การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองบาปมั้ย

[bomzaiya]

คพ. หลายคนชอบถาม (เวลาแก้บาป) ว่า

ทำอะไรน่๊ะ! ช่วยตัวเอง, ทำอุลามก
กี่ครั้ง! ครั้งเดียว, สองครั้ง
กับใคร!  คนเดียว, เพื่อน, คนอื่น
ชายหรือหญิง! ชาย, หญิง, ไม่บอกได้ไหม

เป็นเรื่องพื้นฐานของการสารภาพบาปเลยนะ
เราสารภาพบาปกับพระเจ้า ผ่านทางคุณพ่อ

คิดว่าเราจะปกปิดอะไรพระเจ้าได้รึเปล่าละ :rolleyes:

เราไม่ได้คิดจะปกปิดอะไรกับพระเจ้าอะนะ
แต่ว่า บางครั้งพ่อถามซะดัง ... ดังล้นออกมา (คนเขาได้ยินกานหมด) คิคิ
ถ้าเป็นห้องฟังแก้บาปก็ยังดี บางที่เขาไม่มีห้องอะคับ

[รังษี (ลืมรหัส)]

คิดว่าที่คุณพ่อถามดังลั่น สงสัยท่านคงอย่าให้เราได้อายในสิ่งที่ตนทำบาปไป เพราะการทำแบบนั้นแน่นอนไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ พอมีคนรู้เราก็จะอายไม่กล้าทำอีก
ส่วนที่ถามละเอียด ท่านอาจจะต้องการดูว่าการกระทำนั้นมันร้ายแรงแค่ไหน เพราะการกระทำแบบนี้ก็อาจจมีระดับของความบาปด้วย..........มั้ง

[pelouse]

แล้วถ้าทำอย่างนั้น จะปรับศีลมหาสนิทได้ไหม หรือต้องแก้บาปก่อน

เรื่องแก้บาปนะเราก็รู้ว่าพระสงฆ์เป็นทางผ่านระหว่างเรากับพระเป็นเจ้า

แต่เรายังเห็นเป็นคุณพ่อที่เรารู้จักอยู่ บางครั้งเราก็อายอะ ใช่ปะ

[Holy]

ควรแก้บาปก่อนครับ

ก็ลองเปลี่ยนวัดไปดู จะได้เจอคุณพ่อที่ไม่รู้จัก

[ignatius]

ควรแก้บาปก่อนครับ

ก็ลองเปลี่ยนวัดไปดู จะได้เจอคุณพ่อที่ไม่รู้จัก

คพ. หลายคนชอบถาม (เวลาแก้บาป) ว่า

ทำอะไรน่๊ะ! ช่วยตัวเอง, ทำอุลามก
กี่ครั้ง! ครั้งเดียว, สองครั้ง
กับใคร!  คนเดียว, เพื่อน, คนอื่น
ชายหรือหญิง! ชาย, หญิง, ไม่บอกได้ไหม

เหอๆ.....

ความเห็นเหมือนกันกับคุณ Holy คะ

และเพิ่งฟังคุณพ่อสมเกียรติสอนเรื่องมโนธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ค. หัวข้อนี้พอดี :cheesy:

การแก้บาป ถ้าบอกไม่หมด ถือว่าอำพรางนะคะ และการจงใจ"อำพราง" หรือบอกไม่หมด

ก็เป็นเหตุให้เราเกิดความเคยชินที่จะทำบาปอีก ดังนั้นเราต้องซื่อสัตย์กับมโนธรรมของตัวเองด้วยความสำนึกผิด

อีกอย่างหนึ่งการที่คุณพ่อถามรายละเอียด ท่านอาจไม่ได้ต้องการจะรู้เจาะลึกขนาดนั้น

แต่พ่อต้องถามนำ เพื่อให้เรากล้าที่จะสารภาพโดยไม่ "อำพราง"นั่นแหละคะ

และพ่อจะได้ช่วยแนะนำว่าเราควรจะแก้ไขยังไง

เพราะเมื่อเราออกจากห้องแก้บาปแล้ว พ่อก็ไม่สามารถตามมาอธิบายหรือแนะนำเราในเรื่องนั้นๆได้อีก


ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดประทานแสงสว่างของพระองค์นำทางพวกลูกทั้งหลาย ไม่ให้ตกเป็นทาสของบาปอีก

อาเมน  

[Buddy]

คิดว่า  อย่างเรื่องจำนวนครั้งนี่  คุณพ่อน่าจะเอาไปพิจารณาว่า  เป็นบาปหนัก  บาปเบา เป็นการติด  หรือเป็นความเครียด  หรือมีสิ่งนำพา  เช่น  ดูสื่อลามกหรือเปล่า  หรือว่า  ไม่ได้ไปดูอะไร  แต่ก็ทำ

จริงใจดีที่สุดนะคะ  อายก็บอกว่า  อาย  แต่ก็ถ่อมใจบอก  ลูกอาย  แต่ลูกก็รู้ว่า พระองค์ไม่ชอบ แต่ลูกก็พร้อมรับผิด  และขอคำแนะนำวิญญาณจากคุณพ่อ  ขอคุณพ่อสอนลูกด้วย

ทำบาป  ใครก็อาย  ใครก็ปกปิด  อาดัม  เอวา  ยังต้องปกปิดร่างกายตนเอง  พอพระเรียก  ก็ไม่กล้าเผชิญหน้าเท่าไหร่  ซ่อนๆตัวไว้  อันนั้นเป็นธรรมชาติของบาป  แต่สุดท้ายก็สารภาพ  ถึงแม้จะโยนกันไปโยนกันมา  โทษคนนั้นคนนี้ก็ตาม  แต่ก็พูดออกมา  เพราะไว้ใจในพระ

ในห้องแก้บาป  ความรัก  ความไว้ใจในพระเมตตาของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญค่ะ  ..  และเราต้องรู้สึกสบาย  ไม่อึดอัดในการพูดออกไป  เราถึงพูดได้หมด  ถ้่าเราอึดอัด  การเปลี่ยนวัด  เปลี่ยนพ่อ  เป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ  เป็นการหาบรรยากาศให้เราสามารถสารภาพได้ดีที่สุด  แต่หลายครั้งเราจะพบว่า  ถ้าเรากล้าๆกับคุณพ่อที่เราอายๆนี่แหละ  ความเป็นมนุษย์ของพ่อ  และอะไรบางอย่างในพ่อจะมาสะกิดเรา  ให้เรามีพลังในการแก้ไขบาป

คุณพ่อมหาไถ่จะยึดแบบ น. อัลฟอนโซที่ว่า  เวลาอยู่บนธรรมาศ  เวลาเทศน์  ให้เป็นเสื้อสิงห์กระทิงแรด  เวลาอยู่ในห้องแก้บาป  ให้เป็นแกะเชื่องๆ  เป็นบิดาผู้ใจดี  เพราะตอนเทศน์  ต้องสอนให้หนัก ขู่ให้หนัก  อย่าคิดว่า  จะมาอภัยกันง่ายๆ  แต่ในห้องแก้บาป  ต้องเป็นบิดาผู้ใจดี

คุณพ่อเยซูอิตจะเป็น spiritual direction สุดฤทธิ์  มีกิจใช้โทษบาปอันนึงที่ชอบมากคือ  พ่อบอกว่า  ให้ไปนั่งภาวนาเงี่ยบๆที่ไหนก็ได้  และใคร่ครวญว่า  พระเป็นเจ้าส่งใครมา  เพื่อช่วยเราให้พ้นบาปนี้  หรือไม่ให้ทำบาปนี้  ตอนแรกก็จะคิด มีด้วยเหรอ  แต่พอภาวนาจริงๆแล้วจะตกใจ  พระองค์ส่งคนมาช่วยเราเยอะมาก  พระองค์พยายามทุกอย่างไม่ให้เราทำบาป  แต่เราไม่เห็น  ไม่มอง  ไม่สนใจ  พระองค์รักเรา  และไม่ได้ทอดทิ้งเราให้ต่อสู้กับบาปตามลำพังคนเดียว .. 

[Jacqueline]

พวกคุณโชคดีจังเรย

ของเราเวลาไปแก้บาป คุณพ่อมักจะพูดเหมือนกันซ้ำๆ เช่น ''วันนี้ก็เป็นโอกาสดี ที่ลูกได้มาขอโทษพระ พระองค์ก็พร้อมที่จะให้อภัยลูกและขอให้ลูกได้เริ่ม

ต้นใหม่'' อะไรประมาณเนีย ซึ่งเราก็รู้ว่าดี พ่อได้ให้กำลังใจเราในการเริ่มต้นใหม่

แต่อยากจะให้พ่อพูดเกี่ยวกับบาปที่เราทำมากว่าลงลึกถึงประเด็นที่เราได้ทำบาป

เท่าที่จำได้มีแค่ครั้งเดียวเองที่คุณพ่อเทศน์สอนอย่างตรงประเด็น ทำให้เรามีกำลังและรู้ถึงวิถีของซาตาน

แล้วก็มีพ่อคนนึงไม่ได้สอนอะไรเรย พอบอกบาปเสร็จก็บอกให้เราสวดบทสารภาพบาปเลย

โอ้อะไรเนีย สิ่งที่สำคัญสุดในการสารภาพบาปก็คือการฟังคำแนะนำของพระสงฆ์จริงป่าว

เราไม่ได้นินทาพ่อนะ แต่อยากจะเปรียบเทียบให้ฟัง

ไปวัดไหนกันเหรอเผื่อวันหลังไปมั่ง

[Jack Sparrow]

ดีครับที่ตั้งกระทู้อย่างนี้ขึ้นมาพูดคุยกันเป็นการให้กำลังใจกันและกันไปในตัวด้วยครับ

[ignatius]

พวกคุณโชคดีจังเรย

ของเราเวลาไปแก้บาป คุณพ่อมักจะพูดเหมือนกันซ้ำๆ เช่น ''วันนี้ก็เป็นโอกาสดี ที่ลูกได้มาขอโทษพระ พระองค์ก็พร้อมที่จะให้อภัยลูกและขอให้ลูกได้เริ่ม

ต้นใหม่'' อะไรประมาณเนีย ซึ่งเราก็รู้ว่าดี พ่อได้ให้กำลังใจเราในการเริ่มต้นใหม่

แต่อยากจะให้พ่อพูดเกี่ยวกับบาปที่เราทำมากว่าลงลึกถึงประเด็นที่เราได้ทำบาป

เท่าที่จำได้มีแค่ครั้งเดียวเองที่คุณพ่อเทศน์สอนอย่างตรงประเด็น ทำให้เรามีกำลังและรู้ถึงวิถีของซาตาน

แล้วก็มีพ่อคนนึงไม่ได้สอนอะไรเรย พอบอกบาปเสร็จก็บอกให้เราสวดบทสารภาพบาปเลย

โอ้อะไรเนีย สิ่งที่สำคัญสุดในการสารภาพบาปก็คือการฟังคำแนะนำของพระสงฆ์จริงป่าว

เราไม่ได้นินทาพ่อนะ แต่อยากจะเปรียบเทียบให้ฟัง

ไปวัดไหนกันเหรอเผื่อวันหลังไปมั่ง

อยู่วัดอัสสัมชัญ บางรักค่ะ 
ยินดีต้อนรับนะคะ

[Dis volentibus]

อัสสัมชัญบางรัก ตู้แก้บาปมิดชิดดีเจ้าค่ะ 

ป.ล. รู้สึกจะมีป้ายชื่อบอกด้วยว่าพ่อองค์ใดอยู่ในตู้

[Mobster]

คพ. หลายคนชอบถาม (เวลาแก้บาป) ว่า

ทำอะไรน่๊ะ! ช่วยตัวเอง, ทำอุลามก
กี่ครั้ง! ครั้งเดียว, สองครั้ง
กับใคร!  คนเดียว, เพื่อน, คนอื่น
ชายหรือหญิง! ชาย, หญิง, ไม่บอกได้ไหม

เป็นเรื่องพื้นฐานของการสารภาพบาปเลยนะ
เราสารภาพบาปกับพระเจ้า ผ่านทางคุณพ่อ

คิดว่าเราจะปกปิดอะไรพระเจ้าได้รึเปล่าละ :rolleyes:

ถ้าสไตล์แบบออร์ทอด๊อกซ์
บอกแค่ว่าคิดอุลามก พ่อจะถามเรื่อยๆ ทำทำไม คือจนกว่าเราจะรู้สึกจริงว่าบาปถึงจะไปสารภาพเรื่องอื่นต่อ แล้วเทศน์เตือนค่อนข้างยาว และต้องคุกเข่าลงพื้น แต่ตัวต้องตรงเพื่อผ้า(คล้ายๆสโตลา)ที่มาแตะที่หัวถึง

ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าหาก1คนครึ่งชม.

ส่วนเรื่องช่วยตัวเอง ถ้าตอบแบบตรงๆคือบาป

พ่อเคยเทศน์สอน บาปไม่ใช่อาชญากรรม แต่บาปคืออาการป่วย คริสตชนคือผู้ที่ยอมรับว่าตัวเองป่วยมาให้พระเยซูเจ้ารักษา บางอาการป่วยมันไม่หายไปทีเดียว แต่จะทยอยๆลง บาปบางบาปเราควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นความคิด โดยพระเยซูเจ้าจะช่วยให้ความคิดนั้นเริ่มจางลงๆ

ดังนั้นอย่าเพิ่งตกใจเมื่อคำตอบว่าบาป ทุกคนก็ป่วยได้ โรคบางโรคมันไม่ใช่ปีสองปีแล้วหาย แต่พระองค์จะรักษาโรคให้เราหายไปทีละนิดๆ ขอเพียงให้เรารักษาความเชื่อก็พอ แล้วให้พระเยซุเจ้าผู้เป็นหมอทางวิญญาณรักษา วางใจในพระองค์ ซักวันบาปนั้นจะหายไปเอง

[taiyo]

อยากไปนอนในห้องแก้บาปที่อัสสัมชัญครับ เปิดแอร์ซะน่านอนเลย (ข้างนอกพัดลม)55555 ตื่นแต่เช้า กำลังง่วงๆ