ระหว่าง แม่ กับแฟน เลือกอะไรดีครับ
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
ผมมีคำถามเพื่อน พี่ น้อง ทุกคนในบอร์ดนี้ ว่าระหว่าง แฟน กัน แม่ จะเลือกใครดี แบบว่าคนหนึ่งก้อรัก อีกคนก้อใครจะให้ความรักและเคารพ ช่วยคิดหน่อยดิ มันอาจจะไม่สมกับบอร์ดนี้นะครับ แต่ก้อลองคิดเล่น ๆ ก้อได้ครับ เผือผมมีทางออก :afro:
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ความจริงก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วยน่ะนะ ว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด เพราะบางครั้งคุณแม่ก็ทำเกินเหตุจนไม่งาม แต่คุณแฟนก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบหากมันไม่เหมาะสม
(เราจะไม่ตัดสินตามนิยายหรือละครน้ำเน่า เพราะสิ่งนั้นไม่อาจเทียบกับความเป็นจริงที่เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง)
แต่ดีที่สุดคือ อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า และพยายามให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาดีกันค่ะ
(เราจะไม่ตัดสินตามนิยายหรือละครน้ำเน่า เพราะสิ่งนั้นไม่อาจเทียบกับความเป็นจริงที่เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง)
แต่ดีที่สุดคือ อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า และพยายามให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาดีกันค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.พ. 28, 2009 12:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
แม่ คือ ผู้ให้กำเนิดครับ เคลียกับท่านก่อนsatoshi_b1 เขียน: ผมมีคำถามเพื่อน พี่ น้อง ทุกคนในบอร์ดนี้ ว่าระหว่าง แฟน กัน แม่ จะเลือกใครดี แบบว่าคนหนึ่งก้อรัก อีกคนก้อใครจะให้ความรักและเคารพ ช่วยคิดหน่อยดิ มันอาจจะไม่สมกับบอร์ดนี้นะครับ แต่ก้อลองคิดเล่น ๆ ก้อได้ครับ เผือผมมีทางออก :afro:
แฟน คือ ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา พบกันคนละครึ่งทาง
ใช้การพูดคุยปัญหาน่าจะจบ
อาศัยการภาวนา,
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
คือแฟนเป็นคนเอาแต่ใจนะครับ คิดว่าตัวเองดีเสมอ ส่วนแม่ จะเป็นคนที่ขี้บ่น แต่ท่านบ่นเพราะอยากให้ได้ดี ผมเข้าใจ แต่ทำไมแฟนเค้าม่ะเข้าใจ เหนื่อยเหลือเกิน :afro: บ้างครั้งก้อทำเหมือนม่ะถูกตาไปทุกอย่าง ม่ะรู้ว่าคบเราเพื่ออะไร เพื่อเงินหรือป่าว บางครั้งผมก้อต้องหาเงินให้พ่อแม่ เพราะท่านเลี้ยงเรามา แต่เค้ากับว่าผมใช้เงินไม่เป็นประโยชน์ พ่อแม่เค้าใส่ใจเราไหม เค้าไม่เข้าใจครอบครัวเราเลย มีแต่ติ ว่านู้นี้
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
ครับจะพยายามครับ แต่ว่าถ้าเราแต่งงานแล้วม่ะมีสิทธิที่จะหย่าเลยหรือครับ :afro:
แนะนำว่าให้คบกันไปนานๆก่อนนะ จากการที่อ่านข้อความส่วนหนึ่งที่คุณมาบอกเล่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องทั้งหมด ก็พอจะดูอะไรเป็นัยๆได้satoshi_b1 เขียน: ครับจะพยายามครับ แต่ว่าถ้าเราแต่งงานแล้วม่ะมีสิทธิที่จะหย่าเลยหรือครับ :afro:
แต่ไม่ทั้งหมดพวกเราเป็นคนนอกไม่ได้เห็นอะไรกับตา ก็แนะนำได้อย่างเดียวว่า
คบกันนานๆ ให้อุปสรรคและเวลาเป็นตัวตัดสินเค้าเองครับผม และอาศัยคำภาวนาของตนให้พระเป็นเจ้าประทานพระพรให้เห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น
มากกว่านี้จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ...
ดูจากที่เล่ามา แฟนควรจะนบนอบ และเชื่อฟังพ่อแม่เราด้วยนะ ....นานๆไปอาจจะไม่สุขและค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆจนปรอทแตก
ถ้ารักจริงๆ ก็ต้องยอมใช้เวลาเปลี่ยนตัวเค้า(แฟน)และตัวเราให้เข้ากัน ค่อยๆเปลี่ยน
ค่อยๆพัฒนาเสียตั้งแต่ตอนนี้ปล่อยไว้จะลำบากภายภาคหน้า และจะเสียเวลาเปล่า ต้องอาศัยคำภาวนา + แรงพยายามของเราประกอบด้วย
และถ้าเป็นไปได้ก็ขอลองคุยกับพ่อแม่ + ท่าน ก่อนเพื่อปรับความเข้าใจในครอบครัวก่อน ว่าท่านอยากจะปรับปรุงและพัฒนาความเข้าใจของแฟนให้ดีมากยิ่งขึ้น และอยากให้เขาเป็นคนดี ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่อีกแรงให้พูดจานิ่มนวล ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ขอกำลังใจจากท่านอีกแรงหนึ่งหนุนให้แฟนเขาเป็นคนดีครับผม .... และลองทดสอบดูด้วยว่าให้เงินแฟนใช้น้อยลง เค้าจะมี Feed Back อะไรตอกกลับมาไหม จะได้เห็นนิสัยแท้ๆของเขาเองครับผม...
"ความรักนั้นย่อมอดทนนาน"
แก้ไขล่าสุดโดย Kichinto เมื่อ เสาร์ ก.พ. 28, 2009 4:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เลือกไมได้ครับ ต้องเอาทั้งคู่
เด๋วพระก้อจัดให้ครับ ขอดีๆ
เด๋วพระก้อจัดให้ครับ ขอดีๆ
"...เขาจะไม่เป็นสองอีกต่อไป เเต่เป็นเนื้อเดียวกัน ฉะนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่างได้เเยกเลย" (มัทธิว19:6)satoshi_b1 เขียน: ครับจะพยายามครับ แต่ว่าถ้าเราแต่งงานแล้วม่ะมีสิทธิที่จะหย่าเลยหรือครับ :afro:
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เห็นด้วยที่สุดครับ ไม่ว่ายังไงก็เลือกไม่ได้ครับ ต้องประคับประคองทั้ง 2 ฝ่ายครับอันตน เขียน: เลือกศีลสมรสและบัญญัติของพระเจ้าข้อสี่ครับ นั่นหมายถึงว่าคุณจะตัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไม่ได้ จะยังไงๆก็ต้องมีทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีทางออกหลายวิธีครับลองค่อยๆคิดดู ขอพระจิตเจ้าทรงนำในยามที่เผชิญปัญหาสิครับ

วันนี้น้องมิวตอบดีมากๆๆๆBatholomew เขียน:เห็นด้วยที่สุดครับ ไม่ว่ายังไงก็เลือกไม่ได้ครับ ต้องประคับประคองทั้ง 2 ฝ่ายครับอันตน เขียน: เลือกศีลสมรสและบัญญัติของพระเจ้าข้อสี่ครับ นั่นหมายถึงว่าคุณจะตัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไม่ได้ จะยังไงๆก็ต้องมีทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีทางออกหลายวิธีครับลองค่อยๆคิดดู ขอพระจิตเจ้าทรงนำในยามที่เผชิญปัญหาสิครับ![]()
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
จากที่ จขกท. ว่าเพิ่มเติมมา ถ้าเป็นปกติเราคงแนะนำให้เลือกแม่ไปแล้ว แต่คำตอบของมิวดีมาก ๆ เลยค่ะ
อ่า...ปกติเลือกแม่นะ คือ ข้าพเจ้าเป็นเด็กทีเ่อาแต่ใจคนหนึ่ง (มากๆ)
และปกติก็จะไม่ค่อยยอมแม่เท่าไหร่ (บ่อยๆ) ยกเว้นเรื่องพวกนี้ (ขัดใจ)
แต่ในความเป็นจริงๆ แฟนหลายๆ คนก็เลิกเพราะแม่ หรือป้า (ป๊าจะไม่ค่อยยุ่งแบบเข้าใจหัวอก)
ตอนเป็นหนุ่มใหม่ๆ พาแฟนเข้าบ้านครั้งแรก แม่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า (หน้าชาเลยเรา แต่คุณเธอไม่รู้ตัว)
แล้ว แม่ก็ไม่รับไหว้ ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า แบบเป็นอากาศธาตุ
(เธอก็ยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่แม่ไม่ตอบอะไรเธอเลย)
จนสุดท้ายข้าพเจ้าทนไม่ไหว ต้องพาเธอออกไปเที่ยวข้างนอกแทน
และสุดท้ายก็เลิกกัน
และก็เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ หลายครั้งมากๆๆๆ จะมีบางคนที่แม่ชอบ แต่สุดท้ายป้าไม่ชอบ
จนทุกวันนี้ ไม่กล้าพาแฟนกลับบ้านเลย ฮาา กลัว ยอมรับว่ากลัว
และปกติก็จะไม่ค่อยยอมแม่เท่าไหร่ (บ่อยๆ) ยกเว้นเรื่องพวกนี้ (ขัดใจ)
แต่ในความเป็นจริงๆ แฟนหลายๆ คนก็เลิกเพราะแม่ หรือป้า (ป๊าจะไม่ค่อยยุ่งแบบเข้าใจหัวอก)
ตอนเป็นหนุ่มใหม่ๆ พาแฟนเข้าบ้านครั้งแรก แม่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า (หน้าชาเลยเรา แต่คุณเธอไม่รู้ตัว)
แล้ว แม่ก็ไม่รับไหว้ ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า แบบเป็นอากาศธาตุ
(เธอก็ยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่แม่ไม่ตอบอะไรเธอเลย)
จนสุดท้ายข้าพเจ้าทนไม่ไหว ต้องพาเธอออกไปเที่ยวข้างนอกแทน
และสุดท้ายก็เลิกกัน
และก็เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ หลายครั้งมากๆๆๆ จะมีบางคนที่แม่ชอบ แต่สุดท้ายป้าไม่ชอบ
จนทุกวันนี้ ไม่กล้าพาแฟนกลับบ้านเลย ฮาา กลัว ยอมรับว่ากลัว
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขออนุญาตแบ่งปันนะคะ...
ความคิดเป็นพิษลำดับที่ 24
คู่ครองของคุณต้องรักพ่อแม่พี่น้องของคุณด้วย
ดั๊กเป็นลูกชายคนเดียวที่รักครอบครัวมาก เขาสนิทสนมกับน้องสาวทั้งสองคนมาก เมื่อดั๊กแต่งงานกับเบ็ตซี่ เขาคาดหวังว่าเธอจะต้องรักและสนิทสนมกับครอบครัวของเขาด้วย แต่เบ็ตซี่กลับไม่ค่อยชอบน้องทั้งสองของสามีเท่าใดนัก เธอรู้สึกว่าทั้งคู่เอาแต่ใจตัวเอง และเอาใจยาก ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกหงุดหงิดพ่อแม่ของสามี ที่ชอบออกคำสั่งและก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของเธอ เบ็ตซี่เป็นคนสุภาพ เป็นมิตร และให้เกียรติคนในครอบครัวสามีเสมอ แต่เธอไม่ได้รักพวกเขา ถึงแม้ว่าดั๊กจะยอมรับว่าเบ็ตซี่เป็นคนดูอบอุ่นและเป็นมิตรกับครอบครัวเขา แต่เธอไม่ได้รักพ่อแม่และน้องๆ ของเขาอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งสองคนจึงหย่าขาดจากกันหลังแต่งงานได้เพียง 1 ปี
วิเคราะห์
คุณไม่สามารถไปกำหนดกะเกณฑ์ความรู้สึกของผู้อื่นได้ ความจริงแล้ว การทึกทักเอาว่าคุณสามารถบอกให้คนอื่นรู้สึกอย่างที่คุณต้องการนั้นเป็นสิ่งโง่เขลา ความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ ของคุณถูกควบคุมโดยปฏิกิริยาที่ซับซ้อนต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน และอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนกิดจากตัวคุณเอง อิสรภาพอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในชีวิตที่ไม่มีใครฉกฉวยไปจากคุณได้ก็คือ เรามีสิทธิที่จะรู้สึกอย่างไรก็ได้ หากคุณคิดว่าการแย่งสิทธินั้นไปจากคนที่คุณรักแล้ว จะไม่เป็นการทำลายตนเองหรือเสี่ยงไปหน่อยหรือ? ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของผู้ที่มีวุฒิภาวะนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า คู่ของคุณจะต้องรักพ่อแม่และพี่น้องของคุณตามคำสั่ง เช่น “คุณจะต้องรักแม่และพ่อของฉัน” เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล แม้ว่าคุณจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพียงใดก็ตาม ที่จะให้คู่ของคุณรักพ่อแม่และพี่น้องของคุณเหมือนอย่างคุณ และถ้าคุณพยายามสั่งให้คู่ของคุณรู้สึกอย่างที่คุณต้องการแล้ว ย่อมเกิดผลเสียตามมาอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณต้องยอมให้คู่ของคุณมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับญาติพี่น้องของคุณอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน แม้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะบอกผู้อื่นให้รู้สึกอย่างที่คุณต้องการ แต่คุณควรบอกให้คู่ครองของคุณทราบว่า คุณปรารถนาให้เขาแสดงออกอย่างไร เช่น ขอให้คู่ของคุณแสดงพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น “ฉันอยากให้คุณยิ้มแย้มแจ่มใสกับพ่อแม่ของฉัน” หรือ “ฉันอยากให้คุณทำตัวน่ารักกับพ่อแม่ของฉัน” ซึ่งเป็นคำขอร้องที่สมเหตุสมผล
ไคลฟว์และบาร์บาร่านำคำแนะนำที่ว่านี้ไปปรับใช้กับครอบครัวของบาร์บาร่า ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ บาร์บาร่ารักและสนิทสนมกับพ่อแม่ของเธอมาก แต่ว่าไคลฟว์กลับไม่ชอบพ่อแม่ของเธอเลย เขารู้ดีว่าภรรยารักและเคารพบุพพการีของเธอมากเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดหรือแสดงความรู้สึกในด้านลบออกมา ตรงกันข้าม เขาปฏิบัติต่อพ่อแม่และพี่น้องของภรรยาอย่างให้เกียรติเสมอ ซึ่งบาร์บาร่าเองก็รู้ว่าสามีไม่ได้ชอบพ่อแม่ของเธอเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่เธอคิดว่า เขารู้สึกอย่างไรกับพ่อแม่ของเธอไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ เขาแสดงพฤติกรรมอย่างไรต่างหาก เพราะการมีความรักอย่างจริงใจและความเอื้ออาทรอยู่ในครอบครัวขยาย จะทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตแต่งงานอบอุ่นหวานชื่นอยู่เสมอ แต่ชีวิตแต่งงานที่มีความสุขนั้นไม่ได้หมายความว่า สายสัมพันธ์แห่งรักจะต้องขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ฝ่ายหนึ่งมีต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของอีกฝ่ายหนึ่ง คุณอาจทำให้คู่ของคุณมีความรู้สึกดีๆ ต่อบรรดาเครือญาติของคุณได้ แต่ควรคาดหวังเพียงว่าคู่ของคุณจะทำตัวน่ารักกับญาติพี่น้อง ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า ญาติพี่น้องของคุณก็ต้องแสดงออกในด้านบวกกับคู่ของคุณด้วย เพราะถ้าพ่อแม่หรือพี่น้องของคุณต้องการเป็นที่รักของผู้อื่น พวกเขาก็จำเป็นต้องทำตัวให้น่ารักด้วยเหมือนกัน
การบำบัดและแก้ไข
แนวคิดที่ช่วยให้หลุดจากความคิดเป็นพิษ
- ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคู่ครองนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
- ความรู้สึกและการกระทำมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
- การขอให้คู่ครองแสดงพฤติกรรมทางบวกต่อพ่อแม่พี่น้องของฉันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและพึงกระทำ
- แม้ว่าฉันจะรักพ่อแม่พี่น้องของฉัน แต่คนรักของฉันเลือกฉันเป็นคู่ครอง ไม่ใช่เลือกญาติพี่น้องของฉัน
- ฉันจะสนใจเฉพาะสิ่งที่คู่ของฉันทำให้ครอบครัวของฉันมากกว่าจะเน้นในสิ่งที่ไม่ได้ทำ
แนวความคิดต้านความเป็นพิษ
คู่ครองของฉันควรปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวของฉันอย่างยกย่องและให้เกียรติ โดยไม่จำเป็นต้องรักพวกเขาด้วย
(ที่มา: Arnold A. Lazarus, Clifford N. Lazarus, and Allen Fay, "ความคิดเป็นพิษลำดับที่ 24 :
คู่ครองของคุณต้องรักพ่อแม่พี่น้องของคุณด้วย," ใน ปลดล็อกความคิด สู่ชีวิตสดใส, แปลโดย นุชนาฏ และ ดร.สุวันชัย หวนนากลาง (กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั้น, 2551), 128-131.)
หวังว่าที่พิมพ์มาทั้งหมด คงจะเป็นประโยชน์ต่อ จขกท. ไม่มากก็น้อยนะคะ
หนังสือเล่มนี้ที่ชื่อว่า "ปลดล็อกความคิด สู่ชีวิตสดใส" เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ดีมากเล่มหนึ่งค่ะ ลองไปหาซื้อดูนะคะ
ป.ล. ในคำนำผู้แปล ผู้แปลบอกว่าได้รับหนังสือเล่มนี้จาก ดร.จีน แบรี ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนผู้แปลขณะที่เรียนปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา
และแท้จริงแล้ว ดร.จีน แบรี่ ที่ผู้แปลกล่าวถึง ก็เป็นคุณพ่อจากคณะเยสุอิตนั่นเอง
(ใครสนใจอ่านเรื่องราวของคุณพ่อท่านนี้ คลิกได้เลยค่ะ http://thaipriest.cbct.net/interview/pj ... rrysj.html)
ความคิดเป็นพิษลำดับที่ 24
คู่ครองของคุณต้องรักพ่อแม่พี่น้องของคุณด้วย
ดั๊กเป็นลูกชายคนเดียวที่รักครอบครัวมาก เขาสนิทสนมกับน้องสาวทั้งสองคนมาก เมื่อดั๊กแต่งงานกับเบ็ตซี่ เขาคาดหวังว่าเธอจะต้องรักและสนิทสนมกับครอบครัวของเขาด้วย แต่เบ็ตซี่กลับไม่ค่อยชอบน้องทั้งสองของสามีเท่าใดนัก เธอรู้สึกว่าทั้งคู่เอาแต่ใจตัวเอง และเอาใจยาก ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกหงุดหงิดพ่อแม่ของสามี ที่ชอบออกคำสั่งและก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของเธอ เบ็ตซี่เป็นคนสุภาพ เป็นมิตร และให้เกียรติคนในครอบครัวสามีเสมอ แต่เธอไม่ได้รักพวกเขา ถึงแม้ว่าดั๊กจะยอมรับว่าเบ็ตซี่เป็นคนดูอบอุ่นและเป็นมิตรกับครอบครัวเขา แต่เธอไม่ได้รักพ่อแม่และน้องๆ ของเขาอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งสองคนจึงหย่าขาดจากกันหลังแต่งงานได้เพียง 1 ปี
วิเคราะห์
คุณไม่สามารถไปกำหนดกะเกณฑ์ความรู้สึกของผู้อื่นได้ ความจริงแล้ว การทึกทักเอาว่าคุณสามารถบอกให้คนอื่นรู้สึกอย่างที่คุณต้องการนั้นเป็นสิ่งโง่เขลา ความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ ของคุณถูกควบคุมโดยปฏิกิริยาที่ซับซ้อนต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน และอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนกิดจากตัวคุณเอง อิสรภาพอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในชีวิตที่ไม่มีใครฉกฉวยไปจากคุณได้ก็คือ เรามีสิทธิที่จะรู้สึกอย่างไรก็ได้ หากคุณคิดว่าการแย่งสิทธินั้นไปจากคนที่คุณรักแล้ว จะไม่เป็นการทำลายตนเองหรือเสี่ยงไปหน่อยหรือ? ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของผู้ที่มีวุฒิภาวะนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า คู่ของคุณจะต้องรักพ่อแม่และพี่น้องของคุณตามคำสั่ง เช่น “คุณจะต้องรักแม่และพ่อของฉัน” เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล แม้ว่าคุณจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพียงใดก็ตาม ที่จะให้คู่ของคุณรักพ่อแม่และพี่น้องของคุณเหมือนอย่างคุณ และถ้าคุณพยายามสั่งให้คู่ของคุณรู้สึกอย่างที่คุณต้องการแล้ว ย่อมเกิดผลเสียตามมาอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณต้องยอมให้คู่ของคุณมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับญาติพี่น้องของคุณอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน แม้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะบอกผู้อื่นให้รู้สึกอย่างที่คุณต้องการ แต่คุณควรบอกให้คู่ครองของคุณทราบว่า คุณปรารถนาให้เขาแสดงออกอย่างไร เช่น ขอให้คู่ของคุณแสดงพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น “ฉันอยากให้คุณยิ้มแย้มแจ่มใสกับพ่อแม่ของฉัน” หรือ “ฉันอยากให้คุณทำตัวน่ารักกับพ่อแม่ของฉัน” ซึ่งเป็นคำขอร้องที่สมเหตุสมผล
ไคลฟว์และบาร์บาร่านำคำแนะนำที่ว่านี้ไปปรับใช้กับครอบครัวของบาร์บาร่า ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ บาร์บาร่ารักและสนิทสนมกับพ่อแม่ของเธอมาก แต่ว่าไคลฟว์กลับไม่ชอบพ่อแม่ของเธอเลย เขารู้ดีว่าภรรยารักและเคารพบุพพการีของเธอมากเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดหรือแสดงความรู้สึกในด้านลบออกมา ตรงกันข้าม เขาปฏิบัติต่อพ่อแม่และพี่น้องของภรรยาอย่างให้เกียรติเสมอ ซึ่งบาร์บาร่าเองก็รู้ว่าสามีไม่ได้ชอบพ่อแม่ของเธอเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่เธอคิดว่า เขารู้สึกอย่างไรกับพ่อแม่ของเธอไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ เขาแสดงพฤติกรรมอย่างไรต่างหาก เพราะการมีความรักอย่างจริงใจและความเอื้ออาทรอยู่ในครอบครัวขยาย จะทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตแต่งงานอบอุ่นหวานชื่นอยู่เสมอ แต่ชีวิตแต่งงานที่มีความสุขนั้นไม่ได้หมายความว่า สายสัมพันธ์แห่งรักจะต้องขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ฝ่ายหนึ่งมีต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของอีกฝ่ายหนึ่ง คุณอาจทำให้คู่ของคุณมีความรู้สึกดีๆ ต่อบรรดาเครือญาติของคุณได้ แต่ควรคาดหวังเพียงว่าคู่ของคุณจะทำตัวน่ารักกับญาติพี่น้อง ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า ญาติพี่น้องของคุณก็ต้องแสดงออกในด้านบวกกับคู่ของคุณด้วย เพราะถ้าพ่อแม่หรือพี่น้องของคุณต้องการเป็นที่รักของผู้อื่น พวกเขาก็จำเป็นต้องทำตัวให้น่ารักด้วยเหมือนกัน
การบำบัดและแก้ไข
แนวคิดที่ช่วยให้หลุดจากความคิดเป็นพิษ
- ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคู่ครองนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
- ความรู้สึกและการกระทำมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
- การขอให้คู่ครองแสดงพฤติกรรมทางบวกต่อพ่อแม่พี่น้องของฉันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและพึงกระทำ
- แม้ว่าฉันจะรักพ่อแม่พี่น้องของฉัน แต่คนรักของฉันเลือกฉันเป็นคู่ครอง ไม่ใช่เลือกญาติพี่น้องของฉัน
- ฉันจะสนใจเฉพาะสิ่งที่คู่ของฉันทำให้ครอบครัวของฉันมากกว่าจะเน้นในสิ่งที่ไม่ได้ทำ
แนวความคิดต้านความเป็นพิษ
คู่ครองของฉันควรปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวของฉันอย่างยกย่องและให้เกียรติ โดยไม่จำเป็นต้องรักพวกเขาด้วย
(ที่มา: Arnold A. Lazarus, Clifford N. Lazarus, and Allen Fay, "ความคิดเป็นพิษลำดับที่ 24 :
คู่ครองของคุณต้องรักพ่อแม่พี่น้องของคุณด้วย," ใน ปลดล็อกความคิด สู่ชีวิตสดใส, แปลโดย นุชนาฏ และ ดร.สุวันชัย หวนนากลาง (กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั้น, 2551), 128-131.)
หวังว่าที่พิมพ์มาทั้งหมด คงจะเป็นประโยชน์ต่อ จขกท. ไม่มากก็น้อยนะคะ

หนังสือเล่มนี้ที่ชื่อว่า "ปลดล็อกความคิด สู่ชีวิตสดใส" เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ดีมากเล่มหนึ่งค่ะ ลองไปหาซื้อดูนะคะ

ป.ล. ในคำนำผู้แปล ผู้แปลบอกว่าได้รับหนังสือเล่มนี้จาก ดร.จีน แบรี ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนผู้แปลขณะที่เรียนปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา
และแท้จริงแล้ว ดร.จีน แบรี่ ที่ผู้แปลกล่าวถึง ก็เป็นคุณพ่อจากคณะเยสุอิตนั่นเอง

(ใครสนใจอ่านเรื่องราวของคุณพ่อท่านนี้ คลิกได้เลยค่ะ http://thaipriest.cbct.net/interview/pj ... rrysj.html)
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 01, 2009 11:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อีกเล่มหนึ่งทีขอแนะนำสำหรับคนมีปัญหากับคู่ครองอันเกิดจากความไม่เข้าใจกัน
"ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์" ของ John Gray
เล่มนี้ดีจริงๆ ข้าพเจ้าชอบมาก เป็นการพูดถึงความแตกต่างทางอารมณ์และความรู้สึกระหว่างชายและหญิง
และอธิบายว่า ควรจะจูนเข้าหากัน รวมถึงปรับความเข้าใจกันอย่างไร จึงจะเหมาะสม
(คนเขียนพูดถึงผู้ชายถูกหรือเปล่าไม่รู้ แต่พูดถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิงได้ตรงเผง!!!
)
ตอนข้าพเจ้าซื้อมา พิมพ์เป็นครั้งที่ 23 เมื่อปี 2549 แต่ปัจจุบันจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
จำนวนครั้ง ก็เป็นการการันตีของความเจ๋งของหนังสือได้ในระดับหนึ่งนะคะ
ลองอ่านตรงนี้ก่อน ถ้าชอบก็ค่อยตัดสินใจซื้อนะคะ http://songkarnbookshelf.tripod.com/marvenus.htm
"ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์" ของ John Gray
เล่มนี้ดีจริงๆ ข้าพเจ้าชอบมาก เป็นการพูดถึงความแตกต่างทางอารมณ์และความรู้สึกระหว่างชายและหญิง
และอธิบายว่า ควรจะจูนเข้าหากัน รวมถึงปรับความเข้าใจกันอย่างไร จึงจะเหมาะสม
(คนเขียนพูดถึงผู้ชายถูกหรือเปล่าไม่รู้ แต่พูดถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิงได้ตรงเผง!!!

ตอนข้าพเจ้าซื้อมา พิมพ์เป็นครั้งที่ 23 เมื่อปี 2549 แต่ปัจจุบันจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
จำนวนครั้ง ก็เป็นการการันตีของความเจ๋งของหนังสือได้ในระดับหนึ่งนะคะ

ลองอ่านตรงนี้ก่อน ถ้าชอบก็ค่อยตัดสินใจซื้อนะคะ http://songkarnbookshelf.tripod.com/marvenus.htm
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ เสาร์ ก.พ. 28, 2009 10:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ถ้าเป็นเราๆก็เลือกแม่นะ ถึงท่านจะไม่เข้าใจเรื่องบางอย่างของเราก็ตาม แต่ยังไงท่านก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเรามากๆและเราก็รักเขามากๆเช่นกัน แต่แฟนน่ะ ถึงอย่างไรถ้าเขารักเราจริง พูดถึงผู้หญิง100ทั้ง100นะ(เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน)ถ้าผู้ชายมาอธิบายดีดี อธิบายด้วยเหตุผลบางทีเราก็เข้าใจนะ(บางครั้งเขาง้อจนหายโกรธแล้วแต่เรายังแกล้งโกรธต่อ.....กลัวเสียฟอร์มน่ะแฮ่ๆ) แต่ถึงยังไงคุณก็ต้องะดกับทั้งสองฝ่ายให้เข้าใจในปัญหาของคุณไม่อย่างนั้นคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
ขอบคุณนะครับ สำหรับคำแนะนำ และก้อกำลังใจที่ให้ผม คำที่คุณ viridian ให้มาถูกใจมาก ทำให้คลายไปได้เยอะเลยครับ ทำให้รู้ว่าเราไม่สามารถบังคับใครได้ แม้แต่ใจเราเองดังนั้นเราก้อไม่ควรไปบังคับใครช่ายป่ะครับ ดีใจมากที่ได้อ่านข้อความนี้ทำให้ตาสว่างขึ้นเยอะเลย
ส่วนหนังสือ ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผมก้อเคยอ่านนะดี จิงๆ แต่ผมอ่านไม่จบหรอกครับ เพราะไปอ่านที่ร้านเดี่ยวเค้าว่าอ่านแล้วม่ะซึ้อ อิๆๆ
อันที่จิงแม่ผมไม่ได้ร้ายเหมือนในละครเหมือนที่พวกคุณคิดนะครับ(ไม่ได้เข้าข้างแม่นะ) และแฟนผมก้อไม่ได้มีปากเสียกันด้วย เรื่องของเรื่องมันคือว่า
แฟนเค้ามักจะว่าครอบครัวผม ว่าแม่ ม่ะทำงาน ว่านู้นี้ตามประสาคนขี้บ่น แต่ไม่ว่าต่อหน้าแม่นะ แต่ว่าที่ผม แล้วเค้ามั่งจะให้ผมเกลียดแม่ตัวเองอยุ่เรื่อย ๆ
(อันนี้ก้อไม่ได้เข้าข้างแม่นะ) แต่ฟังจากเหตุผลแล้วมันม่ะผิดเลย แต่เค้าก้อทำให้เป็นเรืองได้ เก่งนะแม่คนเนี่ย นี้แหล่ะผมถึงได้เข้ามาถามเพือนว่าคิดยังงัย
ถ้าได้แฟนแบบนี้ ตอนแรกก้อแสนดี แต่นานเข้ากับเป็นแบบนี้ ผมเคยให้เงินเค้าไว้ 100 บาท อยู่บ้านเฉย ๆ คงไม่ได้ใช่อ่ะไรมากมาย (เศรษฐกิจแบบนี้) เค้าก้อเอาไปซื้อ อะไรก้อไม่รู้ที่ไมสำคัญ แบบว่าให้ 100 ใช้ 1000 นี้แหล่ะทำให้แม่ท่านบ่น แต่ ท่านก้อไม่ได้ว่านะ ท่านว่าจะใช้อะไรก้อให้พอประมาณตามประสาคนแก่นะครับ แต่เค้ากับมาพูดว่าแม่ว่า ผมยังอยากว่าเลย แต่ก้อไม่อยากพูดเพราะเดี่ยวจะทะเลาะกันอีก เลยปล่อยเลยตามเลย แต่มันเริ่มมากขึ้นทำให้
ผมเริ่มมาคิดว่า เราทำไมเลือกคนนี้ ชีวิตเราเลือกทางผิดหรือป่าว :afro:

ส่วนหนังสือ ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผมก้อเคยอ่านนะดี จิงๆ แต่ผมอ่านไม่จบหรอกครับ เพราะไปอ่านที่ร้านเดี่ยวเค้าว่าอ่านแล้วม่ะซึ้อ อิๆๆ

อันที่จิงแม่ผมไม่ได้ร้ายเหมือนในละครเหมือนที่พวกคุณคิดนะครับ(ไม่ได้เข้าข้างแม่นะ) และแฟนผมก้อไม่ได้มีปากเสียกันด้วย เรื่องของเรื่องมันคือว่า
แฟนเค้ามักจะว่าครอบครัวผม ว่าแม่ ม่ะทำงาน ว่านู้นี้ตามประสาคนขี้บ่น แต่ไม่ว่าต่อหน้าแม่นะ แต่ว่าที่ผม แล้วเค้ามั่งจะให้ผมเกลียดแม่ตัวเองอยุ่เรื่อย ๆ
(อันนี้ก้อไม่ได้เข้าข้างแม่นะ) แต่ฟังจากเหตุผลแล้วมันม่ะผิดเลย แต่เค้าก้อทำให้เป็นเรืองได้ เก่งนะแม่คนเนี่ย นี้แหล่ะผมถึงได้เข้ามาถามเพือนว่าคิดยังงัย
ถ้าได้แฟนแบบนี้ ตอนแรกก้อแสนดี แต่นานเข้ากับเป็นแบบนี้ ผมเคยให้เงินเค้าไว้ 100 บาท อยู่บ้านเฉย ๆ คงไม่ได้ใช่อ่ะไรมากมาย (เศรษฐกิจแบบนี้) เค้าก้อเอาไปซื้อ อะไรก้อไม่รู้ที่ไมสำคัญ แบบว่าให้ 100 ใช้ 1000 นี้แหล่ะทำให้แม่ท่านบ่น แต่ ท่านก้อไม่ได้ว่านะ ท่านว่าจะใช้อะไรก้อให้พอประมาณตามประสาคนแก่นะครับ แต่เค้ากับมาพูดว่าแม่ว่า ผมยังอยากว่าเลย แต่ก้อไม่อยากพูดเพราะเดี่ยวจะทะเลาะกันอีก เลยปล่อยเลยตามเลย แต่มันเริ่มมากขึ้นทำให้
ผมเริ่มมาคิดว่า เราทำไมเลือกคนนี้ ชีวิตเราเลือกทางผิดหรือป่าว :afro:
สำหรับผม ผมเลือก "แม่" แน่นอนครับ ถ้าฝ่ายหญิงที่เป็นแฟนเราทำให้ผมต้องตัดสินใจเลือกผมจะถือว่าแฟนเราไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาเป็นแฟนครับเพราะฉะนั้น ลองจูนความเข้าใจกันดู ถ้าเขารักเราจริงเขาต้องรักแม่ของเราได้ด้วย ถ้าไม่ได้ก็เลิกๆไปเถอะครับ หาใหม่ดีกว่า :rolleyes:
ยินดีค่ะsatoshi_b1 เขียน: ขอบคุณนะครับ สำหรับคำแนะนำ และก้อกำลังใจที่ให้ผม คำที่คุณ viridian ให้มาถูกใจมาก ทำให้คลายไปได้เยอะเลยครับ ทำให้รู้ว่าเราไม่สามารถบังคับใครได้ แม้แต่ใจเราเองดังนั้นเราก้อไม่ควรไปบังคับใครช่ายป่ะครับ ดีใจมากที่ได้อ่านข้อความนี้ทำให้ตาสว่างขึ้นเยอะเลย![]()

ถ้าดี ก็ซื้อสิคะsatoshi_b1 เขียน: ส่วนหนังสือ ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผมก้อเคยอ่านนะดี จิงๆ แต่ผมอ่านไม่จบหรอกครับ เพราะไปอ่านที่ร้านเดี่ยวเค้าว่าอ่านแล้วม่ะซึ้อ อิๆๆ![]()

ถ้าเป็นเรานะเวลานี้ก็ต้องเลือกแม่ก่อน สำหรับแฟน ต้องครบกันไปนาน ๆ เพื่อให้เห็นธาตุแท้ของกันและกันก่อนที่จะตัดสนใจ
ถ้าเลือกแล้ว ทำพิธีแต่งงานหรือศีลสมรสแล้ว หย่ากันไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องพบกันครึ่งทางคือ ต้องเลือกทั้งแม่และแฟนเลยหละ
แยกจากกันไม่ได้
ถ้าเลือกแล้ว ทำพิธีแต่งงานหรือศีลสมรสแล้ว หย่ากันไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องพบกันครึ่งทางคือ ต้องเลือกทั้งแม่และแฟนเลยหละ
แยกจากกันไม่ได้
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
เป็นคริสต์นี้สุดยอดเลยเนอะ ถ้าแต่งแล้วห้ามหย่า แต่ทำไมในต่างประเทศหย่ากันได้หล่ะครับ ผมก้อไม่รู้เพราะผมยังไม่ได้เป็นคริสต์ :afro:
satoshi_b1 เขียน: เป็นคริสต์นี้สุดยอดเลยเนอะ ถ้าแต่งแล้วห้ามหย่า แต่ทำไมในต่างประเทศหย่ากันได้หล่ะครับ ผมก้อไม่รู้เพราะผมยังไม่ได้เป็นคริสต์ :afro:
เป็นข้อผูกมัดทางศีลสมรส ในต่างประเทศเขาอาจจะเป็นนิกายอื่น ๆ ก็ได้นะที่มีหย่ากัน แต่เขาก็มีข้อยกเว้นนะสำหรับคริสต์นะ
แต่ต้องส่งเรื่องไปหลายทางมาก ถ้าจะเลิกกัน แต่ได้ข่าวว่ายังไม่มีอนุมัติให้คู่ไหนเลิกกัน นอกจากตายจากกัน
-
- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
เอ่อ...
ตามความคิดเห็นส่วนตัวก็ เลือกแม่ อ่ะค่ะ
เพราะ ว่า ..
เอ่อ.. รักแม่ค่ะ
ไม่น่ามาตอบเลยเนอะ
ตามความคิดเห็นส่วนตัวก็ เลือกแม่ อ่ะค่ะ
เพราะ ว่า ..
เอ่อ.. รักแม่ค่ะ
ไม่น่ามาตอบเลยเนอะ

-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
ไม่น่าใช่อ่ะจร้า เพราะว่าคริสต์ทุกนิกายแต่งแล้วห้ามหย่าหมดจร้า แต่ว่า การแต่งงานของทางเมืองนอก จะสมบูรณ์ตามกฎหมายก้อต่อเมือให้บาทหลวง หรือ เจ้าหน้าที่รัฐ(ระดับใหญ่ๆ)ทำพิธีเท่านั้นจึงเป็นที่ยอมรับตามกฎหมาย ดังนั้น บาทหลวงบ้านเค้าจึงจำเป็นต้องทำพิธีให้จร้า แต่บ้านเราตามกฏหมายไทยจดทะเบียนที่อำเภอ จึงไม่เหมือนกันจร้า แต่ว่า ที่เหมือนกันคือ สำหรับศาสนาแล้ว การแต่งงานครั้งแรกเท่านั้นที่ถูกต้องตามหลักศาสนา เราอาจจะผิดก้อได้ หากมีเพื่อนท่านใด เห็นต่างไปจากนี้ มาและเปลี่ยนความรู้กันนะsiriya เขียน:satoshi_b1 เขียน: เป็นคริสต์นี้สุดยอดเลยเนอะ ถ้าแต่งแล้วห้ามหย่า แต่ทำไมในต่างประเทศหย่ากันได้หล่ะครับ ผมก้อไม่รู้เพราะผมยังไม่ได้เป็นคริสต์ :afro:
เป็นข้อผูกมัดทางศีลสมรส ในต่างประเทศเขาอาจจะเป็นนิกายอื่น ๆ ก็ได้นะที่มีหย่ากัน แต่เขาก็มีข้อยกเว้นนะสำหรับคริสต์นะ
แต่ต้องส่งเรื่องไปหลายทางมาก ถ้าจะเลิกกัน แต่ได้ข่าวว่ายังไม่มีอนุมัติให้คู่ไหนเลิกกัน นอกจากตายจากกัน
