ท่านรู้ไหมว่าเราคือใคร

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
12345678910

พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 6:19 pm

  อัครสาวกได้ตอบว่า "บางคนพูดว่าพระองค์คือเอลียาห์ บางคนพูดว่า พระองค์คือเยเรมีย์ บางคนบอกว่า พระองค์คือประกาศก"
แล้วพระเยซูเจ้าทรงถามว่า "ท่านรู้ไหมว่าเราคือใคร" เปโตรตอบว่า "พระองค์คือพระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้า พระองค์มีพระ
วาจาทรงชีวิต
เราลองถามตัวเราว่า พระเยซูเจ้าคือใคร
   
    พระเยซูเจ้า คือ พระเจ้าสูงสุด ผู้ทรงสรรพานุภาพ
    พระเยซูเจ้า คือ พระคริสตเจ้า จอมกษัตริย์
    พระเยซูเจ้า คือ พระผู้เนรมิตจักรวาล และสรรพสิ่งทั้งหลาย
    พระเยซูเจ้า คือ พระบุตรสุดที่รักของพระเป็นเจ้า
    พระเยซูเจ้า คือ พระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้
    พระเยซูเจ้า คือ องค์ความสว่างของโลก
    พระเยซูเจ้า คือ องค์สันติภาพ
    พระเยซูเจ้า คือ พระวาจาทรงชีวิต
    พระเยซูเจ้า คือ พระเมสสิยาห์ ผู้ไถ่บาปเรา
    พระเยซูเจ้า คือ พระชุมพาบาลที่ดี
    พระเยซูเจ้า คือ ความรักและชีวิตของเรา
    พระเยซูเจ้า คือ ป้อมปราการและศิลาของทุกยุคทุกสมัย
    พระเยซูเจ้า คือ ชัยชนะและความรอดของเรา
    พระเยซูเจ้า คือ พระปรีชาญาณของเรา
    พระเยซูเจ้า คือ ความปิติยินดีของเรา
    พระเยซูเจ้า คือ ผู้พิทักษ์ปกป้องคุ้มครองเรา
    พระเยซูเจ้า คือ ความปรารถนาและความเข้มแข็งของเรา
    พระเยซูเจ้า คือ จุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกสิ่ง
    พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาชดใช้หนี้สินที่พระองค์ไม่ได้ก่อ
    พระเยซูเจ้าไม่มีคนใช้ แต่ผู้คนเรียกพระองค์ว่า "นาย"
    พระเยซูเจ้าไม่มีปริญญา แต่ผู้คนเรียกพระองค์ว่า "อาจารย์"
    พระเยซูเจ้าไม่มียารักษาโรค แต่ผู้คนเรียกพระองค์ว่า "นักบำบัด"
    พระเยซูเจ้าไม่มีกองทหาร แต่กษัตริย์เกรงกลัวพระองค์
    พระเยซูเจ้าไม่เคยชนะศึกสงคราม แต่พระองค์ครองโลก
    พระเยซูเจ้าไม่เคยทำผิดกฎหมาย แต่ผู้คนตรึงกางเขนพระองค์
    พระเยซูเจ้าถูกฝังในคูหา แต่พระองค์มีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน

        จงสรรเสริญพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ คือ พระบุตรของพระเป็นเจ้า พระมหาไถ่ของโลก
            ขอพระคริสตเจ้าทรงพระเจริญเทอญ  อาแมน.   
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 6:49 pm

พระเยซูเจ้า คือ พระผู้เนรมิตจักรวาล และสรรพสิ่งทั้งหลาย

นั่นน่าจะเป็นพระบิดามากกว่านะ

พระเยซูคริสตเจ้าสำหรับวอคือ พระผู้ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปกรรมทั้งสิ้นปวง ผู้ทรงทำให้เราบริสุทธิ์

แต่ทว่าพระเยซูเจ้ากลับกลายเป็นที่รัจเกียจของคนต่างศาสนา (คงยกเว้นอิสลาม)  ::055::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 8:06 pm

วอ เขียน: พระเยซูเจ้า คือ พระผู้เนรมิตจักรวาล และสรรพสิ่งทั้งหลาย
นั่นน่าจะเป็นพระบิดามากกว่านะ
อ่านพระคัมภีร์บทนี้นะครับ

ยน 1:1-5,9-14
เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ไม่มีแม้เพียงสิ่งเดียวที่พระเจ้าทรงสร้าง โดยไม่อาศัยพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืด ไม่สามารถกลืนแสงสว่างนั้น แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคน กำลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และโลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ได้ประทานอำนาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขา เหล่านี้มิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้าพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงมีจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง

ดังนั้น ไม่ใช่พระบิดาเท่านั้นที่เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง แต่เป็นพระเจ้า (พระบิดา, พระบุตร, พระจิต) ที่ทรงสร้างสรรพสิ่งครับ : xemo017 :
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 8:59 pm

เข้าใจขึ้นมานิดนึงแล้วครับ  ::042::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 10:55 pm

พระบิดาเเละพระบุตรเเละพระจิตเป็นองค์เดียวกันค่ะ  : emo027 :
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 9:58 am

วอ เขียน: เข้าใจขึ้นมานิดนึงแล้วครับ  ::042::

::054:: อ่ะ...เอาไปเข้าใจเพิ่มอีกหน่อยนะ


พระตรีเอกภาพ ( The Trinity)

ธรรมล้ำลึกของพระเจ้าองค์เดียวในสามพระบุคคล คือท่อธารของการเป็นหนึ่งเดียวและความสนิทสัมพันธ์ทั้งหลาย

พันธสัญญาเดิมซึ่งทั้งชาวยิวและคริสตชนบูชาเป็นพระวาจาของพระเจ้านั้นได้เผยแสดงให้เห็นถึงความเป็นบิดาที่มีเทวภาพอยู่แล้ว ท่านประกาศกโฮเชยากล่าวถ้อยคำที่น่าทึ่งเหล่านี้ว่า "เราสอนให้อิสราเอลเดินได้ อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนแสนสุขี แต่เขาไม่ยอมรับรู้อยู่เช่นนี้ เ  ราหวังดีดูแลเขาเฝ้าห่วงใย  เราโอบเขาด้วยรักประจักษ์จิต อุ้มเขาชิดแนบแก้มแย้มยิ้มให้  เราเลี้ยงดูแลเขาอย่างเอาใจ    อยู่ชิดใกล้เคียงกันมั่นรักจริง" (ฮชย.11:3-4) ท่านประกาศกอิสยาห์ยังได้เสริมอีกว่าความรักฉันบิดานี้ยังรวมเอาความอ่อนโยนของมารดาเข้าอีกด้วย

"แม่ทั่วหน้าลืมลูกได้อย่างไรเล่า เขาไม่รักบุตรแนบชิดสนิทเนา ที่ตนคลอดมานั้นหรือฉันใด ถึงแม้ว่าแม่ลืมลูกเคยผูกจิต กลับครวญคิดแปรผันหันหนีได้ แต่ตัวเราพระเจ้าเฝ้าใส่ใจ เราจะไม่ลืมเจ้าเนานิจกาล" (อสย.49:15)  พระเอกบุตรของพระองค์เสด็จมาเพื่อเผยแสดงว่าพระบิดานั้นเต็มไปด้วยความรักอ่อนโยน ซึ่งความรักนิรันดร์ของพระองค์นั้นจะเห็นได้ทั่วไปในพระธรรมใหม่ (๑)    แรกสุดกับพระแม่มารีย์ซึ่งจะทรงเป็นพระมารดาของพระผู้ไถ่  ที่ซึ่งอัครทูตสวรรค์คาเบรียลได้เ ผยแสดงพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้าเดียวในสามพระบุคคล  การปฏิสนธินิรมลของพระบุตรผู้ทรงสรรพานุภาพเป็นงานของพระบุคคลที่สามในพระตรีเอกภาพคือพระจิตเจ้าแห่งความรัก  ดังนั้น เหตุการณ์ที่อัครทูตสวรรค์คาเบรียลมาแจ้งสารแก่พระนางมารีย์ได้เผยแสดงถึงกับพระตรีเอกภาพแห่งความรัก (๒)

พระวรสารตามคำเล่าของนักบุญยอห์นอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับพระบิดา ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน ตามแผนการของพระเจ้านั้นเราควรมีส่วนร่วมกับพระจิตเจ้าในการเป็นหนึ่งเดียวระหว่าง  พระบิดาและพระบุต ร (๓) เพราะเหตุนี้เองที่จดหมายของนักบุญเปาโลจึงเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับ พระตรีเอกภาพ ดังตัวอย่างของการทักทายต่อไปนี้  "ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์ พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักของพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า สถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ" (2คร.13: 13)

ชาวเราได้รับการล้างในความรักที่รวมสามพระบุคคลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกประกอบในพระนามของพระบิดา พ ระบุตรและพระจิต นั้นต่างได้รับการยอมรับโดยคริสตศาสนาทั้งสามนิกาย  (คาทอลิก ออร์ธอดอกซ์และโปรเตสแตนท์) ความรักหรือมิตรภาพนั้นเป็นอารมณ์ที่เราทำให้มีเอกภาพแบบถาวรกับคนอื่น แต่ละคนยังไม่หลอมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเต็มที่ ในฐานะที่พระตรีเอกภาพทรงเป็นผู้นำเราเข้าสู่ความรักของพระเจ้า พระตรีเอกภาพทรงเสนออย่างที่สมบูรณ์ที่สุดของการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแก่เราเพราะว่าทั้งสามพระบุคคลทรงเป็นสาระเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกัน

มีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพในศิลปะแบบคริสต์ ในทางตรงกันข้ามชาวยิวกับชาวมุสลิม ในความเคารพอย่างสูงสุดของพวกเขา ปฏิเสธที่จะบรรยายถึงพระเจ้า - นี่เป็นความหมายของพระบัญญัติที่พระยาเวห์ทรงประทานแก่โมเสสบนภูเขาซีนาย(๔) - ส่วนชาวคาทอลิกและออร์ธอดอกซ์ คริสตชนคิดว่าเป็นการถูกต้องที่จะสร้างภาพลักษณ์ของพระเจ้าเนื่องด้วยธรรมล้ำลึกแห่งการมาบังเกิดรับธรรมชาติมนุษย์ เนื่องจากพระบุคคลองค์หนึ่งในพระตรีเอกภาพทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ จึงบรรยายถึงพระ องค์เป็นมนุษย์ในภาพวาดหรือรูปแกะสลัก ตัวอย่างง่ายๆแบบนี้ได้ปรากฎแล้วในคริสตศาสนา  ระยะแรก เช่นเดียวกันได้มีการบรรยายถึงพระจิตเจ้า ซึ่งทรงแสดงองค์ในรูปแบบของนกพิราบด้วย ไม่มีใครเคยเห็นพระบิดา ซึ่งทรงเป็น "ต้นกำเนิด"ของพระเจ้า
           
สัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของคริสตศาสนาก็คือพระตรีเอกภาพ ทั้งในแง่นามธรรมและเครื่องหมายแสดงทางคณิตศาสตร์ พระตรีเอกภาพหมายถึงการเป็นหนึ่งเดียวของทั้งสามพระบุคคลคือ พระบิดา พระบุตรและพระจิต ในรูปแบบของ สามเป็นหนึ่ง จากคำๆ นี้ก็เกิดการเท่าเทียมที่เป็นทั้ง พระธรรมล้ำลึกและที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ ของ 3=1 และ 1=3 แม้จะมีลักษณะเฉพาะตัว  พระเจ้าก็ทรงเป็นสามพระบุคคลที่ไม่แยกจากกัน เป็นข้อเสนอที่ไม่ต้องพิสูจน์ที่ไม่อาจอธิบายได้นี้ อันเป็นการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของทุกสิ่งก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลย และเรื่องของสามเป็นหนึ่งและการเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่สุดนี้สัมผัสเรา

            พระตรีเอกภาพที่เป็นนามธรรมนี้ได้รับการอธิบายแบบที่มองเห็นได้ด้วยสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตที่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ซึ่งมักจะอยู่เหนือพระแท่น  ศิลปะแบบบารอค  ทั้งสามมุมและทั้งสามด้านเท่ากันแต่รวมเป็นแผ่นเดียว มีดวงตาอยู่ตรงกลางซึ่งหมายความว่าพระเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นทุกสิ่ง - แต่ว่าตาดวงเดียวนี้มีพลัง  ไม่ส่งเสริมให้คิดถึงสายตาแห่งความรักเลยแต่กลับชวนให้คิดถึงมโนธรรมที่หวาดกลัวซึ่งมีอยู่ในกาอินตามความคิดของวิกเตอร์ ฮิวโก

          คำว่า "ตรีเอกภาพ" ทำให้เราพูดถึงพระเจ้าองค์เดียวในสามพระเจ้า (Beings)  ตามคำสอนของทั้งสามศาสนาที่เชื่อถึงลัทธิเอกเทวนิยม (monotheism เอกเทวนิยม) อันได้แก่ศาสนายิว  คริสตศาสนาและศาสนาอิสลามนั้นพระเจ้าต้องเป็นองค์เดียว  เหตุว่าถ้ามีมากกว่าองค์เดียวก็จะเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการขาดคุณสมบัติหรือความอ่อนแอ ถ้ามีพระเจ้าหลายองค์ก็จะมาลงเอยที่การเป็นปรปักษ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังที่ได้ปรากฎชัดแล้วในเทพนิยายของชาวกรีกและชาวโรมัน

            เนื่องจากคริสตศาสนาได้รับมรดกความคิดเรื่องการนับถือพระเจ้าองค์เดียวจากศาสนายิวจึงคิดว่าพระเจ้าองค์เดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าประทับอยู่โดดเดี่ยว สิ่งแรกและที่สำคัญที่สุดก็คือความรักที่ทรงมีอยู่ภายในพระองค์และแผ่สู่สิ่งสร้างทั้งหมดของพระองค์ธรรมล้ำลึกของพระเจ้าก็คือธรรมล้ำลึกแห่งความรักซึ่งกันและกัน แห่งการสร้าง  ประสบการณ์ชีวิตประจำวันของเราทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้นว่าพ่อเป็นใคร ลูกเป็นใคร ตลอดจนลมหายใจแห่งความรักด้วย ในฐานะที่พระเจ้าทรงเป็นบ่อเกิดของทุกสิ่ง  พระองค์มิได้ทรงกักพระองค์ท่านเองไว้ภายใน ในเวลาเดียวกันทรงเป็นพระบิดาที่เต็มไปด้วยความรัก อ่อนโยน  พระบุตรทรงเป็นแก้วตาของพระองค์และพระจิตเจ้าแห่งความรักซึ่งทรงเป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างสามพระบุคคล

ภาพแสดงพระตรีเอกภาพที่ดึกดำบรรพ์ที่สุด        เห็นจะได้แก่ภาพของการรับพิธีล้างของพระคริสต์  "เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นจากน้ำ    ทันใดนั้นก็ทรงเห็นท้องฟ้าถูกแหวกออกและพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจรูปนกพิราบและมีเสียงจากฟา กฟ้ากล่าวว่า  "เจ้าเป็นบุตรสุดที่รักของเราเป็นที่โปรดปรานของเรา" (มก 1: 10-12) ภาพที่สืบทอดมาจากดึกดำบรรพ์  คือรูปพระหัตถ์ของพระบิดาออกจากก้อนเมฆเพื่อ ชี้ถึงพระบุตร ซึ่งทรงมีรูปนกพิราบสัญลักษณ์พระจิตเจ้าอยู่เหนือพระบุตร

ต่อมาอีกนานจึงได้มีการวาดรูปชายผู้สูงอายุที่มีผมดกและหนวดเครายาว บางรูปก็สวมมงกุฎด้วยเป็นพระบิดาที่ทรงช่วยยกกางเขนซึ่งพระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์  ในขณะที่นกพิราบบินอยู่เหนือพระเศียรทั้งสอง
เหตุการณ์หนึ่งในเรื่องราวของอับราฮัม นับตั้งแต่พระศาสนจักรเริ่มแรกแล้ว ที่บ่อยครั้งใช้เป็นการบ่งบอกถึงธรรมล้ำลึกแห่งพระตรีเอกภาพ อันได้แก่ ภาพที่ทูตสวรรค์สามท่านมาเยี่ยมอับราฮัม  ซึ่งตามความในพระคัมภีร์นั้นบางครั้งก็เป็นเอกพจน์บางครั้งก็เป็นพหูพจน์ (ปฐก 1:1-15)  ตามธรรมเนียมของคริสตศาสนามักจะคิดว่าเป็นการวาดภาพถึง  เรื่องพระตรีเอกภาพ      ตั้งแต่ศตวรรษที่ห้ามาแล้วจะพบภาพหินประดับ

(Mosaics) ในพระวิหารพระแม่มารีย์ที่กรุงโรม (Santa Maria Maggiore) ซึ่งถู กสร้างขึ้นตาม พระบัญชาของพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 3 และยังพบเห็นที่ราเวนนา (Ravenna) อีกด้วย  รูปวาดไอคอน เกี่ยวกับพระตรีเอกภาพที่มีชื่อเสียงของฤาษีอันไดร รูแบลฟ์เป็นที่คุ้นเคยกัน แต่ความจริงแล้วเป็นภาพของทูตสวรรค์สามองค์ที่มาเยี่ยมอับราฮัม ท่านทั้งสามนั่งเป็นวงกลมเพื่อแสดงออกถึงความรักที่ทรงมีต่อกันและในตรงกลางวงกลมนี้มีลูกแกะตัวหนึ่งนอนอยู่ตรงกลางโต๊ะ-แท่นที่พวกท่านนั่งล้อมวงอยู่  พวกเราก็สามารถที่จะเข้าไปอยู่ในวงแห่งความรักนี้ได้โดยร่วมใ นการถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณ    ซี่งบันดาลให้เราเข้าถึงความรักอันสูงส่งที่แสดงออกโดยพระคริสต์พระผู้ไถ่บนกางเขน

ความจริงแล้ว  บทภาวนาในพิธีมิสซา  จบด้วยข้อความเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพซึ่งเผยแสดงถึงความหมายทั้งหมดของธรรมล้ำลึกในศาสนาคริสต์ว่า "อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้าและในพระคริสตเจ้า ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ พระองค์ทรงพระสิริรุ่งโรจน์กับพระจิตตลอดนิรันดร"  ทุกคนตอบรับพร้อมกันว่า "อาแมน" (ภาษาฮีบรู แปลว่า จริ ง  แน่นอน)

อ้างอิง

(๑)"ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตอยู่ในพระอุระของพระบิดานั้น ได้ทรงเปิดเผยให้
เราทราบ" (ยน.1: 18)
(๒)"พระจิตจะเสด็จมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระเจ้าสูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน  เพราะฉะนั้นบุตรที่เกิดมา
จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้า"(ลก. 1: 35)
(๓)ยน.17: 20-21 (loc.cit)
(๔)"เจ้าไม่ต้องทำรูปเคารพไว้สำหรับตัวไม่ว่าจะเป็นรูปคนหรือรูปสัตว์ที่อยู่ในท้องฟ้าหรือในโลก...."(อพย. 20: 4)


ที่มา : สัญลักษณ์ในศาสนาคาทอลิก แผนกคำสอนกรุงเทพฯ
http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... cle14.html
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

เสาร์ มิ.ย. 06, 2009 7:38 pm

เอ้อ...ม่ายรู๊จิงๆค่ะ  ::036::

คุณ 12345678910 คือครายค๊ะ?
ตอบกลับโพส