ทำไมคริสตชนหลายๆคนจึงรักและนับถือแม่พระ
เป็นที่ทราบกันดีว่าความเชื่อของคริสตชนทุกนิกาย มีจุดยืนรวมกันคือ
เราได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น ถ้าใครไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นพระผู้ไถ่ และเป็นพระบุตรของพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าพระบิดา พระบุตร พระจิต(หรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญาณ) ก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน หรือผู้นับถือคริสต์ ได้
ดังนั้น ประการแรกเลยเราคงต้องเข้าใจเสียก่อนว่า รูปแบบการนับถือแม่พระหรือพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้านี้ คือการนับถือรูปแบบใดกัน
ในพระศาสนจักรคาทอลิค และออธโธดอค นั้น ให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์ในฐานะ
“พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ดังนั้นพระนางมารีย์
ไม่เคยถูกมองหรือเข้าใจว่าเป็น”พระเจ้า” และ
ไม่เคยถูกมองว่าเป็น”พระผู้ไถ่” แม้แต่ว่าจะถูกคิดว่าเป็นเทพ หรือทูตสวรรค์ ก็ยังไม่ใช่ ดังนั้น ถามคริสตชนทุกสายนิกายตรงนี้ว่า
การที่คริสตชนจะนับถือใครสักคนเป็นพิเศษ โดยไม่เคยคิดว่าเขาหรือเธอเป็นพระเจ้า แทนพระบิดา หรือเป็นพระผู้ไถ่ แทนพระเยซูนั้น ผิดหลักข้อเชื่ออะไรตรงไหน
เพราะถ้าผิด การที่เรานับถือเปาโลว่าเป็นอาจารย์ หรือนับถือวีรบุรุษของชาติ หรือแม้แต่นับถือพ่อแม่ก็จะพลอยผิดไปหมด ดังที่มีคริสตชนบางกลุ่มบางนิกาย เคยประสบปัญหานี้กับกระแสมโนธรรมของสังคม จนถูกมองว่าเป็นลัทธิอันตรายมาแล้ว
ดังนั้น เรากลับมาดูที่ พระนางมารีย์ เหตุใดพระนางจึงได้รับความรักและการนับถืออย่างมากมาย แต่ก่อนที่เราจะดูข้อพระคัมภีร์ ขอยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นคอมมอนเซนส์มากๆ
ในทางหลักข้อเชื่อ, เทวศาสตร์ และทางพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่พระอาณาจักรของพระองค์ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่เป็นอาณาจักรสวรรค์เท่านั้น
ทีนี้ เราลองมองกลับไปในประเทศของเรา ที่มีการปกครองระบอบกษัตริย์เป็นประมุข สิ่งนี้นับว่าเป็นโชคดีมากที่คริสตชนคนไทยเราจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
เราทราบดีว่า ในหลวงนั้น คือประมุขของประเทศ เรียกภาษาชาวบ้านว่า เป็นใหญ่สูงสุดในประเทศ และเราก็ทราบดีว่า ในหลวงนั้น มีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระมารดา และเราก็ทราบกันโดยทั่วว่า ไม่มีใครไม่รักและเคารพในหลวง และไม่มีใครเช่นกันที่จะไม่รักและเคารพแม่ของในหลวงคือ พระราชชนนี แต่กระนั้น ตามกฎมณเฑียรบาล ศักดิ์ของพระราชชนนี ก็ยังรองลงมาจากในหลวง ทั้งการใช้ราชาศัพท์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ใช้ราชาศัพท์ในลำดับชั้นที่สูงกว่า สมเด็จพระราชชนนี
สมเด็จพระราชชนนี หรือที่คนไทยเรียกว่าสมเด็จย่านั้น ไม่เคยทรงเป็นพระราชินีมาก่อน แต่เพราะลูกชายหรือพระราชโอรสทั้งสองพระองค์เป็นกษัตริย์ ศักดิ์ของพระมารดาที่เคยเป็นสามัญชนจึงถูกยกย่องสูงเด่น อย่างสมควร และสมเหตุผล
มีเพื่อนที่รักมากคนหนึ่งเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว เขามีทั้งแฟนและเพื่อนที่เป็นคริสตชนนิกายอื่นที่ไม่ให้ความสำคัญกับแม่พระ เขาเคยถามเพื่อนเล่นๆว่า “สุนัขของในหลวงชื่ออะไร” เพื่อนตอบว่า”ชื่อคุณทองแดง” เขาเลยตอบกลับไปว่า “ดีเนอะ ขนาดหมาของในหลวง เอ็งยังเรียกคุณ แต่แม่ของพระเจ้า เอ็งเรียกนาง”
มีพี่สาวโปรแตสแตนท์ที่รักยิ่งของผมคนหนึ่ง เธอจะเรียกแม่พระว่า “พระมารดามารีย์” โดยเหตุผลที่เธอให้เกียรติว่าแม่พระคือมารดาของพระผู้ไถ่ผู้เป็นกษัตริย์ของเธอ
ดังนั้น เมื่อเรารู้ว่าคริสตชนนับถือพระนางมารีย์อย่างไรแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า เหตุใดเราจึงนับถือพระนางมารีย์ อย่างสมกับคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “Blessed among women”
1. เพราะพระแม่ทรงเป็นพระมารดาพระเจ้า
ลก 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
----ถึงตรงนี้คงไม่มีใครเถียงว่าคนที่กล่าวคำสรรเสริญเสียงดังลั่นว่า
“……..พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า……” แท้จริงคือ องค์พระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณนั่นเอง เพราะขณะนั้น นางอลิซาเบธ ไม่ใช่พูดด้วยความคิดของนาง แต่นางถูกสวมทับด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และเปล่งคำสดุดีชัดแจ้งว่า พระนางมารีย์คือ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
ดังนั้นคริสตชนควรให้เกียรติพระนางมารีย์ตาม
"ฐานะ" ที่พระวิญญาณทรงประกาศด้วยเสียงอันดัง
2. เพราะพระมารดามารีย์ถูกทำนายไว้แล้วว่า พระนางจะได้รับเกียรติสูงสุดกว่าสตรีทั้งมวลในโลก
Luke 1:46
ิ(46)พระนางมารีย์ ตรัสว่า
วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
(47)จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า
(48)เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์
ตั้งแต่นี้ไป
ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข
(49)พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า
พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์
(48) For he hath regarded the low estate of his handmaiden; for, behold, from henceforth
all generations shall call me blessed.
ดังนั้น ชนทุกสมัย จะลืมชื่อของเธอได้อย่างไร ถ้าประโยคนี้เลื่อนลอย พระวิญญาณหรือพระจิตเจ้าจะดลใจให้ลูกาใส่คำๆนี้ลงมาในพระคัมภีร์หรือ ดังนั้น ถ้าเธอสมควรถูกลืมๆไปซะให้มากที่สุดในหมู่คริสตชน พระคัมภีร์ข้อนี้ ก็ไม่เป็นจริง
3. เพราะพระนางมารีย์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองจากพระเจ้าพระบิดาว่าทรงโปรดปรานเธอยิ่งนัก
มธ 3:16
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว เสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมา เหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา
เป็นที่โปรดปรานของเรา”
ลก 1:26
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด
ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร
แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย
ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย”
---------เราคงจำได้ดีว่า คำว่า
“เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า” นี้ พระเยซูถูกเรียกถึง 2ครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อทรงรับพิธีล้าง อีกครั้งเมื่อสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์บนภูเขาทาบอร์ และที่น่าพิศวงยิ่งนัก สตรีคนเดียวในโลกตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก คือพระนางมารีย์ ถูกย้ำ2ครั้งเช่นกันว่า
เป็นที่ “โปรดปราน”
แล้วเราจะปฎิเสธได้อย่างไรว่าพระนางมารีย์ ไม่ได้รับความรักอย่าง “พิเศษยิ่ง” ในสายพระเนตรของพระบิดา พระนางไม่ใช่เพียงผู้หญิงที่พระบุตรใช้อาศัยท้องเกิด แต่พระนางพิเศษกว่าหญิงอื่นๆ ที่พระบิดาตระเตรียมนางไว้ตั้งแต่นิรันดรในสายพระเนตรของพระบิดา สมคำว่า
“เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ” ที่พระจิตเจ้าประกาศด้วยเสียงอันดังก่อนหน้านี้ โดยแท้จริง
4. เพราะพระนางมารีย์คือมารดาของมนุษย์ทุกคน และของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้า
ในปฐมกาล………..
นางเอวา ผู้เป็นมารดาของเหล่ามนุษย์คนบาป
1)หญิงคนหนึ่ง เกิดจากชาย(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
2)หญิงคนนั้นเชื่องูและจองหอง
ผล-->มนุษย์ทั้งหมด พลัดพรากจากพระเจ้า
ในหน้าแรกของพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่…………..
หญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ ผู้ถูกเลือกเป็นมารดาพระผู้ไถ่
1)หญิงคนนั้นเชื่อทูตสวรรค์ และนบนอบ
2)ชายคนหนึ่ง เกิดจากหญิงพรหมจารี(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
ผล--->มนุษย์ทั้งมวลได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ได้กลับไปหาพระบิดา
1คร 15: 22
มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น
-----อาดัมร่วมทำพลาดกับนางเอวาเพราะเชื่องูฉันใด พระเยซูได้ทำการทรงไถ่โดยมีพระนางมารีย์ผู้นบนอบร่วมแผนการฉันนั้น
น่าอัศจรรย์พระเจ้าได้ย้อนกลับขบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในสมัยปฐมกาล ผลของบาปคือความตาย กลับใช้การตายไถ่บาป แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ก็เห็นเด่นชัดอยู่ แล้วยังใช้การกลับสมการนี้ กับนางเอวาและพระนางมารีย์ด้วย
Genesis 3:15
I shall put enmity between you and the woman, and between your offspring and hers; it will bruise your head and you will strike its heel.'
เราจะให้เจ้ากับ “สตรี” เป็นศัตรูกัน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับนางด้วย นาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)จะบดขยี้หัวเจ้า และเจ้าจะฉกกันส้นเท้าของนาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)
-----ถ้าใครได้มีโอกาสดูหนัง the Passion of the Christ คงได้เห็นฉากที่ซาตานจ้องหน้าพระแม่มารีย์อย่างมุ่งร้ายระหว่างทาง ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันจะเกลียดพระแม่มากแค่ไหน ก็มันถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกับ “สตรี” คนหนึ่งที่จะต้องเกิดมาเพื่อแก้สิ่งที่นางเอวาทำมิใช่หรือ
นักบุญ อีเรเนอุสเกิดที่เมืองสมีร์นา ประมาณปี ค.ศ. 130 และได้รับการศึกษาอบรมจากนักบุญ โปลีการ์ป ซึ่งเป็นศิษย์ของ นักบุญ ยอห์น อัครสาวก ผู้รับพระมารดามารีย์เป็นมารดาของตน โดยนัยนี้ท่านจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลสุดท้ายในแวดวงของบรรดาอัครสาวก และสืบทอดแนวคิดของพระวรสาร น. ยอห์นอย่างลึกซึ้ง ท่านได้ประกาศว่า
พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ เป็นผู้ไขแสดงสูงสุดของพระบิดาเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่ และพระศาสนจักรเองก็ได้เจริญชีวิตพระคริสตเจ้าและได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งไปหาพระคริสตเจ้า และจะต้องได้รับการปฏิรูปปรับปรุงใน[size=15pt]พระองค์ซึ่งเป็นอาดัมคนใหม่ และพระนางมารีอาทรงเป็นเอวาคนใหม่ [/size]
วว 12:1-17 นิมิตเรื่องสตรีและมังกร
12 (1)
เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือ “สตรี” ผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ (2)นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร (3)เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ (4)หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่กำลังจะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด (5)นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้องปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายังพระบัลลังก์ของพระองค์ (6)ส่วนสตรีนั้นหลบหนีไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีที่พำนักซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน (7)สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย (8)แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป (9)มังกรใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย (10)ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระราชอาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำนาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหาบรรดาพี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าของเราก็ถูกโยนลงไปแล้ว (11)บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยคำพยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิตแม้เมื่อเผชิญความตาย (12)ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติจงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว (13)เมื่อมังกรหรืองูเห็นว่าตนถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน ก็เริ่มเบียดเบียนสตรีที่คลอดบุตรชาย (14)แต่สตรีนั้นรับปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกเพื่อจะได้บินไปยังถิ่นทุรกันดารที่พำนักของนาง ที่นั่นนางจะได้รับการเลี้ยงดูพ้นสายตาของงูเป็นเวลาสามปีครึ่ง (15)งูพ่นน้ำออกจากปากเหมือนแม่น้ำตามหลังสตรี เพื่อให้นางถูกกระแสน้ำพัดไป (16)แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ แผ่นดินอ้าปากออกและดื่มแม่น้ำที่มังกรพ่นออกมาจากปากของมัน (17)มังกรโกรธสตรี และออกไปทำ
สงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง คือผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำพยานถึงพระเยซูเจ้า
---------ใช่แล้ว ซาตานมันเกลียดแม่พระ มันต้องการทำลายพระนางทุกวิถีทาง ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ “สตรี” นี้ ต้องถูกยกย่อง และต้องถูก “โจมตี” เพราะมันคอยฉกกัดพระนางอยู่ แต่วันหนึ่ง หัวของมันต้องโดนบดขยี้
ใครเล่า จะได้สวมมงกุฎแห่งดวงดาว มีดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า และมีดวงจันทรารองพระบาท สตรีที่พระบิดาเจ้าทรงโปรดปราน ให้ทรงครรภ์พระผู้ไถ่ ได้รับเกียรติ เป็น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ก็สวมควรมีมงกุฎและประดับด้วยจักรวาลมิใช่หรือ หญิงสามัญชนต่ำต้อยที่ลูกของนางเป็นกษัตริย์ นางก็คือพระชนนีของเขามิใช่หรือ
แม้ว่าพระนางจะไม่ใช่องค์พระประมุข ไม่ใช่ผู้ที่เป็นกษัตริย์เสียเอง แต่พระนางก็ได้รับเกียรติตามฐานะที่พระบิดาประทานให้อย่างสมควรมิใช่หรือ นางถูกประกาศไว้แล้วมิใช่หรือว่าจะถูกชื่นชมยกย่องทุกกาลสมัย ด้วยว่าแม้แต่การเยี่ยมเยียนของพระนางยังนำพาให้นางอลิซาเบธชื่นชมยินดีเหลือเกินและเปี่ยมด้วยพระวิญาณมิใช่หรือ นางต้องเป็นศัตรูกับงูร้ายคือมารซาตานตามที่พระเจ้าตรัสมิใช่หรือ
แต่ยิ่งไปกว่านั้น พระวาจาที่บันทึกโดยท่านยอห์น ได้ประกาศสิ่งยิ่งใหญ่ที่ว่า แม่พระไม่เพียงเป็นมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ จะเป็นมารดาของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้าด้วย!!!
ดังนั้น คริสตชนทั้งหลาย ผู้ปรารถนาจะเป็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก
ท่านไม่จำเป็นต้องคิดว่าพระแม่มารีย์คือพระเจ้า เทพธิดา หรือจะมาแทนที่พระผู้ไถ่อะไรทั้งนั้น เพียงแค่คุณรู้ว่าพระนางเป็น “แม่” ของคุณอีกคนนึงในสวรรค์ รักพระนางเหมือนแม่ของคุณ เพราะคุณเป็นน้องของพระเยซู แค่นั้นก็คือการให้ความสำคัญกับพระนางอย่างถูกต้องที่สุดของคริสตชนทุกกาลสมัยแล้ว