ข่าวดี หรือ ข่าวร้ายกันแน่

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 4:57 pm

   เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากกระทู้"เรื่องราวที่ผมไม่เคยบอกใคร" คือว่าผมได้คุยกับพ่อและแม่แล้วเรื่องที่ผมมีศรัทธาในศาสนาคริสต์ วันนั้นแม่ก็เข้ามาคุยกับผมอย่างหัวเสียว่าเขาทนไม่ไหวแล้วในเรื่องการกระทำของผม อย่างเช่น เอาพระคัมภีร์มาอ่าน หรือ มีหนังสือเสริมศรัทธาให้เห็น ตอนแรกๆแม่เขาโมโหแล้วประชดเลยว่า ถ้าศรัทธามากนัก เดี๋ยวจะซื้อกางเขนอันใหญ่มาติดไว้ที่หัวนอนเลยดีมั้ย! แหม คุณแม่พูดกับผมอย่างนี้ก็ขนลุกสิครับ แต่ก็ตอบปฏิเสธไป เพราะว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง พอนั่งทะเลาะกับแม่ไปได้สักพัก พ่อก็เข้ามาคุยว่าที่บอกว่าไม่ให้เอา"ของพวกนี้"เข้ามาในบ้านแล้วทำไมยังขัดขืน แล้วพวกเขาทั้ง2ก็ถามผมว่ายังอยากนับถือคริสต์อยู่ใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่ พ่อเขาก็บอกว่าแล้วนี่เอาเข้ามาทำไม ผมก็บอกไปว่าผมศรัทธาในศาสนาคริสต์แล้วก็บอกพ่อว่าผมไปนับถือศาสนาคริสต์แล้วผมไปทำอะไรไม่ดีหรอ พ่อเขาก็สวนกลับว่าถ้าเกิดว่าผมไปเกิดในครอบครัวอิสลามแล้วอยากนับถือคริสต์ เขาอาจจะฆ่าผมเลยก็ได้ คำพูดนี้ทำเอาผมพูดไม่ออกเลย
   ตลอดเวลามานี้แม่ผมก็พยายาม"จูง"ผมเข้ามาเป็นพุทธอยู่เสมอ ทั้งให้อ่านหนังสือธรรมะ หรือ เข้าวัดก็ดี มีอยู่ครั้งนึงที่แม่พาผมไปไหว้พระแม่เขาให้ผมสวดมนต์อะไรก็ไม่รู้ตามพิธีพุทธ แต่ผมก็แกล้งพึมพำไป เวลากราบพระผมก็ไม่ค่อยจะเต็มใจ และสุดท้ายแม่ผมให้เอาขันที่ใส่น้ำเวลากรวดไปเทที่ต้นไม้ผมก็ได้พูดว่า"ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำอะไรตามศาสนาของท่าน ต่อจากนี้ไปผมมีพระเจ้าแล้ว"แล้วผมก็เทน้ำลงไปที่ต้นไม้
   ผมก็บอกพ่อกับแม่ว่าทำไมต้องยัดเยียดให้ผมนับถือพุทธด้วย พ่อก็บอกว่าเห็นว่าผมสนใจในเรื่องศาสนา ก็เลยอยากจะให้ศึกษาของใกล้ตัวก่อน ของที่ทางบ้านเขานับถืออยู่ ผมก็ตอบปฏิเสธไป แล้วพ่อกับแม่ก็บอกผมว่า ทั้งๆที่ห้ามแล้วก็ไม่ฟังก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไง แต่ว่าครอบครัวทางบ้านพ่อผมเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อก็เลยบอกว่าอยากให้ทำตามประเพณีอะไรไปก่อน ส่วนตอนโตนั้นก็เรื่องของผม แล้วพ่อก็สั่งห้ามว่าถ้าจะอ่านพระคัมภีร์ก็ให้ไปอ่านนอกบ้าน ไม่ให้มาอ่านในบ้านนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าพ่อกับแม่ผมเขารู้สึกยังไง หรือว่าเขาให้อิสระผมแล้วหรือ ตอนนี้ผมเริ่มต้นไม่ถูกเลยว่าจะทำยังไง
ก็เลยอยากขอคำแนะนำจากทุกๆคนด้วยครับ ขอให้พระเจ้าอวยพร
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร มี.ค. 24, 2009 8:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 7:15 pm

เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่เมื่อพ่อแม่รับรู้ว่าลูกจะไม่เป็นไปอย่างที่ตนคาดหวัง
แต่คุณพ่อน้องก็ใจกว้างนะที่ไม่ปิดกั้นทีเดียว
ท่านจะคิดว่าน้องยังเป็นเด็ก ยังมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญ
ยิ่งการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น อยากให้น้องใจกว้างกับท่านบ้าง
ท่านอยากให้น้องศึกษาศาสนาพุทธเพิ่มขึ้น
เพราะท่านคิดเผื่อว่าน้องจะเกิดศรัทธาในศาสนาพุทธมากขึ้นและไม่เปลี่ยนศาสนา 
น้องก็ศึกษาศาสนาพุทธอย่างที่ท่านต้องการ
ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนความคิดของน้องที่จะมาศรัทธาศาสนาคริสต์
ยิ่งน้องเข้าใจศาสนาทั้งสองและน้องเลือกที่จะเป็นคริสต์
น้องจะได้มีเหตุผลอธิบายให้ท่านทราบได้ว่า ทำไม
ขอพระอวยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 9:23 pm

ก็อย่างที่ คุณ Phulasso บอกแหละคะ  ::001::
พี่ก็ว่าน้องควรหาเวลามาทำความเข้าใจ เรียนรู้ทั้งสองศาสนา
ในแง่คำสอน ความเชื่อ การปฏิบัติตัว 
เพราะถ้าเปลี่ยนแล้ว..เราก็ควรเปลี่ยนแค่หนเดียวเท่านั้นในชีวิต.. ::001::
คุณพ่อคุณแม่น่าจะมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆน่ะคะ
ให้กำลังใจนะคะ สวดขอพระให้สมำ่เสมอนะคะ พี่จะภาวนาเพิ่มให้อีกแรง
สวดบทอัญเชิญพระจิต เวลาจะอ่านซิคะ..
ขอพระจิตเจ้านำทาง..นะคะ ::001::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 9:55 pm

ขอพระเจ้านำทางครับ ::001::
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 10:56 pm

เป็นกำลังใจให้นะครับ พยายามพูดแบบมีเหตุผล เพราะคนที่ไม่มีเหตุผล โต้แย้งยังไงก็ไม่ขึ้นครับ แถมเขายังมองว่าเราไม่มีเหตุผลอีกต่างหาก อย่างผม ตอนนั้นก็เหมือนคุณ โดนเหมือนกัน แต่โต้แย้งแบบมีเหตุผล เล่นทำแม่ผมอึ้งไปเลย ผมพูดประมาณว่า ถึงแม่จะสั่งโน้น บังคับให้ผมทำตามหลักศาสนาพุทธยังไง ถ้าใจมันไม่ได้ศรัทธาก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ เพราะใจผมได้เทใจไปหาศาสนาคริสต์แล้ว ถึงจะให้ทำยังไงผมก็ยังรักศรัทธาพระเยซูอยู่ดี เปล่าประโยชน์เปล่าๆ บังคับได้แต่กาย แต่ใจมันบังคับไม่ได้ ใจมันไปแล้วล่ะ....(อันนี้พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ) แม่ผมฟังแล้วพูดไม่ออกเลย (เพราะมันมีเหตุผล และคิดว่าแม่รู้แล้วล่ะว่า ใจผมมันไปแล้ว เพราะได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ไปแล้ว)

แต่อันนี้ไม่รู้ว่าจะใช้กับคนอื่นได้เปล่านะ แต่ยังไง พยายามเลี่ยงการการโต้แย้งเป็นดีที่สุด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ขอให้มีเหตุผลไว้ก่อนครับและอย่าใช้อารมณ์น้ำเสียงไม่ดี ::011::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ มี.ค. 23, 2009 11:22 pm

แนะนำให้สวดสายประคำนะคะ  สวดด้วยความอดทน แล้วอย่าไปเถียงพ่อแม่นะคะ  ::001::

พี่ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ของพี่ดีที่ว่า ที่บ้านไม่ค่อยรู้เรื่องวัดเท่าไหร่ คือตอนพี่เป็นพุทธ พี่ทำบุญเยอะสุดในบ้าน เค้าก็เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาจูง แต่เค้าก็จะมีปฎิกิริยาต่อต้านเหมือนกัน  ซึ่งพี่ก็สวดสายประคำ ขอแม่พระ พี่บอกแม่พระว่า แม่รู้หัวอกคนเป็นแม่ใช่มั้ยคะว่า เค้ารู้สึกยังไง และแม่ก็เข้าใจลูกใช่มั้ยคะ ขอแม่จัดการทุกอย่างให้ลูกด้วย ...  ตอนที่ทะเลาะกันหนักเป็นตอนกลางคืน พอเข้านอนก็สวดสายประคำ ตื่นเช้ามา พ่อกับแม่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ::001::  จู่ๆก็คิดได้ว่า เออ ทำไมเราต้องต้านลูกเราด้วยนะ ทุกศาสนาก็สอนให้เป็นคนดีนี่นา และจากนั้นเค้าก็กลายเป็นสนับสนุนเรา  ::001:: ...  ตอนจะล้างบาป พ่อแม่พี่ไม่สบาย  ป้าพี่ก็พูดว่า นี่ล่ะ ลูกจะเป็นคริสต์ บรรพบุรุษไม่พอใจ พี่เองก็เขวเหมือนกันนะว่า รึว่า จะจริงแบบนั้น แต่แม่พี่บอก ก็อากาศเปลี่ยน ก็ไม่สบาย ไม่เห็นเกียวเลย  และก็บอกพี่ว่า เมื่อเราตั้งใจและมีความเชื่อแบบนี้ ก็ขอให้เดินต่อไป อย่าเขว ...  ป้าก็ไปบอกพ่อบ้าง พ่อก็บอก เกี่ยวกันด้วยเหรอครับ และเค้าก็ไปร่วมพิธีรับศีลล้างบาปกับพี่กันทั้งคู่

พี่ขอพระว่า อยากมีครอบครัวคาทอลิกเหมือนกันนะ เราน่าจะเกิดในครอบครัวคาทอลิก  เท่านั้นแหละ  ไม่นาน ก็มีเสียงแม่มาว่า  สวดสายประคำรึยัง  ตอนเช้าวันอาทิตย์ ตื่นสาย พ่อก็ตะโกนมาว่า นี่วันอาทิตย์นะ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปวัดสายหรอก  ...  พี่ก็ ขอบคุณพระ ว่า พระองค์ ทำพ่อแม่ลูกซะเหมือนเป็นครอบครัวคาทอลิกเลย  ::011::

สวดนะคะ  สวดด้วยความอดทนค่ะ  ::001::

พระอวยพรนะคะ
myth
โพสต์: 305
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 17, 2009 1:25 am

อังคาร มี.ค. 24, 2009 12:39 am

ดีสิคะ แต่คุณพ่อของน้องก็ถือว่าใจกว้างมากทีเดียวนะอนุญาตเองเลย ถึงอ่านในบ้านไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามอ่านหนิ คิดๆไปก็ตลกตัวเองเหมือนกันตอนแรกๆที่พี่เรียนคำสอนนะ พี่กลัวพ่อ กับแม่ของพี่รับไม่ได้เก็บพระคัมภียร์ไว้ซะอย่าดีให้พ้นจากมือพ่อแม่แต่พอพ้นช่วง2-3อาทิตย์แรกที่ถูกต่อต้านนะเดี๋ยวนี้พี่กางพระคัมภียร์ไว้บนโต๊ะข้าวันข้ามคืนได้โดยไม่มีใครว่าเลย บนโต๊ะพี่นะมีทั้งพระคัมภียร์ของคริสต์ตัง และคริสต์เตียน ยังไม่พอนะ มีอธิบายไบเบิ้ลของแบบติลส์ด้วยนะ และยังมีบนสวดของเซนต์หลุยส์อีก ทั้งหมด อยู่ในสายตาพ่อแม่ แต่กลับไม่มีใครว่าอะไร รึว่าเป็นเพราะพี่สวดขอพระแม่ไปว่า ถ้าพระแม่อยากให้ลูกเป็นคริสต์ตังจริงๆขออย่าให้ลูกอย่าให้ลูกมีอุปสรรค์ในการเปลี่ยนศาสนาเลย ::011::
ตอบกลับโพส