ขอแบ่งปันนะคะ
เมื่อช่วงอาทิตย์นู้น ไปฟังการบรรยายของพระคุณเจ้าชูศักดิ์ สิริสุทธิ์
เรื่องพระแม่มารีย์แบบอย่างของคริสตชนในการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า
พระคุณเจ้าเริ่มเล่าให้ฟังในเรื่องครั้งที่ท่านได้รับโทรศัพท์จากพระสมณฑูต ให้เข้าไปพบโดยไม่ให้บอกใครเลย
ท่านต้องแอบออกมาจากบ้านพักพระสงฆ์ พอมาพบแล้ว พระสมณฑูตแจ้งเรื่องการเข้ารับตำแหน่งพระสังฆราช
พระคุณเจ้าบอกว่าท่านอึ้ง...ไม่อยากเป็นเลย...เงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงขอเวลาพระสมณฑูตอีก 3 วันว่าจะรับหรือไม่
พระสมณฑูตกำชับพระคุณเจ้าว่า ห้ามพูดกับใครถึงเรื่องนี้ ห้ามปรึกษาใครทั้งนั้น กระทั่งคนในครอบครัว
ท่านกลับมา ก็กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ บอกก็บอกใครไม่ได้
"ไม่รู้จะทำยังไง เลยขับรถไปหาเตี่ย ไปนั่งคุยให้เตี่ยฟัง "
ทุกคนที่ฟังบรรยายอยู่ ร่วมร้อยชีวิต ร้อง อื่อ..กันขรม ก็สมณฑูตไม่ให้คุยกับใครไง
พระคุณเจ้าตอบหน้าตาเฉยว่า อ้าวคุยกะเตี่ยในสุสานเนี้ย...ผิดตรงไหน :cheesy: 55 ปล่อยมุขก็ไม่บอก
หลังจากนั้นก็แอบกลับมาหาศสมณฑูตที่บ้านเป็นครั้งที่ 2 เพื่อบอกว่า จะทำทุกอย่างตามนำพระทัยของพระองค์
และท่านก็ย้อนกลับบอกว่า...แม่พระน่ะ ในเวลาที่เทวดากาเบรียลมาแจ้งข่าวเรื่องพระเยซูเจ้า
แม่พระมีเวลาตัดสินใจเพียงอึดใจเดียว เท่านั้นเอง
พระคุณเจ้ายังใช้เวลาตัดสินใจถึง 3 วัน
และการเข้ารับตำแหน่งพระสังฆราช มีงานที่ต้องรับผิดชอบมากมาย
พระคุณเจ้านำความคิดของเราว่า ให้เราย้อนนึกไปถึงสภาพความเป็นจริงในยุคสมัยของพระเยซูเจ้า
เมื่อ 2000 กว่าปีที่ผ่านมา ขนบธรรมเนียมประเพณีสมัยนั้น กับสมัยนี้แต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อีกอย่างในขณะนั้น แม่พระอายุน่าจะสัก 16 ปี ไม่ถึง 20 อยู่ๆก็มีเทวดามาบอก
การลงโทษการผิดประเวณีรุนแรง ให้คนขว้างก้อนหินใส่จนกว่าจะตาย
บิดามารดาฝ่ายหญิงจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านนั้น
แม้แต่นักบุญยอแซฟเอง มีการหมั้นไว้จริงอยู่ แต่ยังไม่มีการแต่งงาน
ผู้คนในหมู่บ้านยังไม่ร่วมรับรู้อย่างเป็นทางการ
ก็โดนหินขว้างทั้งคู่ ในกรณีมีลูกก่อนงานแต่งงาน
เรียกได้ว่าเป็นการเสี่ยง ยอมเสี่ยงชีวิต และการรับคำ "ขอให้ข้าพเจ้าเป็นไปตามนำพระทัยพระเจ้านั้น"
ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของคริสตชนในการปฏิบัตตามนำพระทัยของพระเจ้า
แบ่งปันความทุกข์ของแม่พระ แบบอย่างที่ดีของคริสตชน ซึ้งคะ
