เมื่อพระยุติธรรมของพระเจ้ามาถึง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
sutham
โพสต์: 195
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 24, 2009 6:11 pm

พุธ ส.ค. 05, 2009 5:11 pm

เมื่อพระยุติธรรมของพระเจ้ามาถึงแล้ว มนุษย์ทุกคนจะสามารถทำอะไรได้บ้างครับ การสวดภาวนาจะยังเกิดผลหรือเปล่า  การทำความดีจะยังเกิดผลหรือเปล่า  ขอผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

พุธ ส.ค. 05, 2009 5:18 pm

จองเก้าอี้ นั่งฟังคำพิพากษา รอชีวิตนิรันดร
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

พุธ ส.ค. 05, 2009 5:20 pm

Leo เขียน: จองเก้าอี้ นั่งฟังคำพิพากษา รอชีวิตนิรันดร
เห็นด้วยครับ!!!!!!!!! ::031::
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

พุธ ส.ค. 05, 2009 6:58 pm

ยังเกิดผล

อธิบายง่ายๆแบบนี้แล้วกัน



ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกอีก 7 คน

ลูกคนที่ 6 คนสุดท้องทำตัวแหลกเลวเนรคุณทุกอย่างเกลียดพ่อแม่ตัวเองชอบหนีออกจากบ้าน

ลูกคนที่ 5 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

คนที่ 2-4 ปกติทั่วไปทำดีบ้างร้ายบ้าง

ลูกคนแรกเป็นลูกคนที่ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุดและพ่อภูมิใจในตัวคนนี้มาก


วันนึงคุณพ่อบอกว่าพ่อจะจัดระเบียบในบ้านใหม่นะคนที่ทำตัวไม่ดีจะต้องได้รับโทษ ทุกคนรู้ว่าถ้าพ่อเอาจริงไอ้น้องคนสุดท้องกะน้องรองสุดท้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆทุกคนเลยไปบอกคุณพ่อว่า "พ่อครับอย่าเพิงเลยนะให้เวลาน้องเค้าหน่อย ผมจะสั่งสอนน้องเค้าเองให้เค้าปรับตัว" พ่อก็ตอบตกลง แต่ผ่านไปสักพักน้องก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย  พ่อก็บอกว่า "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องจัดการแล้ว" ลูกๆเลยขอเวลาอีกซักนิดแต่พ่อไม่ยอมแล้วแม่และลูกคนแรกที่ใกล้ชิดพ่อที่สุดก็เลยไปขอพ่ออีก คราวนี้ได้ผล!!  พ่อยอมให้เวลา...เวลาผ่านไปสักพักลูกคนที่ 2-4 ยอมเชื่อฟังเปลี่ยนใจ แต่ลูกคนที่ 5 และ 6 ยังไม่ยอม พอผ่านไปพ่อเห็นว่าไม่ว่าจะให้เวลาเท่าใดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วพ่อเลยตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดระเบียบบ้านใหม่ในวันนี้  พ่อถึงเวลาที่พ่อเริ่มเรียกทุกคนมาคุยโดยที่แม่และลูกคนที่ 1 คอยนั่งฟังอยู่ด้วย พ่อบอกแก่ลูกคนที่ 2-4 ว่าเจ้าฉลาดมากที่เลือกที่จะปรับปรุงตัวในขณะที่พ่อยังให้โอกาส เจ้ายังอยู่กับพ่อต่อไปได้ แต่เจ้าลูกคนที่ 5 เจ้าไม่ได้ปรับปรุงตัวเลยเจ้าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ลูกคนที่ 5 บอกว่า "พ่อครับผมสำนึกผิดไปแล้วผมขอโทษผมจะปรับปรุงตัว" แต่พ่อบอกว่า "เราให้โอกาสเจ้ามาหลายหนทั้งแม่ทั้งพี่ของเจ้าเตือนเจ้าก็ไม่ฟัง แต่เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิดนั้นเราจะให้เจ้ากลับบ้านได้ แต่ต้องหลังจากที่เจ้าได้รับโทษก่อนนั่นคือเจ้าต้องออกจากบ้านไปสักระยะ" ส่วนน้องคนสุดท้องพ่อบอกว่า "สำหรับลูกที่ไม่เห็นพ่อเป็นพ่อแท้ๆของลูก แม้ว่าเราจะรักลูกมากแต่ลูกเองไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ พ่อเลยเห็นว่าเราต้องให้ลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล "

ลองเทียบดูนะครับ

พ่อ = พระเป็นเจ้า
แม่ = แม่พระ
ลูกคนโต = นักบุญ
ลูกคน 2-4 = ลูกล้างผลาญกลับใจ
ลูกคน 5 = หญิงโง่ที่นอนหลับไม่ยอมเติมน้ำมันในตะเกียง
ลูกคนที่ 6 = คนไม่กลับใจ



เคสของ  sutham  คือเคสของลูกคนที่ 5 และ 6 ครับ



พระเมตตาของพระเจ้ามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ แม้ในยามที่พระยุติธรรมมาถึงพระเมตตาก็เปรียบดั่งเกราะป้องกัน 
sutham
โพสต์: 195
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 24, 2009 6:11 pm

พุธ ส.ค. 05, 2009 7:13 pm

เห็นภาพชัดแจ๋วเลยครับ ขอบคุณครับ
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ส.ค. 07, 2009 1:05 pm

sutham เขียน: เห็นภาพชัดแจ๋วเลยครับ ขอบคุณครับ
แล้ว...แล้ว...เห็น ไฟชำระ หรือ นารก ค่ะเนี่ย ::032::
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

ศุกร์ ส.ค. 07, 2009 4:46 pm

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ยังเกิดผล

อธิบายง่ายๆแบบนี้แล้วกัน



ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกอีก 7 คน

ลูกคนที่ 6 คนสุดท้องทำตัวแหลกเลวเนรคุณทุกอย่างเกลียดพ่อแม่ตัวเองชอบหนีออกจากบ้าน

ลูกคนที่ 5 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

คนที่ 2-4 ปกติทั่วไปทำดีบ้างร้ายบ้าง

ลูกคนแรกเป็นลูกคนที่ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุดและพ่อภูมิใจในตัวคนนี้มาก


วันนึงคุณพ่อบอกว่าพ่อจะจัดระเบียบในบ้านใหม่นะคนที่ทำตัวไม่ดีจะต้องได้รับโทษ ทุกคนรู้ว่าถ้าพ่อเอาจริงไอ้น้องคนสุดท้องกะน้องรองสุดท้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆทุกคนเลยไปบอกคุณพ่อว่า "พ่อครับอย่าเพิงเลยนะให้เวลาน้องเค้าหน่อย ผมจะสั่งสอนน้องเค้าเองให้เค้าปรับตัว" พ่อก็ตอบตกลง แต่ผ่านไปสักพักน้องก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย  พ่อก็บอกว่า "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องจัดการแล้ว" ลูกๆเลยขอเวลาอีกซักนิดแต่พ่อไม่ยอมแล้วแม่และลูกคนแรกที่ใกล้ชิดพ่อที่สุดก็เลยไปขอพ่ออีก คราวนี้ได้ผล!!  พ่อยอมให้เวลา...เวลาผ่านไปสักพักลูกคนที่ 2-4 ยอมเชื่อฟังเปลี่ยนใจ แต่ลูกคนที่ 5 และ 6 ยังไม่ยอม พอผ่านไปพ่อเห็นว่าไม่ว่าจะให้เวลาเท่าใดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วพ่อเลยตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดระเบียบบ้านใหม่ในวันนี้  พ่อถึงเวลาที่พ่อเริ่มเรียกทุกคนมาคุยโดยที่แม่และลูกคนที่ 1 คอยนั่งฟังอยู่ด้วย พ่อบอกแก่ลูกคนที่ 2-4 ว่าเจ้าฉลาดมากที่เลือกที่จะปรับปรุงตัวในขณะที่พ่อยังให้โอกาส เจ้ายังอยู่กับพ่อต่อไปได้ แต่เจ้าลูกคนที่ 5 เจ้าไม่ได้ปรับปรุงตัวเลยเจ้าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ลูกคนที่ 5 บอกว่า "พ่อครับผมสำนึกผิดไปแล้วผมขอโทษผมจะปรับปรุงตัว" แต่พ่อบอกว่า "เราให้โอกาสเจ้ามาหลายหนทั้งแม่ทั้งพี่ของเจ้าเตือนเจ้าก็ไม่ฟัง แต่เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิดนั้นเราจะให้เจ้ากลับบ้านได้ แต่ต้องหลังจากที่เจ้าได้รับโทษก่อนนั่นคือเจ้าต้องออกจากบ้านไปสักระยะ" ส่วนน้องคนสุดท้องพ่อบอกว่า "สำหรับลูกที่ไม่เห็นพ่อเป็นพ่อแท้ๆของลูก แม้ว่าเราจะรักลูกมากแต่ลูกเองไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ พ่อเลยเห็นว่าเราต้องให้ลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล "

ลองเทียบดูนะครับ

พ่อ = พระเป็นเจ้า
แม่ = แม่พระ
ลูกคนโต = นักบุญ
ลูกคน 2-4 = ลูกล้างผลาญกลับใจ
ลูกคน 5 = หญิงโง่ที่นอนหลับไม่ยอมเติมน้ำมันในตะเกียง
ลูกคนที่ 6 = คนไม่กลับใจ



เคสของ  sutham  คือเคสของลูกคนที่ 5 และ 6 ครับ



พระเมตตาของพระเจ้ามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ แม้ในยามที่พระยุติธรรมมาถึงพระเมตตาก็เปรียบดั่งเกราะป้องกัน 
ผมชอบเรื่องนี้มากครับ ขอบคุณครับที่แบ่งปัน : emo045 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 3:10 am

sutham เขียน: เมื่อพระยุติธรรมของพระเจ้ามาถึงแล้ว มนุษย์ทุกคนจะสามารถทำอะไรได้บ้างครับ การสวดภาวนาจะยังเกิดผลหรือเปล่า  การทำความดีจะยังเกิดผลหรือเปล่า  ขอผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ
มนุษย์ยัง"เลือก"ทำทุกอย่างได้เหมือนเดิมครับ ฉะนั้น สวดก็ได้(ถ้ามีโอกาสได้สวด) ทำความดีก็เกิดผล(ถ้ามีโอกาสได้ทำ)
พระยุติธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ การตอบแทนอย่างสาสมสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อครับ
และคงไม่ใช่การที่พระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์ทีละคนตามวิธีที่มนุษย์พยายามเข้าใจ
พระยุติธรรมของพระองค์ เป็นยุติธรรมเที่ยงแท้ครับ ผมไม่อาจเอื้อมตีความ

เราจินตนาการเรื่องนี้ไม่ออกหรอกครับ นอกจากศึกษาเทวศาสตร์(ระดับวิชาการ)
อาจอ้างอิง บางอย่าง จากเรื่องราวระดับชีวิตจิตได้บ้าง จากการเปรียบเปรยบ้าง

แต่ทำ"ปัจจุบัน"ให้ดีเถอะครับ แล้วปล่อยให้เป็นไปตามพระประสงค์
หมั่นตรวจสอบตนเองให้แน่ใจ และยอมรับผิดอย่างไม่มีเงื่อนไขหากถูกลงพระอาชญา
เรามีแบบอย่างสำคัญคือ"พระเยซูเจ้า"แล้ว ก็ดำเนินตามไปเท่าที่ทำได้ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นครับ
ตอบกลับโพส