มีคำถามที่สงสัยอยู่ 3 ข้อค่ะ
ข้อ 1 คือว่า เป็นคนเกิดปีมะโรงอ่าค่ะ
แล้วปีนี้ปีมะโรงชง
ไม่สามารถไปไหว้พระที่ไหนได้
คือว่าหนูผิดไหมค่ะที่เชื่อเรื่องดวง คือไม่ถึงกับเชื่อมากๆอะค่ะ
แต่อยากทำให้ตัวรู้สึกสบายใจมากกว่า
หนูจะขอพรจากพระเจ้าให้ชีวิตราบรื่นได้ไหมค่ะ
แทนที่จะไปไหว้พระเหมือนเมื่อก่อน
ข้อ 2 สิบลด คืออะไรหรอค่ะ
ข้อ 3 คริสเตียนกับคริสตัง ต่างกันยังไงค่ะ
ขอโทษนะค่ะ หากพิมพ์อะไรผิดประการใด
ขอบคุณค่ะ พระเจ้าอวยพร
มีคำถามมาถามพี่ๆในบอร์ดนี้ค่ะ^^
จ๊ะ..งั้นขอทราบรายละเอียดต่ออีกนิดนะจ๊ะ ...Fine-SHMILY เขียน: มีคำถามที่สงสัยอยู่ 3 ข้อค่ะ
ข้อ 1 คือว่า เป็นคนเกิดปีมะโรงอ่าค่ะ
แล้วปีนี้ปีมะโรงชง
ไม่สามารถไปไหว้พระที่ไหนได้
คือว่าหนูผิดไหมค่ะที่เชื่อเรื่องดวง คือไม่ถึงกับเชื่อมากๆอะค่ะ
แต่อยากทำให้ตัวรู้สึกสบายใจมากกว่า
หนูจะขอพรจากพระเจ้าให้ชีวิตราบรื่นได้ไหมค่ะ
แทนที่จะไปไหว้พระเหมือนเมื่อก่อน
ข้อ 2 สิบลด คืออะไรหรอค่ะ
ข้อ 3 คริสเตียนกับคริสตัง ต่างกันยังไงค่ะ
ขอโทษนะค่ะ หากพิมพ์อะไรผิดประการใด
ขอบคุณค่ะ พระเจ้าอวยพร
ไม่ทราบว่าน้องเป็นคริสตัง คาธอลิก หรือ คริสเตียน หรือเป็นสมาชิกของคริสตจักร ไหนล่ะจ๊ะ

ขอตอบให้คุณน้องครับ(แต่พี่น้องท่านอื่นช่วยตอบเสริมด้วยนะครับ)
คำถามข้อแรก ผมไม่ขอตอบครับ แต่ขอตอบว่า หากคุณเป็นคริสตชน(แล้ว) คำตอบของข้อแรกคือ " ซูแปร์ติซัง" ครับผม
คำถามข้อสอง ธรรมเนียมเรื่องสิบลดนี้ เป็นคำสอนของคริสตจักรโปรแตสแตนด์ครับ โดยอ้างพระคัมภีร์ที่ชาวอิสราเอล มีทั้งหมดสิบสองเผ่า และเผ่า " เลวี" คือชนชาติที่เป็นพระสงฆ์และนักศาสนา ที่ทำงานเกี่ยวกับพิธีกรรมทางความเชื่อ ดังนั้นพระเจ้า(ในพระคัมภีร์เดิม)จึงมีกฎให้ชาวยิวเผ่าอื่นๆทั้งหมด หักผลผลิต(ที่เป็นอาหาร การกิน และสิ่งอื่นๆ) หรือรายได้ที่เป็นตัวเงิน ในจำนวนสิบเปอร์เซนต์จากร้อยเปอร์เซนต์ของรายได้(หรือผลผลิต) เพื่อมอบให้แก่เผ่าเลวีครับ เพราะนักบวชเหล่านั้น ไม่มีรายได้อะไรเลี้ยงชีพ มีหน้าที่เพียงประกอบพิธีกรรมในศาสนาของศาสนายิว
ในสังคมโปรแตสแตนด์นั้น สมาชิก(สัตบุรุษ) ต้องถวายเงินสิบเปอร์เซนต์ของรายได้ตนเอง กับถุงถวายทาน หรือให้ตรงๆกับมือของศิษยาพิบาล(อนุศาสนจารย์) เพื่อให้โบสถ์มีรายได้ และสามารถดำเนินงานด้านการบริการต่อสมาชิก ด้านความเชื่อ เทศนา คำสอน และฯลฯ และรายได้ส่วนนี้ อนุศาสนจารย์ ยังใช้เติมน้ำมันรถโบสถ์ เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียของตัวท่านเอง รวมทั้งใช้ในการแพร่ธรรมด้วยครับ
ในส่วนของโรมันคาทอลิกนั้น ไม่มีการกำหนดในลักษณะนี้ จะให้ จะถวาย อยู่ที่จิตศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่ตัวเองมีในกระเป๋าครับ
คำถามข้อสาม
คริสเตียน คือ คริสตชนไทย นิกายโปรแตสแตนด์ครับ
คริสตัง คือ คริสตชนไทย นิกายโรมันคาทอลิกครับ
ขอบคุณครับ
ขอพระอวยพรคุณครับผม
คำถามข้อแรก ผมไม่ขอตอบครับ แต่ขอตอบว่า หากคุณเป็นคริสตชน(แล้ว) คำตอบของข้อแรกคือ " ซูแปร์ติซัง" ครับผม
คำถามข้อสอง ธรรมเนียมเรื่องสิบลดนี้ เป็นคำสอนของคริสตจักรโปรแตสแตนด์ครับ โดยอ้างพระคัมภีร์ที่ชาวอิสราเอล มีทั้งหมดสิบสองเผ่า และเผ่า " เลวี" คือชนชาติที่เป็นพระสงฆ์และนักศาสนา ที่ทำงานเกี่ยวกับพิธีกรรมทางความเชื่อ ดังนั้นพระเจ้า(ในพระคัมภีร์เดิม)จึงมีกฎให้ชาวยิวเผ่าอื่นๆทั้งหมด หักผลผลิต(ที่เป็นอาหาร การกิน และสิ่งอื่นๆ) หรือรายได้ที่เป็นตัวเงิน ในจำนวนสิบเปอร์เซนต์จากร้อยเปอร์เซนต์ของรายได้(หรือผลผลิต) เพื่อมอบให้แก่เผ่าเลวีครับ เพราะนักบวชเหล่านั้น ไม่มีรายได้อะไรเลี้ยงชีพ มีหน้าที่เพียงประกอบพิธีกรรมในศาสนาของศาสนายิว
ในสังคมโปรแตสแตนด์นั้น สมาชิก(สัตบุรุษ) ต้องถวายเงินสิบเปอร์เซนต์ของรายได้ตนเอง กับถุงถวายทาน หรือให้ตรงๆกับมือของศิษยาพิบาล(อนุศาสนจารย์) เพื่อให้โบสถ์มีรายได้ และสามารถดำเนินงานด้านการบริการต่อสมาชิก ด้านความเชื่อ เทศนา คำสอน และฯลฯ และรายได้ส่วนนี้ อนุศาสนจารย์ ยังใช้เติมน้ำมันรถโบสถ์ เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียของตัวท่านเอง รวมทั้งใช้ในการแพร่ธรรมด้วยครับ
ในส่วนของโรมันคาทอลิกนั้น ไม่มีการกำหนดในลักษณะนี้ จะให้ จะถวาย อยู่ที่จิตศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่ตัวเองมีในกระเป๋าครับ
คำถามข้อสาม
คริสเตียน คือ คริสตชนไทย นิกายโปรแตสแตนด์ครับ
คริสตัง คือ คริสตชนไทย นิกายโรมันคาทอลิกครับ
ขอบคุณครับ
ขอพระอวยพรคุณครับผม
-
- โพสต์: 13
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 31, 2008 1:57 pm
เป็น โปรเตสแตน อะค่ะ^^
" ซูแปร์ติซัง" คืออะไรหรอค่ะ ไม่ทราบอ่าค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำตอบ
" ซูแปร์ติซัง" คืออะไรหรอค่ะ ไม่ทราบอ่าค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำตอบ
-
- โพสต์: 13
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 31, 2008 1:57 pm
" ซูแปร์ติซัง" เข้าใจแล้วค่ะ
ตอนนี้หนูเข้าใจว่า หนูควรจะทำยังไง
ขอบคุณมากกกกกค่ะ
พระเจ้าอวยพรนะค่ะ^^
ตอนนี้หนูเข้าใจว่า หนูควรจะทำยังไง
ขอบคุณมากกกกกค่ะ
พระเจ้าอวยพรนะค่ะ^^
Fine-SHMILY เขียน: เป็น โปรเตสแตน อะค่ะ^^
" ซูแปร์ติซัง" คืออะไรหรอค่ะ ไม่ทราบอ่าค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำตอบ
ไม่เป็นไรครับ อ้อ...พี่มีคำถามกลับไปนะครับ(ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับ) น้องอยู่คริสตจักร(โบสถ์โปรแตสแตนด์)ที่ไหนครับ รับเชื่อมากี่ปีแล้ว ศบ.(ศิษยาพิบาล หรืออนุศาสนจารย์)ชื่อไรครับ ใครเป็นครูรวีวารศึกษา(ครูคำสอนคริสเตียนใหม่ และคริสเตียนที่ต้องการเรียนรื้อฟื้นความเชื่อ) ที่ถามเนี่ย ไม่ได้ว่าอย่างนู้นอย่างนี้หรอกครับ เผื่อเจอคนรู้จัก(พี่เคยมีเพื่อนเป็นนักเรียนพระคัมภีร์ ที่สำเร็จการศึกษาแล้วเป็น ศบ. และนักเรียนครูรวีวาร เมื่อสิบปีที่แล้ว ท่านเหล่านั้น ป่านนี้คงได้เป็นตัวจริงหมดแล้ว) เผื่อเจอคนรู้จักเท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับ
หากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับความเชื่อคริสเตียน และการวางตัว การปฎิบัตตัว ให้ถามพี่ในนี้(หรือหลังไมค์ได้ครับ) ไม่อยากให้น้องโดน ศบ. หรือครูรวีวารเขาดุน้องเอา(ซึ่งพี่ไม่ชอบเลย ถามพี่ดีกว่า) ที่พูดเพราะรักนะครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
เข้ามาเพิ่มเติมนิดนึง
(คริสเตียน)Christian =ภาษาอังกฤษ
(คริสตัง)Chrétien =ภาษาฝรั่งเศส
ทั้ง2คำ มีความหมายเดียวกันครับว่า คริสตชน(ทุกนิกาย)
เพียงแต่ว่า ในไทยนั้น นิกายโรมันคาทอลิกได้เข้ามากับพวก ฝรั่งเศส ฮอลันดาโปร์ตุเกส สมัยอยุธยา
ก็เลยออกสำเนียง ตังๆอย่างข้างต้น
ในขณะโปรแตสแตนท์ สายเพรสไบทีเรียน เข้ามากับอเมริกัน ดร.แบรดลีย์ (หรือที่เรารู้จักว่าหมอบลัดเลย์นั่นละครับ)
ดังน้น อังกฤษคาทอลิก ก็จะออกเสียงเรียกตนเองว่า คริสเตียนเหมือนกันครับ^^
(คริสเตียน)Christian =ภาษาอังกฤษ
(คริสตัง)Chrétien =ภาษาฝรั่งเศส
ทั้ง2คำ มีความหมายเดียวกันครับว่า คริสตชน(ทุกนิกาย)
เพียงแต่ว่า ในไทยนั้น นิกายโรมันคาทอลิกได้เข้ามากับพวก ฝรั่งเศส ฮอลันดาโปร์ตุเกส สมัยอยุธยา
ก็เลยออกสำเนียง ตังๆอย่างข้างต้น
ในขณะโปรแตสแตนท์ สายเพรสไบทีเรียน เข้ามากับอเมริกัน ดร.แบรดลีย์ (หรือที่เรารู้จักว่าหมอบลัดเลย์นั่นละครับ)
ดังน้น อังกฤษคาทอลิก ก็จะออกเสียงเรียกตนเองว่า คริสเตียนเหมือนกันครับ^^
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ซูแปร์ติซัง เป็นภาษาลาติน แปลว่า งมงายครับ ภาษาอังกฤษคือ superstitious
ถ้าเป็นคริสตชน
จะเกิดปีไหน ปีไหนชง ปีไหนเขย่า อะไรมันจะมากระทบกับเรา ไม่เกี่ยวทั้งนั้นครับ
พระเป็นเจ้าดูเราอยู่ ทุกอย่างพระคุมอยู่
เรื่องร้ายๆมีได้เพราะพระอนุญาตครับ
เรื่องดีๆมีได้เพราะพระอวยพรครับ
เชื่ออย่างนี้แล้วจะสบายใจ
ถ้าเป็นคริสตชน
จะเกิดปีไหน ปีไหนชง ปีไหนเขย่า อะไรมันจะมากระทบกับเรา ไม่เกี่ยวทั้งนั้นครับ
พระเป็นเจ้าดูเราอยู่ ทุกอย่างพระคุมอยู่
เรื่องร้ายๆมีได้เพราะพระอนุญาตครับ
เรื่องดีๆมีได้เพราะพระอวยพรครับ
เชื่ออย่างนี้แล้วจะสบายใจ
ขออนุญาติออกความคิดนิดหนึ่งนะคับ จะแปลว่า " งมงาย " ก็คงไม่ตรงตัวนักนะครับ ความหมายของ " ซูแปร์ติซัง" ตามหนังสือคำสอนข้อความเชื่อคริสตัง ส่วนใหญ่จะอธิบายในลักษณะที่ว่า การเชื่อในอำนาจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเร้นลับ อำนาจนายผี ภูตผี เครื่องราง ของขลัง มนต์ดำ ไสยเวทย์ พ่อมด หมอผี บูชาวิญญาณ และเชื่อในเรื่องผีบุญ ผีบอกครับ และการถือโชคถือลาง ถือตัวเลขและเวลา โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้น จะสามารถให้คุณให้โทษกับตนเองได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเจ้าตัว(หากเป็นคริสตชน)ขาดความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก ที่พระฯ ทรงเมตตา ดูแล และรับฟังคำภาวนาของเราอยู่เสมอ รวมทั้งเป็นการเชื่อสิ่งอื่น อำนาจผีวิญญาณ มนต์ดำและหมอผี โชคลางยามบอก มากกว่าอำนาจแห่งแสงสว่างของพระเป็นเจ้า เพราะผู้ไถ่ครับライク ๐ ア ๐ イエベン เขียน: ซูแปร์ติซัง เป็นภาษาลาติน แปลว่า งมงายครับ ภาษาอังกฤษคือ superstitious
เหมือนเวลามีปัญหาควรถามพ่อแม่ที่รักและหวังดีต่อเรา แต่ดันผ่าไปถามโจร ถามพ่อมดมนต์ดำ ถามภูตผี อะไรอย่างนั้นแหละครับ(พูดเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆครับ)
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ลองอ่านอันนี้ดูนะคะ http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 45#p143045Fine-SHMILY เขียน: ข้อ 1 คือว่า เป็นคนเกิดปีมะโรงอ่าค่ะ
แล้วปีนี้ปีมะโรงชง
ไม่สามารถไปไหว้พระที่ไหนได้
คือว่าหนูผิดไหมค่ะที่เชื่อเรื่องดวง คือไม่ถึงกับเชื่อมากๆอะค่ะ
แต่อยากทำให้ตัวรู้สึกสบายใจมากกว่า
หนูจะขอพรจากพระเจ้าให้ชีวิตราบรื่นได้ไหมค่ะ
แทนที่จะไปไหว้พระเหมือนเมื่อก่อน
เอ่อ และไม่ทราบว่าจะตรงไปไหม ถ้าจะบอกว่า การไปดูดวงเป็นการแสดงถึงความไม่ไว้วางใจในพระเจ้า ค่ะ
ไม่ไว้วางใจอย่างไร?...ไม่ไว้ใจให้พระเจ้าจัดการชีวิตของเราได้ตามน้ำพระทัย นั่นเอง
อุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา...นั่นคือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า...
ไม่ใช่ว่าพระองค์ต้องการเห็นลูกๆ ของพระองค์ลำบากหรือทุกข์ใจ แต่ หากไม่มีอุปสรรค เราจะไม่มีวันเติบโต ค่ะ
พระองค์ทรงรักเรามาก ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่นและวางใจในพระองค์เสมอ ว่า พระองค์จะมอบ "สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา" ให้กับเราค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ธรรมชาติและพฤติกรรมของพระต่อสรรพสิ่งสร้างนั้นไม่ได้ค้ำประกันว่าเราจะไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง หรือไม่ตาย
เป็นแต่เพียงบอกว่าพระอยู่กับเราเสมอ เราไว้ใจพระองค์ได้
เราจินตนาการว่า ภาพลักษณ์ของพระเจ้าเป็นอย่างไร ก็ลองตอบคำถามนี้ดูใน 2 ข้อนี้ ว่า ข้อไหนที่เรา "เห็นด้วย"
1.อย่ากลัวไปเลย จงไว้ใจพระ และพระจะคุ้มครองไม่ให้สิ่งที่เรากลัวเกิดขึ้นกับเรา
2.อย่ากลัวไปเลย จงไว้ใจพระ สิ่งที่น่ากลัวมักเกิดขึ้นกับเรา แต่ไม่ต้องกลัวเพราะพระจะอยู่เคียงข้างเรา
ข้อ 2 เท่านั้นที่เป็นความเชื่อของศาสนาแท้ ข้อแรกเป็นแค่เพ้อฝัน พระของเราไม่ได้มาปลดปล่อยเราให้พ้นจากพันธนาการของปัญหาและความวิตกกังวลต่างๆ แต่จะอยู่กับเรา ช่วยเราหาคำตอบแบบเพื่อนคู่คิด และทนทุกข์ทรมานร่วมกับเราถ้าปัญหานั้นแก้ไม่ได้ แน่นอนเราคงอยากให้พระฉุดเราแกจากปลักแห่งปัญหาร้อยแปด แต่พระก็ทรงตอบคำขอของเรารวดเร็วเหมือนตอบโมเสส เมื่อท่านถามพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าเป็นใคร ข้าพเจ้าคิดจะไปหาฟาโรห์และนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์" พระองค์ทรงตอบสั้นๆ และตรงประเด็นว่า "ไม่ต้องกลัว เราจะสถิตอยู่กับเจ้า" (อพย. 3:12)
(ที่มา : John Fuellenbach, ประกายแห่งชีวิต, เรียบเรียงโดย ชาติ ชลทิศ และ ไข่มุก สวัสดิ์ภักดี (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์พระมหาไถ่, 2546), 26-27.)
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ ศุกร์ ก.พ. 13, 2009 11:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.