ไม่อยากไป แต่จะให้ไป

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 11:09 am

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เราเรียนอยู่ทันตะ(แต่สภาพผลการเรียนร่อแร่เต็มทีด้วยความไม่ชอบหลายประการ แต่จากสภาพโดยรวมจะถอนตัวก็คงสายเสียแล้ว)
แล้วจะเปิดเทอมวันที่ 20 นี้ แต่นั่นยังไม่มาถึง

วันนี้(วันที่ 17) จะมีเข้าค่ายคุณธรรม(ไปนอนวัดพุทธ นั่งสมาธิอะไรทำนองนั้นแหละ) ไอ้ตอนแรกเราก็นึกว่าต้องไปทุกคน แต่สอบถามไป ๆ มา ๆ พบว่าเป็น Optional ไม่ต้องไปก็ได้

แต่พ่อเราน่ะสิ ชักชวน(แกมบังคับ) ให้ไป(ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ไปด้วย จะบอกว่ารายนี้แหละที่ทำให้เราซิ่วไม่ได้สักทีเพราะไม่ยอม)
ถึงบอกว่าไม่ไปก็ได้ทีหลัง เจ้าตัวก็จะขอ(แกมบังคับ)ให้ไปให้ได้ (พ่อเราเป็นพุทธ และเชื้อจีนครึ่งหนึ่ง ที่สำคัญ นิสัยคนจีนเต็มกระดูก)
ลองดื้อด้านบอกไม่ไปสิ คอยดู เค้าจะต้องออกลายทำนอง อย่าเชื่อ(พระเยซู)มาก หรือไม่ก็ เปลี่ยนศาสนาแล้วดูถูกศาสนาอื่น(ของเขา) แหง ๆ เพราะเขาเป็นพวกอยากให้อะไรเป็นอะไรก็ต้องเป็นให้ได้ แม้จะต้องแย่งอะไรไปจากเราหรือคนอื่นก็ตาม และชอบทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำเรียกร้องความเป็นธรรม(แต่เขานั่นแหละมารร้ายตัวจริง)
(เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราอคติกับคนจีนนักหนา)

จะให้ทำไงดี ถ้าเราไป เราคาดเดาได้แต่แรกเลยว่าต้องเจออะไรบ้าง ลองไม่กราบรูปปั้นทองคำสิ พระนักบวชแถวนั้นจะพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นพระประเภทดูหมิ่นศาสนาอื่นด้วยจะทำไง ปกติเราแทบอยากจะลงมือฆ่าพวกนี้เต็มทนอยู่แล้ว
(ต้องเข้าใจว่าเราเป็นพวกไฟแรง โกรธขึ้นมาทีเลือดขึ้นหน้าล่ะก็ ยิ่งกว่ามารโผล่มาเองซะอีก)

ควรจะทำไงดี ไม่อยากเปลี่ยนเป็นร่างมืดเล้ย แต่คนที่ได้ชื่อว่า "คุณพ่อ" เคยฟังอะไรใครที่ไหนกัน

ลืมบอกไป คุณผู้เป็นพ่อพูดออกมาได้ว่า "ไปค่ายเถอะ จะได้มีคุณธรรม"
เราตอบไปว่า "ไม่เข้าก็ไม่มีคุณธรรมเหรอ"
เจ้าตัวตอบ "ในสายตาอาจารย์"

โห จะพูดให้ชนะให้ได้ว่างั้น (เพื่อนเราบางคนก็บอก "ไม่ได้คุณธรรมเท่าไหร่หรอก")
(อย่างน้อยชั้นเชื่อว่าตัวเองมีคุณธรรมมากกว่าคุณคนพูดก็ละกัน)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 11:14 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 11:34 am

พี่ก็บอกพ่อไปสิว่า"มีพระเจ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว เปลี่ยนศาสนาแล้ว ทำไมต้องให้ไปทำอะไรที่ไม่ใช่ศาสนาของพี่" ก็บอกพ่อของพี่ด้วยนะว่าการที่เราไปไหว้พระของศาสนาอื่นมัน"บาป"มากๆ(ถ้ารักพี่จริงแล้วทำไมต้องอยากให้พี่ทำบาปต่อพระเจ้าด้วยล่ะ) ในเมื่อพี่ไม่อยากไปทำไมต้องบังคับกันด้วยน้อ ::002:: แล้วเรื่องคุณธรรมอะไรนั่นน่ะ มันไม่เกี่ยวกันหรอก จุดประสงค์ที่เขามีค่ายนี้มาก็เพื่อให้สำนึกในความเป็นพุทธศาสนิกชน นี่ไงล่ะที่เป็นจุดประสงค์ที่เขาไม่บังคับให้ไป

แต่ว่าผมมี2แผน
แผนAคือ ทำตามที่ผมบอกข้างบน
แผนBคือ ทำตามความประสงค์ของพ่อพี่ แนะนำให้พี่เอากางเขนไปด้วย(เขาจะได้รู้ว่าพี่เป็นคริสต์) พอเขาให้ไปร่วมกิจกรรมก็บอกไปว่าถูกพ่อบังคับให้มา แล้วไปหาที่นั่งข้างนอก จะได้ไม่เป็นที่โดดเด่นของทางโน้นเขา(ถ้าพี่ไปที่นั่นแล้วมาเจอพวกที่ดูหมิ่นศาสนาก็ขอให้พี่อดทนเพื่อพระ) ดั่งตอนหนึ่งจากพระคัมภีร์ที่ว่า

                      พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนมากมาย จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับนั่งแล้วบรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์
                      พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนเขาว่า
                      ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
                      ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
                      ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
                      ผู้หิวกระหายความยุติธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
                      ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
                      ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
                      ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อเป็นบุตรของพระเจ้า
                      ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
                      "ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกเขาดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา
                      จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

                      มัทธิว 5:12

ป.ล. แผนBใช้ต่อเมื่อแผนAใช้ไม่ได้ผล อ้อ เกือบลืม ตอนที่แผนAทำไม่สำเร็จ พี่ก็ต้องแสดงสีหน้าแบบจำยอมหน่อย(พ่อจะได้ไม่ต้องสงสัย)
      ::017::ขอให้พระคุ้มครอง เดี๋ยวผมจะสวดให้ตอนนี้เลย ::017::
takarakitten
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 7:53 am
ที่อยู่: วันจันทร์-เสาร์ อยูใกล้วัดอัสสัมชัญ

ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 4:26 pm

ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราก็ไปเถอะครับ
ผมว่าถ้าเราไปแล้วเราบอกว่า เป็นคริสต์ แล้วเราไม่กราบ ไม่ไหว้พระพุทธรูป ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ
ถ้าเราแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่า เราก็ให้ความเคารพในสิ่งที่เห็นแตกต่างกัน(แม้ในใจเราจะฝืนมากกก)
คนอื่นเค้าก็ต้องให้เกียรติในความเชื่อของเราเช่นกัน

ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

เสาร์ เม.ย. 18, 2009 9:39 am

อันดับแรก ต้องบอกพ่อก่อนเลยว่าผมเชื่อพระเจ้า ถ้าผมไปผมก็ไม่ไหว้พระพุทธรูป

ถ้าพ่อยังยืนยันให้ไป ก็ไปครับ ก็ไม่ต้องไหว้ แต่แยกตัวออกมา ถ้าเจอพวกหัวโล้นห่มเหลืองที่ทำตัวเหมือนพระแต่ไม่ใช่พระ(เพราะพระที่ดีย่อมไม่ดูถูกศาสนาอื่น) มาพูดจาดูถูก คุณก็อธิบายความจริงให้ฟังเลย (ประกาศต่อหน้าคนหมู่มากไปเลย) เพียงแต่ว่าคุณต้องมีความรู้ในศาสนาคริสต์ที่พอเพียงก่อน
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ เม.ย. 18, 2009 11:20 am

คุณพ่อพูดถูกหลายอย่างนะคะ
เปลี่ยนศาสนาแล้วดูถูกศาสนาอื่น(ของเขา)
ลืมบอกไป คุณผู้เป็นพ่อพูดออกมาได้ว่า "ไปค่ายเถอะ จะได้มีคุณธรรม"
เราตอบไปว่า "ไม่เข้าก็ไม่มีคุณธรรมเหรอ"
เจ้าตัวตอบ "ในสายตาอาจารย์"
เค้ามีประสบการณ์ในแบบของเค้านะคะ  และเค้าก็หวังดีกับลูกสาวเค้า ในแบบของเค้า
เพราะเขาเป็นพวกอยากให้อะไรเป็นอะไรก็ต้องเป็นให้ได้ แม้จะต้องแย่งอะไรไปจากเราหรือคนอื่นก็ตาม และชอบทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำเรียกร้องความเป็นธรรม(แต่เขานั่นแหละมารร้ายตัวจริง)
(เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราอคติกับคนจีนนักหนา)
คนเรานะคะ  เลวแค่ไหน ก็รักลูก
ลองไม่กราบรูปปั้นทองคำสิ พระนักบวชแถวนั้นจะพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นพระประเภทดูหมิ่นศาสนาอื่นด้วยจะทำไง ปกติเราแทบอยากจะลงมือฆ่าพวกนี้เต็มทนอยู่แล้ว
(ต้องเข้าใจว่าเราเป็นพวกไฟแรง โกรธขึ้นมาทีเลือดขึ้นหน้าล่ะก็ ยิ่งกว่ามารโผล่มาเองซะอีก)
พระให้เรารักและปกป้องพระองค์  ด้วยการใช้วิธีของมารเหรอคะ  :huh:

สงสัยมากๆเลยนะคะ  ตามนี้ค่ะ  ::001::
1. คุณมีอคติกับพ่อขนาดนั้น  คุณสามารถเห็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระบิดาได้ด้วยเหรอคะ  :huh: คือ เท่าที่รู้มานะคะ พระเป็นเจ้าให้พ่อเรามาเป็นของขวัญให้เราเห็นถึงพระบิดา เป็นภาพฉายของพระองค์ อาจไม่ได้ฉายตามแบบที่เราอยากเห็น แต่นั่นก็เป็นภาพของความเป็นพ่อคนนึง ที่รักลูกที่สุด และคนที่ไม่เห็นตรงนี้ในพ่อตัวเอง ก็ไม่เห็นในพระบิดา  ก็เลยสงสัยน่ะค่ะว่า ปกติแล้ว เห็นความรักของพระบิดาด้วยเหรอคะ  :huh:  รึว่า รักก็รัก แต่ไม่ลงรอยกัน ไม่ฟังกัน คนละเรื่องกัน  :huh:

2. ปกติ คนที่ไม่ค่อยลงรอยกับพ่อตัวเอง จะมีปัญหาเมื่อมีแฟน ก็เลยสงสัยว่า ปกติแล้ว อยู่กันราบรื่นดีรึเปล่า  ::001::

เห็นมาหลายรายนะคะ ที่จะต้องมีการเยียวยารักษาเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อตัวเอง เพื่อที่จะได้เห็นความรักของพระเป็นเจ้าได้มากขึ้น  และบางทีไม่ได้แต่งงานซักที คบใครก็ไม่รุ่ง ทำอะไรก็ไม่เจริญ จนกระทั่งได้มาเยียวยารักษาความสัมพันธ์กับพ่อตัวเอง ซึ่งเป็นบาดแผลในใจอันยาวนาน  ทุกอย่างจึงดีขึ้น ไม่ทราบว่า เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้บ้างมั้ยคะ ....  หลายครั้งเกิดเพราะให้อภัยพ่อตัวเองไม่ได้ที่ไปมีเมียน้อย หรือเจ้าชู้ เมื่อให้อภัยได้แล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆดีขึ้น  อันนี้เป็นตัวอย่างที่เคยเห็นนะคะ  ::001::

อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปนิดนะคะ  แต่มันเป็นทฤษฎีที่รู้มาน่ะค่ะ ก็เลยสงสัยนิดนึง  ::001::

พระอวยพรนะคะ
takarakitten
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 7:53 am
ที่อยู่: วันจันทร์-เสาร์ อยูใกล้วัดอัสสัมชัญ

อาทิตย์ เม.ย. 19, 2009 1:19 am

อ้างถึงคุณ Buddy ครับ

ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งเมื่อก่อน จะมีข้อตำหนิ และไม่พอใจ ทั้งพ่อ และแม่เลย
ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติของหลายๆ คนที่รู้สึกว่า พ่อแม่เรา เราก็รักนั่นแหละ แต่.........มันมีเรื่องน่าหงุดหงิดใจนี่นา

เป็นเรื่องตลกที่ว่า คนเราแสดงออกได้ทีละอารมณ์
เวลานี้ฉันรัก เวลานี้ฉันโกรธ เวลานี้ฉันมีความสุข เวลานี้ฉันไม่พอใจ
ตัวอย่างเช่น เวลาที่คุณทะเลาะกัน ถามจริงๆ ว่า พวกเราแสดงออกถึงความรัก.....เหรอ หรือว่าความโกรธกันแน่
พ่อ แม่ของเรา ก็เลยอาจจะแยกไม่ออกว่า ตอนนี้ฉันโกรธ อารมณ์เสียอยู่นะ
ณ เวลานั้น เค้าไม่ได้แสดงความรักออกมา
แต่ในส่วนลึกๆ ของพ่อแม่ทุกคน รักและหวังดีกับลูก สุดหัวใจ สุดปัญญา สุดความสามารถ สุดการแสดงออกในแบบที่ท่านเป็น

อยากให้ลองถามตัวเองเล่นๆ อ่ะครับว่า
สมมติว่าทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกสถานการที่เกิดขึ้นกับเราแต่ละคน เป็นเหตุการที่เกิดขึ้นเพราะเรา เราคนเดียว เราเป็นต้นเหตุ
ให้คนอื่นๆ มีปฏิกิริยาบางอย่างกับเรา
คุณคิดว่า ตัวคุณทำอะไรบ้าง หรือมีความคิดอะไรอยู่ขณะที่คุณพูดกับคุณพ่อของคุณ
เราทำอะไรบ้างไหม ที่กระตุ้นให้พ่อของเรา ทำแบบที่เขาทำอยู่ตอนนี้
คุณแน่ใจเหรอว่า ความคิดของเรา อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่รู้สึก (อาจรู้สึกได้มากหรือน้อย แต่ละคนไม่เท่ากัน)

พิจารณาดูดีๆ ถ้าเรารับความรับผิดชอบทั้งหมดเนี่ย คุณอาจจะเริ่มเจออะไรบางอย่าง
ในตัวเราที่ กระตุ้นให้คุณพ่อเรา ทำสิ่งที่เราไม่ชอบ

และ อีกส่วนหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเราคือ คุณพ่อของเรา เค้าก็เป็นของเค้าแบบนั้นอยู่แล้ว
การแสดงความรักของคุณพ่อ (คุณแม่) เรา อาจจะไม่ตรงกันกับรูปแบบที่เราอยากให้ท่านทำ
แต่ท่านก็เป็นในแบบที่ท่านเป็น และไม่เป็นในแบบที่ท่านไม่เป็น

ผมขอท้าลองให้คุณลอง
ปล่อยการตัดสินว่า ฉันถูก พ่อผิด / พ่อทำแบบนั้นมันไม่ถูก
หรือปล่อยวางว่า เออ ฉันผิดเองก็ได้ เออพ่อถูกที่สุดอยู่แล้วนี่ - อันนี้ก็ยังตัดสินอยู่ดีอ่ะครับ

ไม่มีผิด ไม่มีถูก แค่คุณพ่อ ท่านเป็นแบบนั้น เท่านั้น
แล้วเรายอมรับสิ่งที่ท่านเป็นได้ไหม ถ้าไม่ได้ล่ะ คุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง แล้วถ้าคุณยอมรับมันได้ล่ะ มันจะเป็นยังไง

ผมเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นความรัก และให้อภัยท่านจากใจของเรา (ในสิ่งที่เราไม่พอใจ)
ท่านก็จะสัมผัสได้
เราปล่อยวางการเป็นผู้ที่ต้องชนะ ผู้ที่ต้องถูกที่สุด เราปล่อยวางเหตุผลของเราได้มั้ย
เพื่อให้ทุกการสื่อสารของเรา เต็มไปด้วยความเคารพ รัก
เมื่อเราเป็นความรัก ท่านก็ย่อมรักเราตอบอยู่แล้ว

เรื่องนี้อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ผมว่าน่าลองดูนะครับ
เป็นวิธีการหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้มา อยากให้ลองดูครับ ไม่ชอบไม่ว่ากัน
เรามีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว

พระอวยพรครับ
 
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ เม.ย. 19, 2009 8:24 am

Pegasus Valkyrie เขียน: วันนี้(วันที่ 17) จะมีเข้าค่ายคุณธรรม(ไปนอนวัดพุทธ นั่งสมาธิอะไรทำนองนั้นแหละ) ไอ้ตอนแรกเราก็นึกว่าต้องไปทุกคน แต่สอบถามไป ๆ มา ๆ พบว่าเป็น Optional ไม่ต้องไปก็ได้

แต่พ่อเราน่ะสิ ชักชวน(แกมบังคับ) ให้ไป(ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ไปด้วย จะบอกว่ารายนี้แหละที่ทำให้เราซิ่วไม่ได้สักทีเพราะไม่ยอม)
ถึงบอกว่าไม่ไปก็ได้ทีหลัง เจ้าตัวก็จะขอ(แกมบังคับ)ให้ไปให้ได้ (พ่อเราเป็นพุทธ และเชื้อจีนครึ่งหนึ่ง ที่สำคัญ นิสัยคนจีนเต็มกระดูก)
ลองดื้อด้านบอกไม่ไปสิ คอยดู เค้าจะต้องออกลายทำนอง อย่าเชื่อ(พระเยซู)มาก หรือไม่ก็ เปลี่ยนศาสนาแล้วดูถูกศาสนาอื่น(ของเขา) แหง ๆ เพราะเขาเป็นพวกอยากให้อะไรเป็นอะไรก็ต้องเป็นให้ได้ แม้จะต้องแย่งอะไรไปจากเราหรือคนอื่นก็ตาม และชอบทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำเรียกร้องความเป็นธรรม(แต่เขานั่นแหละมารร้ายตัวจริง)
(เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราอคติกับคนจีนนักหนา)

จะให้ทำไงดี ถ้าเราไป เราคาดเดาได้แต่แรกเลยว่าต้องเจออะไรบ้าง ลองไม่กราบรูปปั้นทองคำสิ พระนักบวชแถวนั้นจะพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นพระประเภทดูหมิ่นศาสนาอื่นด้วยจะทำไง ปกติเราแทบอยากจะลงมือฆ่าพวกนี้เต็มทนอยู่แล้ว
(ต้องเข้าใจว่าเราเป็นพวกไฟแรง โกรธขึ้นมาทีเลือดขึ้นหน้าล่ะก็ ยิ่งกว่ามารโผล่มาเองซะอีก)

ควรจะทำไงดี ไม่อยากเปลี่ยนเป็นร่างมืดเล้ย แต่คนที่ได้ชื่อว่า "คุณพ่อ" เคยฟังอะไรใครที่ไหนกัน

ลืมบอกไป คุณผู้เป็นพ่อพูดออกมาได้ว่า "ไปค่ายเถอะ จะได้มีคุณธรรม"
เราตอบไปว่า "ไม่เข้าก็ไม่มีคุณธรรมเหรอ"
เจ้าตัวตอบ "ในสายตาอาจารย์"

โห จะพูดให้ชนะให้ได้ว่างั้น (เพื่อนเราบางคนก็บอก "ไม่ได้คุณธรรมเท่าไหร่หรอก")
(อย่างน้อยชั้นเชื่อว่าตัวเองมีคุณธรรมมากกว่าคุณคนพูดก็ละกัน)
ขอเสริมจากข้อเขียนของคุณเองนะ
คุณนี่เป็นลูกรักของพ่อทีเดียว มีพ่อคอยเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
จนรู้สึกว่าถูกบีบบังคับไม่มีอิสระใดๆ จะทำตามอำเภอใจก็ไม่ได้
เนื่องจากเป็นคนเก่ง ไม่อยากอยู่ใต้การครอบงำของใคร

แต่คุณยังเด็กมาก และเอาแต่ใจตัวเองมาก
ใครขัดใจ ต้องเกิดการโต้แย้ง ไม่ยอมแพ้ใคร
และการคาดการณ์ที่น่าเป็นห่วง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
พระสงฆ์ของพุทธศาสนา ที่ดี น่าเคารพ (เคารพในการเป็นคนดี ไม่ใช่บูชา) มีมากมาย
แต่ก็ตัดสินไว้แล้วว่าต้องเจอเรื่องดูถูกดูหมิ่นจากเขา

ตอนนี้คุณต้องการฝึกฝนระบบความคิดให้มาก
พ่อเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ลองคิดตามสิ
มีอะไรที่พ่อประสงค์ร้ายต่อคุณบ้าง
มีแต่ความรัก ความหวังดี ปรารถนาดี อย่างเดียว
ลองมองรอบตัวเองสิว่า มีใครที่มีแต่ความรัก ความหวังดี ปรารถนาดี เหมือนพ่ออีกไหม
คำพูดคนอื่นอาจหวาน แต่มีแต่ความรัก ความหวังดี ปรารถนาดี มีใครให้เท่าพ่ออีก
แต่พ่อไม่ตามใจใช่ไหม พ่อขอร้องเสมอ ตามใจพ่อบ้างสิ

ทำให้พ่อชื่นใจบ้างไม่ได้หรือ
พ่อเลี้ยงเรามากว่า 20 ปี พ่อเคยขอให้ตอบแทนอะไรหรือ
พ่อทำทุกอย่าง ทันตแพทย์ ค่าเรียนแพง พ่อก็ออกให้เต็มที่
ไปเรียนไม่น้อยหน้าใคร
แล้วทำให้พ่อชื่นใจบ้างไม่ได้หรือ
ตอบกลับโพส