ผมจะออกจากวงจรบาปได้ยังไง
สวัสดีครับทุกท่าน
ผมมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับวิญญาณ ผมชอบทำบาป แต่ก็มิได้ละทิ้งพระ ผมไปวัดทุกอาทิตย์ ผมตัดไม่ได้ที่จะทำ ทุก ๆ ครั้งที่ทำก็จะไปรับศีลอภัยบาป
ในเวลานั้นก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปทำอีกเลย แต่พอเวลาล่วงผ่านไปก็กลับมาทำอีก ตอนนี้ผมไปแก้บาปทุกอาทิตย์เลย นานมา 2 -3 เดือนแล้ว
มันเหมือนมีแรกผักดันภายในที่ทำให้ผมต้องทำบาป มันเป็นตัณหาภายในตัวเอง ในเวลาที่จะทำบาปพระองค์พยายามเข้ามาเตือนในความคิดแต่ผมก็ได้
ปฎิเสธ เพราะเห็นแก่ความสุขชั่วขณะ หลังจากที่ทำก็ต้องมาทุกข์ ทำไมอะ ทำไมต้องทำ ผมเคยลองไม่ทำครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้น 1 วัน
ผมก็กลับมาทำเหมือนเดิม พอผมไม่ทำ มันก็มีแรงผลักดันในความคิดเสมอว่า ทำสิ ทำสิ มันสนุกนะ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหมือนวงล้อหยุดไม่ได้
ไม่ทราบว่าผมจะหยุดมันได้ยังไง มีใครในบอร์ดนี้เป็นแบบผมไหม ผมรู้สึกสงสารพระ เหมือนกับโกหกพระองค์ว่าจะไม่ทำ แต่ก็ทำอีก
ผมอดที่จะทำมันไม่ได้ บาปที่ทำนับวันมันก็จะหนาขึ้นเรื่อย ๆ ผมกลัวว่าถ้าตายไปจะต้องใช้โทษในไฟชำระอีกนานกว่ากลับไปหาพระ
ผมอาจจะไม่ได้ไปนรกเพราะทุกครั้งที่ทำบาปก็ไปรับศีลอภัยบาปพอจะมีอะไรทีทำห้ผมใช้โทบาปได้ไหม แล้วผมจะออกจากวงจรนี้ได้อย่างไร
ปล.จำเป็นไหมที่จะต้องบอกว่าบาปที่ทำคือะไร ถ้าจำเป็นผมก็ยินดีจะบอก
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำ
ผมมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับวิญญาณ ผมชอบทำบาป แต่ก็มิได้ละทิ้งพระ ผมไปวัดทุกอาทิตย์ ผมตัดไม่ได้ที่จะทำ ทุก ๆ ครั้งที่ทำก็จะไปรับศีลอภัยบาป
ในเวลานั้นก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปทำอีกเลย แต่พอเวลาล่วงผ่านไปก็กลับมาทำอีก ตอนนี้ผมไปแก้บาปทุกอาทิตย์เลย นานมา 2 -3 เดือนแล้ว
มันเหมือนมีแรกผักดันภายในที่ทำให้ผมต้องทำบาป มันเป็นตัณหาภายในตัวเอง ในเวลาที่จะทำบาปพระองค์พยายามเข้ามาเตือนในความคิดแต่ผมก็ได้
ปฎิเสธ เพราะเห็นแก่ความสุขชั่วขณะ หลังจากที่ทำก็ต้องมาทุกข์ ทำไมอะ ทำไมต้องทำ ผมเคยลองไม่ทำครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้น 1 วัน
ผมก็กลับมาทำเหมือนเดิม พอผมไม่ทำ มันก็มีแรงผลักดันในความคิดเสมอว่า ทำสิ ทำสิ มันสนุกนะ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหมือนวงล้อหยุดไม่ได้
ไม่ทราบว่าผมจะหยุดมันได้ยังไง มีใครในบอร์ดนี้เป็นแบบผมไหม ผมรู้สึกสงสารพระ เหมือนกับโกหกพระองค์ว่าจะไม่ทำ แต่ก็ทำอีก
ผมอดที่จะทำมันไม่ได้ บาปที่ทำนับวันมันก็จะหนาขึ้นเรื่อย ๆ ผมกลัวว่าถ้าตายไปจะต้องใช้โทษในไฟชำระอีกนานกว่ากลับไปหาพระ
ผมอาจจะไม่ได้ไปนรกเพราะทุกครั้งที่ทำบาปก็ไปรับศีลอภัยบาปพอจะมีอะไรทีทำห้ผมใช้โทบาปได้ไหม แล้วผมจะออกจากวงจรนี้ได้อย่างไร
ปล.จำเป็นไหมที่จะต้องบอกว่าบาปที่ทำคือะไร ถ้าจำเป็นผมก็ยินดีจะบอก
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำ
แค่คุณรู้สึกผิดและละอายใจในสิ่งที่คุณทำ รวมทั้งแน่วแน่ที่จะตั้งใจกลับตัว ผมว่าพระท่านทรงเห็น และทรงเข้าใจแล้วล่ะครับ พระองค์ใจกว้างเสมอ พระทรงเป็นความรักครับ ความรักคือความเข้าใจ และเห็นใจครับ อย่าลืมสิครับ เราคือศิษย์พระเยชูเจ้า มิใช่ขึ้ข้าฟารีสีปากพล่อย ขอบคุณครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ขอหนุนใจนะครับ
บาป ไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป้นแค่ความป่วย
ทุกคนป่วยได้ แต่คริสตชนคือผู้ที่ยอมรับการรักษาอาการป่วย
ไม่ใช่อาการป่วยทุกอันจะหายทันที แต่จะค่อยเป็นค่อยไป
บ้างก็ทรงตัว บ้างก็ดีขึ้น อยู่ที่กำลังความเชื่อของเรา
ทุกคนมีอาการป่วยที่เรื้อรัง เช่น"ความโกรธ ความโลภ การทำอุลามก"
ถ้าเป็นอาการป่วยฝ่ายกายนานกว่าจะรักษาได้ หรือได้แก้อาการ
บาปก็เช่นเดียวกัน นานกว่าจะตัดหายไป หรืออย่างน้อยจากอาการบาปนั้นก็ไม่ทำบาปต่อไปจากบาปดังกล่าวอีก
พระเจ้าอวยพรครับ
บาป ไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป้นแค่ความป่วย
ทุกคนป่วยได้ แต่คริสตชนคือผู้ที่ยอมรับการรักษาอาการป่วย
ไม่ใช่อาการป่วยทุกอันจะหายทันที แต่จะค่อยเป็นค่อยไป
บ้างก็ทรงตัว บ้างก็ดีขึ้น อยู่ที่กำลังความเชื่อของเรา
ทุกคนมีอาการป่วยที่เรื้อรัง เช่น"ความโกรธ ความโลภ การทำอุลามก"
ถ้าเป็นอาการป่วยฝ่ายกายนานกว่าจะรักษาได้ หรือได้แก้อาการ
บาปก็เช่นเดียวกัน นานกว่าจะตัดหายไป หรืออย่างน้อยจากอาการบาปนั้นก็ไม่ทำบาปต่อไปจากบาปดังกล่าวอีก
พระเจ้าอวยพรครับ
คุณแม่เทเรซ่า แห่งกัลกัตตา แก้บาปอาทิตย์ละ2ครั้ง ครับ
เราทุกคนเป็นคนบาป อันนี้คือความจริง ดังนั้น คนที่จะสามารถไม่ทำบาปอีกเลยคงจะหาได้ยากมากถึงไม่มีเลย
และการที่เราสำนึกเสียใจทุกครั้งที่ทำก็ถือว่าเป็นเรื่องดีว่า มโนธรรมของเรายังทำงานอยู่
รม 7:14-25 การต่อสู้ภายใน
เรารู้ว่า ธรรมบัญญัติเป็นเรื่องของฝ่ายจิต แต่ข้าพเจ้ามีธรรมชาติมนุษย์ที่ถูกขายเป็นทาสของบาป ข้าพเจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำข้าพเจ้ากลับไม่ทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้ากลับทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าธรรมบัญญัตินั้นดี ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้าพเจ้าที่กระทำกิจการนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยในตัวข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ของข้าพเจ้าไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะกระทำ เพราะ ข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ข้าพเจ้าปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้เล่า ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้ารับใช้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ในธรรมชาติที่บกพร่อง ข้าพเจ้ากลับรับใช้กฎของบาป
เราทุกคนเป็นคนบาป อันนี้คือความจริง ดังนั้น คนที่จะสามารถไม่ทำบาปอีกเลยคงจะหาได้ยากมากถึงไม่มีเลย
และการที่เราสำนึกเสียใจทุกครั้งที่ทำก็ถือว่าเป็นเรื่องดีว่า มโนธรรมของเรายังทำงานอยู่
รม 7:14-25 การต่อสู้ภายใน
เรารู้ว่า ธรรมบัญญัติเป็นเรื่องของฝ่ายจิต แต่ข้าพเจ้ามีธรรมชาติมนุษย์ที่ถูกขายเป็นทาสของบาป ข้าพเจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำข้าพเจ้ากลับไม่ทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้ากลับทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าธรรมบัญญัตินั้นดี ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้าพเจ้าที่กระทำกิจการนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยในตัวข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ของข้าพเจ้าไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะกระทำ เพราะ ข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ข้าพเจ้าปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้เล่า ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้ารับใช้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ในธรรมชาติที่บกพร่อง ข้าพเจ้ากลับรับใช้กฎของบาป
ปัญหาเรื้อรังเหรอ เราก็มีกันทุกคนนะแหละจ๊ะ
แม่บอกไม่ให้เราไว้ใจตัวเอง เพราะเมื่อเราตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปนั้นอีก แต่ด้วยความที่มันเป็นธรรมชาติและความเคยชินที่ตั้งแต่โตมาก็ทำไม่เคยขาด
ผมนะเคยมั่นใจนับร้อยนับพันว่าจะไม่ทำอีก ไม่ทำเด็ดขาด.... แต่ก็นะมันจะมีบาปและความสุขแบบใหม่น่าตื่นเต้นและสนุกเย้ายวนขึ้นไปทุกทีซิน่า!!
เรายังหน้าด้านขอให้พระอภัยนั้นแหละเรื่องดี เพราะเมื่อไหร่ที่ละอายจนไม่พึ่งพระและละก็...... เข้าทางเธอเลยใช่มั้ย(มารนะ อิอิ)
ก็ แม่สอนให้พูดเสมอๆว่า
แม่บอกไม่ให้เราไว้ใจตัวเอง เพราะเมื่อเราตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปนั้นอีก แต่ด้วยความที่มันเป็นธรรมชาติและความเคยชินที่ตั้งแต่โตมาก็ทำไม่เคยขาด
ผมนะเคยมั่นใจนับร้อยนับพันว่าจะไม่ทำอีก ไม่ทำเด็ดขาด.... แต่ก็นะมันจะมีบาปและความสุขแบบใหม่น่าตื่นเต้นและสนุกเย้ายวนขึ้นไปทุกทีซิน่า!!
เรายังหน้าด้านขอให้พระอภัยนั้นแหละเรื่องดี เพราะเมื่อไหร่ที่ละอายจนไม่พึ่งพระและละก็...... เข้าทางเธอเลยใช่มั้ย(มารนะ อิอิ)
ก็ แม่สอนให้พูดเสมอๆว่า
กินใจมากๆ บทนี้ เพราะกำลังเป็นอยู่ " ต่อสู้กับปีศาจในตัวเอง "Holy เขียน: คุณแม่เทเรซ่า แห่งกัลกัตตา แก้บาปอาทิตย์ละ2ครั้ง ครับ
เราทุกคนเป็นคนบาป อันนี้คือความจริง ดังนั้น คนที่จะสามารถไม่ทำบาปอีกเลยคงจะหาได้ยากมากถึงไม่มีเลย
และการที่เราสำนึกเสียใจทุกครั้งที่ทำก็ถือว่าเป็นเรื่องดีว่า มโนธรรมของเรายังทำงานอยู่
รม 7:14-25 การต่อสู้ภายใน
เรารู้ว่า ธรรมบัญญัติเป็นเรื่องของฝ่ายจิต แต่ข้าพเจ้ามีธรรมชาติมนุษย์ที่ถูกขายเป็นทาสของบาป ข้าพเจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำข้าพเจ้ากลับไม่ทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้ากลับทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าธรรมบัญญัตินั้นดี ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้าพเจ้าที่กระทำกิจการนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยในตัวข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ของข้าพเจ้าไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะกระทำ เพราะ ข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ข้าพเจ้าปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้เล่า ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้ารับใช้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ในธรรมชาติที่บกพร่อง ข้าพเจ้ากลับรับใช้กฎของบาป
เคยอ่าน....แต่จำไม่ได้ว่าอ่านจากบทไหน
ขอบพระคุณพระองค์ที่ส่งคุณ Holy มาเตือนสติ
ขอบคุณครับสำหรับขอเสนอแนะดี ๆ ขอบคุณทุกคนเลย
ตกลงวิญญาณผมบกพร่องแต่ไม่ผิดปกติใช่ไหม คุณทุกคนก็เป็นแบบผมเหรอ แต่ผมแก้บาปทุกอาทิตย์เลยนะ
แล้วมีใครพอจะทราบไหมว่ายังไงจะหายขาด พระเป็นเจ้าจะไม่เบื่อผมเหรอ กับการกระทำที่ซ้ำซาก เหมือนกับไม่ได้ปรับปรุง
แต่ความจริงผมก็พยายามอยู่ แล้วผมจะทำยังไงกับโทษของบาปเหล่านั้นดีครับ ผมไม่อยากไปไฟชำระอะอยากแบบว่าตายแล้วไปหาพระเลย
เพราะเคยได้ยินว่า ถึงเราจะแก้บาปพระได้อภัยเราแล้วแต่โทษของบาปยังอยู่ ใช่ไหม ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม
ตกลงวิญญาณผมบกพร่องแต่ไม่ผิดปกติใช่ไหม คุณทุกคนก็เป็นแบบผมเหรอ แต่ผมแก้บาปทุกอาทิตย์เลยนะ
แล้วมีใครพอจะทราบไหมว่ายังไงจะหายขาด พระเป็นเจ้าจะไม่เบื่อผมเหรอ กับการกระทำที่ซ้ำซาก เหมือนกับไม่ได้ปรับปรุง
แต่ความจริงผมก็พยายามอยู่ แล้วผมจะทำยังไงกับโทษของบาปเหล่านั้นดีครับ ผมไม่อยากไปไฟชำระอะอยากแบบว่าตายแล้วไปหาพระเลย
เพราะเคยได้ยินว่า ถึงเราจะแก้บาปพระได้อภัยเราแล้วแต่โทษของบาปยังอยู่ ใช่ไหม ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม
แก้ไขล่าสุดโดย pelouse เมื่อ อังคาร พ.ค. 13, 2008 8:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ทำสิสนุก นั่นวิธีการหนึ่งที่มารล่อลวง มนุษย์ให้เห็นด้วยกับสิ่งที่ผิดจากน้ำพระทัยของพระเจ้าpelouse เขียน: ........ผมเคยลองไม่ทำครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้น 1 วัน
ผมก็กลับมาทำเหมือนเดิม พอผมไม่ทำ มันก็มีแรงผลักดันในความคิดเสมอว่า ทำสิ ทำสิ มันสนุกนะ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหมือนวงล้อหยุดไม่ได้ ไม่ทราบว่าผมจะหยุดมันได้ยังไง มีใครในบอร์ดนี้เป็นแบบผมไหม ผมรู้สึกสงสารพระ เหมือนกับโกหกพระองค์ว่าจะไม่ทำ แต่ก็ทำอีก ผมอดที่จะทำมันไม่ได้ บาปที่ทำนับวันมันก็จะหนาขึ้นเรื่อย ๆ ผมกลัวว่าถ้าตายไปจะต้องใช้โทษในไฟชำระอีกนานกว่ากลับไปหาพระ................ แล้วผมจะออกจากวงจรนี้ได้อย่างไร
ไม่ต้องสงสารพระ ต้องสงสารตัวเองค่ะ
น.เปาโลเองท่านได้ต่อสู้กับเนื้อหนังมาตลอด ท่านกล่าวว่าสิ่งที่อยากทำไม่ได้ทำ สิ่งที่ไม่คิดจะทำ ก็ทำ
การจะเดินไปกับพระเจ้ามั่นคงนั้น น.เปาโลแนะนำให้ เราสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดค่ะ
เอเฟซัส 6:10-18
11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
13เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้
14เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย
17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
18จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
--------------> เมื่อน้องเริ่มเอาจริงเอาจัง น่าจะเริ่ม ข้อ 17-18 คือใช้พระวาจาของพระเจ้า เป็นดาบของฝ่ายวิญญาณจิต ต่อมาก็มีชีวิตที่ภาวนา
ภาวนาง่ายๆ เมื่อ อยากทำบาป ว่า "พระเยซูเจ้า โปรดเมตตา ลูกเทอญ" คือ เมื่อคุณร้องประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นการยืนยัน
ความเชื่อ และการพึ่งพา คือ ร้องเรียกพระเยซูเจ้า ขอความเมตตาลูกเทอญ หรือความกรุณาเรื่องที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งพระองค์ทรงทราบทุกเรื่อง
ซึ่งคุณวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกครับ ผมก็เหมือนกันครับ
พระเจ้าไม่เบื่อเรา "คนบาปที่สำนึกผิด"หรอกคะ พระองค์ให้กำลังใจเราผ่านทางลูกๆของพระองค์ที่เดินบนทางสายเดียวกับคุณนี้pelouse เขียน: ขอบคุณครับสำหรับขอเสนอแนะดี ๆ ขอบคุณทุกคนเลย
ตกลงวิญญาณผมบกพร่องแต่ไม่ผิดปกติใช่ไหม คุณทุกคนก็เป็นแบบผมเหรอ แต่ผมแก้บาปทุกอาทิตย์เลยนะ
แล้วมีใครพอจะทราบไหมว่ายังไงจะหายขาด พระเป็นเจ้าจะไม่เบื่อผมเหรอ กับการกระทำที่ซ้ำซาก เหมือนกับไม่ได้ปรับปรุง
แต่ความจริงผมก็พยายามอยู่ แล้วผมจะทำยังไงกับโทษของบาปเหล่านั้นดีครับ ผมไม่อยากไปไฟชำระอะอยากแบบว่าตายแล้วไปหาพระเลย
เพราะเคยได้ยินว่า ถึงเราจะแก้บาปพระได้อภัยเราแล้วแต่โทษของบาปยังอยู่ ใช่ไหม ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม
เราไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย และพระองค์เห็นใจและเข้าใจ ในความตั้งใจที่จะแก้ไขตัวเราเอง
จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย ผู้วางใจพระเจ้า ไม่ขาดสิ่งใดใด
จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย เพียงพระ-เจ้า เพียงพอ
คิดถึงกันในคำภาวนาคะ
วันนี้ผมลองเปิดอ่านพระวรสาร แล้วผมข้อความที่เขียนไว้ว่า
"ผู้ใดก็ตามที่ได้พ้นความเสื่อมของโลกเมื่อได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเราแล้ว
ถ้าเขากลับไปติดบ่วงและพ่ายแพ้ความเสื่อมนี้อีก ปั้นปลายของเขาจะประสบสิ่งรายยิ่งกว่าตอนต้น
การที่เขาไม่เคยรู้จักทางแห่งความชอบธรรมเลย
ยังดีกว่าการที่เขารู้ทางแห่งความชอบธรรมแล้ว แต่กลับหันหลังให้บทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทาน
เขาประพฤติตรงกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
สุนัขกลับมากินสิ่งที่มันสำรอก และสุกรทีเพิ่งอาบน้ำกลับไปกลิ้งเกลือกโคลนอีก" 2เปโตร 2:20
นั่นแสดว่าพระองค์กำลังตำหนิผมรึเปล่า ผมได้ปฎิบัติตัวอย่างงั้นจริง ๆ นะ
ทั้งที่ผมรับศีลล้างบาปแล้ว พระองค์ทรงชะล้างผมแล้วแต่ผมกลับไปทำตัวให้เปื้อนมลทินอีก
ในอนาคตผมก็มีแนวโน้มที่อาจจะต้องทำบาปเดิมซ้ำซากอีก ผมควรจะทำยังไงดี
แล้วผมมีคำถามว่าการที่เราไปรับศีลอภัยบาปแต่ละครั้ง วิญญาณเราจะบริสุทธิ์เหมือนตอนรับศีลล้างบาปใหม่ ๆ รึเปล่า
ขอบคุณสำล่วงหน้าสำหรับคำตอบ อย่ารำคาญผมนะ วิญญาณผมกำลังอ่อนแอที่สุด
"ผู้ใดก็ตามที่ได้พ้นความเสื่อมของโลกเมื่อได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเราแล้ว
ถ้าเขากลับไปติดบ่วงและพ่ายแพ้ความเสื่อมนี้อีก ปั้นปลายของเขาจะประสบสิ่งรายยิ่งกว่าตอนต้น
การที่เขาไม่เคยรู้จักทางแห่งความชอบธรรมเลย
ยังดีกว่าการที่เขารู้ทางแห่งความชอบธรรมแล้ว แต่กลับหันหลังให้บทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทาน
เขาประพฤติตรงกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
สุนัขกลับมากินสิ่งที่มันสำรอก และสุกรทีเพิ่งอาบน้ำกลับไปกลิ้งเกลือกโคลนอีก" 2เปโตร 2:20
นั่นแสดว่าพระองค์กำลังตำหนิผมรึเปล่า ผมได้ปฎิบัติตัวอย่างงั้นจริง ๆ นะ
ทั้งที่ผมรับศีลล้างบาปแล้ว พระองค์ทรงชะล้างผมแล้วแต่ผมกลับไปทำตัวให้เปื้อนมลทินอีก
ในอนาคตผมก็มีแนวโน้มที่อาจจะต้องทำบาปเดิมซ้ำซากอีก ผมควรจะทำยังไงดี
แล้วผมมีคำถามว่าการที่เราไปรับศีลอภัยบาปแต่ละครั้ง วิญญาณเราจะบริสุทธิ์เหมือนตอนรับศีลล้างบาปใหม่ ๆ รึเปล่า
ขอบคุณสำล่วงหน้าสำหรับคำตอบ อย่ารำคาญผมนะ วิญญาณผมกำลังอ่อนแอที่สุด
แก้ไขล่าสุดโดย pelouse เมื่อ พุธ พ.ค. 14, 2008 5:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วินาทีนี้คุณยังคงเสียใจกับสิ่งที่มโนธรรมในใจบอกว่าผิด ซึ่งขัดแย้งกับการกระทำที่เราทำ "บาป"pelouse เขียน: วันนี้ผมลองเปิดอ่านพระวรสาร แล้วผมข้อความที่เขียนไว้ว่า
"ผู้ใดก็ตามที่ได้พ้นความเสื่อมของโลกเมื่อได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเราแล้ว
ถ้าเขากลับไปติดบ่วงและพ่ายแพ้ความเสื่อมนี้อีก ปั้นปลายของเขาจะประสบสิ่งรายยิ่งกว่าตอนต้น
การที่เขาไม่เคยรู้จักทางแห่งความชอบธรรมเลย
ยังดีกว่าการที่เขารู้ทางแห่งความชอบธรรมแล้ว แต่กลับหันหลังให้บทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทาน
เขาประพฤติตรงกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
สุนัขกลับมากินสิ่งที่มันสำรอก และสุกรทีเพิ่งอาบน้ำกลับไปกลิ้งเกลือกโคลนอีก"
นั่นแสดว่าพระองค์กำลังตำหนิผมรึเปล่า ผมได้ปฎิบัติตัวอย่างงั้นจริง ๆ นะ
ทั้งที่ผมรับศีลล้างบาปแล้ว พระองค์ทรงชะล้างผมแล้วแต่ผมกลับไปทำตัวให้เปื้อนมลทินอีก ผมควรจะทำยังไงดี
แล้วผมมีคำถามว่าการที่เราไปรับศีลอภัยบาปแต่ละครั้ง วิญญาณเราจะบริสุทธิ์เหมือนตอนรับศีลล้างบาปใหม่ ๆ รึเปล่า
ขอบคุณสำล่วงหน้าสำหรับคำตอบ อย่ารำคาญผมนะ วิญญาณผมกำลังอ่อนแอเป็นที่สุด
วันนี้คุณรู้สึกเสียใจ และพยายามที่จะแก้ไขตนเอง แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่สำเร็จตามความตั้งใจก็ตาม ทั้งยังพร้อมที่จะชดเชยบาป
จากที่คุณเล่าว่าคุณแก้บาปบ่อยๆสมำ่เสมอ คุณพ่อที่ฟังแก้บาปนั้น คงจะแนะนำอะไรบ้างและบอกวิธีใช้กิจโทษบาปในแต่ละครั้ง
...สิ่งแรกที่พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนเมื่อเริ่มต้นภารกิจคือ "จงเป็นทุกข์ กลับใจ"
ดังนั้นความหมายก็คือ "เป็นบุญของผู้โศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เห็นว่าบาปของเรานั้นได้ทำร้ายพระเยซูเจ้าและทำให้ต้องพลัดพรากจากพระองค์
จึงเป็นทุกข์-กลับใจและได้รับการให้อภัยจากพระองค์"
"ข้าแต่พระเจ้า เครื่องบูชาของข้าพเจ้าคือดวงจิตที่เป็นทุกข์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่เป็นทุกข์และถ่อมตน" (สดด.51:17)
ส่วนรายละเอียดที่ลึกไปกว่านี้...คงต้องรอให้พี่ๆน้องๆในเว็บช่วยกันตอบและหนุนใจกันต่อไปนะคะ
อย่าท้อใจเลย ทุกคนให้กำลังใจและหนุนใจ พร้อมจะก้าวไปด้วยกันนะคะ
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
จะภาวนาขอพระประทานพละกำลังช่วยอีกแรงนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำภาวนาและกำลังใจของทุกคนครับ ผมเริ่มดีขึ้นแล้ว จะพยายามสู้ต่อไปครับ
ครั้งนี้ ครั้งหน้า จิตใจอาจจะอ่อนแอ แต่ต้องมีสักครั้งที่ผมสู้มันได้ และผมก็เชื่อว่าพระเยซูจะรักษาผมจนหาย
ในเมื่อพระองค์เคยตรัสไว้ว่า "เรามาเพื่อคนบาป"
มาโพสต์กันเยอะ ๆ เลยครับ การที่ผมมาอ่านมันเป็นแรงและกำลังใจ
สิ่งที่อยากทราบมากที่สุดในตอนนี้คือ จะจัดการยังไงกับโทษบาปที่ผ่านมา ใครทราบบ้าง?
ครั้งนี้ ครั้งหน้า จิตใจอาจจะอ่อนแอ แต่ต้องมีสักครั้งที่ผมสู้มันได้ และผมก็เชื่อว่าพระเยซูจะรักษาผมจนหาย
ในเมื่อพระองค์เคยตรัสไว้ว่า "เรามาเพื่อคนบาป"
มาโพสต์กันเยอะ ๆ เลยครับ การที่ผมมาอ่านมันเป็นแรงและกำลังใจ
สิ่งที่อยากทราบมากที่สุดในตอนนี้คือ จะจัดการยังไงกับโทษบาปที่ผ่านมา ใครทราบบ้าง?
แก้ไขล่าสุดโดย pelouse เมื่อ พุธ พ.ค. 14, 2008 10:28 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ทำกิจใช้โทษบาปต่างๆเช่น การถือศีลอดอาหารpelouse เขียน: ขอบคุณครับสำหรับขอเสนอแนะดี ๆ ขอบคุณทุกคนเลย
ตกลงวิญญาณผมบกพร่องแต่ไม่ผิดปกติใช่ไหม คุณทุกคนก็เป็นแบบผมเหรอ แต่ผมแก้บาปทุกอาทิตย์เลยนะ
แล้วมีใครพอจะทราบไหมว่ายังไงจะหายขาด พระเป็นเจ้าจะไม่เบื่อผมเหรอ กับการกระทำที่ซ้ำซาก เหมือนกับไม่ได้ปรับปรุง
แต่ความจริงผมก็พยายามอยู่ แล้วผมจะทำยังไงกับโทษของบาปเหล่านั้นดีครับ ผมไม่อยากไปไฟชำระอะอยากแบบว่าตายแล้วไปหาพระเลย
เพราะเคยได้ยินว่า ถึงเราจะแก้บาปพระได้อภัยเราแล้วแต่โทษของบาปยังอยู่ ใช่ไหม ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
pelouse เขียน: สิ่งที่อยากทราบมากที่สุดในตอนนี้คือ จะจัดการยังไงกับโทษบาปที่ผ่านมา ใครทราบบ้าง?
ตั้งใจแก้บาปอย่างดี และทำกิจใช้โทษบาปอย่างจริงใจ พี่เชื่อว่า พระองค์รอคอย และให้อภัยลูกที่รักเสมอจ๊ะ
ขอบคุณเพื่อนพี่น้องทุกคนอีกครั้งหนึ่งครับ
เมื่อวานผมได้ไปวัดแล้วรับศีลอภัยบาปเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
แต่ผมยังมีคำถามอยู่ว่า ทำไมเราทำบาปแล้วไปรับศีลอภัยบาปมันดูง่ายจัง แต่พระยกโทษเราจริง ๆ ใช่ไหม มีใครไหมที่รับศีลนี้แล้วพระไม่อภัย
ผมเคยแอบคิดซึ้งไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะครับ ว่าการถ้าพระสงฆ์ยกบาปเราเป็นไปได้ไหมที่พระจะไม่ยกให้ หากพระยังเคืองเราอยู่
แค่คิดนะ ก็เลยลองถามกันดู มันเป็นความสงสัยเล็กน้อย
เมื่อวานผมได้ไปวัดแล้วรับศีลอภัยบาปเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
แต่ผมยังมีคำถามอยู่ว่า ทำไมเราทำบาปแล้วไปรับศีลอภัยบาปมันดูง่ายจัง แต่พระยกโทษเราจริง ๆ ใช่ไหม มีใครไหมที่รับศีลนี้แล้วพระไม่อภัย
ผมเคยแอบคิดซึ้งไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะครับ ว่าการถ้าพระสงฆ์ยกบาปเราเป็นไปได้ไหมที่พระจะไม่ยกให้ หากพระยังเคืองเราอยู่
แค่คิดนะ ก็เลยลองถามกันดู มันเป็นความสงสัยเล็กน้อย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
พระองค์ทรงยกบาปให้เราผ่านทางพระสงฆ์แล้วครับ แต่ว่าเราเองต้องทำกิจใช้โทษบาปของเรามากขึ้น ไม่ใช่แค่ที่พระสงฆ์กำหนดให้ทำครับpelouse เขียน: ขอบคุณเพื่อนพี่น้องทุกคนอีกครั้งหนึ่งครับ
เมื่อวานผมได้ไปวัดแล้วรับศีลอภัยบาปเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
แต่ผมยังมีคำถามอยู่ว่า ทำไมเราทำบาปแล้วไปรับศีลอภัยบาปมันดูง่ายจัง แต่พระยกโทษเราจริง ๆ ใช่ไหม มีใครไหมที่รับศีลนี้แล้วพระไม่อภัย
ผมเคยแอบคิดซึ้งไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะครับ ว่าการถ้าพระสงฆ์ยกบาปเราเป็นไปได้ไหมที่พระจะไม่ยกให้ หากพระยังเคืองเราอยู่
แค่คิดนะ ก็เลยลองถามกันดู มันเป็นความสงสัยเล็กน้อย
การแก้บาป เหมือนกับการที่เรากลับไปขอคืนดีกับพระ พระทรงคืนดีกับเรา แต่โทษบาปยังอยู่นะครับ
เพิ่มแรงกดดันอีกซีฮะ ทุกครั้งที่เราขอให้พระอภัย พระองค์ทรงสอนให้เราเป็นลูกผู้ชาย ลูกของพระองค์
กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ในไฟชำระนั่นแหละฮะ เพราะเราคิดอะไรแบบเด็กๆอยู่นะซี ความสัมพันธ์ กับพระองค์เลยไม่เป็นแบบผู้ใหญ่ซะที
ความตั้งใจเด็กๆแบบมนุษย์ช่างไร้เรียงสา ถึงเวลาแล้วที่เราจะโต แบกรับความรู้สึกของดวงวิญญาณในไฟชำระบ้าง
เหล่าพี่น้อง พวกเค้าต้องภาวนาและเอาใจช่วยแค่ไหน..... พี่คับ ตอนเรากำลังทำบาปอยู่ พี่ ค ง ไม่ เ ห็ น น้ำ ต า ข อ ง พ ว ก เ ค้า
ข้างๆพี่ นะแหละ ลูกผู้ชายที่ไหนทำให้สุภาพสตรีร้องไห้กัน!!!!
บ๊ะ พูดแล้วเคืองตัวเอง
กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ในไฟชำระนั่นแหละฮะ เพราะเราคิดอะไรแบบเด็กๆอยู่นะซี ความสัมพันธ์ กับพระองค์เลยไม่เป็นแบบผู้ใหญ่ซะที
ความตั้งใจเด็กๆแบบมนุษย์ช่างไร้เรียงสา ถึงเวลาแล้วที่เราจะโต แบกรับความรู้สึกของดวงวิญญาณในไฟชำระบ้าง
เหล่าพี่น้อง พวกเค้าต้องภาวนาและเอาใจช่วยแค่ไหน..... พี่คับ ตอนเรากำลังทำบาปอยู่ พี่ ค ง ไม่ เ ห็ น น้ำ ต า ข อ ง พ ว ก เ ค้า
ข้างๆพี่ นะแหละ ลูกผู้ชายที่ไหนทำให้สุภาพสตรีร้องไห้กัน!!!!
บ๊ะ พูดแล้วเคืองตัวเอง
แค่คุณสำนึกผิด และกลับใจไม่อยากจะทำอีก พระท่านก็ยิ้มแล้วครับ เราเป็นมนุษย์นะครับ ไม่ใช่เทวดา ทำได้แค่นี้ พระท่านเข้าใจเสมอครับ สบายใจได้ ขอบคุณครับ
ขอพระอวยพรคุณครับผม
ขอพระอวยพรคุณครับผม
ผมเข้าใจและเห็นใจคุณ pelouse มากๆเลย
ผมก็เป็นคนนึงที่ยังไม่สามารถออกจากวงจรของบาปได้เหมือนกัน
ก็มนุษย์ทุกคนเกิดมาในความบาป มีธรรมชาติของบาปติดตัวมา
ี่สิ่งที่ผมเคยทำเมื่อมีความรู้สึกแย่มากๆ ก็มี
ถือศีลอดอาหาร หรือถ้ามีเวลา ก็ไปเข้าเงียบส่วนตัว
ถ้าทำได้ ผมก็อยากไปฝึกปฏิบัติจิต
ไม่ก็เข้าเงียบแบบจริงจัง สัก 7 วัน(ตามแบบนักบุญอิกญาซิโอ)
แต่ขอยอมรับว่า ช่วงนี้ตัวผมเองก็แพ้ต่อบาปอยู่เช่นกัน
ก็ ภาวนาให้กันและกันนะครับ
Chai_Cat
ผมก็เป็นคนนึงที่ยังไม่สามารถออกจากวงจรของบาปได้เหมือนกัน
ก็มนุษย์ทุกคนเกิดมาในความบาป มีธรรมชาติของบาปติดตัวมา
ี่สิ่งที่ผมเคยทำเมื่อมีความรู้สึกแย่มากๆ ก็มี
ถือศีลอดอาหาร หรือถ้ามีเวลา ก็ไปเข้าเงียบส่วนตัว
ถ้าทำได้ ผมก็อยากไปฝึกปฏิบัติจิต
ไม่ก็เข้าเงียบแบบจริงจัง สัก 7 วัน(ตามแบบนักบุญอิกญาซิโอ)
แต่ขอยอมรับว่า ช่วงนี้ตัวผมเองก็แพ้ต่อบาปอยู่เช่นกัน
ก็ ภาวนาให้กันและกันนะครับ
Chai_Cat
อะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ไปแก้บาปละยัง แล้วจะดีขึ้น
เราเป็นเหมือนคนที่เดินทางร่วมกันนะครับ หัวอกเดียวกัน
แล้วจะช่วยภาวนา
จริงอย่างที่คุณพูด "มนุษย์ทุกคนเกิดมาในความบาป มีธรรมชาติของบาปติดตัวมา"
หายไว ๆ ครับ
แล้วมาคุยกันอีก ถ้าอย่างคุยส่วนตัว PM มาก็ด้าย ยินดีที่ด้ายรู้จักครับ
เราเป็นเหมือนคนที่เดินทางร่วมกันนะครับ หัวอกเดียวกัน
แล้วจะช่วยภาวนา
จริงอย่างที่คุณพูด "มนุษย์ทุกคนเกิดมาในความบาป มีธรรมชาติของบาปติดตัวมา"
หายไว ๆ ครับ
แล้วมาคุยกันอีก ถ้าอย่างคุยส่วนตัว PM มาก็ด้าย ยินดีที่ด้ายรู้จักครับ
คุณมีจิตสำนึกหรือเปล่าละครับ ??
แล้วรู้สึกละอายบ้างมั้ย
ละอายแล้วจะทำๆไมล่ะครับ
มันก็อยุ่ที่ตัวคุณด้วยนะคับ
แล้วรู้สึกละอายบ้างมั้ย
ละอายแล้วจะทำๆไมล่ะครับ
มันก็อยุ่ที่ตัวคุณด้วยนะคับ
แก้ไขล่าสุดโดย ŤaşArĐűŕ เมื่อ ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 4:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 5
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 9:20 am
[quote="pelouse"]
ความรู้สึกละอายเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับใจนะ เราคิดว่าแต่ละคนมีจุดอ่อนและจุดแข็งแตกต่างกันตามสิ่งที่ถูกสั่งสอนมา การมีมโนธรรมติเตียนตัวเองเป็นสิ่งที่ดี เราเคยถูกสอนมาว่า เราจะชนะอะไรก็ไม่เท่ากับชนะใจตนเอง แต่ตามที่เรารู้มา ความละอายใจไม่พอสำหรับการกลับใจ แต่การยอมรับว่าเราเป็นคนบาปและสวดภาวนาขอพระองค์ทรงช่วยเราให้สามารถเอาชนะนำใจของเรานี่สิ เป็นสิ่งสำคัญ เราเชื่อว่าผู้ที่วอนขอก็จะได้รับ เมื่อเราขอสิ่งดีๆพระเป็นเจ้าทรงพระทัยดีเสมอ พระองค์ทรงรู้ว่าเราเป็นคน และพระองค์ก็รู้ว่าเราจะทำอะไรก่อนที่เราจะทำซะอีก แต่พระองค์ก็ให้อำเภอใจกับเรา ให้เราตัดสินใจทำด้วยตัวเอง เพราะพระองค์ทรงรักเราอย่างที่เราเป็นต่างหาก นี่แหละคือความหมายของความรักของพระเจ้า ดังนั้น เราคิดว่าการยอมรับความผิดบาปและการสวดภาวนาจะช่วยคุณได้เยอะทีเดียว
ความรู้สึกละอายเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับใจนะ เราคิดว่าแต่ละคนมีจุดอ่อนและจุดแข็งแตกต่างกันตามสิ่งที่ถูกสั่งสอนมา การมีมโนธรรมติเตียนตัวเองเป็นสิ่งที่ดี เราเคยถูกสอนมาว่า เราจะชนะอะไรก็ไม่เท่ากับชนะใจตนเอง แต่ตามที่เรารู้มา ความละอายใจไม่พอสำหรับการกลับใจ แต่การยอมรับว่าเราเป็นคนบาปและสวดภาวนาขอพระองค์ทรงช่วยเราให้สามารถเอาชนะนำใจของเรานี่สิ เป็นสิ่งสำคัญ เราเชื่อว่าผู้ที่วอนขอก็จะได้รับ เมื่อเราขอสิ่งดีๆพระเป็นเจ้าทรงพระทัยดีเสมอ พระองค์ทรงรู้ว่าเราเป็นคน และพระองค์ก็รู้ว่าเราจะทำอะไรก่อนที่เราจะทำซะอีก แต่พระองค์ก็ให้อำเภอใจกับเรา ให้เราตัดสินใจทำด้วยตัวเอง เพราะพระองค์ทรงรักเราอย่างที่เราเป็นต่างหาก นี่แหละคือความหมายของความรักของพระเจ้า ดังนั้น เราคิดว่าการยอมรับความผิดบาปและการสวดภาวนาจะช่วยคุณได้เยอะทีเดียว