แบ่งปันอาทิตย์ที่22เทศกาลธรรมดา(2009)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 01, 2009 7:17 pm

บทอ่านที่1:หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ(ฉธบ 4:1-2,6-8)
บทอ่านที่2:จดหมายนักบุญยากอบ(ยก1:17-18,21ข-22,27)
บทอ่านที่3:พระวรสารนักบุญมาระโก(มก7:1-8ก,14-15,21-23)

สารวัดอัสสัมชัญ:บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
(โดย คุณพ่อเปโตร สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธ์)

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน

ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน มีพี่น้องที่น่ารักหลายคนมาแจ้งเตือนพ่อด้วยเจตนาดีว่า
"น้ำเสกหมดแล้ว แห้งหมดเลย" คงหมายความว่า น้ำเสกในภาชนะเปลือกหอยที่ตั้งอยู่หน้าวัด
ซึ่งปกติพี่น้องใช้ทำสำคัญมหากางเขน ก่อนเข้าที่นั่งในวัดนั้น
พ่ออาจไม่ทันสังเกตว่า หมดแล้ว
"ช่วยเติมหน่อย เดี๋ยวใครๆเขาจะหาว่า พ่อเจ้าวัดไม่เอาใจใส่" ประโยคหลังนี้ ไม่มีใครพูดครับ พ่อเติมต่อไปเอง

อันที่จริง เรื่องนี้ พ่อเป็นคนสั่งให้ งดใช้น้ำเสกชั่วคราว จนกว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเบาบางลง ในระดับที่พอควบคุมได้
ซึ่งพ่อประมาณว่า คงอีกไม่นานนัก นี่เป็นมาตรการป้องกันอย่างหนึ่งของการระบาด ด้วยเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล
ว่าอาจเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ได้ เพราะอยู่ในภาชนะที่ใช้ร่วมกันนั่นเอง
พ่อเชื่อว่า พี่น้องหลายคนคงเข้าใจดี แต่ก็มีพี่น้องบางคนอาจคับข้องใจ เพราะไม่ทราบว่าเป็นมาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่
และเพราะว่า เมื่อไม่ใช้น้ำเสกก่อนเข้าวัด เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ทำนองนั้น

ก็ดีเหมือนกัน เป็นโอกาสที่พ่อจะสนทนาถึงเรื่องของการปฏิบัติให้เป็นไปตามความหมายและเจตนา
เพราะคงมีพี่น้องหลายคน เพียงแค่ปฏิบัติไปตามความเคยชิน หรือตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อๆกันมา
ประสาคริสตังก็ดี บางทีก็หลงลืม และละเลยความหมายของมันไป จึงพอใจอยู่แต่ การปฏิบัติตามรูปแบบภายนอกเท่านั้น


"น้ำเสก"นั้นเป็นสิ่งคล้ายศีลอย่างหนึ่ง
ใช้เพื่อชำระล้างวิญญาณให้พ้นจากบาปเบา ซึ่งจะเกิดผลได้ ก็ต่อเมื่อ เตือนใจเราให้คิดถึงศีลล้างบาปที่เราได้รับและแสดงความเป็นทุกข์เสียใจเพื่อการกลับใจ และบังเกิดเจตนาดีในการดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อ
ด้วยเหตุนี้เพียงแค่เราจุ่มน้ำเสก และทำเครื่องหมายกางเขน อย่างสวยงามเท่านั้น ยังไม่เกิดผลใดๆได้ ต้องกระทำควบคู่กับ เจตนาภายในด้วย น้ำเสกจึงจะมีความหมาย


อย่าลืมว่า น้ำเสกและสิ่งคล้ายศีลอื่นๆไม่สามารถชำระล้างบาปหนักได้ บาปหนักจำเป็นต้องได้รับการชำระล้างผ่านทางศีลอภัยบาป

เพราะฉะนั้น ในช่วงเวลาที่เรางดใช้น้ำเสกอยู่นี้ สิ่งที่เราทำได้และควรทำคือ
ก่อนเข้าวัดเราก็ตั้งเจตนาที่จะชำระวิญญาณให้บริสุทธิ์ เพื่อเข้าสู่บ้านที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าอย่างสมควรด้วยการแสดงความเป็นทุกข์ถึงบาปต่างๆแล้วแก่นแท้ของการจุ่มน้ำเสกก็จะคงอยู่
แม้นเราจะไม่ใช้น้ำเสกตามรูปแบบภายนอกก็ตาม

อย่าให้การปฏิบัติของเรา เป็นเหมือนคำตำหนิของพระเยซูเจ้า ที่มีต่อพวกฟาริสี และธรรมาจารย์ว่า
"คนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ลมปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเรา อย่างไร้ความหมาย"(มก.7,6-7)


ข้อสังเกตอนอย่างหนึ่งของพ่อ คือ
เวลาที่พระสงฆ์เน้นถึงความสำคัญของคุณค่าฝ่ายจิตใจหรือคุณค่าที่ออกมาจากภายใน
บางคนจะยกเป็นข้ออ้างว่า การแสดงออกภายนอกนั้นไม่สำคัญจะทำอย่างไรก็ได้
บางทีนี่จะเป็นข้อสรุปที่มักง่าย และเข้าข้างตัวเองมากเกินไปสักหน่อย
เพราะอาจลืมไปว่า บ่อยๆการแสดงออกภายนอกเป็นผลของสิ่งที่มีอยู่ในใจ

พ่อขอยกตัวอย่างง่ายๆแต่ยังเป็นปัญหาที่แก้ยากจริงๆในเกือบจะทุกวัด
นั่นคือเรื่อง "การแต่งกายเข้าวัด"นี่แหละ
บางคนก็แต่งตัวตามสบายเกินไป บางคนก็สกปรกเกินไป บางคนก็ล่อแหลมเกินไป
โดยเฉพาะสตรี เจ้าตัวบางคน เอาแต่แก้ตัวว่า ก็ฉันไม่ได้คิดอะไรนี่
บางทีปัญหาอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้ คือ ไม่ได้คิดอะไร ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ควรคิดให้ดีก่อน
เราไม่คิด แต่อาจทำให้คนอื่นคิดไม่ดีก็ได้
ที่สำคัญคือ การแต่งกายของเรานั้นเป็นการให้เกียรติพระเป็นเจ้าอย่างสมควรหรือเปล่า
อย่าลืมว่า การแต่งกาย ก็คือ ภาษาหนึ่งที่แสดงตัวตนของเราด้วย

ทำนองเดียวกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยสอนว่า"สิ่งออกมาจากปาก ย่อมออกมาจากใจ"(มธ15.8)

พ่อหยุดเขียนครู่หนึ่ง เพื่อไปฟังเพลงจาก Youtube ชื่อว่า "How great thou art"
เป็นเพลงร้องสรรเสริญพระเจ้า ในความหมายที่พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ต่อจิตวิญญาณของมนุษย์
ผู้มีความเชื่อจากภายใน กลายเป็นบทเพลงที่ให้ความรู้สึกที่ดี ทั้งสำหรับผู้ร้องและผู้ฟัง
ความเชื่อมีชีวิตที่ให้ความสุข ด้วยบทเพลงที่ร้องออกมาจากจิตวิญญาณของผู้ศรัทธา
และผู้มีศรัทธาเท่านั้น คือผู้มีชีวิตและชีวิตมีความหมาย



http://www.youtube.com/watch?v=2Q8ESzK5pCw
แก้ไขล่าสุดโดย Man of Macedonia เมื่อ อังคาร ก.ย. 01, 2009 7:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.ย. 02, 2009 8:52 am

ขอบคุณครับ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 12:01 am

Man of Macedonia เขียน:

พ่อขอยกตัวอย่างง่ายๆแต่ยังเป็นปัญหาที่แก้ยากจริงๆในเกือบจะทุกวัด

นั่นคือเรื่อง "การแต่งกายเข้าวัด"นี่แหละ
บางคนก็แต่งตัวตามสบายเกินไป บางคนก็สกปรกเกินไป บางคนก็ล่อแหลมเกินไป
โดยเฉพาะสตรี เจ้าตัวบางคน เอาแต่แก้ตัวว่า ก็ฉันไม่ได้คิดอะไรนี่
บางทีปัญหาอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้ คือ ไม่ได้คิดอะไร ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ควรคิดให้ดีก่อน
เราไม่คิด แต่อาจทำให้คนอื่นคิดไม่ดีก็ได้
ที่สำคัญคือ การแต่งกายของเรานั้นเป็นการให้เกียรติพระเป็นเจ้าอย่างสมควรหรือเปล่า
อย่าลืมว่า การแต่งกาย ก็คือ ภาษาหนึ่งที่แสดงตัวตนของเราด้วย

ทำนองเดียวกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยสอนว่า"สิ่งออกมาจากปาก ย่อมออกมาจากใจ"(มธ15.8)
การแต่งกายนี่เกือบทุกคริสตจักรของ คริสเตียนด้วยครับ : xemo026 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 11:30 am

Jeab Agape เขียน:
Man of Macedonia เขียน:

พ่อขอยกตัวอย่างง่ายๆแต่ยังเป็นปัญหาที่แก้ยากจริงๆในเกือบจะทุกวัด

นั่นคือเรื่อง "การแต่งกายเข้าวัด"นี่แหละ
บางคนก็แต่งตัวตามสบายเกินไป บางคนก็สกปรกเกินไป บางคนก็ล่อแหลมเกินไป
โดยเฉพาะสตรี เจ้าตัวบางคน เอาแต่แก้ตัวว่า ก็ฉันไม่ได้คิดอะไรนี่
บางทีปัญหาอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้ คือ ไม่ได้คิดอะไร ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ควรคิดให้ดีก่อน
เราไม่คิด แต่อาจทำให้คนอื่นคิดไม่ดีก็ได้
ที่สำคัญคือ การแต่งกายของเรานั้นเป็นการให้เกียรติพระเป็นเจ้าอย่างสมควรหรือเปล่า
อย่าลืมว่า การแต่งกาย ก็คือ ภาษาหนึ่งที่แสดงตัวตนของเราด้วย

ทำนองเดียวกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยสอนว่า"สิ่งออกมาจากปาก ย่อมออกมาจากใจ"(มธ15.8)
การแต่งกายนี่เกือบทุกคริสตจักรของ คริสเตียนด้วยครับ : xemo026 :
: xemo017 : : xemo017 :
ตอบกลับโพส