คนเลิกเป็นคาทอลิกเพราะอะไร
พี่น้องคะ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า นายคนนี้ยังไม่น่าจะได้ล้างบาปหรอกค่ะ เพราะว่าจากอาการเเล้วเชื่อว่า คุณพ่อไม่น่าจะล้างให้
ถึงจะล้างเพื่อให้ได้จ่ายค่าเทอมในโรงเรียนถูกๆ พ่อหรือเเม่ ก็ต้องล้างบาปด้วยค่ะ(มันเคยเกิดขึ้นมาเเล้ว)ยกเว้นพ่อเเม่จะเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก
เเต่ไม่เป็นไรค่ะ ลองมองอีกทางหนึ่ง หากเขาเป็นคาทอลิกมาก่อนจริงๆ สาเหตุเเรกๆก็คือ
................ผมเองเคยเป็นคริสต์ตังมาก่อน ผมเองขอเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนชาวคาธอลิก จะสอนให้จงรักภักดีและเชื่อมั่นในพระบิดาพระบุตรและพระจิตรผมก็ถือตามนั้น
เเสดงถึงการมีความเชื่อที่ไม่หนักเเน่นพอ ราวกับว่า เชื่อๆไปตามที่คนอื่นสอนมาไม่ได้สร้างประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าเอง มารก็เลยพจญได้ชิวๆ
"แต่เมื่อผมมีปัญหาชีวิตในช่วงวัยรุ่น ไม่เข้าใจกับพ่อแม่(ท่านทั้งสองเป็นพุทธ) มีปัญหาเรื่องความรัก การอ้อนวอนพระเจ้าไม่สามารถทำให้ใจผมหายทุกข์ได้"
เเสดงถึงความอดทนอันน้อยนิด เชื่อว่า คนทิ้งพระทั้งหลาย "ทิ้งพระ" เพราะว่าไม่รู้จักวางใจในพระเจ้า ไม่ยอมให้พระนำทาง
ให้ความคิดตนเองเป็นใหญ่ เพราะเหตุนี้เอง เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้ เเต่ไม่ได้ ทำให้พวกเขา น้อยใจพระ...
โดยไม่คำนึงเเม้เเต่น้อยว่า สิ่งที่ต้องการ อาจจะไม่เหมาะสมกับตนเอง เสร็จมารมันอีก ชิวๆ
"ครั้งแรกนึกดูถูกท่านด้วยซ้ำไป เห็นท่านใช้คาถาเป่าหัวคน แจกตะกรุด ผมนึกดูถูกท่านว่าศาสนาพุทธก็ดีแต่สวดมนต์อ้อนวอน"
การที่ดูถูกเกลียด ศาสนาอื่นมากเกินไปก็เหมือนกันค่ะ เพราะตอนที่คิดตัวเองก็ยังปฏิบัติตามกฎเเห่งความรักที่พระเจ้าสอนไม่ได้เลย พอเห็นสิ่งดีๆของศาสนาอื่นเข้าปัีป สมองก็เลยกลับ โยกย้าย หายจากไป เสร็จมารมันอีก ชิวๆ มารคงหัวเราะงอหงาย
สรุปคือ ความเป็นมนุษย์+มารผจญ นี่เเหล่ะค่ะ คือสาเหตุที่คริสตังทิ้งวัด
ป.ล. แก้ไขโดยการ สวดให้ หรือเมื่อเจอคริสตังที่กำลังจะทิ้งวัด...ก็ทำให้เขาเข้าใจซะ
"ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้" ค่ะ
ถึงจะล้างเพื่อให้ได้จ่ายค่าเทอมในโรงเรียนถูกๆ พ่อหรือเเม่ ก็ต้องล้างบาปด้วยค่ะ(มันเคยเกิดขึ้นมาเเล้ว)ยกเว้นพ่อเเม่จะเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก
เเต่ไม่เป็นไรค่ะ ลองมองอีกทางหนึ่ง หากเขาเป็นคาทอลิกมาก่อนจริงๆ สาเหตุเเรกๆก็คือ
................ผมเองเคยเป็นคริสต์ตังมาก่อน ผมเองขอเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนชาวคาธอลิก จะสอนให้จงรักภักดีและเชื่อมั่นในพระบิดาพระบุตรและพระจิตรผมก็ถือตามนั้น
เเสดงถึงการมีความเชื่อที่ไม่หนักเเน่นพอ ราวกับว่า เชื่อๆไปตามที่คนอื่นสอนมาไม่ได้สร้างประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าเอง มารก็เลยพจญได้ชิวๆ
"แต่เมื่อผมมีปัญหาชีวิตในช่วงวัยรุ่น ไม่เข้าใจกับพ่อแม่(ท่านทั้งสองเป็นพุทธ) มีปัญหาเรื่องความรัก การอ้อนวอนพระเจ้าไม่สามารถทำให้ใจผมหายทุกข์ได้"
เเสดงถึงความอดทนอันน้อยนิด เชื่อว่า คนทิ้งพระทั้งหลาย "ทิ้งพระ" เพราะว่าไม่รู้จักวางใจในพระเจ้า ไม่ยอมให้พระนำทาง
ให้ความคิดตนเองเป็นใหญ่ เพราะเหตุนี้เอง เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้ เเต่ไม่ได้ ทำให้พวกเขา น้อยใจพระ...
โดยไม่คำนึงเเม้เเต่น้อยว่า สิ่งที่ต้องการ อาจจะไม่เหมาะสมกับตนเอง เสร็จมารมันอีก ชิวๆ
"ครั้งแรกนึกดูถูกท่านด้วยซ้ำไป เห็นท่านใช้คาถาเป่าหัวคน แจกตะกรุด ผมนึกดูถูกท่านว่าศาสนาพุทธก็ดีแต่สวดมนต์อ้อนวอน"
การที่ดูถูกเกลียด ศาสนาอื่นมากเกินไปก็เหมือนกันค่ะ เพราะตอนที่คิดตัวเองก็ยังปฏิบัติตามกฎเเห่งความรักที่พระเจ้าสอนไม่ได้เลย พอเห็นสิ่งดีๆของศาสนาอื่นเข้าปัีป สมองก็เลยกลับ โยกย้าย หายจากไป เสร็จมารมันอีก ชิวๆ มารคงหัวเราะงอหงาย
สรุปคือ ความเป็นมนุษย์+มารผจญ นี่เเหล่ะค่ะ คือสาเหตุที่คริสตังทิ้งวัด
ป.ล. แก้ไขโดยการ สวดให้ หรือเมื่อเจอคริสตังที่กำลังจะทิ้งวัด...ก็ทำให้เขาเข้าใจซะ
"ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้" ค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ เสาร์ ม.ค. 12, 2008 11:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ได้แต่ภาวนาให้เขาพบสันติสุขครับBuddy เขียน: มองอีกมุมนะ ถ้าเค้าเป็นอย่างเอชว่า พี่ว่าเค้าน่าสงสาร เค้าอยากได้รับความสนใจรึเปล่า เค้าไม่มีโอกาสชีวิตเหมือนเรารึเปล่า นิติฯ เป็นความฝันของเค้ามั้ย เหมือนว่า เค้าก็ไม่ได้มี faith จริงๆ แต่อาจจะอยากเป็นคนที่มีความสำคัญ มีคนเห็นคุณค่า
ซึ่งถ้าเค้าได้พบพระเจ้าแล้ว เค้าจะรู้นะว่า เค้าสำคัญกับพระองค์เสมอ และเป็นคนพิเศษของพระองค์ และพระรักเค้าในแบบพิเศษที่ไม่เหมือนคนอื่น ::001::
Miracle เป็นสิ่งที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นอุปกรณ์ (Instrument) ประกอบฉากของการนำเสนอคำสอนครับ
-ขอไม่ยกตัวอย่างพาดพิงไปศาสนาไหนนะครับ เอาคาทอลิกอย่างเดียว-
1. พระเยซูทำอัศจรรย์มากมาย แต่ทุกครั้งจะต้องมีการพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งเป็นคำสอน และแนวทางเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง (ไม่อยากใช้คำว่า ยั่งยืนน่ะครับ มันเกลื่อนแล้ว) ในชีวิตฝ่ายจิต
2. อัศจรรย์ในยุคหลังๆ ที่เป็นการประจักษ์โดยเฉพาะของแม่พระ ก็มาพร้อมกับสาสน์ หรือข้อคิด ข้อตักเตือนต่างๆ
3. อัศจรรย์มากมายที่ถูกกระทำแบบไร้เหตุผลในปัจจุบันเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายความเชื่อทางศาสนาไป เพราะทำให้มันเกลื่อนมากขึ้นไปอีก
4. อัศจรรย์ที่สำคัญที่สุด คืออัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกวัน เช่น การที่เรายังไม่ตาย เราเคลื่อนไหวได้ ฯลฯ แต่มนุษย์ขอบอะไรที่ตนเองไม่มี และทำไม่ได้มากกว่า จึงมองว่า อัศจรรย์ชั่วคราวนั้นสำคัญกว่า
เรื่องที่อ้างใน website นั้นไม่แน่ใจว่าจริงเท็จขนาดไหนนะครับ โดยเฉพาะที่แก้รัฐธรรมนูญน่ะ เพราะ
1. มาตราที่ 7 และ 8 ของ รัฐธรรมนูญ ยังอยู่ ความว่า
Article 7 [Relation between State and Church]
(1) State and catholic church are, each within their own reign, independent and sovereign.
(2) Their relationship is regulated by the lateran pacts. Amendments to these pacts which are accepted by both parties do not require the procedure of constitutional amendments.
Article 8 [Religion]
(1) Religious denominations are equally free before the law.
(2) Denominations other than catholicism have the right to organize themselves according to their own by-laws, provided they do not conflict with the italian legal system.
(3) Their relationship with the state is regulated by law, based on agreements with their representatives.
2. ที่ว่าแก้ไขนั้น ถ้าจริงก็น่าจะเป็นกฎหมายลูกมากกว่า
-ขอไม่ยกตัวอย่างพาดพิงไปศาสนาไหนนะครับ เอาคาทอลิกอย่างเดียว-
1. พระเยซูทำอัศจรรย์มากมาย แต่ทุกครั้งจะต้องมีการพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งเป็นคำสอน และแนวทางเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง (ไม่อยากใช้คำว่า ยั่งยืนน่ะครับ มันเกลื่อนแล้ว) ในชีวิตฝ่ายจิต
2. อัศจรรย์ในยุคหลังๆ ที่เป็นการประจักษ์โดยเฉพาะของแม่พระ ก็มาพร้อมกับสาสน์ หรือข้อคิด ข้อตักเตือนต่างๆ
3. อัศจรรย์มากมายที่ถูกกระทำแบบไร้เหตุผลในปัจจุบันเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายความเชื่อทางศาสนาไป เพราะทำให้มันเกลื่อนมากขึ้นไปอีก
4. อัศจรรย์ที่สำคัญที่สุด คืออัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกวัน เช่น การที่เรายังไม่ตาย เราเคลื่อนไหวได้ ฯลฯ แต่มนุษย์ขอบอะไรที่ตนเองไม่มี และทำไม่ได้มากกว่า จึงมองว่า อัศจรรย์ชั่วคราวนั้นสำคัญกว่า
เรื่องที่อ้างใน website นั้นไม่แน่ใจว่าจริงเท็จขนาดไหนนะครับ โดยเฉพาะที่แก้รัฐธรรมนูญน่ะ เพราะ
1. มาตราที่ 7 และ 8 ของ รัฐธรรมนูญ ยังอยู่ ความว่า
Article 7 [Relation between State and Church]
(1) State and catholic church are, each within their own reign, independent and sovereign.
(2) Their relationship is regulated by the lateran pacts. Amendments to these pacts which are accepted by both parties do not require the procedure of constitutional amendments.
Article 8 [Religion]
(1) Religious denominations are equally free before the law.
(2) Denominations other than catholicism have the right to organize themselves according to their own by-laws, provided they do not conflict with the italian legal system.
(3) Their relationship with the state is regulated by law, based on agreements with their representatives.
2. ที่ว่าแก้ไขนั้น ถ้าจริงก็น่าจะเป็นกฎหมายลูกมากกว่า
สืบมาจากเพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนกฎหมายอยู่โบโลนญ่าแล้วครับEdwardius เขียน: Miracle เป็นสิ่งที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นอุปกรณ์ (Instrument) ประกอบฉากของการนำเสนอคำสอนครับ
-ขอไม่ยกตัวอย่างพาดพิงไปศาสนาไหนนะครับ เอาคาทอลิกอย่างเดียว-
1. พระเยซูทำอัศจรรย์มากมาย แต่ทุกครั้งจะต้องมีการพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งเป็นคำสอน และแนวทางเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง (ไม่อยากใช้คำว่า ยั่งยืนน่ะครับ มันเกลื่อนแล้ว) ในชีวิตฝ่ายจิต
2. อัศจรรย์ในยุคหลังๆ ที่เป็นการประจักษ์โดยเฉพาะของแม่พระ ก็มาพร้อมกับสาสน์ หรือข้อคิด ข้อตักเตือนต่างๆ
3. อัศจรรย์มากมายที่ถูกกระทำแบบไร้เหตุผลในปัจจุบันเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายความเชื่อทางศาสนาไป เพราะทำให้มันเกลื่อนมากขึ้นไปอีก
4. อัศจรรย์ที่สำคัญที่สุด คืออัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกวัน เช่น การที่เรายังไม่ตาย เราเคลื่อนไหวได้ ฯลฯ แต่มนุษย์ขอบอะไรที่ตนเองไม่มี และทำไม่ได้มากกว่า จึงมองว่า อัศจรรย์ชั่วคราวนั้นสำคัญกว่า
เรื่องที่อ้างใน website นั้นไม่แน่ใจว่าจริงเท็จขนาดไหนนะครับ โดยเฉพาะที่แก้รัฐธรรมนูญน่ะ เพราะ
1. มาตราที่ 7 และ 8 ของ รัฐธรรมนูญ ยังอยู่ ความว่า
Article 7 [Relation between State and Church]
(1) State and catholic church are, each within their own reign, independent and sovereign.
(2) Their relationship is regulated by the lateran pacts. Amendments to these pacts which are accepted by both parties do not require the procedure of constitutional amendments.
Article 8 [Religion]
(1) Religious denominations are equally free before the law.
(2) Denominations other than catholicism have the right to organize themselves according to their own by-laws, provided they do not conflict with the italian legal system.
(3) Their relationship with the state is regulated by law, based on agreements with their representatives.
2. ที่ว่าแก้ไขนั้น ถ้าจริงก็น่าจะเป็นกฎหมายลูกมากกว่า
ไม่เคยมีการแก้ไขแต่ประการใด
ทั้งกฎหมายลูกก็ด้วย
เพราะทางการอิตาลีไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสนามากอยู่แล้ว
ออกแนวก็แบ่งไปให้แล้วอ่ะ...รับรองให้แต่ไม่ขอออก คห. ในเรื่องศาสนา
รธน. อิตาลีไม่เหมือนของไทยนะครับ
จะได้ 75 ปี 18 ฉบับ
ฮ่าๆๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 13, 2008 11:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
แต่ไอซ์เชื่อในพระเจ้าพระยาเวห์...
เห็นเฮยคนนั้นโพสไปทั่วเรื่องว่าอิตาลี่ยกพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ขอขำหน่อยเหอะ
ป.ล.ไม่ว่าใครคิดอย่างไร ผมว่าไม่ควรยกศาสนาใดศาสนานึงมาประจำชาติ ไม่งั้นจะโดนคำถามดังนี้
"หาประเทศคุณเป็นประเทศนับถือศาสนาxxx ทำไมค้าบริการทางเพศเยอะจัง ทำไมซื้อเสียงเยอะจัง"ทำนองเนี่ย
แต่ดูพ่อหนุ่มคนนี้คงตอิบได้คำเดียว
"พวกศึกษาศาสนาเพื่อโจมตี"
ป.ล.ไม่ว่าใครคิดอย่างไร ผมว่าไม่ควรยกศาสนาใดศาสนานึงมาประจำชาติ ไม่งั้นจะโดนคำถามดังนี้
"หาประเทศคุณเป็นประเทศนับถือศาสนาxxx ทำไมค้าบริการทางเพศเยอะจัง ทำไมซื้อเสียงเยอะจัง"ทำนองเนี่ย
แต่ดูพ่อหนุ่มคนนี้คงตอิบได้คำเดียว
"พวกศึกษาศาสนาเพื่อโจมตี"
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
ซาตานมันเก่งขึ้นทุกว้านทุกวันเนอะ เรื่องล่อลวงคนนี่ขอให้บอก
ถ้าให้พูดนะครับ "เหยียดศาสนาอื่นให้ต่ำลงมันไม่ช่วยให้ศาสนาของตัวเองสูงขึ้นหรอก"
แต่ที่จริงไม่ค่อยอยากพูดประโยคนี้ เพราะคริสต์ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็น"ความจริงเพียงหนึ่ง"
เฮียคนนั้น ผมไม่รู้ว่าเคยเป็นคาทอลิกจริงรึเปล่า แต่ถ้าเคยก็นับว่าน่าเสียดายมาก ที่หลงทางไปจากพระเจ้า
แต่ถ้าไม่เคยเป็นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ขอให้เขากลับใจได้ก็แล้วกันครับ

ม่าย-ง้าน-น้า วันพิพากษา นา-รก-แหงม-แหงม :evil: :evil: :evil:
ถ้าให้พูดนะครับ "เหยียดศาสนาอื่นให้ต่ำลงมันไม่ช่วยให้ศาสนาของตัวเองสูงขึ้นหรอก"
แต่ที่จริงไม่ค่อยอยากพูดประโยคนี้ เพราะคริสต์ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็น"ความจริงเพียงหนึ่ง"
เฮียคนนั้น ผมไม่รู้ว่าเคยเป็นคาทอลิกจริงรึเปล่า แต่ถ้าเคยก็นับว่าน่าเสียดายมาก ที่หลงทางไปจากพระเจ้า
แต่ถ้าไม่เคยเป็นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ขอให้เขากลับใจได้ก็แล้วกันครับ
ม่าย-ง้าน-น้า วันพิพากษา นา-รก-แหงม-แหงม :evil: :evil: :evil:
ที่จริงไม่น่าเรียกเลิกเป็นคาทอลิกนะ น่าจะเรียกเลิกเป็นคริสตชนมากกว่า
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
ลูกแกะของพระเจ้าที่หลงเข้าปากหมาป่าไปอีกตัว(น่าเศร้าๆ
)
คริสเตียนกับคริสตังค์ถึงจะอยู่คนละคอกแต่ก็ฟาร์ม(แห่งพระบิดา)เดียวกันนี่เนอะ(คอกเดียวแกะอยู่กันอึดอัด ท่านเลยแยกให้มั้ง)

คริสเตียนกับคริสตังค์ถึงจะอยู่คนละคอกแต่ก็ฟาร์ม(แห่งพระบิดา)เดียวกันนี่เนอะ(คอกเดียวแกะอยู่กันอึดอัด ท่านเลยแยกให้มั้ง)
ที่เคยเจอมานะคะ เป็นคาทอลิกแต่ในนามค่ะ ไม่ไปวัด ไม่สวดภาวนา ในที่สุดก็ใจเย็นเฉยไปเลย พอได้เข้าไปสัมผัสกับหลักธรรมของศาสนาใดเข้า ก็เลยเลื่อมใสอ่ะค่ะBuddy เขียน:
1. เค้าเป็นคาทอลิกจริงหรือเปล่า ...
เข้าใจว่าคนที่เลิกเป็นคาทอลิก คงเพราะเค้าไม่ได้พบกับพระ ไม่ได้สัมผัสกับการประทับอยู่ของพระองค์ค่ะ
พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
ผมว่าคุณเขียนชวนงงมากกว่านะshark เขียน: พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
อ่านจบแล้วยังจับใจความไม่ได้เลยว่าต้องการสื่ออะไรกันแน่
เค้าอยากให้พระสงฆ์และนักบวชแต่งงานได้ค่ะ .... คิดว่านะHoly เขียน:ผมว่าคุณเขียนชวนงงมากกว่านะshark เขียน: พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
อ่านจบแล้วยังจับใจความไม่ได้เลยว่าต้องการสื่ออะไรกันแน่

จะบอกว่า ถ้าพระสงฆ์แต่งงานได้ จะเอาคุณค่าอะไรจากการถือพรหมจรรย์ล่ะคะ คนที่ถือโสดได้ ไม่ใช่ทุกคน


การถือโสด ไม่ใช่การจำใจ แต่เป็นพระพรและเป็นการเลือก และเลือกแล้วว่า นี่คือสิ่งดี และนักบวช ไม่ใช่คนที่ทำตัวดีกว่า คนทั่วไป แต่คือคนที่มอบตัวทั้งครบให้กับพระเจ้าเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ความศักดิ์สิทธิ์ของเค้า ไม่ได้ขึ้นกับว่า เค้าดีแค่ไหน แต่ขึ้นกับว่า เค้ามอบตัวกับพระแค่ไหน ยิ่งให้มาก พระก็ยิ่งเปลี่ยนเค้าให้ศักดิ์สิทธิ์มากเท่านั้น อันนี้จากประสบการณ์ที่เคยเห็นนักบวชมานะคะ

และถ้าคุณถือพรหมจรรย์ไม่ได้ คุณก็ยาก ที่จะมีความนบนอบ และก็ยากที่จะถือความยากจน

อย่างตัวเองเหมือนกัน คิดว่า มีกระแสเรียกถือโสดนะคะ และก็มักจะได้น้ำทิพย์ชโลมใจเสมอๆ เวลาที่ได้ยินคำว่า "พรหมจารีย์" มันเป็นคำที่อ่อนหวานอย่างบอกไม่ถูก และเวลาได้ยินคำว่า Immaculate Conception ยิ่งตอนวันฉลอง Immaculate Conception นี่ ยิ่งสุขใจ


ไม่ใช่ทุกคน ที่จะถือโสดแล้วมีความสุข และไม่ใช่ทุกคน ที่แต่งงานแล้วมีความสุข ทุกอย่างอยู่ที่กระแสเรียกของเรา ขอเพียงแต่ให้เราฟังเสียงพระ และซื่อสัตย์กับเสียงเรียกนั้น เท่านั้นก็พอค่ะ เพราะถ้าเราไปอยู่ผิดที่ผิดทางที่พระสร้างเรามา เราก็จะไม่มีความสุขแน่นอนค่ะ

หรืออีกนัยหนึ่ง..อาจเป็นควันหลงจากหนังเรื่องนั้นหรือเปล่า..Holy เขียน:ผมว่าคุณเขียนชวนงงมากกว่านะshark เขียน: พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
อ่านจบแล้วยังจับใจความไม่ได้เลยว่าต้องการสื่ออะไรกันแน่
อ่านแล้วก็งง ๆ เหมือนกันคะ
รอดูซิว่าจะมีรอบหลังมั้ย..? หรือ ทิ้งความคิดไว้ป่วนกัน..

-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ก่อนอื่นหมด ผมไม่มีสิทธิ์คิดแทนพระเจ้า เพราะความโง่เขลาภาษามนุษย์ ไม่มีทางคิดอะไรได้ขนาดปรีชาญาณของพระองค์ครับshark เขียน: พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
ดังนั้น ขอตอบตามความโง่เขลาของตัวเองครับ
ผมเชื่อว่า พระเจ้าทรงอวยพรให้มนุษย์มีลูกหลานมากมาย นั่นก็แสดงว่า พระเป็นเจ้า "ทรงอวยพร" มนุษย์คู่นั้นแล้วครับ ว่านั่นคือ "การแต่งงาน"
ถ้าเทียบกันก็คือ หลังจากพระเป็นเจ้าทรงอวยพรแล้ว มนุษย์คู่นั้นสามารถใช้เพศได้ โดยไม่บาป เพื่อให้กำเนิดลูกหลานมากมายบนแผ่นดิน
ปัจจุบัน ก็เป็นเช่นนั้น มนุษย์สามารถใช้เพศได้โดยไม่บาป ก็ต่อเมื่อ ทำพิธีถูกต้องตามหลักศาสนาครับ
ดังนั้น พระองค์ทรงปิติยินดีแน่นอนครับ
ผมเชื่อว่า นักบวชสมัยนั้นคงคิดเรื่องนี้หรอกครับ
เพราะคนที่จะเป็นนักบวชได้ ต้องเข้าใจพระคัมภีร์มากกว่าคนทั่วไป (บางครั้งก็มากเกินไป จนห้ามไปหมด)
ถ้านักบวชประกาศไม่ให้แต่งงาน ป่านนี้ ประชากรก็คงน้อยหน่ะครับ
ดังนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาหรอกครับ เอาปัจจุบันดีกว่า
พระเจ้าไม่เคยรักมนุษย์คนไหนมากกว่าคนไหนครับ ยกเว้น "พระนางมารีอา พระมารดาของพระเยซูเจ้า"
มนุษย์ทุกคน เป็นลูกที่รักของพระองค์ พระองค์จะทรงรักลูกที่ทำตามพระทัยพระองค์ ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครทางสังคม
"พระสงฆ์" คือ หน้าที่หนึ่งที่พระเป็นเจ้าทรงเรียกให้มาเป็นผู้รับใช้คนอื่น ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพระสงฆ์ไม่เคยและไม่ทำบาปนะครับ
ดังนั้น ฐานะความเป็นมนุษย์เท่ากัน ต่างกันแค่หน้าที่เท่านั้นครับ
ช่วยกรุณากลับมาอ่านและแสดงความเห็นด้วยนะครับ อย่า "ไข่ทิ้ง" ไว้
เราเป็นพี่น้องกันทางความเชื่อ การชี้แจงในมุมมองที่ต่างกันเป็นเรื่องปกติครับ

แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 29, 2009 12:07 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
น่าเบื่อครับ
แม้แต่คริสชนเองอะ บางคนที่พูดและทำด้วความไม่เข้าใจ เลยคิดเอาเอง แล้วต่อยอดความคิดนั้นดยใช้ความรู้สึกตนเองและความรู้นิดๆๆ
สุดท้ายก็หลงเพราะไม่รู้ ศาสนารไม่ใชเรื่องที่จะมาคิดเอาเอง ต้องศึกษา เพราะเราเป็นแค่ตาบอดคลำช้าง
ไม่มีทางรู้ซึ่งถึงรสของพระศาสนาและพระเจ้าได้ทั้งหมด เพราะพระองคืยิ่งใหญ่มากมาย
เรื่องแต่งงาน พระบุตรตรัส เรื่องการเป็นขันทีเพื่อนเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์แล้วนะ ก็น่าจะอธิบายได้หมด มีแต่คนที่ปิดใจและไม่พร้อมจะเข้าในเท่านั้นแระที่ไม่ฟังและไม่เข้าใจ
แม้แต่คริสชนเองอะ บางคนที่พูดและทำด้วความไม่เข้าใจ เลยคิดเอาเอง แล้วต่อยอดความคิดนั้นดยใช้ความรู้สึกตนเองและความรู้นิดๆๆ
สุดท้ายก็หลงเพราะไม่รู้ ศาสนารไม่ใชเรื่องที่จะมาคิดเอาเอง ต้องศึกษา เพราะเราเป็นแค่ตาบอดคลำช้าง
ไม่มีทางรู้ซึ่งถึงรสของพระศาสนาและพระเจ้าได้ทั้งหมด เพราะพระองคืยิ่งใหญ่มากมาย
เรื่องแต่งงาน พระบุตรตรัส เรื่องการเป็นขันทีเพื่อนเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์แล้วนะ ก็น่าจะอธิบายได้หมด มีแต่คนที่ปิดใจและไม่พร้อมจะเข้าในเท่านั้นแระที่ไม่ฟังและไม่เข้าใจ
ขอตอบแบบ ใช้เหตุผลเป็นกลางนะครับว่า ทุกศาสนามีความจริงของพระเจ้าอยู่ เชื่อได้เลยครับว่าจริง การแผ่เมตตาในพุทธนั้น หรือคาถาที่สวดกัน
ลองวิเคราะดีๆจะเห็นว่าสอนให้สวดด้วยรักบริสุทธิ สวดให้ชีวิตที่ทุกข์ทรมานทั้งหลาย นั่นคือจิตรที่บริสุทธิ สวดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และภาวนาจิตรให้สิ่งสักสิทธิ์ช่วย และแน่นอนว่าท่านจะร้องอ้อ เพราะงั้นสิ่งอัศจรรย์จึงเกิดได้ เพราะคนสวดอยู่ในศีล นั่นหมายถึงรักษา วาจา กาย ใจ การประพฤติ ให้สะอาด
ผมอธิบายแค่นี้คงเข้่าใจนะครับ สำหรับคนที่ยัง งง? ก็จะอธิบายว่าพระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งให้มนุษทุกชาติพันธ์นั้นไร้แสงสว่างและไร้ซึ่งพระคำของพระองค์เลยและปล่อยให้เดินในความมืดแน่นอนครับ ไม่ว่าศาสนาใหนที่สอนให้มนุษย์ทำดีย่อมเป็นงานของพระเจ้าและพระเจ้าก็โปรดปรานงานแบบนี้ มันไม่ได้เกี่ยวว่าศาสนาใหนเป็นอะไรแต่จุดประสงค์ของพระเจ้าคือให้มนุษย์ชำระตัวให้สะอาดต่อพระพักต์พระองค์จริงใหม? พระเจ้าไม่เคยสอนให้มนุษย์สร้างความขัดแย้งและตัดสินผู้อื่นว่า?????? แต่ความขัดแย้งและจิตรชั่วเป็นงานของซาตานซึ่งตรงข้ามกับงานของพระเจ้าหรือว่าไม่จริง???
ทุกคนมีสิทธิเลือกทางที่จะประติบัติตามความรู้ตามความเชื่อของเขาและจะถูกตัดสินตามงานของเขา ไม่ใช่กงการอะไรของเราที่จะไปบอกว่าใครผิดถูก เพราะการตัดสินเป็นของพระเจ้ามิใช่หรือ???
ลองวิเคราะดีๆจะเห็นว่าสอนให้สวดด้วยรักบริสุทธิ สวดให้ชีวิตที่ทุกข์ทรมานทั้งหลาย นั่นคือจิตรที่บริสุทธิ สวดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และภาวนาจิตรให้สิ่งสักสิทธิ์ช่วย และแน่นอนว่าท่านจะร้องอ้อ เพราะงั้นสิ่งอัศจรรย์จึงเกิดได้ เพราะคนสวดอยู่ในศีล นั่นหมายถึงรักษา วาจา กาย ใจ การประพฤติ ให้สะอาด
ผมอธิบายแค่นี้คงเข้่าใจนะครับ สำหรับคนที่ยัง งง? ก็จะอธิบายว่าพระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งให้มนุษทุกชาติพันธ์นั้นไร้แสงสว่างและไร้ซึ่งพระคำของพระองค์เลยและปล่อยให้เดินในความมืดแน่นอนครับ ไม่ว่าศาสนาใหนที่สอนให้มนุษย์ทำดีย่อมเป็นงานของพระเจ้าและพระเจ้าก็โปรดปรานงานแบบนี้ มันไม่ได้เกี่ยวว่าศาสนาใหนเป็นอะไรแต่จุดประสงค์ของพระเจ้าคือให้มนุษย์ชำระตัวให้สะอาดต่อพระพักต์พระองค์จริงใหม? พระเจ้าไม่เคยสอนให้มนุษย์สร้างความขัดแย้งและตัดสินผู้อื่นว่า?????? แต่ความขัดแย้งและจิตรชั่วเป็นงานของซาตานซึ่งตรงข้ามกับงานของพระเจ้าหรือว่าไม่จริง???
ทุกคนมีสิทธิเลือกทางที่จะประติบัติตามความรู้ตามความเชื่อของเขาและจะถูกตัดสินตามงานของเขา ไม่ใช่กงการอะไรของเราที่จะไปบอกว่าใครผิดถูก เพราะการตัดสินเป็นของพระเจ้ามิใช่หรือ???
ส่วนเรื่องเดรัจฉานวิชานั้น ก็คงเหมือนกับความรู้จำนวนมากมายที่พระเจ้าประทานให้บนโลก มันเป็นดาบ2คมอยู่ที่ผู้ใช้เมื่อได้เรียนรู้จักมันแล้ว
ถ้าใช้ด้วยจิตรบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์มุ่งให้เกิดความดีงามแล้วย่อมเป็นงานดี ถ้าทำเพื่อให้ผู้คนนับหน้าถือตาเป็นผู้วิเศษหรือสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่เพื่อให้มนุษย์ผู้อื่นจะนำไปประฏิบัติให้เกิดงานดีแล้ว ย่อมเป็นงานที่ถูกพระเจ้าสาป เหมือนที่เคยมีในบันทึกจากใบเบิลนั่นละ เหมือนการทำให้ไม้เท้ากลายเป็นงูที่โมเสสให้อาโรนทำในอียิป แล้วพวกนักมายากลของฟาโรห์ก็ทำได้ มันเป็นศาสต์ที่เรียนรู้ได้แต่ถ้าทำสิ่งเหล่านี้เพื่อความเป็นผู้วิเศษเหนือผู้อื่นนั้นพระเจ้าย่อมสาปคนเหล่านี้ อย่ากังวลและสงสัยให้มากเลยครับทำงานดีของท่านต่อไป และเดินตามพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ต่อไปดีกว่าครับเพราะเป็นทางที่ตรงที่สุดแล้วครับที่ท่านจะได้กลับไปอยู่ในสวรรคกับพระองค์อีกครั้ง
ให้5เลิฟไปเลยเหอๆ 
ถ้าใช้ด้วยจิตรบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์มุ่งให้เกิดความดีงามแล้วย่อมเป็นงานดี ถ้าทำเพื่อให้ผู้คนนับหน้าถือตาเป็นผู้วิเศษหรือสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่เพื่อให้มนุษย์ผู้อื่นจะนำไปประฏิบัติให้เกิดงานดีแล้ว ย่อมเป็นงานที่ถูกพระเจ้าสาป เหมือนที่เคยมีในบันทึกจากใบเบิลนั่นละ เหมือนการทำให้ไม้เท้ากลายเป็นงูที่โมเสสให้อาโรนทำในอียิป แล้วพวกนักมายากลของฟาโรห์ก็ทำได้ มันเป็นศาสต์ที่เรียนรู้ได้แต่ถ้าทำสิ่งเหล่านี้เพื่อความเป็นผู้วิเศษเหนือผู้อื่นนั้นพระเจ้าย่อมสาปคนเหล่านี้ อย่ากังวลและสงสัยให้มากเลยครับทำงานดีของท่านต่อไป และเดินตามพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ต่อไปดีกว่าครับเพราะเป็นทางที่ตรงที่สุดแล้วครับที่ท่านจะได้กลับไปอยู่ในสวรรคกับพระองค์อีกครั้ง






- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
เพราะหมดศัทราอะดิครับ ต้องถามต่อว่าหมดไปเพราะอะไร คำตอบคงที่เลิกเชื่อคงรู้ตัวนะครับ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ประเด็นอยู่ตรงไหนเหรอครับ?shark เขียน: พระเจ้านี้แปลกนะ สร้างมนุษย์มาไม่ให้แต่งงานกัน แล้วก็อวยพรให้มนุษย์มีลูกดกจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าผิดหรือเราเขาใจผิด หรือมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าพระคริสแต่งงานมีลูก พระเจ้าจะปิติหรือเปล่า แต่บาตรหลวงในยุคนั้นคงไม่ชอบ ความพอใจของบาตรหลวงหรือความพอใจของพระเจ้า คือสิ่งที่ถูก ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจริง แล้วทำไม่สร้างมนุษย์ไม่ให้แต่งงานกัน ทำไม่โนอาร์ อับราฮัม โมเสส แต่งงานได้ คนพวกนี้เข้า ไม่บริสุทธิ์เท่ากับบาตรหลวงเหรอครับ งง ครับ อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าสอน อะไรคือสิ่งที่คนเสริมครับ ช่วยกันคิดในมุมของพระเจ้าหน่อยนะครับ ร้อยคนร้อยมุม พระเจ้ามีองค์เดียวคำตอบเดียว ถ้าเราเอาพระเจ้าเป็นที่ตั้งในความคิดเราจะได้คำตอบเดียวกันครับ ถ้าเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งจะไ้ด้หลายคำตอบครับ สุดท้ายแตกแยกครับ ถ้าคุณคือพระเจ้า มนุษย์คือลูกคุณ คุณอยากให้แต่งงานไหมครับ นักบวชคือผู้ที่ปฏิบัติตัวดีต่อพระเจ้ามากกว่าคนทั่วไป พระเจ้าน่าจะรักนักบวชมากกว่าใช่ไหมครับ ถ้าคุณเป็นพ่อที่ดีเหมือกับพระเจ้า คุณอยากเห็นลูกสุดที่รักของคุณแต่งงานไหมครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นนะครับแล้วจะพบทางสว่างที่แท้จริง ลองดูครับ!!!
ใครอยากไปวัดทุกอาทิตย์
ใครอยากอยู่ในกฏข้อบังคับ
ใครอยากมีคนมาคอยว่ากล่าว
ใครอยากไปกระซิบบอกความผิด ความลับของคนต่อคนอื่น
ใครอยากมีมโนธรรม คอยบอกว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่างนี้
ใครอยากรอรางวัลในโลกหน้า
ใตรอยากไปสวรรค์
ใครอยาก..........
แต่ที่แน่ๆ หลายคนอยาก เป็นอิสระ ไม่ทำผิดกฏหมายก็พอ
อยากสนุกทางฝ่ายโลก เขามีความอยากเหล่านี้ จึงอยากเลิกเป็นคาทอลิก
เคยเขียนไว้ทีแล้วว่า
จากสถิติพบว่า คาทอลิก จะทำความผิดยากกว่าคนทั่วไป
ไม่เขื่อก็ตามใจ
ใครอยากอยู่ในกฏข้อบังคับ
ใครอยากมีคนมาคอยว่ากล่าว
ใครอยากไปกระซิบบอกความผิด ความลับของคนต่อคนอื่น
ใครอยากมีมโนธรรม คอยบอกว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่างนี้
ใครอยากรอรางวัลในโลกหน้า
ใตรอยากไปสวรรค์
ใครอยาก..........
แต่ที่แน่ๆ หลายคนอยาก เป็นอิสระ ไม่ทำผิดกฏหมายก็พอ
อยากสนุกทางฝ่ายโลก เขามีความอยากเหล่านี้ จึงอยากเลิกเป็นคาทอลิก
เคยเขียนไว้ทีแล้วว่า
จากสถิติพบว่า คาทอลิก จะทำความผิดยากกว่าคนทั่วไป
ไม่เขื่อก็ตามใจ

- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เริ่มสงสัยด้วยว่า คนพวกนี้ชอบใช้คำว่า "อย่ายึดมั่นถือมั่น"†Ecclesia เขียน:ถูก...วันนั้นเจอในเวปไซต์ของวิทยาลัยศาสนศึกษาด้วย เจริญพร....-Sha- เขียน: คุณคนนี้เคยไปตั้งกระทู้ศาสนาในเว็บบอร์ดโรงเรียนด้วยครับ แต่ด้วยความถี่อันเกินงาม
คนไม่ชอบเลยเยอะมาก
แต่พวกนี้กลับยึดมั่นในการก่อกวนคนของพระเจ้าทุกสาขา
อาเมน *ฉับ*