เพื่อน ๆ คิดยังไงกับการวิพากวิจารณ์การทำงานของวัดพระบาทน้ำพุ
เพื่อน ๆ คิดยังไงกับการวิพากวิจารณ์การทำงานของวัดพระบาทน้ำพุ สำหรับผม ผมขอวางตัวเป็นกลางแม้ว่าจะเป็นคาทอลิก
และมองว่าถ้าวิพากวิจารณ์ผมคิดว่ามันจะกระทบถึงประเทศไทยด้วย บางทีก็เกินไปนิดนึง เพราะคนทำงานก็น่าจะให้กำลังใจกันบ้าง
และผมก็คิดว่าน่าจะมีทุกศาสนา แม้กระทั่งคุณแม่เทเรซาที่ทำเพื่อผู้อื่นก็ยังโดนวิพากวิจารณ์ว่าทำเพื่อชื่อเสียง ซ่องสุมกำลัง หรืออะไรต่าง ๆ
ซึ่งฟังแล้วตลกมาก เพราะคุณแม่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น
****ในเมื่อเข้าใจผิดก็ขอแก้ไขหัวข้อและคำพูดของคุณ เพราะเกรงว่า อาจไม่ใช่บทความต่างประเทศที่ทำให้เกิดปัญหา แต่อาจเป็นกระทู้ที่ตั้งหัวข้อผิดนี้ก็ได้
Holy
ผู้ดูแลบอร์ด
และมองว่าถ้าวิพากวิจารณ์ผมคิดว่ามันจะกระทบถึงประเทศไทยด้วย บางทีก็เกินไปนิดนึง เพราะคนทำงานก็น่าจะให้กำลังใจกันบ้าง
และผมก็คิดว่าน่าจะมีทุกศาสนา แม้กระทั่งคุณแม่เทเรซาที่ทำเพื่อผู้อื่นก็ยังโดนวิพากวิจารณ์ว่าทำเพื่อชื่อเสียง ซ่องสุมกำลัง หรืออะไรต่าง ๆ
ซึ่งฟังแล้วตลกมาก เพราะคุณแม่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น
****ในเมื่อเข้าใจผิดก็ขอแก้ไขหัวข้อและคำพูดของคุณ เพราะเกรงว่า อาจไม่ใช่บทความต่างประเทศที่ทำให้เกิดปัญหา แต่อาจเป็นกระทู้ที่ตั้งหัวข้อผิดนี้ก็ได้
Holy
ผู้ดูแลบอร์ด
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ เม.ย. 23, 2008 4:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันนี้จากมติชน
สื่อต่างประเทศตีแผ่วัดพระบาทน้ำพุ ตะลึงจัดทัวร์พิศดารโชว์ชะตากรรมคนตาย-ผู้ป่วยเอดส์ใกล้สิ้นลม งงระดมทุนจากการบอกบุญนักท่องเที่ยวได้เงินมากมาย ทั้งวัดและเจ้าอาวาส สร้างเป็นอาณาจักร แต่เมินซื้อยาประทังชีพเอดส์ให้ผู้ป่วย แถมระบบบริหารจัดการแย่ ปล่อยคนป่วยอยู่ในสภาพแสนอนาถา เผยแม้แต่อาสาสมัครต่างชาติรายสำคัญยังสูญเสียศรัทธา จนต้องโบกมือลา
บทความของ 'Timesonline' จาก The Sunday Times ที่เขียนโดยนายแอนดรูว์ มาร์เชลล์ ได้ตีแผ่ประสบการณ์ในการร่วมเดินทางทัวร์วัดพระบาทน้ำพุ บทความดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อว่า ฤาวัดพระพุทธจะเดินซ้ำรอยวัดแห่งความวิบัติ ระบุว่า ปัจจุบันวัดพระบาทน้ำพุ เป็นที่รู้กันในฐานะสถานดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และยังเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่งจากเงินบริจาค สร้างโดยพระอลงกต วัย 54 พรรษา ซึ่งเป็นพระสงฆ์ไทยชื่อดัง โดยเริ่มโครงการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ตั้งแต่ปี 1992 โดยอาณาจักรสงฆ์แห่งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน มีขนาดพื้นที่ครอบคลุม 1,200 เอเคอร์ เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้านับพันชีวิต รวมทั้งเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวีจำนวนมาก โดยวัดพระบาทน้ำพุ มีความหมายถึงการย่ำรอยเท้าของพระพุทธเจ้า แต่ชื่อวัดก็ได้กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้พระสงฆ์ในอาณาจักรสงฆ์แห่งนี้สามารถเรียกเงินเรี่ยไรได้หลายล้านปอนด์ จากการณรรงค์โฆษณากิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ของวัด ที่มีการติดโปสเตอร์และตั้งกล่องรับบริจาคเงินทั่วประเทศ
นายแอนดรูว์ยังบรรยายต่อไปว่า ในการบริจาคเงินให้แก่อาณาจักรสงฆ์แห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวตะวันตกที่ศรัทธาต่อกิจกรรมของวัด ขณะที่วัดยังได้เปิดกิจกรรมทัวร์ท่องเที่ยววัดด้วยการให้ชมสภาพกิจกรรมและชะตากรรมของผู้ป่วยเอดส์ใกล้ตาย จุดหนึ่งรวมทั้งสิ่งที่เรียกว่า'พิพิธคนเป็น'ซึ่งจะมีทั้งศพของผู้เสียชีวิตในสภาพที่ถูกสตาฟฟ์ร่างเป็นมัมมี่ โดยป้ายโฆษณาชวนเชื่อระบุข้อความที่เป็นสัจจธรรมแห่งชีวิต พร้อมทั้งป้ายบอกอาชีพของผู้ป่วยที่มีหลากหลายเช่น นักร้อง,หญิงโสเภณี และชายโสเภณีด้วย
สิ่งที่สร้างความตะลึงในการทัวร์ดังกล่าวคือ วัดแห่งนี้ มีเตาเผาศพ 8 เตา และสวนแกะสลักงานศิลปะหยาบ ๆ ของผู้ป่วยเอดส์ที่ทำจากกระดูกของคนตาย โดยระหว่างการทัวร์จะมีหลายขึ้นตอน จุดสุดท้ายจะเป็นการเยือนชมพระพุทธรูปที่ล้อมรอบด้วยกำแพงถุงทรายที่บรรจุด้วยอัฐของผู้ตายจำนวนหลายพันคน ที่คอยให้ญาติของพวกเขามารับ จากนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือ นักท่องเที่ยวจะถูกเรี่ยไรเงินเพื่อขอเงินบริจาคช่วยเหลือวัด
นายแอนดรูว์ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ในอาณาจักรช่วยเหลือผู้โรคเอดส์นี้ ให้บรรยากาศสุดสลดหดหู่ พร้อมคำถามหลายอย่างในใจ รวมทั้งอาสาสมัครของวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งต้องช่วยเหลือผู้ป่วยในสภาพตามยถากรรม จำนวนนี้รวมทั้งนายไมเคิล บาสสาโน่ บาทหลวงจากนิวยอร์ก ที่ถือเป็นอาสาสมัครยาวนานที่สุดของวัดแห่งนี้
นายบาสสาโน่เล่าว่า ผู้ป่วยบางคนบ้างเดินทางมายังวัดแห่งนี้ด้วยความสมัครใจ บ้างก็ถูกทอดทิ้งเหมือนขยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยแต่ในสภาพไม่เต็มไม้เต็มมือ โดยวัดต้องปล่อยให้ผู้ป่วยตายอย่างอนาถา ซึ่งอาจเป็นคำสอนของวัดนี้ที่อ้างว่า ชีวิตในโลกหน้าจะดีกว่าโลกนี้ จำนวนนี้รายหนึ่งยังรวมทั้งชะตากรรมของชายป่วยเอดส์ใกล้ตายรายหนึ่งที่กรีดร้องเหมือนสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ต่างมองว่า เขากำลังถูกลงโทษจากบาปในอดีต ที่เคยเป็นคนเชือดสัตว์มาก่อน เช่นเดียวกับผู้ป่วยเองก็เชื่อว่าการติดเชื้อเอดส์ เป็นคำพิพากษาของกรรม เช่น อดีตวิศวกรรายหนึ่ง ที่ติดเอดส์โดยบังเอิญจากภรรยา ซี่งเขาเชื่อว่าสาเหตุที่ตัวเองต้องทำเอดส์ ก็เพราะเคยทำเลวกับภรรยามาเยอะ
นายแอนดรูว์ระบุต่อไปว่า สำหรับสภาพวิถีชีวิตของวัดพระบาทน้ำพุถือว่าค่อนข้างอัตคัต แต่ละรายจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ย 3,500-7,500 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนซึ่งเคยเป็นอดีตพยาบาลเปิดเผยว่า เขาทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน สภาพการทำงานไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยอะไรได้มาก จนหลายครั้งรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ไม่อยากทิ้งที่นี่ไป เพราะห่วงว่าจะไม่มีใครมาทำงานเช่นนี้แทน
นายแอนดรูว์ระบุว่า วัดแห่งนี้เคยมีแพทย์และพยาบาลอาชีพ 5 คน โดยอาสาสมัครคนสุดท้ายที่ทำงานที่นี่เป็นชาวเบลเยี่ยม ออกไปเมื่อปี 2004 และเคยเขียนบทความวิจารณ์สภาพการบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยอย่างแย่ ขาดอุปกรณ์ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และระบุว่า เจ้าหน้าที่จะมีสภาพเป็นทาส ส่วนนักท่องเที่ยวก็จะเหมือนกับพวกมนุษย์กินคน ขณะที่พระสงฆ์เจ้าของวัดนี้ก็บริหารวัดเหมือนโรงงานแห่งความตาย เหมือนกิจการของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากหนังสือดังกล่าวถูกตีพิมพ์ ปรากฎว่าทางวัดได้ขอให้อาสาสมัครชาวต่างชาติทุกคน ยกเว้นนายบาสซาโน่ออกไป
รายงานยังระบุว่า สำหรับสภาพของผู้ป่วยนั้น จะได้รับการดูแลอาการจากแพทย์แค่เดือนละครั้ง โดยจะถูกนำร่างไปตรวจสภาพในวัดใกล้เคียงในจังหวัดลพบุรี และเมื่อกลับหน้าที่ดูแลก็จะตกเป็นของพยาบาลดังกล่าว โดยบางครั้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หากเกิดกรณีฉุกเฉินกับผู้ป่วยหลายอื่น ๆ โดยหลายครั้งที่ผู้ป่วยต้องไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการสูญเสียความทรงจำ และต้องอาศัยอยู่ในกรงเหล็กในห้องน้ำ เพื่อป้องกันอาการคลุ้มคลั่งของพวกเขา โดยรายหนึ่งยังถูกผู้ป่วยรุมทุบตีและปิดปากด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนเผยด้วยว่า เขาไม่ชอบการทัวร์ลักษณะนี้ เพราะไม่ต้องการเห็นคนอื่นเห็นคนเป็นเอดส์
นายแอนดรูว์บรรยายว่า ในสังคมไทย พระรูปดังๆ จะมีชื่อเสียงโด่งดังราวนักร้องเพลงร็อค จะได้รับการนับหน้าถือตาจากนักการเมืองและคนดังและร่ำรวยด้วยเงินบริจาค
สำหรับพระอลงกต เคยมีประวีติจบการศึกษาในออสเตรเลีย และมีแผนจะตั้งโรงงานรีไซเคิลหญ้า แต่กลับมาเป็นบวชเป็นพระแทน ก่อนจะได้แรงบันดาลใจตั้งวัดพระบาทน้ำพุ เพราะครั้งหนึ่งได้สัมผัสกับผู้ป่วยเอดส์ที่ตายต่อหน้า อย่างไรก็ตาม กิจกรรมปัจจุบันของพระอลงกรณ์ยังรวมทั้งการนั่งสนทนากับนักท่องเที่ยว โดยบางรายยังได้ฉวยเก็บภาพของท่านและพระเครื่อง เพื่อให้ท่านแจกลายเซ็นและภาวนา แต่บรรยกาศเหล่านี้หลายครั้งถูกทำลายด้วยเสียงเงินบริจาคในกล่องที่มักจะว่างเปล่าอยู่เสมอ
รายงานระบุว่า พระอลงกตยังได้ปกป้องกิจกรรมการทัวร์พิสดารของวัดว่า เพื่อเพิ่มการตระหนักของสังคมต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ และเพิ่มคุณค่าทางจิตใจของผู้ป่วยเอง โดยผู้ป่วยเหล่านี้จะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว เหมือนมีญาติมาเยี่ยม ซึ่งนายบาสซาโน่กล่าวว่า ผู้ป่วยมักจะมีจิตใจชีวาเมื่อได้เห็นพระอลงกรณ์มาเยี่ยมพวกเขา แต่ก็นานๆครั้งมาก
ขณะที่พยาบาลรายเดิมเล่าว่า ท่านถึงกับลืมชื่อของเธอ แม้ว่าเธอจะทำงานที่มาแล้ว 8 ปีก็ตาม อย่างไรก็ตาม พระอลงกรณ์อ้างด้วยว่า วัดล้มเหลวที่จ้างบุคลากร เพราะหมอส่วนใหญ่อยากทำงานให้กับโรงพยาบาลเอกชนที่ให้รายได้ดีกว่าเยอะ และว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนได้นำความหวังใหม่และการต่อสู้อุปสรรคมาให้ โดยคนมาตายที่นี่ ก็จะได้รับการเผา คนจิตใจแตกสลายหรือถูกปฎิเสธจากครอบครัวมาที่นี่ก็จะได้รับการเลี้ยงดู ได้ที่พักและเสื้อผ้า พร้อมทั้งบอกว่า สถานที่ทุกแห่งในวัดพระบาทน้ำพุกำลังเผชิญกับภาวะด้านการเงิน และสงสัยว่าวัดจะอยู่รอดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูว์ตั้งคำถามว่า เป็นเรื่องยากที่วัดจะอยู่ในสภาพขัดสนเงินทอง เพราะจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของวัดบอกว่า พระอลงกตมีแผนที่จะสร้างศูนย์กีฬา มูลค่า 1.6 ล้านบาท และสลักทางปฎิบัติธรรมขึ้นเขาเป็นเงินจำนวน 8 ล้านบาท
ขณะที่นายบาสซาโนได้ตั้งคำถามว่า เขาสงสัยว่าในเมื่อมีเงินมากมายขนาดนี้ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ และวัดทำอย่างไรกับการบริหารเงินบริจาคเหล่านี้ แทนที่จะนำเงินมาช่วยเหลือผู้ป่วย ด้วยการซื้อยาบำบัดรักษาโรคเอดส์ หรือช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ยากไร้ในวัด รวมทั้งรถโรงพยาบาลที่แม้แต่วัดแห่งนี้ยังไม่มี และนี่ยังไม่นับรวมการซื้อเครื่องเล่นยิงลูกฟุตบอลจากยุโรป มาประดับในวัด ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดมันจึงจำเป็นสำหรับวัดแห่งนี้!
รายงานระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะถามพระเจ้าอาวาสทั่วไป เรื่องเงินบริจาคโดยไม่มีความรู้สึกเคลือบแคลงในศรัทธา ซึ่งประเด็นการนำเงินไปใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสม ได้กลายเป็นคำขวัญล้อเลียนประเภทว่า'วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง'แล้วในสังคมไทย ขณะที่วัดพระบาทน้ำพุมีรายได้เฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อเดือน ไม่รวมโครงการบ้านเด็กกำพร้า
นอกจากนี้ พระอลงกตยังได้รับเงินบริจาคโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลข โดยท่านอ้างว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเปิดเผยตัวเลขต่อสาธารณชน แต่อ้างว่าทางวัดมีระบบทำบัญชีที่ดี โดยพระอลงกตยังได้ขอให้นายแอนดรูว์ไปหาสำนักงานเลขาฯของวัดเรื่องการใช้จ่ายของวัด ซึ่งเมื่อเขาได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าแต่ละคนกลับให้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ไม่ตรงกัน และไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า โครงการบ้านเด็กกำพร้าได้รับเงินทุนสนับสนุนอย่างไร
รายงานระบุว่า ครั้งแรกที่พระอลงกตช่วยเหลือผู้ป่วยรายแรก นั่นเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ แต่จนถึงปัจจุบัน หรือ 16 ปีจากนั้น วัดพระบาทน้ำพุมีนักเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกว่าหลายแสนคน และเงินทุนก็หลั่งไหลเข้ามา จนเหมือนผู้ป่วยของวัดจะถูกมองข้าม ขณะที่นายบาสซาโน่ชี้ว่า การเลี้ยงไข้ผู้ป่วยดูเหมือนจะเป็นจุดขายของวัดนี้ เพราะหากผู้ป่วยเข้มแข็งด้วยยารักษาโรคเอดส์แล้ว วัดก็คงจะได้รับเงินสนับสนุนน้อยลง ดังนั้น ยารักษาเอดส์สูตร ARV ที่ยังคงมีราคาสูง อาจถูกซื้อมาที่นี่ แต่มันก็จะไม่ได้ใช้กับคนไข้
รายงานระบุว่า ปัจจุบันนายบาสซาโน่ได้ลาออกจากการเป็นอาสาสมัครของวัดพระบาทน้ำพุแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาต้องทำงานด้านการแพทย์ที่ไม่มีการรับรองอย่างถูกกฎหมาย โดยไม่มีใบรับรองให้ผลิตยาในเมืองไทย อย่างไรก็๋ตาม เขายังคงวิจารณ์วัดพระบาทน้ำพุว่าขาดพื้นยารักษาโรคพื้นฐาน และอุปกรณ์การแพทย์ แม้ว่าวัดจะมีเงินจำนวนไม่น้อยก็ตาม
สื่อต่างประเทศตีแผ่วัดพระบาทน้ำพุ ตะลึงจัดทัวร์พิศดารโชว์ชะตากรรมคนตาย-ผู้ป่วยเอดส์ใกล้สิ้นลม งงระดมทุนจากการบอกบุญนักท่องเที่ยวได้เงินมากมาย ทั้งวัดและเจ้าอาวาส สร้างเป็นอาณาจักร แต่เมินซื้อยาประทังชีพเอดส์ให้ผู้ป่วย แถมระบบบริหารจัดการแย่ ปล่อยคนป่วยอยู่ในสภาพแสนอนาถา เผยแม้แต่อาสาสมัครต่างชาติรายสำคัญยังสูญเสียศรัทธา จนต้องโบกมือลา
บทความของ 'Timesonline' จาก The Sunday Times ที่เขียนโดยนายแอนดรูว์ มาร์เชลล์ ได้ตีแผ่ประสบการณ์ในการร่วมเดินทางทัวร์วัดพระบาทน้ำพุ บทความดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อว่า ฤาวัดพระพุทธจะเดินซ้ำรอยวัดแห่งความวิบัติ ระบุว่า ปัจจุบันวัดพระบาทน้ำพุ เป็นที่รู้กันในฐานะสถานดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และยังเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่งจากเงินบริจาค สร้างโดยพระอลงกต วัย 54 พรรษา ซึ่งเป็นพระสงฆ์ไทยชื่อดัง โดยเริ่มโครงการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ตั้งแต่ปี 1992 โดยอาณาจักรสงฆ์แห่งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน มีขนาดพื้นที่ครอบคลุม 1,200 เอเคอร์ เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้านับพันชีวิต รวมทั้งเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวีจำนวนมาก โดยวัดพระบาทน้ำพุ มีความหมายถึงการย่ำรอยเท้าของพระพุทธเจ้า แต่ชื่อวัดก็ได้กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้พระสงฆ์ในอาณาจักรสงฆ์แห่งนี้สามารถเรียกเงินเรี่ยไรได้หลายล้านปอนด์ จากการณรรงค์โฆษณากิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ของวัด ที่มีการติดโปสเตอร์และตั้งกล่องรับบริจาคเงินทั่วประเทศ
นายแอนดรูว์ยังบรรยายต่อไปว่า ในการบริจาคเงินให้แก่อาณาจักรสงฆ์แห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวตะวันตกที่ศรัทธาต่อกิจกรรมของวัด ขณะที่วัดยังได้เปิดกิจกรรมทัวร์ท่องเที่ยววัดด้วยการให้ชมสภาพกิจกรรมและชะตากรรมของผู้ป่วยเอดส์ใกล้ตาย จุดหนึ่งรวมทั้งสิ่งที่เรียกว่า'พิพิธคนเป็น'ซึ่งจะมีทั้งศพของผู้เสียชีวิตในสภาพที่ถูกสตาฟฟ์ร่างเป็นมัมมี่ โดยป้ายโฆษณาชวนเชื่อระบุข้อความที่เป็นสัจจธรรมแห่งชีวิต พร้อมทั้งป้ายบอกอาชีพของผู้ป่วยที่มีหลากหลายเช่น นักร้อง,หญิงโสเภณี และชายโสเภณีด้วย
สิ่งที่สร้างความตะลึงในการทัวร์ดังกล่าวคือ วัดแห่งนี้ มีเตาเผาศพ 8 เตา และสวนแกะสลักงานศิลปะหยาบ ๆ ของผู้ป่วยเอดส์ที่ทำจากกระดูกของคนตาย โดยระหว่างการทัวร์จะมีหลายขึ้นตอน จุดสุดท้ายจะเป็นการเยือนชมพระพุทธรูปที่ล้อมรอบด้วยกำแพงถุงทรายที่บรรจุด้วยอัฐของผู้ตายจำนวนหลายพันคน ที่คอยให้ญาติของพวกเขามารับ จากนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือ นักท่องเที่ยวจะถูกเรี่ยไรเงินเพื่อขอเงินบริจาคช่วยเหลือวัด
นายแอนดรูว์ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ในอาณาจักรช่วยเหลือผู้โรคเอดส์นี้ ให้บรรยากาศสุดสลดหดหู่ พร้อมคำถามหลายอย่างในใจ รวมทั้งอาสาสมัครของวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งต้องช่วยเหลือผู้ป่วยในสภาพตามยถากรรม จำนวนนี้รวมทั้งนายไมเคิล บาสสาโน่ บาทหลวงจากนิวยอร์ก ที่ถือเป็นอาสาสมัครยาวนานที่สุดของวัดแห่งนี้
นายบาสสาโน่เล่าว่า ผู้ป่วยบางคนบ้างเดินทางมายังวัดแห่งนี้ด้วยความสมัครใจ บ้างก็ถูกทอดทิ้งเหมือนขยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยแต่ในสภาพไม่เต็มไม้เต็มมือ โดยวัดต้องปล่อยให้ผู้ป่วยตายอย่างอนาถา ซึ่งอาจเป็นคำสอนของวัดนี้ที่อ้างว่า ชีวิตในโลกหน้าจะดีกว่าโลกนี้ จำนวนนี้รายหนึ่งยังรวมทั้งชะตากรรมของชายป่วยเอดส์ใกล้ตายรายหนึ่งที่กรีดร้องเหมือนสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ต่างมองว่า เขากำลังถูกลงโทษจากบาปในอดีต ที่เคยเป็นคนเชือดสัตว์มาก่อน เช่นเดียวกับผู้ป่วยเองก็เชื่อว่าการติดเชื้อเอดส์ เป็นคำพิพากษาของกรรม เช่น อดีตวิศวกรรายหนึ่ง ที่ติดเอดส์โดยบังเอิญจากภรรยา ซี่งเขาเชื่อว่าสาเหตุที่ตัวเองต้องทำเอดส์ ก็เพราะเคยทำเลวกับภรรยามาเยอะ
นายแอนดรูว์ระบุต่อไปว่า สำหรับสภาพวิถีชีวิตของวัดพระบาทน้ำพุถือว่าค่อนข้างอัตคัต แต่ละรายจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ย 3,500-7,500 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนซึ่งเคยเป็นอดีตพยาบาลเปิดเผยว่า เขาทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน สภาพการทำงานไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยอะไรได้มาก จนหลายครั้งรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ไม่อยากทิ้งที่นี่ไป เพราะห่วงว่าจะไม่มีใครมาทำงานเช่นนี้แทน
นายแอนดรูว์ระบุว่า วัดแห่งนี้เคยมีแพทย์และพยาบาลอาชีพ 5 คน โดยอาสาสมัครคนสุดท้ายที่ทำงานที่นี่เป็นชาวเบลเยี่ยม ออกไปเมื่อปี 2004 และเคยเขียนบทความวิจารณ์สภาพการบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยอย่างแย่ ขาดอุปกรณ์ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และระบุว่า เจ้าหน้าที่จะมีสภาพเป็นทาส ส่วนนักท่องเที่ยวก็จะเหมือนกับพวกมนุษย์กินคน ขณะที่พระสงฆ์เจ้าของวัดนี้ก็บริหารวัดเหมือนโรงงานแห่งความตาย เหมือนกิจการของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากหนังสือดังกล่าวถูกตีพิมพ์ ปรากฎว่าทางวัดได้ขอให้อาสาสมัครชาวต่างชาติทุกคน ยกเว้นนายบาสซาโน่ออกไป
รายงานยังระบุว่า สำหรับสภาพของผู้ป่วยนั้น จะได้รับการดูแลอาการจากแพทย์แค่เดือนละครั้ง โดยจะถูกนำร่างไปตรวจสภาพในวัดใกล้เคียงในจังหวัดลพบุรี และเมื่อกลับหน้าที่ดูแลก็จะตกเป็นของพยาบาลดังกล่าว โดยบางครั้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หากเกิดกรณีฉุกเฉินกับผู้ป่วยหลายอื่น ๆ โดยหลายครั้งที่ผู้ป่วยต้องไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการสูญเสียความทรงจำ และต้องอาศัยอยู่ในกรงเหล็กในห้องน้ำ เพื่อป้องกันอาการคลุ้มคลั่งของพวกเขา โดยรายหนึ่งยังถูกผู้ป่วยรุมทุบตีและปิดปากด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนเผยด้วยว่า เขาไม่ชอบการทัวร์ลักษณะนี้ เพราะไม่ต้องการเห็นคนอื่นเห็นคนเป็นเอดส์
นายแอนดรูว์บรรยายว่า ในสังคมไทย พระรูปดังๆ จะมีชื่อเสียงโด่งดังราวนักร้องเพลงร็อค จะได้รับการนับหน้าถือตาจากนักการเมืองและคนดังและร่ำรวยด้วยเงินบริจาค
สำหรับพระอลงกต เคยมีประวีติจบการศึกษาในออสเตรเลีย และมีแผนจะตั้งโรงงานรีไซเคิลหญ้า แต่กลับมาเป็นบวชเป็นพระแทน ก่อนจะได้แรงบันดาลใจตั้งวัดพระบาทน้ำพุ เพราะครั้งหนึ่งได้สัมผัสกับผู้ป่วยเอดส์ที่ตายต่อหน้า อย่างไรก็ตาม กิจกรรมปัจจุบันของพระอลงกรณ์ยังรวมทั้งการนั่งสนทนากับนักท่องเที่ยว โดยบางรายยังได้ฉวยเก็บภาพของท่านและพระเครื่อง เพื่อให้ท่านแจกลายเซ็นและภาวนา แต่บรรยกาศเหล่านี้หลายครั้งถูกทำลายด้วยเสียงเงินบริจาคในกล่องที่มักจะว่างเปล่าอยู่เสมอ
รายงานระบุว่า พระอลงกตยังได้ปกป้องกิจกรรมการทัวร์พิสดารของวัดว่า เพื่อเพิ่มการตระหนักของสังคมต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ และเพิ่มคุณค่าทางจิตใจของผู้ป่วยเอง โดยผู้ป่วยเหล่านี้จะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว เหมือนมีญาติมาเยี่ยม ซึ่งนายบาสซาโน่กล่าวว่า ผู้ป่วยมักจะมีจิตใจชีวาเมื่อได้เห็นพระอลงกรณ์มาเยี่ยมพวกเขา แต่ก็นานๆครั้งมาก
ขณะที่พยาบาลรายเดิมเล่าว่า ท่านถึงกับลืมชื่อของเธอ แม้ว่าเธอจะทำงานที่มาแล้ว 8 ปีก็ตาม อย่างไรก็ตาม พระอลงกรณ์อ้างด้วยว่า วัดล้มเหลวที่จ้างบุคลากร เพราะหมอส่วนใหญ่อยากทำงานให้กับโรงพยาบาลเอกชนที่ให้รายได้ดีกว่าเยอะ และว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนได้นำความหวังใหม่และการต่อสู้อุปสรรคมาให้ โดยคนมาตายที่นี่ ก็จะได้รับการเผา คนจิตใจแตกสลายหรือถูกปฎิเสธจากครอบครัวมาที่นี่ก็จะได้รับการเลี้ยงดู ได้ที่พักและเสื้อผ้า พร้อมทั้งบอกว่า สถานที่ทุกแห่งในวัดพระบาทน้ำพุกำลังเผชิญกับภาวะด้านการเงิน และสงสัยว่าวัดจะอยู่รอดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูว์ตั้งคำถามว่า เป็นเรื่องยากที่วัดจะอยู่ในสภาพขัดสนเงินทอง เพราะจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของวัดบอกว่า พระอลงกตมีแผนที่จะสร้างศูนย์กีฬา มูลค่า 1.6 ล้านบาท และสลักทางปฎิบัติธรรมขึ้นเขาเป็นเงินจำนวน 8 ล้านบาท
ขณะที่นายบาสซาโนได้ตั้งคำถามว่า เขาสงสัยว่าในเมื่อมีเงินมากมายขนาดนี้ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ และวัดทำอย่างไรกับการบริหารเงินบริจาคเหล่านี้ แทนที่จะนำเงินมาช่วยเหลือผู้ป่วย ด้วยการซื้อยาบำบัดรักษาโรคเอดส์ หรือช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ยากไร้ในวัด รวมทั้งรถโรงพยาบาลที่แม้แต่วัดแห่งนี้ยังไม่มี และนี่ยังไม่นับรวมการซื้อเครื่องเล่นยิงลูกฟุตบอลจากยุโรป มาประดับในวัด ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดมันจึงจำเป็นสำหรับวัดแห่งนี้!
รายงานระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะถามพระเจ้าอาวาสทั่วไป เรื่องเงินบริจาคโดยไม่มีความรู้สึกเคลือบแคลงในศรัทธา ซึ่งประเด็นการนำเงินไปใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสม ได้กลายเป็นคำขวัญล้อเลียนประเภทว่า'วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง'แล้วในสังคมไทย ขณะที่วัดพระบาทน้ำพุมีรายได้เฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อเดือน ไม่รวมโครงการบ้านเด็กกำพร้า
นอกจากนี้ พระอลงกตยังได้รับเงินบริจาคโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลข โดยท่านอ้างว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเปิดเผยตัวเลขต่อสาธารณชน แต่อ้างว่าทางวัดมีระบบทำบัญชีที่ดี โดยพระอลงกตยังได้ขอให้นายแอนดรูว์ไปหาสำนักงานเลขาฯของวัดเรื่องการใช้จ่ายของวัด ซึ่งเมื่อเขาได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าแต่ละคนกลับให้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ไม่ตรงกัน และไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า โครงการบ้านเด็กกำพร้าได้รับเงินทุนสนับสนุนอย่างไร
รายงานระบุว่า ครั้งแรกที่พระอลงกตช่วยเหลือผู้ป่วยรายแรก นั่นเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ แต่จนถึงปัจจุบัน หรือ 16 ปีจากนั้น วัดพระบาทน้ำพุมีนักเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกว่าหลายแสนคน และเงินทุนก็หลั่งไหลเข้ามา จนเหมือนผู้ป่วยของวัดจะถูกมองข้าม ขณะที่นายบาสซาโน่ชี้ว่า การเลี้ยงไข้ผู้ป่วยดูเหมือนจะเป็นจุดขายของวัดนี้ เพราะหากผู้ป่วยเข้มแข็งด้วยยารักษาโรคเอดส์แล้ว วัดก็คงจะได้รับเงินสนับสนุนน้อยลง ดังนั้น ยารักษาเอดส์สูตร ARV ที่ยังคงมีราคาสูง อาจถูกซื้อมาที่นี่ แต่มันก็จะไม่ได้ใช้กับคนไข้
รายงานระบุว่า ปัจจุบันนายบาสซาโน่ได้ลาออกจากการเป็นอาสาสมัครของวัดพระบาทน้ำพุแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาต้องทำงานด้านการแพทย์ที่ไม่มีการรับรองอย่างถูกกฎหมาย โดยไม่มีใบรับรองให้ผลิตยาในเมืองไทย อย่างไรก็๋ตาม เขายังคงวิจารณ์วัดพระบาทน้ำพุว่าขาดพื้นยารักษาโรคพื้นฐาน และอุปกรณ์การแพทย์ แม้ว่าวัดจะมีเงินจำนวนไม่น้อยก็ตาม
จริงๆเรื่องนี้ ผมเคยได้ยินจากปากคนไทยที่เป็นพุทธท่านหนึ่งที่ทำงานด้านอาสาสมัครผู้ป่วยเอดส์เช่นกัน และเขาก็เล่าประมาณนี้เหมือนกันครับ
ดังนั้น ผมไม่ขอแสดงความเห้น แต่เอาเป็นการรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมแล้วกัน
ดังนั้น ผมไม่ขอแสดงความเห้น แต่เอาเป็นการรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมแล้วกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ เม.ย. 23, 2008 4:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
รู้สึกว่าตอนนี้พ่อไมค์(ไมเคิล บาสสาโน่ )จะไปทำงานธรรมฑูตที่แอฟริกาแล้วล่ะค่ะ
พ่อไมค์อยู่เมืองไทยมาประมาณ10ปี ทำงานที่พระบาทน้ำพุสัปดาห์ละ2-3วัน
พ่อบอกว่าสงสารผู้ป่วยที่นั่นมากๆ...เคยฟังจากที่พ่อเล่าอ่ะ เฮ้ออ...น่าสงสารมากกกกกกกกกกก..แต่เราก็ช่วยได้แค่การบริจาคเงินและก็สวดให้เค้า
พ่อไมค์เป็นคนใจดีมากๆ น่ารักมากๆ เฮ้อออ คิดถึงพ่อไมค์จังเลย

อยากให้กลับมาเยี่ยมอัสสัมบ้างจัง...
พ่อไมค์อยู่เมืองไทยมาประมาณ10ปี ทำงานที่พระบาทน้ำพุสัปดาห์ละ2-3วัน
พ่อบอกว่าสงสารผู้ป่วยที่นั่นมากๆ...เคยฟังจากที่พ่อเล่าอ่ะ เฮ้ออ...น่าสงสารมากกกกกกกกกกก..แต่เราก็ช่วยได้แค่การบริจาคเงินและก็สวดให้เค้า
พ่อไมค์เป็นคนใจดีมากๆ น่ารักมากๆ เฮ้อออ คิดถึงพ่อไมค์จังเลย


อยากให้กลับมาเยี่ยมอัสสัมบ้างจัง...
For me, He is the very GOOD priest !!
I know him very well. Here are pics from Lopburi.



Now he's staying in Kenya. See his missionary activities at http://www.spraguephoto.com/search.lass ... 30&skip=60
His clip at Lopburi. See http://blog.syracuse.com/video/2007/11/compassion.html
I know him very well. Here are pics from Lopburi.



Now he's staying in Kenya. See his missionary activities at http://www.spraguephoto.com/search.lass ... 30&skip=60
His clip at Lopburi. See http://blog.syracuse.com/video/2007/11/compassion.html
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
ภาพจากงาน Exhibition ใช่ม่ะค่ะ..รูปสุดท้ายอ่ะใช่เลย
เคยมีงาน Exhibition ที่เซนทรัลเวิร์ล ชั้น7 มีรูปพ่อด้วยแหละตั้งหลายรูป
พอดูแล้วมันก็ทำให้เรามีแรงสู้ๆ ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง

เคยมีงาน Exhibition ที่เซนทรัลเวิร์ล ชั้น7 มีรูปพ่อด้วยแหละตั้งหลายรูป
พอดูแล้วมันก็ทำให้เรามีแรงสู้ๆ ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง



-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
น่าสงสารอ่ะ 

-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
งานสงเคราะห์ จะมี 2 ด้านเสมอ ของทุกองค์กรศาสนา 
องค์กรคริสต์เอง ก็มีเรื่องเน่าๆเยอะ มีการโกงกิน ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ใช้เหยื่อ(ผู้ที่ถูกสงเคราะห์)เป็นเครื่องมือในการหากิน ฯลฯ
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะผู้ดูแลโครงการละเลย หลับตาปี๋ แกล้งทำไม่เห็นเสีย หรือบางทีเกิดจากผู้ที่เจ้าของโครงการไว้ใจที่สุด
หลายองค์กรของคริสต์ ก็ทำงาน แบบคนเลี้ยงช้าง (คือช้างก็เลี้ยงคน )
องค์กรคริสต์เอง ก็มีเรื่องเน่าๆเยอะ มีการโกงกิน ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ใช้เหยื่อ(ผู้ที่ถูกสงเคราะห์)เป็นเครื่องมือในการหากิน ฯลฯ
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะผู้ดูแลโครงการละเลย หลับตาปี๋ แกล้งทำไม่เห็นเสีย หรือบางทีเกิดจากผู้ที่เจ้าของโครงการไว้ใจที่สุด
หลายองค์กรของคริสต์ ก็ทำงาน แบบคนเลี้ยงช้าง (คือช้างก็เลี้ยงคน )
Prod Pran เขียน:
งานสงเคราะห์ จะมี 2 ด้านเสมอ ของทุกองค์กรศาสนา
องค์กรคริสต์เอง ก็มีเรื่องเน่าๆเยอะ มีการโกงกิน ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ใช้เหยื่อ(ผู้ที่ถูกสงเคราะห์)เป็นเครื่องมือในการหากิน ฯลฯ
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะผู้ดูแลโครงการละเลย หลับตาปี๋ แกล้งทำไม่เห็นเสีย หรือบางทีเกิดจากผู้ที่เจ้าของโครงการไว้ใจที่สุด
หลายองค์กรของคริสต์ ก็ทำงาน แบบคนเลี้ยงช้าง (คือช้างก็เลี้ยงคน )
เห็นด้วยล้านเปอร์เซนต์กับคุณโปรดปรานครับ พวกองค์กรคริสต์เอง พวกที่โกงกินเงินบริจาค เงินทำบุญ เงินที่นำมาสนับสนุนผู้รับใช้พระเจ้า และนักบวช รวมทั้งวัดนั้น พวกเขาไม่กลัวพระเจ้าลงโทษหรือไงครับเนี่ย เบียดเบียนเงินแพร่ธรรมไปใช้ส่วนตัว(ทำให้คน และองค์กร พัฒนางานได้ยากขึ้น เนื่องจากขาดเงิน) และการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ เงินเราก็น้อยอยู่แล้ว(ชาวคริสต์มีคนน้อย หากเทียบกับคนศาสนาอื่น) ดังนั้นเงินบริจาค ทำบุญ ก็ได้น้อยตามสัดส่วนของประชากร ยิ่งมาเจอลูกนี้ ดูท่า งานเดินลำบากแน่ๆ เสียดายนะ องค์กรคริสต์ น่าจะมีพวกหน่วย ปปป. ของชาวคริสต์เอง ประมาณว่าคริสต์ตรวจสอบคริสต์กันเอง คริสต์ฉะคริสต์กันเอง เงินเดือนไม่ถึงหมื่นก็ยอมทำให้(อย่างหมดหัวใจ) กำจัดเหลือบ และปลิงดูดเงินในองค์กร ผมคิดว่าเป็นช่วยพระในอีกทางหนึ่ง เงินก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว(ในการบริหาร ดูแลสมาชิก และแพร่ธรรม) ยังมาสูญเสียในเรื่องไม่จำเป็นอีก กางเขนที่พระให้พวกเราแบกนั้น นอกจากจะต้องผจญข้อขัดขวางนอกองค์กรแล้ว ยังต้องเจอข้อขัดขวางในองค์กรตัวเองอีก เฮ้ออออออออออ รักพระ ก็ต้องแบกกางเขนครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
แล้วสรุปเรื่องราว นี่คือเป็นจริงหรือยังไงกันแน่ครับ เพราะคนที่บ้านเชื่อวัดพระบามน้ำพุเต็มโลด แล้วบอกว่า(ประมาณ)ไอ้พวกที่เขียนน่ะจ้องทำลายคนอื่น
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
ช่างเขาซี่ อยากเชื่อก็ตามใจ ถ้าบอกไม่ฟังก็ไม่ใช่เรื่องของเราแล้วครับfefa_w เขียน: แล้วสรุปเรื่องราว นี่คือเป็นจริงหรือยังไงกันแน่ครับ เพราะคนที่บ้านเชื่อวัดพระบามน้ำพุเต็มโลด แล้วบอกว่า(ประมาณ)ไอ้พวกที่เขียนน่ะจ้องทำลายคนอื่น

ขอให้พระท่านตัดสินดีกว่า สงสารแต่ผู้ป่วยเอดส์ที่นั่นเท่านั้นแหละครับ

ลองอ่านที่หลวงพ่อท่านพูดถึงบทความนี้ดูfefa_w เขียน: แล้วสรุปเรื่องราว นี่คือเป็นจริงหรือยังไงกันแน่ครับ เพราะคนที่บ้านเชื่อวัดพระบามน้ำพุเต็มโลด แล้วบอกว่า(ประมาณ)ไอ้พวกที่เขียนน่ะจ้องทำลายคนอื่น
http://news.sanook.com/social/social_269319.php
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
เรื่องนี้ได้ยินมานานแล้ว แดงขึ้นมาก็ถูกทำให้เงียบเป็นพัก ๆ
ถ้าหากวัดมีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นที่พักพิง และฟื้นฟุสภาพชีวิตของผู้ป่วยเอดส์จริง ๆแล้ว แผนงานพัฒนาก็ควรมุ่งเน้นมาที่เรื่องคุณภาพของการดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าการจ้างพยาบาลเพิ่มขึ้น หรือการเพิ่มเงินจ้างเจ้าหน้าที่ เรื่องเด็กกำพร้าก็สำคัญ แต่คงยังไม่ถึงขี้นต้องแก้ไขด้วยการสร้างสนามกีฬาหรอก ขอความร่วมมือใคร ๆก็ให้อยู่แล้ววัดดังซะอย่าง องคืกรที่ส่งเสริมกีฬา ก็มีเยอะ เรื่องเด็กกำพร้าก็มีหลายหน่วยงานสนับสนึนอยู่ แต่ผู้ป่วยเอดส์เนี่ยสิ ที่แทบไม่มีโอกาสอะไรเลย
เคยได้ยินพวกอาสาสมัครคนไทยเล่าให้ฟังว่า บางครั้ง ผู้ป่วยอยู่ในภาวะสุดท้ายของชีวิตแล้ว ลมหายใจค่อย ๆอ่อนลง เจ้าหน้าที่ที่นั่น เขาก็จะเดินมาปิดสวิตช์เครื่องช่วยหายใจทันที ไอ้เรื่องนี้แหละ ที่ทำให้ช๊อกมากและเลิกบริจาคเงินให้พระบาทน้ำพุทันที ส่วนเพื่อนคนนี้ทนดูได้อีกไม่กี่เดือนก็ถอยออกมา คิดว่าถ้าไม่มีวัดพระบาทน้ำพุ เดี่ยวก็มีคนใจบุญตั้งขึ้นมาใหม่เองแหละ พระเจ้าดูแลคนของพระองค์เสมอ
แต่ถึงอย่างไร งานอาสาสมัครที่นี่จะได้กุศลแรงแน่นอน คนที่มีเวลา น่าจะลองหาโอกาสไปเป็นอาสาสมัครที่นี่ดู ไม่ใช่เพื่อไปจับผิดนะ แต่คนป่วยที่นั่น เขาต้องการความเห็นใจ เขาต้องการคำปลอบใจ รวมทั้งคำปลอบประโลมและการเอาใจใส่ เพราะถ้าพระบาทน้ำพุจัดการแบบไร้วิสัยทัศน์อย่างนี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งน่าสงสารและเห็นใจ สิ่งที่มีเหลืออยู่อย่างสุดท้ายคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ยังถูกพราก
ถ้าหากวัดมีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นที่พักพิง และฟื้นฟุสภาพชีวิตของผู้ป่วยเอดส์จริง ๆแล้ว แผนงานพัฒนาก็ควรมุ่งเน้นมาที่เรื่องคุณภาพของการดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าการจ้างพยาบาลเพิ่มขึ้น หรือการเพิ่มเงินจ้างเจ้าหน้าที่ เรื่องเด็กกำพร้าก็สำคัญ แต่คงยังไม่ถึงขี้นต้องแก้ไขด้วยการสร้างสนามกีฬาหรอก ขอความร่วมมือใคร ๆก็ให้อยู่แล้ววัดดังซะอย่าง องคืกรที่ส่งเสริมกีฬา ก็มีเยอะ เรื่องเด็กกำพร้าก็มีหลายหน่วยงานสนับสนึนอยู่ แต่ผู้ป่วยเอดส์เนี่ยสิ ที่แทบไม่มีโอกาสอะไรเลย
เคยได้ยินพวกอาสาสมัครคนไทยเล่าให้ฟังว่า บางครั้ง ผู้ป่วยอยู่ในภาวะสุดท้ายของชีวิตแล้ว ลมหายใจค่อย ๆอ่อนลง เจ้าหน้าที่ที่นั่น เขาก็จะเดินมาปิดสวิตช์เครื่องช่วยหายใจทันที ไอ้เรื่องนี้แหละ ที่ทำให้ช๊อกมากและเลิกบริจาคเงินให้พระบาทน้ำพุทันที ส่วนเพื่อนคนนี้ทนดูได้อีกไม่กี่เดือนก็ถอยออกมา คิดว่าถ้าไม่มีวัดพระบาทน้ำพุ เดี่ยวก็มีคนใจบุญตั้งขึ้นมาใหม่เองแหละ พระเจ้าดูแลคนของพระองค์เสมอ
แต่ถึงอย่างไร งานอาสาสมัครที่นี่จะได้กุศลแรงแน่นอน คนที่มีเวลา น่าจะลองหาโอกาสไปเป็นอาสาสมัครที่นี่ดู ไม่ใช่เพื่อไปจับผิดนะ แต่คนป่วยที่นั่น เขาต้องการความเห็นใจ เขาต้องการคำปลอบใจ รวมทั้งคำปลอบประโลมและการเอาใจใส่ เพราะถ้าพระบาทน้ำพุจัดการแบบไร้วิสัยทัศน์อย่างนี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งน่าสงสารและเห็นใจ สิ่งที่มีเหลืออยู่อย่างสุดท้ายคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ยังถูกพราก