มีปัญหาในที่ทำงานค่ะ จะวางตัวอย่างไรดี

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
photo
โพสต์: 15
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 7:13 pm

ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:09 pm

เมื่อปลายเดือนที่แล้วหลังจากรับบัพติสมาเสร็จก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดค่ะ ซึ่งต้องหยุดงานเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่งทำการลาป่วยล่วงหน้า แต่มันไปทำให้คนที่ลา VACATION ไว้ต้องสละสิทธิ์ในการลา ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ( ผ่าตัดที่คอค่ะ กระดูกทับเส้นใส่เหล็กเชื่อมข้อกระดูก 2 ข้อติดกัน) ต่อจากนั้นก็พักฟื้น
ปัญหาอยู่ที่ว่าระหว่างระยะเวลาที่เราลาป่วยนั้น เรามีความจำเป็นที่จ่ะต้องเดินทางไปภูเก็ต เพื่อเยี่ยมน้องซึ่งป่วยกระทันหัน (เพราะพระคุณของพระเจ้า ทำให้เราแข็งแรงเร็วมาก) เรานั่งเครื่องบินไป เพื่อนที่ทำงานก็เช็คว่าเราไปไหน ตีความว่าเราไปเที่ยว... จะลงน้ำทะเลได้ไงค่ะ แผลยังไม่ถึงอาทิตย์เลย
พอเรากลับมาทำก็เริ่มเป็นไฟกันเลยค่ะ ::028::
อย่างแรก มีเพื่อนบางคนไม่พูดด้วย ทำปึงปังใส่ อายุก็ขึ้นเลขสี่กันแล้วทั้งนั้น
อย่างที่สอง ทำท่าเหมือนจะเข้ามาทำร้าย มีการพูดขึ้นมาก่อนว่า อากาศร้อนๆอย่างนี้ ทำให้คนเกิดอารมณ์ เกิดอยากตบใครได้ง่ายๆ
เวลาทำงานถามอะไรก็ไม่ตอบ ทำท่าทางรังเกียจ เดินถอยห่าง หรือพอเราจะเดินไปทางนี้ เค้าก็จะไป แต่ทำทีหยุดกึก เพื่อที่จะไม่ให้ใกล้เรา เหมือนเราเป็นตัวน่ารังเกียจ

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราควรทำอย่างไรดี เพราะเราได้พูดกับหัวหน้า ได้อธิบายไปแล้ว
เราเห็นว่า ถ้าคนเรามีอคติต่อกัน ต่อให้ทำดียังไง หรือแก้ตัวอย่างไรก็ไม่เป็นผล เราคิดว่าพระเจ้าคงไม่ต้องการให้เราตอบโต้ใคร

ทีนี้ทำยังไงเราถึงจะไม่รู้สึกเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ค่ะ บางทีคิดจะลาออกจากงานเลยค่ะ : xemo023 :

ตอนนี้เอาเพลงมาฟังเวลาทำงานเหมือนไม่รับรู้ ไม่ได้ยินอะไร แต่คิดว่าไม่ใช่ทางออกที่ถูกแน่
ใครก็ได้ช่วยตอบหน่อย จะใช้พระคัมภีร์ข้อไหนหนุนใจได้บ้าง

มีความรู้สึกผิดมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดระเบียบบริษัทเลย แต่ทำให้ไม่ถูกใจใครบางคน จนเหมือนกับที่ทำงานเป็นสนามรบไปแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่ามารครอบงำเรา หรือครอบงำเค้ากันแน่

ช่วยทีน่ะค่ะ จะรอคำตอบค่ะ
พระเจ้าอวยพรค่ะ 
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 2:00 pm

สวดให้เค้าครับ ขอพระเป็นเจ้าอวยพรเค้า และเราก็ต้องยอมรับน้ำพระทัยของพระอย่างดีครับ
Dark Life
โพสต์: 53
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 01, 2009 7:42 pm

ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 3:38 pm

ก็ทำไปตามปกตินั่นแหละ คุณทำดีทีสุดแล้วนี่นา ทำใจเสียเถอะว่าคุณคงทำให้คนทุกคนชอบคุณไม่ได้ ใจทีมีแต่อิจฉา ริษยา หาความสุขไมได้หรอก สวดให้พวกเขาเหอะ ให้พระเจ้าเมตตา และส่องใจเขาให้สว่างขึ้น ทำตัวทำใจของคุณให้เย็นเข้าไว้นะ ขอพระเจ้าอวยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 11:40 pm

ขอคุย ขออธิบาย และขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน

::004::
ภาพประจำตัวสมาชิก
creamy
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 12, 2008 9:59 pm

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 1:40 am

P เขียน: ขอคุย ขออธิบาย และขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน

::004::
อย่างคุณ P บอกนั่นแหล่ะค่ะ เมื่อเราตั้งใจอธิบายด้วยความจริงใจ สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ การอยู่ในสังคมของคนหมู่มาก มันยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจเรา และมันก็ยากที่จะทำให้เป็นอย่างใจทีใครๆต้องการ แค่เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ใจ ก็พอแล้วค่ะ ถึงใครไม่เห็นไม่รู้(หรือแกล้งไม่รู้) แต่พระเป็นเจ้าเห็นก็พอแล้วค่ะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 5:31 am

เค้ามีปัญหาอื่นรึเปล่าคะ เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะโกรธกันขนาดนั้นนะคะ  : emo056 :

คุยค่ะคุย  : emo045 :
photo
โพสต์: 15
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 7:13 pm

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 10:22 am

ขอบคุณทุกท่านค่ะ

ได้ขอคุยและขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนตั้งแต่วันแรกที่ไปทำงานแล้ว
แต่เค้าไม่ฟังค่ะ ตะโกนใส่หน้าว่า คนเราถ้าหากไม่สบายจริง แล้วไปเที่ยวได้ไง
ต้องพักอยู่กับบ้านสิ เราก็บอกว่าจะไม่ถามเหรอว่าไปภูเก็ตทำไม เค้าก็ว่าไม่
มันสายเกินไปแล้ว เลยกลายเป็นหมาเหงาเลย เค้าว่าคนผ่าตัดน่ะ มันต้องอาการหนัก
ไม่สามารถไปไหนไกลๆ ได้หรอก มันต้องระบมต้องพักเยอะๆ

ก็งงเหมือนกันค่ะ ก็ผ่าเสร็จ ผลข้างเคียงก็ไม่มี แข็งแรงเร็ว มันผิดด้วยเหรอ : xemo031 :
หมอเซ็นต์ให้พัก 1 เดือน (ร.พ.ของรัฐ) แต่เราขอที่ทำงานหยุดแค่ 2 อาทิตย์เพราะ
เกรงใจคนอื่นจะได้ VAC ต่อ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วเชียว : xemo023 :
ไหงเป็นงี้ไปได้
เดี๋ยวก็ต้องไปทำงานด้วยจิตใจห่อเหี่ยว แล้วก็เครียดว่าวันนี้จะเจอกับอะไร
ได้แต่อธิฐานว่าขอให้เค้าเข้าใจ และลดความรู้สึกโกรธลงค่ะ

ขอบคุณทุกท่านน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะ

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 11:10 am

creamy เขียน:
P เขียน: ขอคุย ขออธิบาย และขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน

::004::
อย่างคุณ P บอกนั่นแหล่ะค่ะ เมื่อเราตั้งใจอธิบายด้วยความจริงใจ สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ การอยู่ในสังคมของคนหมู่มาก มันยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจเรา และมันก็ยากที่จะทำให้เป็นอย่างใจทีใครๆต้องการ แค่เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ใจ ก็พอแล้วค่ะ ถึงใครไม่เห็นไม่รู้(หรือแกล้งไม่รู้) แต่พระเป็นเจ้าเห็นก็พอแล้วค่ะ

พูดเพื่อให้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงกันตามความจริง
ผิดก็ขอโทษ ถูกเข้าใจผิดก็ชี้แจง

อุบัติเหต หรือสุดวิสัย ก็ต้องขอความเห็นใจ


แบบนี้ที่สุดแล้ว ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณยังมีจิตใจเป็นผู้เป็นคน เค้าอาจจะกลายมาเป็นเพื่อนที่เข้าใจคุณที่สุดก็ได้ครับ อิอิ


: xemo026 :
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 12:41 pm

ผมจะเปรียบเทียบเรื่องนึงให้ฟังนะครับ เราทุกคนต่างรู้ใช่ใหมว่าเหรียญมี2ด้าน หัว-ก้อย สมมุติหัวคือแสงสว่าง ก้อยคือด้านมืด ถ้าเราอยู่ด้านใดด้านนึงของเหรียญย่อมมองไม่เห็นอีกด้าน ด้านมืดย่อมไม่เข้าใจและไม่เคยรู้หรือสัมพัสด้านส่ว่าง ด้านส่ว่างก็เช่นกันรู้จักอีกด้านนั้นน้อยมาก เมื่อเราเกิดความขัดแย้งกับใครก็เหมือนเหรียญ2ด้าน ยากที่ต่างฝ่ายจะเข้าใจอีกด้านได้ แต่คนที่บรรลุและเข้าใจโลกจะมองเห็นว่ามีขอบเหรียญอยู่ ขอบเหรียญนั้นเป็นสิ่งที่กันกลางระหว่างด้านทั้ง2 เปรียบตัวเราเองจะเป็นเหรียญด้านใหน ถ้าเราเป็นหัวและกลืนกินอีกด้านจนหมดยังจะเป็นเหรียญอยู่ใหม??
มีแต่คนโง่ที่คิดว่าจะเปลี่ยนอีกด้านให้เป็นแบบของตัวเอง เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเราเองได้ถ้าเราย้ายมาขอบเหรียญเราจะรู้ว่ามีอีก2ด้านรอบตัวเรา และเราจะเข้าใจและมองเห็นทั้ง2ด้าน สิ่งที่ผมจะบอกคือ โลกและคนในโลกก็เป็นเหมือนเหรียญย่อมมีด้านมืดและด้านสว่าง
พระเจ้าสอนให้เราเลือกแสงสว่างและสอนให้เรารู้จักและเกรงกลัวอีกด้านว่าสามารถล่อลวงเราและนำพาเราสู่ความตายได้ นั่นคือเราต้องรู้จักทั้ง2ด้านเราต้องหงายด้านสว่างขึ้นเพื่อให้ด้านมืดอยู่เบื่องล่าง แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งกับตัวเราเองหรือกับคนอื่นเราต้องมาอยู่ที่ขอบเหรียญ เราจะเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นและเข้าใจคนอื่นๆและเข้าใจโลกมากขึ้น เราต้องรักษาสมดุลทั้ง2ด้านให้ได้ ย้ำคับว่ามีแต่คนโง่ที่อยากจะลบอีกด้านที่ตรงข้ามที่ตัวเองเลือกออกไป อีกด้านจะยังคงอยู่ตราบที่เรายังคงอยู่ เพราะงั้นอย่าแปลกใจกับอะไรที่คุนเจอในที่ทำงาน จงเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ได้และอยู่กับมันให้ได้สิ่งเหล่านี้ผ่านมาในชีวิตเพื่อให้จิตวิญญาณเข้มแข็ง และรู้จักความอ่อนแอในโลกใบใหญ่นี้ คุนรับบัพติสมาแล้ว?? สิ่งเหล่านี้ปันหาที่เกิดกับคุนตอนนี้กำลังหล่อหลอมประจักพยานส่วนตัวของคุนกับพระเจ้า เพื่อคุนจะรู้จักโลกมากขึ้นและรู้ว่าจะหาความจริงและสิ่งปลอบโยนได้ที่ใหน
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 1:14 pm

photo เขียน: ได้ขอคุยและขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนตั้งแต่วันแรกที่ไปทำงานแล้ว
แต่เค้าไม่ฟังค่ะ ตะโกนใส่หน้าว่า คนเราถ้าหากไม่สบายจริง แล้วไปเที่ยวได้ไง
ต้องพักอยู่กับบ้านสิ เราก็บอกว่าจะไม่ถามเหรอว่าไปภูเก็ตทำไม เค้าก็ว่าไม่
มันสายเกินไปแล้ว เลยกลายเป็นหมาเหงาเลย เค้าว่าคนผ่าตัดน่ะ มันต้องอาการหนัก
ไม่สามารถไปไหนไกลๆ ได้หรอก มันต้องระบมต้องพักเยอะๆ

เดี๋ยวก็ต้องไปทำงานด้วยจิตใจห่อเหี่ยว แล้วก็เครียดว่าวันนี้จะเจอกับอะไร
ได้แต่อธิฐานว่าขอให้เค้าเข้าใจ และลดความรู้สึกโกรธลงค่ะ
ดีใจด้วย ที่ได้ทราบความจริง ว่าผู้ร่วมงานของคุณเป็นอย่างไร
ดีกว่าทุ่มเทให้ทุกอย่าง ถ้ามารู้ทีหลังยิ่งเจ็บกว่านี้อีก
ยังไม่สายใช่ไหม ที่จะเข้าใจเขา ว่าในใจเขาวางเราไว้ตรงไหน
แต่เท่าที่อ่านดู
คุณทุ่มเท ความจริงใจ ให้กับเขามาก
ถามคำ คุณผ่าตัดเขาได้ไปเยี่ยมไหม
ไม่ได้บอกให้เลิกเป็นมิตรกับเขา หรือเกลียดเขา
แตให้ได้รู้ว่าเรานั้นอยู่ในใจเขาตรงไหน
ขอบคุณพระเถิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 12:06 am

ไม่คุยตอนนี้ ไว้คุยตอนเขาอารมณ์ดีขึ้นก็ได้ครับ ไม่ได้ต้องรีบร้อนอะไร

ที่สำคัญคือ ตั้งใจว่าจะคุย จะอธิบาย แค่นั้นก็พอแล้ว เพียงแต่ต้องรอจนกว่าเขาจะพร้อมรับฟังเท่านั้นเอง เพราะเราไปบังคับให้เขาฟังเราไม่ได้ และเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องให้เขาเห็นใจเรา หรือเข้าใจเรา เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้าใจเขา เราไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น เรามีความจำเป็นของเรา ที่เราคิดว่าเขาควรเข้าใจ ผมเชื่อว่าทางเขาก็มีความจำเป็นของเขา ที่เขาคิดว่าเราไม่เข้าใจ มันเลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตอนนี้เขาถึงโกรธมาก ที่เราไม่เข้าใจความจำเป็นของเขา

ก็เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรมาก เจอหน้ากันก็อย่าทำอะไรที่ทำให้เขาโมโหขึ้น แล้วรอเขาซาๆลงแล้ว ค่อยมาคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ไม่ยากครับ

อย่างที่เขาทำวิจัยไว้แหละครับ คนไทยส่วนใหญ่ จำเหตุการณ์ต่างๆได้แค่ 11 วันโดยเฉลี่ย หลังจากนั้นมันจะเริ่มไม่มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกแล้วครับ ห่างๆเขาไปสองอาทิตย์ กลับมามันก็คุยกันได้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 12:16 am

P เขียน:
อย่างที่เขาทำวิจัยไว้แหละครับ คนไทยส่วนใหญ่ จำเหตุการณ์ต่างๆได้แค่ 11 วันโดยเฉลี่ย หลังจากนั้นมันจะเริ่มไม่มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกแล้วครับ ห่างๆเขาไปสองอาทิตย์ กลับมามันก็คุยกันได้ครับ
ผมจำได้ และมีผลต่อความรู้สึกในปัจจุบัน แต่ก็ให้อภัย  ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเก่านานแค่ไหน ตั้งแต่เกิดก็มี

อย่างนีแปลว่าผม เป็นคนไทยส่วนน้อยดิ  : xemo033 :
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 1:25 am

ตอบคุณ ไม่ใช่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
  ความจำของทุกคนจะยังอยู่ตราบที่วิญญาณของคุณยังคงอยู่ คุณอาจหลงลืมได้ในบางครั้ง แต่สุดท้ายมันจะกลับมา
เพราะทุกสิ่งที่เราทำเราก็ได้เขียนมันไว้แล้วในสมุดบันทึกของตัวเราเอง เมื่อถึงวันพิพากษาสมุดจะถูกเปิดแล้วเราจะรู้จักงานทั้งหมดที่เราได้ทำ ไม่มีสิ่งใหนที่เราได้ทำไปจะถูกลบหรือหลงลืมเมื่ออยู่หน้าบัลลังพิพากษา คุณไม่ใช่คนส่วนน้อยหรอกครับแต่ทุกคนต้องเจอแบบนี้ทั้งนั้น จริงใหมน้อ??
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 1:29 am

P เขียน: ไม่คุยตอนนี้ ไว้คุยตอนเขาอารมณ์ดีขึ้นก็ได้ครับ ไม่ได้ต้องรีบร้อนอะไร

ที่สำคัญคือ ตั้งใจว่าจะคุย จะอธิบาย แค่นั้นก็พอแล้ว เพียงแต่ต้องรอจนกว่าเขาจะพร้อมรับฟังเท่านั้นเอง เพราะเราไปบังคับให้เขาฟังเราไม่ได้ และเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องให้เขาเห็นใจเรา หรือเข้าใจเรา เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้าใจเขา เราไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น เรามีความจำเป็นของเรา ที่เราคิดว่าเขาควรเข้าใจ ผมเชื่อว่าทางเขาก็มีความจำเป็นของเขา ที่เขาคิดว่าเราไม่เข้าใจ มันเลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตอนนี้เขาถึงโกรธมาก ที่เราไม่เข้าใจความจำเป็นของเขา

ก็เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรมาก เจอหน้ากันก็อย่าทำอะไรที่ทำให้เขาโมโหขึ้น แล้วรอเขาซาๆลงแล้ว ค่อยมาคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ไม่ยากครับ

อย่างที่เขาทำวิจัยไว้แหละครับ คนไทยส่วนใหญ่ จำเหตุการณ์ต่างๆได้แค่ 11 วันโดยเฉลี่ย หลังจากนั้นมันจะเริ่มไม่มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกแล้วครับ ห่างๆเขาไปสองอาทิตย์ กลับมามันก็คุยกันได้ครับ
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 12:37 pm

โทดทีครับ : xemo023 : ประมาณว่าอารมณ์ผมไม่เสถียร ผมผิดไปแย้วให้อภัยผมด้วย : emo102 :แหะๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 12:43 pm

APaladin เขียน: โทดทีครับ : xemo023 : ประมาณว่าอารมณ์ผมไม่เสถียร ผมผิดไปแย้วให้อภัยผมด้วย : emo102 :แหะๆ
คิดมากกกกกน่าาาาาาาา

: emo080 :

พระเจ้าอวยพรค้าบ
wardenship
โพสต์: 120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 8:50 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 6:05 pm

ไม่ใช่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เขียน:
P เขียน:
อย่างที่เขาทำวิจัยไว้แหละครับ คนไทยส่วนใหญ่ จำเหตุการณ์ต่างๆได้แค่ 11 วันโดยเฉลี่ย หลังจากนั้นมันจะเริ่มไม่มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกแล้วครับ ห่างๆเขาไปสองอาทิตย์ กลับมามันก็คุยกันได้ครับ
ผมจำได้ และมีผลต่อความรู้สึกในปัจจุบัน แต่ก็ให้อภัย  ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเก่านานแค่ไหน ตั้งแต่เกิดก็มี

อย่างนีแปลว่าผม เป็นคนไทยส่วนน้อยดิ  : xemo033 :
ผมก็คนส่วนน้อยอีกคนล่ะครับ

บางสิ่งที่อยากจำ เรากลับลืม บางสิ่งที่อยากลืม เรากลับจำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mminnano
โพสต์: 221
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 06, 2007 10:24 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 9:18 pm

ก็พยายามง้อเค้านะคะ เขียนกระดาษ notepad ไปบอกเหตุผลเค้า บอกขอโทษเค้า เอาไปแป๊ะไว้ที่โต๊ะเค้าบ่อยๆ แอบเอาขนมไปวางไรเงี้ยค่ะ
ขอให้ทุกอย่างกลับมาดีเร็วๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ และจะภาวนาเผื่อนะคะ สู้ๆ
takarakitten
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 7:53 am
ที่อยู่: วันจันทร์-เสาร์ อยูใกล้วัดอัสสัมชัญ

จันทร์ พ.ค. 18, 2009 7:48 am

ถ้าคุณรู้สึกยังไม่สบายใจ ลองคุยกับเพื่อนสนิทมากๆ ของเค้ามั้ยครับ
ถามดูว่า ทำไม่เค้าถึง โกรธคุณมากขนาดนั้น
ถ้าเพื่อนเค้าไม่รู้ หรือ ไม่บอก

จะลองบอกความรู้สึกของเรากับเพื่อนของเค้าก็ได้ครับ
ว่าเรารู้สึกไม่สบายใจ เสียใจ ที่ทำให้เค้าโกรธและไม่พอใจ
อาจจะยังไม่ต้องพูดเหตุผลก็ได้ครับ (เลือกเพื่อนของเค้าคนที่จิตใจดีๆ อ่ะนะครับ มันน่าจะพอมี)
เดี๋ยวเพื่อนคนนั้นก็คาบข่าวไปบอกเค้าเองแหละครับ

ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ดีขึ้นก็ ทำใจครับ
ต่างคน ต่างใจ มีไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันจริงๆ สักคน

พระอวยพรนะครับ 
photo
โพสต์: 15
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 7:13 pm

อังคาร พ.ค. 19, 2009 11:13 am

ตอบคุณ APaladin
ขอบคุณมากน่ะค่ะ เข้าใจเรื่องเหรียญสองด้านแล้วค่ะ
ตอนนี้เอาความคิดของเค้ามาใส่ตัวเราดูบ้าง ก็ทำให้รู้ว่าทำไมเค๊าคิดแบบนั้น
ก็ต้องหัดคิดกลับอีกด้านถึงจะเข้าใจความรู้สึกไม่งั้นกลายเป็นว่าเราคิดเข้าข้างตัวเอง

ทีนี้ก็เลยรู้สึกว่าตัวเราผิด และทำให้เค้าโกรธก็ขอโทษทุกคนแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่ยินดีรับ
ก็ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะดีขึ้น ตอนนี้อธิษฐานขอพระองค์ทรงอภัย
ในความผิดบาปที่ไปทำให้คนอื่นโกรธค่ะ

ตอนนี้สบายใจขึ้นรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ข้างๆ และทำในสิ่งที่ควรทำที่สุดแล้ว

ขอบคุณทุกๆท่านมากค่ะ ที่ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจได้ดี

พระเจ้าอวยพรค่ะ ::022::
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร พ.ค. 19, 2009 5:05 pm

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ครับ ::046::
ตอบกลับโพส