ศีลแก้บาป
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งอ่ะคับ เพื่อนคนนี้เขาเป็นพุทธนะคับ เขาชอบบอกว่า"ทำไมศาสนาคริสต์ถึงไถ่บาปได้ พอเวลาฆ่าคนแล้วไปแก้บาป บาปก็หายแล้วก็ไปทำได้อีก" ผมไม่รู้จะอธิบายเขายังไงดี เพราะผมก็ไม่เคยรับศีลแก้บาปเลยด้วย รู้จักก็ไม่รู้จัก ก็เลยอยากถามทุกๆคนหน่อยอ่ะคับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 2 (2543) หน้า 353
ความหมายของศีลอภัยบาป
ความหมายตามคำศัพท์ คำว่า
ความหมายของศีลอภัยบาป
ความหมายตามคำศัพท์ คำว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ จันทร์ พ.ค. 04, 2009 6:04 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แก้บาป ไม่ใช่ศีล ครับ
แก้บาปเป็นกิจกรรมที่ประกอบเข้ากับส่วนต่างๆ จึงกลายเป็นศีลอภัยบาป
การสารภาพที่ถูกต้องเป็นสูตรที่ประกอบกันเข้าแล้วถูกทำให้เป็นบทสวดอย่างนี้ครับ
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้่าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป
เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์
แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก
้เดชะัพระหรรษทานช่วยข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปอีกเลย
โปรดทรงพระกรุณายกบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด อาเมน
ที่ highlight ไว้เป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับการสารภาำพบาปที่สมบูรณ์
คือ 1. เป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป
2. การตั้งใจที่จะไม่กระทำบาปซ้ำอีก
3. พระศาสนจักรกำหนดให้ผู้แก้ไม่ปกปิดบาปในขณะแก้บาป - หมายความว่า ต้องสารภาพบาปทั้งหมดออกมา
ดังนั้น การสารภาำพ ไม่ใช่โอกาสที่จะลบล้างให้ความผิดเบาบางเพื่อที่จะได้ทำบาปได้อีก
จริงอยู่ที่เราอาจกลับไปทำบาปนั้นอีกด้วยความอ่อนแอของมนุษย์ แต่ด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า เราก็จะรอดจากบาปได้ด้วยพระเมตตาของพระองค์
แก้บาปเป็นกิจกรรมที่ประกอบเข้ากับส่วนต่างๆ จึงกลายเป็นศีลอภัยบาป
การสารภาพที่ถูกต้องเป็นสูตรที่ประกอบกันเข้าแล้วถูกทำให้เป็นบทสวดอย่างนี้ครับ
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้่าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป
เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์
แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก
้เดชะัพระหรรษทานช่วยข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปอีกเลย
โปรดทรงพระกรุณายกบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด อาเมน
ที่ highlight ไว้เป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับการสารภาำพบาปที่สมบูรณ์
คือ 1. เป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป
2. การตั้งใจที่จะไม่กระทำบาปซ้ำอีก
3. พระศาสนจักรกำหนดให้ผู้แก้ไม่ปกปิดบาปในขณะแก้บาป - หมายความว่า ต้องสารภาพบาปทั้งหมดออกมา
ดังนั้น การสารภาำพ ไม่ใช่โอกาสที่จะลบล้างให้ความผิดเบาบางเพื่อที่จะได้ทำบาปได้อีก
จริงอยู่ที่เราอาจกลับไปทำบาปนั้นอีกด้วยความอ่อนแอของมนุษย์ แต่ด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า เราก็จะรอดจากบาปได้ด้วยพระเมตตาของพระองค์
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
สรุปเอาไว้ไปตอบเพื่อนแบบง่ายที่สุดคือ "การสารภาพบาปนั้น พระเจ้าจะยกโทษให้เมื่อเราสำนึกถึงบาปนั้นจริงแล้วตั้งใจจะไม่ทำมันอีก" ดังนั้นการที่จะบอกว่าพอทำบาปแล้วไปสารภาพเสร็จแล้วไปทำใหม่(กรณีที่สารภาพเพื่อจะทำใหม่นะครับไม่ได้พลาดพลั้งทำลงไป) พระเจ้าไม่ให้อภัยหรอกครับสำหรับคนที่คิดแบบนั้น แต่โดยปกติแล้วมนุษย์เราอ่อนแอและง่ายต่อการทำบาปถ้าเราทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือไม่ได้ตั้งใจ (ไม่ว่าบาปใด ๆ ) เมื่อเราตั้งใจจะไม่ทำมันอีกและเสียใจต่อบาปนั้น แล้วไปสารภาพต่อพระองค์ นั้นแหละครับบาปจึงจะได้รับการอภัย (ยาวไปไหมเอ่ยสำหรับอธิบายให้คนต่างศาสนาฟัง)
ต้องเข้าใจก่อนครับว่าmyth เขียน: เราเคยได้ยินว่าการฆ่าคน กะปต้น7 ประการเป็นบาปที่อภัยให้ไม่ได้อ่ะ แต่คุณพ่อจะสวดให้เฉยๆ จริงป่ะคะ งงอ่ะ
บาป กับ โทษบาป เป็นของคนละอย่างกัน
เมื่อเราไปแก้บาปกับคุณพ่อ บาปจะได้รับการยก
แต่โทษบาปนั้นจะยังอยู่ คุณพ่อจึงจะมอบหมายกิจใช้โทษบาปให้เรากระทำนั่นเอง
ส่วนในเรื่องของบาปหนักที่พี่พูดถึงนั้น
พระศาสนจักรระบุให้เราต้องแก้ พระสังฆราช หรือคณะสงฆ์ที่ได้รับมอบอำนาจในการยกบาปหนักได้ครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ให้อภัยได้สิครับmyth เขียน: เราเคยได้ยินว่าการฆ่าคน กะปต้น7 ประการเป็นบาปที่อภัยให้ไม่ได้อ่ะ แต่คุณพ่อจะสวดให้เฉยๆ จริงป่ะคะ งงอ่ะ
มธ 12:22-32 พระเยซูเจ้าและเบเอลเซบูล(22)ครั้งหนึ่ง มีผู้นำคนตาบอดเป็นใบ้และถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนนั้นก็พูดได้และมองเห็น (23)ประชาชนทุกคนต่างประหลาดใจพูดว่า
ในประสบการณ์ชีวิตของเราชาวคริสต์ คุ้นกับคำว่า บาปต้น (Capital sins) ในหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 1866 อ้างชื่อนักบุญยอห์น คาสเซียโน และนักบุญเกรโกรีองค์ใหญ่ (ค.ศ.540-604) ในเรื่องนี้ และอธิบายว่า บาปต้นมี 7 ประการ คือ จองหอง (pride) ตระหนี่ (avarice) อิจฉา (envy) โมโห (wrath, anger) ลามก (lust) โลภอาหาร (gluttony) และเกียจคร้าน (sloth) มันทำให้เกิดบาปอื่นๆ และพยศชั่วอื่นๆ (vices)myth เขียน: เราเคยได้ยินว่าการฆ่าคน กะปต้น7 ประการเป็นบาปที่อภัยให้ไม่ได้อ่ะ แต่คุณพ่อจะสวดให้เฉยๆ จริงป่ะคะ งงอ่ะ
คุณธรรม 7 ประการ ที่ตรงข้ามกับพยศชั่วเหล่านี้คือความสุภาพ (humility) ความโอบอ้อมอารี (liberality) ความรักฉันพี่น้อง (brotherly love) ความใจดีอ่อนโยน (gentleness) ความบริสุทธิ์ (chastity) การรู้จักประมาณตน (Temperance) และความขยัน (diligence)
คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เคยให้ข้อคิดกับผมว่าที่เราใช้คำว่าบาปต้น (capital sins) ในแง่ที่ว่ามันเป็นต้นเหตุให้เราทำบาป แต่เมื่อเรามีความรู้สึกเหล่านี้ ยังไม่เป็นบาป (จึงเรียกว่า บาปต้น) จนกว่าเราคล้อยตามและปฏิบัติต่อจากนั้น โดยรู้ตัวและเต็มใจจึงบาป คุณพ่อไพบูลย์เห็นว่า น่าจะเรียกว่า พยศชั่ว (vice) จะดีกว่า
นักบุญเปาโล อ้างรายการบาปใน 1คร.6:9-10; กท.5:5; คส.3:5; 1ทธ.1:19-20
เมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นบาป ควรพยายามหลีกเลี่ยง ดังเช่นรู้ว่าที่ใดมีสุนัขดุ ก็ไม่ควรไปใกล้ ใช่ไหมครับ!
(อุดมสารรายสัปดาห์ ฉบับที่ 32, 3 - 9 สิงหาคม 2003)
(ที่มา: http://ccbkk.catholic.or.th/bcomsorn/bc_12.html)
พยศชั่ว
1) นิสัยหรือความเคยชินในบาป ซึ่งเป็นสันดานมาแต่กำเนิด หรือเกิดจากการทำบาปนั้นซ้ำๆ กันบ่อยจนเคยตัว เรียกว่า พยศชั่ว
2) พยศชั่วสำคัญซึ่งเป็นต้นเหตุให้ทำบาปอื่นๆ เรียกว่าบาปต้น มีเจ็ดอย่างคือ
1.จองหอง คือ ความอยากได้ชื่อเสียงและเกียรติยศเกินประมาณ หรือในทางที่ผิด และอวดอ้างความดีของตนเกินขนาด
2.ตระหนี่ คือ การมีจิตใจผูกพันกับทรัพย์สินเกินประมาณ
3.อุลามก คือ การมุ่งหาความสุขทางเพศที่ผิดพระบัญญัติ
4.โลภอาหาร คือ การมุ่งหาความสุขในการกินดื่มเกินขอบเขต
5.อิจฉา คือ การไม่ยอมให้ผู้อื่นดีกว่าตน และถือว่าความดีของผู้อื่นเป็นสิ่งร้ายสำหรับตน
6.โมโห คือ การวุ่นวายใจนอกลู่นอกทางเมื่อประสบสิ่งไม่ถูกอารมณ์ของตน
7.เกียจคร้าน คือ การชอบอยู่ว่างเปล่าเกินควรและละเลยหน้าที่ของตน
3.พยศชั่วเพิ่มบาปให้หนักทวีขึ้น และเหนี่ยวรั้งให้ทำบาปเรื่อยไปจนยากที่จะกลับใจ
ข้อความจากพระคัมภีร์
"เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง กิเลสตัณหาก่อให้เกิดบาป
และเมื่อบาปมีมาก บาปก็จะก่อให้เกิดความตาย" (ยก 1:14-15)
http://www.catholic.or.th/document/doc0 ... vil_7.html
พยศชั่วแก้ไขได้โดยการสำนึกถึงความบกพร่อง,พยายามปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ และไปสารภาพบาป เม้พยศชั่วจะยังไม่ถือว่าเป็นบาปก็ตาม
1) นิสัยหรือความเคยชินในบาป ซึ่งเป็นสันดานมาแต่กำเนิด หรือเกิดจากการทำบาปนั้นซ้ำๆ กันบ่อยจนเคยตัว เรียกว่า พยศชั่ว
2) พยศชั่วสำคัญซึ่งเป็นต้นเหตุให้ทำบาปอื่นๆ เรียกว่าบาปต้น มีเจ็ดอย่างคือ
1.จองหอง คือ ความอยากได้ชื่อเสียงและเกียรติยศเกินประมาณ หรือในทางที่ผิด และอวดอ้างความดีของตนเกินขนาด
2.ตระหนี่ คือ การมีจิตใจผูกพันกับทรัพย์สินเกินประมาณ
3.อุลามก คือ การมุ่งหาความสุขทางเพศที่ผิดพระบัญญัติ
4.โลภอาหาร คือ การมุ่งหาความสุขในการกินดื่มเกินขอบเขต
5.อิจฉา คือ การไม่ยอมให้ผู้อื่นดีกว่าตน และถือว่าความดีของผู้อื่นเป็นสิ่งร้ายสำหรับตน
6.โมโห คือ การวุ่นวายใจนอกลู่นอกทางเมื่อประสบสิ่งไม่ถูกอารมณ์ของตน
7.เกียจคร้าน คือ การชอบอยู่ว่างเปล่าเกินควรและละเลยหน้าที่ของตน
3.พยศชั่วเพิ่มบาปให้หนักทวีขึ้น และเหนี่ยวรั้งให้ทำบาปเรื่อยไปจนยากที่จะกลับใจ
ข้อความจากพระคัมภีร์
"เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง กิเลสตัณหาก่อให้เกิดบาป
และเมื่อบาปมีมาก บาปก็จะก่อให้เกิดความตาย" (ยก 1:14-15)
http://www.catholic.or.th/document/doc0 ... vil_7.html
พยศชั่วแก้ไขได้โดยการสำนึกถึงความบกพร่อง,พยายามปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ และไปสารภาพบาป เม้พยศชั่วจะยังไม่ถือว่าเป็นบาปก็ตาม