงปฏิบัติ ต่อผู้อื่น เหมือนที่ท่านต้องการให้เขาปฏิบัติต่อท่าน " รับรองบูได้ความรักและความไว้วางใจมากมาย :cheesy:

ส่วนที่พี่พลายบอกว่าให้ สาวๆบอร์ดนี้ พาไปเข้าเงียบ ก็น่าจะดี ....เจี๊ยบรอดตัวไป :afro:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 8:22 pm

Akira เขียน:
Bug & Bee เขียน: คุณพูดอีก ก็ถูกอีกค่ะ
ถึงแม้คุณจะบอกว่าบรรยากาสในบ้าน เป็นแบบนั้น แต่เรารู้สึกได้ว่า พวกคุณรักแม่มากนะคะ
รู้สึกอย่างนั้นค่ะ

: emo045 :
เราก็ไม่รู้นะว่าน้องอีกสองคนรักแม่มากขนาดไหน แต่น้องสองคนก็มีเรื่องทะเลาะกับแม่ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยเห็นแบบว่าทะเลาะกันแล้วไม่คุยกันนานเลย มีแต่ทะเลาะกันซักพักเปลี่ยนเรื่องก็คุยกันต่อ ก็คุยกันต่อ น้องอีกคนถึงแม่ว่าจะไม่ค่อยได้คุยกับแม่เท่าไหร่ แต่ก็เคยมีความคิดที่อยากถ่ายวีดีโอแม่เก็บไว้ เอาไว้ดูทีหลัง

หลังๆ ที่เราอยากจะดีกับแม่บ้าง คงเพราะว่าแต่ก่อนเคยทำให้แม่เสียใจมามากล่ะมั๊ง

บูจากมุมมองของคนภายนอก ครอบครัวเราก็ดูเป็นครอบครัวที่ปกติเหมือนกัน ดูไม่เหมือนครอบครัวที่มีปัญหาหรอก
ปัญหาบางเรื่องนั้น เราต้องยอมมาพิจารณาตัวเองว่าความผิดนั้นอยู่ที่เราหรือเปล่า ถึงแม้ว่าตัวเราเองก็ไม่อยากจะเป็นฝ่ายผิดหรอกนะ

คนทุกคนต้องการความรัก อยากมีคนเอาใจใส่เหมือนกันทุกคนแหล่ะ แต่บางทีนิยามพฤติกรรมที่แสดงถึงความรักของแต่ละคนมันอาจจะต่างกันไป
บางคนพ่อแม่ไม่ซื้อของให้ก็นึกว่าไม่ใส่ใจแล้ว บางคนก็เฉยๆ
บางคน(อย่างเรา)เห็นพ่อแม่ชวนไปดูหนังก็คิดว่านั่นเป็นการแสดงความอบอุ่นแล้ว แต่บางคนก็เฉยๆ
บางคนเห็นพ่อแม่ร้องให้เสียใจยามที่เราประสบอุบัติเหตุถึงเข้าใจว่าพ่อแม่ก็ห่วงใยเรา
บางคนแค่พ่อแม่ทักถามสารทุกข์สุกดิบหลังจากกลับบ้านก็เข้าใจแล้วว่าพ่อแม่เป็นห่วง แต่บางคนก็เฉยๆ เข้าใจว่าทักไปงั้นๆ

นิยามพฤติกรรมถึงการแสดงความรักที่ต่างกัน บางทีก็ทำให้เข้าใจความรักได้ต่างกันก็ได้นะ พอไม่แสดงออกอย่างที่เราคิดอยากให้ทำ ก็เข้าใจว่าไม่รักก็ได้
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณ Pra-Kaew มากสำหรับคำชม ปกติไม่เคยเขียนอะไรอย่างนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะมีผลตอบรับดีอย่างนี้
ขอขอบคุณคุณ Akira และคุณ Pra kaewมากเหมือนกันที่เขียนความรู้สึกของคุณออกมา
ทำให้เรารู้ว่ามีคนที่คิดและรู้สึกเหมือนเราเหมือนกัน
การเข้าเงียบ และการภาวนาก็เป็นการแสดงความรักนะคะ: emo038 :
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ เม.ย. 19, 2008 1:16 am

อยากไปเหมือนกัน แต่พ่อจะให้ไปเหรอ  ::008::
สุดท้ายก้อกลับมาเรื่องเดิม พ่อ ครอบครัว เฮ้อ
Dis volentibus

เสาร์ เม.ย. 19, 2008 1:26 am

ลองดูก่อนดีกว่าจ่ะ พ่อไม่ให้ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่น้องคนอื่นๆ พ่อเเม่ก็ไม่ให้ตามปราถนาหมดทุกอย่างเหมือนกันค่า!! : emo027 :
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ เม.ย. 19, 2008 1:33 am

ไป ไปกันเถอะ รอกลับก่อน
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อังคาร เม.ย. 22, 2008 7:17 pm

BouQueT*Mary Mag เขียน: อยากไปเหมือนกัน แต่พ่อจะให้ไปเหรอ  ::008::
สุดท้ายก้อกลับมาเรื่องเดิม พ่อ ครอบครัว เฮ้อ

น้องบูจ๋า พี่ล้างบาปมาตั้งแต่ปี2001 แต่กลับไม่เคยไปเข้าเงียบ และไม่เคยไปแสวงบุญเหมือนพี่น้องท่านอื่นๆในบอรด์นี้เลย(ด้วยเหตุผลที่เข้าใจกัน) แถมเจอทดลองขนาดหนัก(ในช่วงที่ก่อนไปเมืองนอก และตอนอยู่เมืองนอก จากคนไร้ความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งญาติพี่น้องที่ไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกัน) ทุกวันนี้เงินทองไม่ค่อยมี เกียรติยศแทบไม่หลงเหลือ(แต่กำลังฟื้นฟูอยู่) ไร้คนหนุนใจ เพื่อนสาวก็นอกใจไปนอนกับหนุ่มอื่น ตัวเองหัวเดียวกระเทียมลีบ แถมความเชื่อห่วยแตกที่สุดในบอรด์นี้ แต่ก็ยังเชื่อพระอยู่ และวางใจในพระ เพราะยังสวดภาวนาและอ่านพระคัมภีร์ พี่เชื่อว่าแน่นอนครับ น้องจะได้รับสิ่งที่ดี และสิ่งที่ประเสริฐจากพระในการหนุนใจน้องอย่างเต็มที่ น้องยังมีโอกาสที่ดีในชีวิต ไม่ว่าเรื่องความเชื่อ เรื่องการศึกษา เรื่องงานในอนาคต และเรื่องทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งเรื่องความรัก มากกว่าหลายคนครับ อย่างน้อยก็มากกว่าพี่ละครับ(แต่พี่ไม่เคยน้อยใจเลย ภาคภูมิใจในชีวิตตัวเองเสมอ ที่ยังมีโอกาสที่ดีในหลายๆสิ่ง และขอบคุณพระตลอด เพราะเราเองก็ยังมีดีและเหนือกว่าหลายคนที่เขาลำบากกว่าเรา)

คนที่ให้กำลังใจที่ดีที่สุด คือตัวน้องเองนะครับ คนอื่นแค่ตัวเสริม พระจัดให้แค่พระหรรษทาน แต่คนก้าวเดินต้องคือตัวน้องนะครับ

ขอพระอวยพรน้องครับ

ปล.
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พุธ เม.ย. 23, 2008 8:25 am

ummmm... ::008::
well, it hard to understand myself sometimes also....
i really don't understand myself, therefore can't the others
no one understand me....
my life maybe not suck as others but...still..isn't perfect
who think i am perfect?? no am not...
my life suck  :sad:
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ พ.ค. 31, 2008 9:00 pm

อ่านะ
ไอ้ที่ว่า เหมือนเดิม ก้อคือ คิดร้ายๆ พยายามฆ่าตัวตายอีกแล้ว
คือมัน ไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว

ไปหาหมอมา หมอก้อ พยายามที่จะเพิ่มยาให้ หมอก้อเอาแต่เพิ่มยาเท่านั้นแหละ
บอกอารายก้อไม่เห็นว่าไงเลย
บูว่าการไปหาหมอ ไม่ได้ช่วยอารายขึ้นมาเลย หรือป่าว
หรือบูควรเปลี่ยนหมอ

อาทิตย์นี้บูพยายามมาสองครั้งแล้ว
บูนับๆดูนะ บูพยายามมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว
แต่บุก้อยังไม่ตาย
ทำไม

เห็นได้ชัดว่าพระยังอยากให้บูอยุ่ต่อไป
แต่เพื่ออาราย

บูไม่มีจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
บูไม่รู้อยู่ไปทำไม

ใจหนึ่งบูอยากตาย แต่อีกใจก้อกลัว
บูไม่รุ้ว่าบูกลัวอะไรแต่ก้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 31, 2008 9:42 pm

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19
ข้าพเจ้าขออัญเชิญสวรรค์และ โลกให้เป็นพยานต่อท่านในวันนี้ว่า  ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย  พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน  เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิต เพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้มีชีวิตอยู่
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ค. 31, 2008 10:09 pm

อืมม์ จะทำอย่างไรดีล่ะ แล้วพ่อ-แม่ของเธอว่าไงล่ะ : xemo026 :

เรียนคำสอนแล้ว ขอให้พ่อปรกมืออวยพร รักษาให้เธอด้วย  หรือไปเฝ้าศีล ทูลต่อพระเยซูเจ้าให้รักษาเธอ : emo010 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 01, 2008 10:43 am

รูปภาพ
เราสัญญาว่า วิญญาณที่แสดงความเคารพต่อภาพนี้ จะไม่พินาศ เราขอสัญญาด้วยว่าเขาจะชนะศัตรูของเขาตั้งแต่อยู่บนโลกนี้ โดยเฉพาะเมื่อใกล้จะตาย เราจะปกป้องวิญญาณนั้นเสมือนหนึ่งเป็นสิริมงคลของเราเอง


พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 01, 2008 1:23 pm

คำภาวนาในยามถูกทดลอง

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าลี้ภัยมาพึ่งพระองค์
ขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
ขอทรงช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นเถิด เพราะพระองค์ทรงความเที่ยงธรรม

พระองค์ทรงเป็นหลักศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า
ขอพระองค์ทรงนำและชี้ทางให้ข้าพเจ้าเถิด เพราะทรงซื่อสัตย์ต่อพระนามของพระองค์

ข้าพเจ้ามอบจิตใจไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงไถ่กู้ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของข้าพเจ้า
และทรงรู้ความคับใจของข้าพเจ้า

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงพระกรุณาข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ากำลังเดือดร้อน
ความทุกข์ระทมทำให้ตาของข้าพเจ้ามืดบอด
วิญญาณและร่างกายก็อ่อนกำลังลงด้วย

วันเวลาของข้าพเจ้าอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู  และจากผู้ที่เบียดเบียนข้าพเจ้าเถิด
ขอพระพักตร์ของพระองค์ฉายแสงลงมาเหนือข้ารับใช้ของพระองค์
โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์

ท่านทั้งหลายที่มีความหวังในพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็งและมั่นคงเถิด


สดุดีบทที่31
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

ศุกร์ มิ.ย. 20, 2008 7:15 pm

เพิ่งอออกมาจากโรงพยาบาลค่ะ
บูพยายามฆ่าตัวตายอีกแล้ว
คราวนี้กินยานอนหลับเข้าไปสิบเม็ด
ไปนอนโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มาคืนนึง
เข้าล้างท้องให้ทัน
ไม่ตายอีกแล้วซินะ

พระเจ้าอยากให้บูอยู่ต่อไปใช่มั๊ยต่ทำไมล่ะ
ตอบกลับโพส