เมื่อความเชื่อเริ่มเลือนลาง
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ตอนนีความเชื่อของผม เริ่มเลือนลางลงไปทุกทีๆ ผมเป็นคนที่ถูกปลูกฝังเรื่องพุทธศาสนามาตั่งแต่เด็กๆ จนตอนนี้อายุ 20 แล้ว ผมเริ่มาเชื่อพรเจ้าตั้งแต่อยู่ ม.3 ได้มั้ง ผ่านอุปสรรค์ทางบ้านมาเยอะมากๆๆๆ ซึ่งแต่ละครั้งมันก็ค่อนข้างรุนแรงทีเดียวเลนละครับ แต่สุดท้ายผมก็ผฝ่าฟันแรงต่อต้านมาได้ และได้รับศิลล้างบาปช่วงตอนม.6 ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 3 แล้ว เจอปัญหาอะไรมากมายในชีวิต แบบที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป้นไปได้ เรื่องบางเรื่องมันร้ายแรงมากจนทำให้ผมท้อ หมดกำลังใจ ขณะเดียวกันใจผมก็หวนนึกถึงพระเป็นเจ้าว่า "ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับผม พระองค์ทอดทิ้งผมทำไม" น้ำตาผมไหลถอดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น สมองของผมก็คิดวกวนเกิดกับปัญหาที่แก้ไม่ตก ส่งผลต่อสภาพจิตใจที่กระวนกระวายสับสน จนตอนนี้มีคนบอกให้ผมใช้หลักธรรมะในการควบคุมตอนเอง ผมก็ทำเพราะหวังว่าอะไรมันจะดีขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลระดับหนึ่ง ถ้าถามว่าตอนนี้ผมหมดศัทธราในพระเจ้าหรือยัง "ยังหรอกครับ" ผมยังเชื่อยู่ แต่มันน้อยลงมาก ช่วงที่ผ่านมานี้ผมปฎิบัติตนสวดมนตร์ไหว้พระ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนลึกในใจผมยังตัดขาดจากพระองค์ไม่ได้ อยากจะกลับไปเชื่อพระองค์เหมือนเดิม แต่ทว่าผมรู้สึกไม่มั่นใจ ผมควรทำไงดี
ร้องหาพระองค์เถอะครับ แต่อย่าหมดความไว้ใจ เพราะว่าเวลาที่เราลำบากที่สุด เราไม่ได้เดินอยู่คนเดียวนะ
จะเป็นศิษย์พระองค์น่ะ ไม่ง่ายอยู่แล้วนะครับ "จิ้งจอกมีโพรง นางแอ่นมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ..."
ถ้าอยากจะเป็นศิษย์พระเยซูก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ เพราะพระเยซูเองก็ยอมรับน้ำพระทัยพระบิดาที่จะให้พระองค์ "ตาย"
ก็รู้ครับ ว่ามันไม่ง่ายเลย แต่สิ่งที่เราคิดว่าลำบาก พระได้จัดสรรให้เราแล้ว ว่าสิ่งที่เราต้องเจอต้องไม่เกินความสามารถของเราแน่นอน
เราทุกคนมีกางเขนของตัวเอง แต่เป็นจะรูปแบบไหนเท่านั้นเองครับ เพียงแค่เรายอมรับ และแบกมันไปให้ถึงจุดหมาย
ช่วงจิตตกน่ะ เข้าวัดดีที่สุดครับ เข้าไปก่อนมิสซาใช้เวลาเงียบๆคุยกับพระ บอกพระไปเลยว่าเราเจออะไรมาบ้าง
และขอบคุณพระด้วยนะครับ ที่มอบสิ่งเหล่านี้ให้ เพราะความทุกข์คือความยินดีบริบูรณ์ ที่พระเยซูแบ่งเศษเสี้ยวของมหากางเขน
เอามาให้เราร่วมแบกตามหนทางแห่งพระมหาทรมานของพระอค์ และอย่าลืมนะครับ... ว่าเราไม่เคยอยู่คนเดียว...
"เมื่อผ่านกางเขน จะพบแสงสว่าง"
ขอพระอวยพรครับ
จะเป็นศิษย์พระองค์น่ะ ไม่ง่ายอยู่แล้วนะครับ "จิ้งจอกมีโพรง นางแอ่นมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ..."
ถ้าอยากจะเป็นศิษย์พระเยซูก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ เพราะพระเยซูเองก็ยอมรับน้ำพระทัยพระบิดาที่จะให้พระองค์ "ตาย"
ก็รู้ครับ ว่ามันไม่ง่ายเลย แต่สิ่งที่เราคิดว่าลำบาก พระได้จัดสรรให้เราแล้ว ว่าสิ่งที่เราต้องเจอต้องไม่เกินความสามารถของเราแน่นอน
เราทุกคนมีกางเขนของตัวเอง แต่เป็นจะรูปแบบไหนเท่านั้นเองครับ เพียงแค่เรายอมรับ และแบกมันไปให้ถึงจุดหมาย
ช่วงจิตตกน่ะ เข้าวัดดีที่สุดครับ เข้าไปก่อนมิสซาใช้เวลาเงียบๆคุยกับพระ บอกพระไปเลยว่าเราเจออะไรมาบ้าง
และขอบคุณพระด้วยนะครับ ที่มอบสิ่งเหล่านี้ให้ เพราะความทุกข์คือความยินดีบริบูรณ์ ที่พระเยซูแบ่งเศษเสี้ยวของมหากางเขน
เอามาให้เราร่วมแบกตามหนทางแห่งพระมหาทรมานของพระอค์ และอย่าลืมนะครับ... ว่าเราไม่เคยอยู่คนเดียว...
"เมื่อผ่านกางเขน จะพบแสงสว่าง"
ขอพระอวยพรครับ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
เติม"ความรัก"ให้หัวใจครับjihun7 เขียน: ตอนนีความเชื่อของผม เริ่มเลือนลางลงไปทุกทีๆ ผมเป็นคนที่ถูกปลูกฝังเรื่องพุทธศาสนามาตั่งแต่เด็กๆ จนตอนนี้อายุ 20 แล้ว ผมเริ่มาเชื่อพรเจ้าตั้งแต่อยู่ ม.3 ได้มั้ง ผ่านอุปสรรค์ทางบ้านมาเยอะมากๆๆๆ ซึ่งแต่ละครั้งมันก็ค่อนข้างรุนแรงทีเดียวเลนละครับ แต่สุดท้ายผมก็ผฝ่าฟันแรงต่อต้านมาได้ และได้รับศิลล้างบาปช่วงตอนม.6 ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 3 แล้ว เจอปัญหาอะไรมากมายในชีวิต แบบที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป้นไปได้ เรื่องบางเรื่องมันร้ายแรงมากจนทำให้ผมท้อ หมดกำลังใจ ขณะเดียวกันใจผมก็หวนนึกถึงพระเป็นเจ้าว่า "ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับผม พระองค์ทอดทิ้งผมทำไม" น้ำตาผมไหลถอดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น สมองของผมก็คิดวกวนเกิดกับปัญหาที่แก้ไม่ตก ส่งผลต่อสภาพจิตใจที่กระวนกระวายสับสน จนตอนนี้มีคนบอกให้ผมใช้หลักธรรมะในการควบคุมตอนเอง ผมก็ทำเพราะหวังว่าอะไรมันจะดีขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลระดับหนึ่ง ถ้าถามว่าตอนนี้ผมหมดศัทธราในพระเจ้าหรือยัง "ยังหรอกครับ" ผมยังเชื่อยู่ แต่มันน้อยลงมาก ช่วงที่ผ่านมานี้ผมปฎิบัติตนสวดมนตร์ไหว้พระ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนลึกในใจผมยังตัดขาดจากพระองค์ไม่ได้ อยากจะกลับไปเชื่อพระองค์เหมือนเดิม แต่ทว่าผมรู้สึกไม่มั่นใจ ผมควรทำไงดี
เมื่อคุณเติมความรักที่เป็นหนึ่งในฤทธิ์กุศล
มันจะเกื้อให้คุณมีความเชื่อ และ ความไว้ใจพระ ที่เป็นฤทธิ์กุศลกลุ่มเดียวกัน
อย่าให้อุปสรรคมาบั่นตอนความรักต่อตนเองและต่อครอบครัวนะครับ
อย่าให้ความตะขิดตะขวงเรื่องศาสนามามีอุปสรรค
จงสัมผัสพระเป็นเจ้าเสมอในคำพูดของคุณพ่อผู้ทำพิธี
จงสัมผัสพระเป็นเจ้าเสมอในพระวรสาร
จงสัมผัสพระเป็นเจ้าเสมอในความรักที่คุณมี
เจออุปสรรคก็รักได้ "ความรักอยู่ที่ใด พระเจ้าสถิตย์ที่นั่น"
พระอวยพร
"ถ้าโลกเกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ไว้เถิดว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อนแล้ว
ถ้าท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายโลก โลกก็คงรักสิ่งที่เป็นของตน แต่เพราะว่าท่านมิได้เป็นฝ่ายโลกและเราได้เลือกท่านออกมาจากโลก โลกจึงเกลียดชังท่าน
จงจำวาจาที่เรากล่าวแล้วเถิดว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา
เขาก็จะเบียดเบียนข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย ถ้าเขาได้ปฏิบัติตามวาจาของเรา เขาก็จะปฏิบัติตามวาจาของท่านทั้งหลายด้วย
แต่เขาจะทำทุกอย่างเช่นนี้แก่ท่าน ก็เพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา "
ยอห์น15:18-21
แม้มีความเชื่อเท่าเมล็ดผักชี ภูเขาก็เคลื่อนได้
อย่าหมดความเชื่อนะ
วางใจพระองค์แล้วทุกสิ่งจะเป็นตามน้ำพระทัย
ความสุขแท้
ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความยุติธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
"ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกเขาดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา
จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ถ้าท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายโลก โลกก็คงรักสิ่งที่เป็นของตน แต่เพราะว่าท่านมิได้เป็นฝ่ายโลกและเราได้เลือกท่านออกมาจากโลก โลกจึงเกลียดชังท่าน
จงจำวาจาที่เรากล่าวแล้วเถิดว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา
เขาก็จะเบียดเบียนข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย ถ้าเขาได้ปฏิบัติตามวาจาของเรา เขาก็จะปฏิบัติตามวาจาของท่านทั้งหลายด้วย
แต่เขาจะทำทุกอย่างเช่นนี้แก่ท่าน ก็เพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา "
ยอห์น15:18-21
แม้มีความเชื่อเท่าเมล็ดผักชี ภูเขาก็เคลื่อนได้
อย่าหมดความเชื่อนะ
วางใจพระองค์แล้วทุกสิ่งจะเป็นตามน้ำพระทัย
ความสุขแท้
ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความยุติธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
"ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกเขาดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา
จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 23, 2008 6:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อยากให้ลองนึกดูดีๆว่าความยากลำบากที่คุณเจอ คุณผ่านมันมาได้ไหม และอย่างไร สิ่งเหล่านั้นได้ให้บทเรียนอะไรกับคุณบ้าง
แล้วคุณจะตกใจกับคำตอบนั้นครับ เพราะว่าในเวลาที่เราเจอความยากลำบาก เราจะมองเห็นพระเมตตาและความรักของพระองค์ชัดเจนยิ่งขึ้น
แล้วคุณจะตกใจกับคำตอบนั้นครับ เพราะว่าในเวลาที่เราเจอความยากลำบาก เราจะมองเห็นพระเมตตาและความรักของพระองค์ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฉันฝันว่า ฉันเดินเล่นอยู่บนชายหาด มีพระเจ้าเดินเป็นเพื่อน ข้างหลังเรามีรอยเท้าอยู่สองคู่บนผืนทราย คู่หนึ่งของพระเจ้าและคู่หนึ่งของฉัน ฉันเกิดความคิดว่า แต่ละย่างก้าวคือแต่ละวันในชีวิต ดังนั้นฉันจึงหยุดและหันหลังกลับไปดูรอยเท้าที่จางหายไปไกล และฉันก็เห็นว่าบางช่วงเวลา มีรอยเท้าเหลืออยู่เพียงคู่เดียวแทนที่จะเป็นสองคู่
ฉันมองย้อนกลับไปในทุกเหตุการณ์ของชีวิตที่เกิดขึ้นในอดีต และก็น่าแปลก เพราะในเวลาที่มีรอยเท้าเพียงคู่เดียวนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิต เป็นเวลาแห่งความทุกข์และความกระวนกระวาย วันที่เห็นแก่ตัวและอารมณ์ร้าย วันที่ถูกทดลอง มีความสงสัยและทุกข์ทรมาน
ฉันหันไปหาพระเจ้าด้วยความเป็นทุกข์ และต่อว่าพระองค์ " พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับลูกทุกวัน แล้วทำไมพระองค์ถึงไม่รักษาสัญญา ทำไมพระองค์จึงปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวในเวลาที่ลูกลำบากที่สุดในชีวิต และต้องการให้พระองค์ประทับอยู่ด้วยมากที่สุด "
พระเจ้าทรงยิ้มให้ฉันและตรัสว่า " เราไม่เคยหยุดรักเจ้าแม้แต่ขณะเดียว และเวลาที่เจ้าเห็นรอยเท้าเพียงคู่เดียวนั้น ก็คือรอยเท้าของเราเอง เพราะเวลาที่เจ้าทุกข์ยากที่สุดในชีวิต เป็นเราเองที่อุ้มเจ้าไว้ในอ้อมแขน "
" หากเจ้าข้ามน้ำ ข้ามทะเล เราจะอยู่กับเจ้า
หากเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ไฟ
เจ้าประเสริฐในสายตาของเรา
เจ้ามีค่าและเรารักเจ้า "
( อสย.43,2-4 )
ฉันมองย้อนกลับไปในทุกเหตุการณ์ของชีวิตที่เกิดขึ้นในอดีต และก็น่าแปลก เพราะในเวลาที่มีรอยเท้าเพียงคู่เดียวนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิต เป็นเวลาแห่งความทุกข์และความกระวนกระวาย วันที่เห็นแก่ตัวและอารมณ์ร้าย วันที่ถูกทดลอง มีความสงสัยและทุกข์ทรมาน
ฉันหันไปหาพระเจ้าด้วยความเป็นทุกข์ และต่อว่าพระองค์ " พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับลูกทุกวัน แล้วทำไมพระองค์ถึงไม่รักษาสัญญา ทำไมพระองค์จึงปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวในเวลาที่ลูกลำบากที่สุดในชีวิต และต้องการให้พระองค์ประทับอยู่ด้วยมากที่สุด "
พระเจ้าทรงยิ้มให้ฉันและตรัสว่า " เราไม่เคยหยุดรักเจ้าแม้แต่ขณะเดียว และเวลาที่เจ้าเห็นรอยเท้าเพียงคู่เดียวนั้น ก็คือรอยเท้าของเราเอง เพราะเวลาที่เจ้าทุกข์ยากที่สุดในชีวิต เป็นเราเองที่อุ้มเจ้าไว้ในอ้อมแขน "
" หากเจ้าข้ามน้ำ ข้ามทะเล เราจะอยู่กับเจ้า
หากเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ไฟ
เจ้าประเสริฐในสายตาของเรา
เจ้ามีค่าและเรารักเจ้า "
( อสย.43,2-4 )
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 23, 2008 1:30 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สวดภาวนามาก ๆ นะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
คืนหนึ่ง ฉันเดิน เดินไปบนพื้นทราย
มีรอยเท้าเรียงรายที่ผ่านมา
คู่หนึ่งเป็นของฉัน อีกคู่เป็นของพระองค์
เราพากันเดินมุ่งตรงไปไม่เคยหวั่น
แต่เมื่อมองกลับไปฉันเห็น
มีรอยเท้าเพียงลำพัง
โดดเดี่ยวอ้างว้าง ไร้จุดหมาย
ฉันจึงร้องถามพระองค์
ใยปล่อยให้ชั้นเดียวดาย??
ยามที่มีทุกข์มากมายในชีวา
ฉันได้ยิน พระองค์ทรงตอบ
ตอบกับฉันในใจ
ว่า...เราไม่เคยทิ้งเจ้าไป!! ห่างไกล..
ยามใดที่เจ้าทุกข์ทน สับสนในยามทุกข์ใจ
ครานั้น...เราอุ้มเจ้าอยู่..ในอ้อมอกเรา..."
มีรอยเท้าเรียงรายที่ผ่านมา
คู่หนึ่งเป็นของฉัน อีกคู่เป็นของพระองค์
เราพากันเดินมุ่งตรงไปไม่เคยหวั่น
แต่เมื่อมองกลับไปฉันเห็น
มีรอยเท้าเพียงลำพัง
โดดเดี่ยวอ้างว้าง ไร้จุดหมาย
ฉันจึงร้องถามพระองค์
ใยปล่อยให้ชั้นเดียวดาย??
ยามที่มีทุกข์มากมายในชีวา
ฉันได้ยิน พระองค์ทรงตอบ
ตอบกับฉันในใจ
ว่า...เราไม่เคยทิ้งเจ้าไป!! ห่างไกล..
ยามใดที่เจ้าทุกข์ทน สับสนในยามทุกข์ใจ
ครานั้น...เราอุ้มเจ้าอยู่..ในอ้อมอกเรา..."
ใช่ๆค่ะเห็นด้วย
-
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:23 pm
- ที่อยู่: 1506/504 ซ.7/ม.สราลี เทพารักษ์ สป. // อาสนวิหาอัสสัมชัญ
- ติดต่อ:
เจอปัญหา หรืออะไรหนักหนาแค่ไหน ก็เป็นน้ำพระทัยของพระทั้งนั้นนี่คะ
พระอยู่ข้างเราเสมอ ...วางใจในพระองค์ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ
พระอยู่ข้างเราเสมอ ...วางใจในพระองค์ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ
- dark-kanita
- โพสต์: 317
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm
ย้าก!!!! สู้เขานะคะพ่อหนุ่ม คาณิตาเป็นกำลังใจช่วยค่า
เง้อใอ้เรื่องประมาณนี้เราก้เป็นนะคะ พยายามค้นหาพระมานานแสนนาน รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง เหมือนเสียความเชื่อไป แต่ว่าพอมีเรื่องซวยมากๆ ที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะเอาตัวรอดฝ่านพ้นมาได้ (เดี๊ยนตายแน่คะ) พอย้อนคิดกลับไปดูก้พบว่า "ชั้นจะผ่านอุปสรรค์พวกนี้มาได้ยังไงถ้าไม่ใช่พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างละปกป้อง"
เง้อถึงได้เข้าใจว่า จริงๆแล้วพระองค์อยู่ไกล้กว่าที่คิด ไม่ต้องมองหา เนอะพ่อหนุ่ม ใจเย็นไว้ แล้วเตรียมลุย !!!!!ไปเล้ย! ไม่ต้องท้อแท้
เง้อใอ้เรื่องประมาณนี้เราก้เป็นนะคะ พยายามค้นหาพระมานานแสนนาน รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง เหมือนเสียความเชื่อไป แต่ว่าพอมีเรื่องซวยมากๆ ที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะเอาตัวรอดฝ่านพ้นมาได้ (เดี๊ยนตายแน่คะ) พอย้อนคิดกลับไปดูก้พบว่า "ชั้นจะผ่านอุปสรรค์พวกนี้มาได้ยังไงถ้าไม่ใช่พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างละปกป้อง"
เง้อถึงได้เข้าใจว่า จริงๆแล้วพระองค์อยู่ไกล้กว่าที่คิด ไม่ต้องมองหา เนอะพ่อหนุ่ม ใจเย็นไว้ แล้วเตรียมลุย !!!!!ไปเล้ย! ไม่ต้องท้อแท้