--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเชื้อเชิญเยาวชนคาทอลิกประกาศความเชื่อในพระเจ้าผ่านสื่อใหม่ (นิว มีเดีย) เช่นเดียวกับการเตือนสติ อย่าบ้าพวก "โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คกิ้ง" อาทิ ไฮไฟว์ เฟซบุ๊ค จนเกินไป เพราะอาจทำให้กลายเป็นคนไม่มีสังคมในโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา พระอัครสังฆราชเคลาดิโอ เชลลี่ ประธานสมณสภาสื่อสารสังคม ได้เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวสารวันสื่อมวลชนสากล ครั้งที่ 43 ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงออกภายใต้หัวข้อ "เทคโนโลยีใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแห่งความเคารพ เสวนา และมิตรภาพ" (New Technologies, New Relationships: Promoting a Culture of Respect, Dialogue and Friendship) ซึ่งตามกำหนดการแล้ว วันสื่อมวลชนสากล ครั้งที่ 43 ตรงกับวันที่ 24 พฤษภาคม 2009 แต่สาเหตุที่สันตะสำนักเปิดตัวสารพระสันตะปาปาในวันนี้ ก็เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะกระทำในวันที่ 24 มกราคม ซึ่งตรงกับวันระลึกถึงนักบุญฟรานซิส เดอ ซาเลส องค์อุปถัมภ์ของนักหนังสือพิมพ์
สำหรับใจความสำคัญของสารวันสื่อมวลชนสากล พระสันตะบิดาเจ้าทรงให้ข้อคิดว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่คือของขวัญจากพระเจ้าที่ประทานให้มนุษย์ นอกจากนี้ ทรงอธิบายถึงประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ท เช่นเดียวกับการสนับสนุนให้ทุกคนใช้อินเตอร์เน็ทในทางที่ถูกต้อง ก่อนจะปิดท้าย ด้วยการขอให้เยาวชนคาทอลิกเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์บนโลกดิจิตอล
พระสันตะปาปา ระบุในสารว่า "พ่อตระหนักถึงผู้ที่สร้างสังคมยุคติจิตอลขึ้นมา และก็อยากจะแบ่งปันว่า ถ้าพวกเขาใช้สื่อดิจิตอลส่งเสริมความเข้าใจอันดีงามและความเป็นหนึ่งเดียวกัน เทคโนโลยีเหล่านี้ก็คือของขวัญจากพระเจ้าที่ประทานให้มนุษยชาติอย่างแท้จริง และเราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจถึงประโยชน์ที่เทคโนโลยีเหล่านี้มอบให้กับผู้คนและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้พิการและผู้อ่อนแอทั้งหลาย"
ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ยังทรงชื่นชมความสามารถของเยาวชนสมัยนี้ ที่สามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ในการติดต่อกับผู้อื่นได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมทั้งชมเทคโนโลยีสมัยใหม่ว่า ช่วยให้ทำอะไรได้สะดวกสบายขึ้นเยอะ
"เยาวชนสมัยนี้ มีความสามารถอย่างหลากหลายในการใช้สื่อใหม่ติดต่อกับผู้อื่น พวกเขาหันมาใช้เทคโนโลยีประหนึ่งวิธีการสื่อสาร พบปะ เข้าสังคมกับเพื่อนฝูง เช่นเดียวกับ การแสวงหาข้อมูลข่าวสารและแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดแก่กัน มีประโยชน์มากมายที่ออกมาจากวัฒนธรรมการสื่อสารสมัยใหม่ อาทิ ครอบครัวต่างๆสามารถติดต่อกับสมาชิกที่อยู่ห่างไกล นักเรียนและนักวิจัยมีแหล่งข้อมูลทันทีที่ต้องการค้นหาเอกสารต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น ธรรมชาติการสื่อสารโต้ตอบไปมาของสื่อใหม่ ยังได้อำนวยความสะดวกให้กับรูปแบบการศึกษาและการสื่อสารหลายอย่าง ด้วยวิธีนี้เองที่ทำให้มันได้มอบสิ่งดีให้กับการพัฒนาทางสังคม"
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงย้ำเตือนว่า แม้เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยให้อะไรดูง่ายและรวดเร็วไปหมด กระนั้น ต้องไม่ลืมว่า ความสัมพันธ์และมิตรภาพที่เรามีต่อผู้อื่น ไม่ได้เกิดจากความช่วยเหลือของเทคโนโลยี แต่มันมาจากพระเจ้าเท่านั้น "เมื่อเราพบว่าตัวเองมีความใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือเมื่อเราต้องการรู้จักเขาและต้องการให้เขารู้จักเรา สิ่งนี้เกิดจากการตอบสนองเสียงเรียกของพระเจ้า นี่คือเสียงเรียกที่ตราตรึงอยู่ในธรรมชาติมนุษย์ ประดุจสิ่งสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้า"
พระสันตะปาปา ผู้ทรงพระชนมายุ 81 ชันษา ยังได้เตือนอีกว่า ผู้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ควรให้ความสำคัญเพียงแค่ความรวดเร็วในการสื่อสารเท่านั้น แต่ควรจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่สื่อออกไปด้วย "พ่อขอสนับสนุนให้ทุกคนคนที่มีเจตนาดี ที่มีความกระตือรือร้นในสภาพแวดล้อมอันรีบเร่งของการสื่อสารยุคดิจิตอล ได้อุทิศตนต่อการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเคารพ การเสวนา และมิตรภาพให้แก่กัน"
พระสันตะปาปายังกล่าวถึง "โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คกิ้ง" อย่างเช่น ไฮไฟว์ เฟซบุ๊ค มายสเปซ ซึ่งเป็นสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน พระองค์เตือนว่า มิตรภาพที่แท้จริงต้องมาจากการปฏิสัมพันธ์แบบเห็นหน้ามากกว่าการพูดคุยทางโลกออนไลน์ "มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้า ถ้าความตั้งใจที่จะขลุกกับสังคมออนไลน์ ทำให้เราเหินห่างจากการผูกสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน และคนที่เราพบในชีวิตประจำวันอย่างที่ทำงานและโรงเรียน ถ้าการสื่อสารแบบนี้กลายเป็นการหมกมุ่นจนเกินไป มันก็จะทำให้เรากลายเป็นคนโดเดี่ยวในโลกแห่งความเป็นจริง"
แม้เทคโนโลยีสมัยใหม่จะแผ่ขยายอิทธิพลไปเรื่อยๆ กระนั้น ยังมีคนอีกมากที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับของขวัญชิ้นนี้ที่พระเจ้าประทานให้ เพียงเพราะความยากจน พระสันตะปาปา จึงตรัสถึงปัญหานี้ว่า "มันจะเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับคนรุ่นต่อไปก็ว่าได้ ถ้าหากอุปกรณ์การสื่อสารสมัยใหม่เหล่านี้ ซึ่งทำให้เราได้แบ่งปันความรู้และข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไปไม่ถึงมือผู้ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม และมันก็จะเป็นเรื่องเศร้าอีกเช่นกัน ถ้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำได้เพียงแค่ถ่างช่องว่างระหว่างคนยากจนกับสังคมสมัยใหม่ ให้ไกลออกไปอีก"
ตอนท้าย พระสันตะปาปา ทรงสั่งงานบรรดาเยาวชนให้เป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์บนโลกดิจิตอล เช่นเดียวกับการใช้สื่อใหม่ในการประกาศพระวรสาร
"เยาวชนคาทอลิกที่รัก พ่อขอสนับสนุนพวกเธอให้นำการเป็นประจักษ์พยานแห่งความเชื่อไปสู่โลกดิจิตอล ... ทุกวันนี้ การประกาศพระนามพระคริสตเจ้าในโลกเทคโนโลยีสมัยใหม่เรียกร้องความรู้ในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น มันจึงเป็นหน้าที่ของพวกเธอ บรรดาเยาวชนที่มีความรักโดยธรรมชาติต่อแนวทางการสื่อสารสมัยใหม่ ขอให้พวกเธอมีความรับผิดชอบต่อการประกาศพระนามของพระเยซูบนโลกดิจิตอล จงมีความมั่นใจที่จะประกาศพระวรสารด้วยใจร้อนรน พวกเธอทราบถึงความกลัว ความหวัง แรงบันดาลใจ และความผิดหวังของคนรุ่นพวกเธอดี ดังนั้น ของขวัญที่ดีที่สุดที่เธอสามารถมอบให้พวกเขาก็คือการแบ่งปันข่าวดีในองค์พระเยซูคริสต์ พระเจ้าผู้ทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพเพื่อช่วยเราทุกคนให้ได้รับความรอด"
"ขอให้พวกเธอกลายเป็นผู้ประกาศข่าวดี !! พระสันตะปาปาจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเธอ โดยทางคำภาวนาและคำอวยพรที่มีต่อพวกเธอ" พระสันตะปาปา ผู้ผ่านงานเยาวชนโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ระบุปิดท้าย
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!4765.entry
ใช่เลย