


จะว่าขำหลายคนก็คงขำเพราะเห็นคนซุ่มซ่าม แต่คิดดีๆ เราว่าไม่ขำเลย
เพราะเรื่อง "ศีลมหาสนิท" เป็นเรื่องใหญ่และศักดิ์สิทธิ์
นี่เป็นประสบการณ์จากอุบัติเหตุในพิธีนมัสการที่เกิดจากความสะเพร่า
ของเราซึ่งอยากให้เป็นอุทาหรณ์แก่พี่น้องโดยเฉพาะเพื่อนผู้รับใช้ ผู้ฝึกฝน และผู้ที่มีส่วนในพิธีกรรม
(เราเป็นโปรฯ สายลูเธอร์แรนซึ่งพิธีนมัสการก็คล้ายๆ พิธีมิสซาของพี่น้องคาทอลิก)
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานนี้ในตอนเช้า เรามีหน้าที่นำพิธีนมัสการ
และในขบวนแห่เข้า เราต้องถือกางเขนนำขบวน(โบสถ์เราใช้แบบตั้งบนพระแท่น)
และต้องอ่านพระกิตติคุณ(พระวรสาร)ด้วย ตอนขบวนเข้ามาก็เข้ามาตามปกติ แต่ใจลอยนิดๆ
เพราะตัวเองขาดการเตรียมตัว (เพิ่งเตรียมก่อนหน้านั้นแค่ 10 นาที)
พอมาถึงหน้าพระแท่นก็วางกางเขนแบบที่เคยวาง แล้วก็ถอยออกมา(ก้มหน้า)รอคำนับพระแท่นแล้วทำสำคัญมหากางเขนพร้อมกับคนอื่นในขบวน
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น กางเขนที่เราวางมันไม่ได้ตั้งอยู่แบบที่ควรจะอยู่ แต่มัน "โครม" ลงมา
ทับ "ศีลมหาสนิท" ตกใส่พื้นทั้งชุด(ถ้วยกาลิกซ์และจานใส่แผ่นแป้ง) โอ้พระเจ้าข้า....เทกระจาดเต็มพื้นเลย
ตอนนั้นเราตกใจมากกกๆ จนทำอะไรไม่ถูก เพราะสำหรับโปรเตสแตนต์แล้ว คณะลูเธอร์แรนเป็นคณะเดียวที่ซีเรียสเรื่องศีลมหาสนิทมาก
แทบไม่แพ้พี่น้องคาทอลิก เพราะลูเธอร์แรนเชื่อว่าหลังผ่านพิธีขนมปังและเหล้าองุ่นคือพระกายพระโลหิตจริงที่มีพระเยซูเจ้าประทับอยู่
ไม่ใช่แค่การระลึกถึงเท่านั้น(ขอบคุณพระเจ้าที่หกนั่นยังไม่ได้ทำพิธี)
แล้วพิธีก็กำลังดำเนินอยู่ ทีนี้เอาไงดีเพลงกำลังจะจบแล้ว และที่สำคัญ พี่น้องคริสตชนทั้งคริสตจักรมองอยู่อ่ะ(จัดวันแม่คนมาเยอะเป็นพิเศษ)
เชื่อไหมว่าตอนแรกเรายืนดูคนอื่นช่วยกันเคลียร์โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะตกใจ อึ้ง สั่น
กว่าจะตั้งสติได้ ก็ได้ช่วยเก็บที่เหลือนิดหน่อย (ยังดีนะที่นักดนตรีช่วยเล่นเพลงซ้ำเพื่อถ่วงเวลาไว้)
เสร็จก็ขึ้นประจำที่ จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่กลับมีความกลัวอยู่ลึกๆ (เสร็จพิธีจะเกิดไรขึ้น?...)
ทำให้อ่านพระคัมภีร์ผิดๆ ถูกๆ ก่อบทตอบโต้ช้า(ลืมบท) และเกือบข้ามไปหลายอย่าง (สมองสั่งการช้าลงทันตาเห็น)
หลังเสร็จพิธีฯ ตอนบ่ายก็จัดการมาถูทำความสะอาด(กลิ่นเหล้าองุ่นนี่คลุ้งเลย)
ด้วยความข้องใจว่ามันล้มได้ไงต้องหาสาเหตุเลยไปดูบนพระแท่นปรากฎว่า
ตรงที่เราวางกางเขนไม่ใช่พื้นเรียบเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นตะเข็บรอยต่อของผ้าปูพระแท่นที่หนาพอสมควร
นั่นไงสาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างตรงนั้นล้มเป็นโดมิโน่ ...
ทั้งหมดเป็นความบกพร่องของเราที่ไม่รอบคอบ ไม่เช็คตำแหน่งที่จะวางหรืออุปกรณ์ที่จะใช้
ไม่เตรียมตัวให้พร้อม เพราะคิดว่าตัวเองมืออาชีพแล้วไม่ต้องเตรียมไม่ต้องซ้อมก็ได้
ขอบคุณพระเจ้าที่เหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้เรารับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมากขึ้น
จึงอยากเล่าเป็นประสบการณ์สำหรับเพื่อนผู้ฝึกฝน ผู้รับใช้ และผู้ที่มีส่วนในศาสนพิธีให้ระมัดระวัง รอบคอบ และเตรียมให้พร้อมที่สุด
อย่าคิดว่าฉันมืออาชีพแล้ว มาถึงจะจับเอาได้เลย และอย่าคิดว่าทำตามหน้าที่ให้พี่น้องดูเท่านั้น
แต่ระลึกเสมอว่าทุกสิ่งที่เราทำเพื่อถวายแด่พระเจ้า ดังนั้นต้องทำให้ดีที่สุด
และที่สำคัญต้องมีสติและเรียนรู้จักแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าให้ไว
พระเจ้าอวยพรค่ะ ....