ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย
06 กันยายน
ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย
--------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณ "น้องโป้ง (Antoinetty) นักศึกษาปี 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ได้ส่งบทความ "ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย" มาแบ่งปันกัน แต่ละข้อที่กล่าวมา ล้วนเป็นความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ประมาณว่า เป็นความรู้รอบตัวของคริสตังไทยก็ว่าได้
พูดถึงชมรมคาทอลิกจุฬาฯ ก็มีบล็อกชมรมมาแบ่งปันทุกท่านได้รับชม ถ้าสนใจก็ลองคลิกเข้าไปดูได้นะครับ http://catholicchula.spaces.live.com ... นักศึกษาคาทอลิกที่กระตือรือร้นเช่นนี้ ไม่ได้หากันง่ายๆ อย่ามัวแต่นิ่งเฉยกับพวกเขา เพราะหน้าที่ของพวกเราคือต้องส่งเสริมและสนับสนุนนะครับ
ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย*
1.) พระสังฆราชชาวไทยองค์แรกคือ พระคุณเจ้ายาโกเบ แจง เกิดสว่าง (ปกครองมิสซังจันทบุรีปี 1944-1952)
2.) พระสังฆราชชาวต่างประเทศองค์สุดท้ายที่ได้รับอภิเษกคือ พระคุณเจ้าแยร์แม็ง แบร์ทอลด์ (ปกครองมิสซังอุบลฯปี 1970-1976)
3.) พระสังฆราชที่ปกครองนานที่สุด 3 อันดับแรก คือ พระคุณเจ้าแปร์รอส (1909-1947), พระคุณเจ้าเทียนชัย (1971-2009) และพระคุณเจ้าคาร์เร็ตโต (1950-1987)
4.) คณะนักบวชชายที่เข้ามาประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะโดมินิกัน (1567)
5.) คณะนักบวชหญิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะรักกางเขนสยาม (1672)
6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)
7.) พระสงฆ์พื้นเมืององค์แรกคือ คุณพ่อฟรังซัวส์ เปเรส (บวชปี 1668)
8.) สังฆมณฑลที่มีสัตบุรุษมากที่สุด คือ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ (110,694 คน - 2008)
9.) สังฆมณฑลที่มีพื้นที่ปกครองมากที่สุด คือ สังฆมณฑลนครสวรรค์ (93,547 ตร.กม.)
10.) สังฆมณฑลที่มีจังหวัดในการปกครองมากที่สุด คือ สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี (15 จังหวัด)
11.) ศาสนนามที่พระสงฆ์ไทยใช้มากที่สุด คือ ยอแซฟ
12.) อารามคาร์แมล กรุงเทพฯ (1925) เป็นอารามแม่ของ 5 อาราม คือ สิงคโปร์ (1938), จันทบุรี (1952), ออสเตรเลีย (1976), สามพราน (1988) และนครสวรรค์ (2000)
13.) พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงเป็นคาทอลิก คือ พระชัยราชาธิราช (1534-1546) ล้างบาปปี 1544 ทรงใช้นามนักบุญ ยวง แบปติสต์
14.) รายการแสงธรรม ออกอากาศช่อง Modern Nine วันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ 04.30-05.00 น. แต่รายการพระเจ้าสถิตกับเรา ออกอากาศช่อง NBT ทุกวันอาทิตย์ 04.00-04.50 น.
15.) สถาบันระดับอุดมศึกษาของคาทอลิกมี 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น (ของฆราวาสคาทอลิก), วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ และวิทยาลัยแสงธรรม
16.) ร้อยละ 60 ของต้นทุนการผลิตนิตยสารแม่พระยุคใหม่มาจากดอกเบี้ยของกองทุนแม่พระยุคใหม่ ซึ่งคุณพ่อมารีอุส หลุยส์ เบรย์ตั้งขึ้น
17.) ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาสที่เดียวในโลก อยู่ที่บ้านท่าแร่ สกลนคร
18.) แม่พระผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร คือแม่พระซึ่งมาประจักษ์ ที่วัดลำไทร ในปี 1988
19.) หอพักหญิงเอาซีลีอุม ของซิสเตอร์ซาเลเซียน ห้ามกลับหอดึกกว่า 20.00 น.
20.) ปัจจุบัน ชุมชนวัดซางตาครู้สเหลือบ้านที่ทำขนมฝรั่งกุฎีจีน 2 บ้าน
21.) วัดอัครเทวดามีคาแอล ซ่งแย้ เป็นวัดสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
22.) เพลง มารีแม่รัก สันนิษฐานว่าเป็นเพลงคาทอลิกไทยเพลงแรก แต่งโดยพระคุณเจ้าแจง
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย
--------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณ "น้องโป้ง (Antoinetty) นักศึกษาปี 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ได้ส่งบทความ "ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย" มาแบ่งปันกัน แต่ละข้อที่กล่าวมา ล้วนเป็นความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ประมาณว่า เป็นความรู้รอบตัวของคริสตังไทยก็ว่าได้
พูดถึงชมรมคาทอลิกจุฬาฯ ก็มีบล็อกชมรมมาแบ่งปันทุกท่านได้รับชม ถ้าสนใจก็ลองคลิกเข้าไปดูได้นะครับ http://catholicchula.spaces.live.com ... นักศึกษาคาทอลิกที่กระตือรือร้นเช่นนี้ ไม่ได้หากันง่ายๆ อย่ามัวแต่นิ่งเฉยกับพวกเขา เพราะหน้าที่ของพวกเราคือต้องส่งเสริมและสนับสนุนนะครับ
ความจริง 100 ประการเกี่ยวกับคาทอลิกไทย*
1.) พระสังฆราชชาวไทยองค์แรกคือ พระคุณเจ้ายาโกเบ แจง เกิดสว่าง (ปกครองมิสซังจันทบุรีปี 1944-1952)
2.) พระสังฆราชชาวต่างประเทศองค์สุดท้ายที่ได้รับอภิเษกคือ พระคุณเจ้าแยร์แม็ง แบร์ทอลด์ (ปกครองมิสซังอุบลฯปี 1970-1976)
3.) พระสังฆราชที่ปกครองนานที่สุด 3 อันดับแรก คือ พระคุณเจ้าแปร์รอส (1909-1947), พระคุณเจ้าเทียนชัย (1971-2009) และพระคุณเจ้าคาร์เร็ตโต (1950-1987)
4.) คณะนักบวชชายที่เข้ามาประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะโดมินิกัน (1567)
5.) คณะนักบวชหญิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะรักกางเขนสยาม (1672)
6.) คณะนักบวชหญิงที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นคณะแรกคือ คณะพระกุมารเยซู (1885)
7.) พระสงฆ์พื้นเมืององค์แรกคือ คุณพ่อฟรังซัวส์ เปเรส (บวชปี 1668)
8.) สังฆมณฑลที่มีสัตบุรุษมากที่สุด คือ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ (110,694 คน - 2008)
9.) สังฆมณฑลที่มีพื้นที่ปกครองมากที่สุด คือ สังฆมณฑลนครสวรรค์ (93,547 ตร.กม.)
10.) สังฆมณฑลที่มีจังหวัดในการปกครองมากที่สุด คือ สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี (15 จังหวัด)
11.) ศาสนนามที่พระสงฆ์ไทยใช้มากที่สุด คือ ยอแซฟ
12.) อารามคาร์แมล กรุงเทพฯ (1925) เป็นอารามแม่ของ 5 อาราม คือ สิงคโปร์ (1938), จันทบุรี (1952), ออสเตรเลีย (1976), สามพราน (1988) และนครสวรรค์ (2000)
13.) พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงเป็นคาทอลิก คือ พระชัยราชาธิราช (1534-1546) ล้างบาปปี 1544 ทรงใช้นามนักบุญ ยวง แบปติสต์
14.) รายการแสงธรรม ออกอากาศช่อง Modern Nine วันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ 04.30-05.00 น. แต่รายการพระเจ้าสถิตกับเรา ออกอากาศช่อง NBT ทุกวันอาทิตย์ 04.00-04.50 น.
15.) สถาบันระดับอุดมศึกษาของคาทอลิกมี 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น (ของฆราวาสคาทอลิก), วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ และวิทยาลัยแสงธรรม
16.) ร้อยละ 60 ของต้นทุนการผลิตนิตยสารแม่พระยุคใหม่มาจากดอกเบี้ยของกองทุนแม่พระยุคใหม่ ซึ่งคุณพ่อมารีอุส หลุยส์ เบรย์ตั้งขึ้น
17.) ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาสที่เดียวในโลก อยู่ที่บ้านท่าแร่ สกลนคร
18.) แม่พระผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร คือแม่พระซึ่งมาประจักษ์ ที่วัดลำไทร ในปี 1988
19.) หอพักหญิงเอาซีลีอุม ของซิสเตอร์ซาเลเซียน ห้ามกลับหอดึกกว่า 20.00 น.
20.) ปัจจุบัน ชุมชนวัดซางตาครู้สเหลือบ้านที่ทำขนมฝรั่งกุฎีจีน 2 บ้าน
21.) วัดอัครเทวดามีคาแอล ซ่งแย้ เป็นวัดสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
22.) เพลง มารีแม่รัก สันนิษฐานว่าเป็นเพลงคาทอลิกไทยเพลงแรก แต่งโดยพระคุณเจ้าแจง
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
- .::พรั่งพรู::.
- โพสต์: 179
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 1:01 am
- ติดต่อ:
เพิ่งรู้นะครับเนี้ย ว่าประเทศไทยเคยมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นคาทอลิก
ขอบคุณสำหรับความรู็ใหม่ครับบบ
ขอบคุณสำหรับความรู็ใหม่ครับบบ

- ต้นไม้แห่งเจสซี
- โพสต์: 343
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
- ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
- ติดต่อ:
เพิ่งรู้นะครับว่าประเทศไทยของเรา มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นคาทอลิกด้วยครับ13.) พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงเป็นคาทอลิก คือ พระชัยราชาธิราช (1534-1546) ล้างบาปปี 1544 ทรงใช้นามนักบุญ ยวง แบปติสต์
พอมีประวัติ หรือรายละเอียดไหม? ครับ ผมเริ่มมีความสนใจแล้วครับ : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
46.) ประชากรไทยเพียงร้อยละ 0.49 เท่านั้น ที่เป็นคาทอลิก


13.) พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงเป็นคาทอลิก คือ พระชัยราชาธิราช (1534-1546) ล้างบาปปี 1544 ทรงใช้นามนักบุญ ยวง แบปติสต์
เพิ่งรู้อ่ะ ไปดูวิกิสิ ท่านสวรรคตด้วยยาพิษของท้าวศรีสุดาจันทร์
(เข้าข่ายประวัติศาสตร์มากขึ้น)
เสริมนิดๆ วัดคอนเซ็ปชัน เป็นวัดคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดใน กทม. เพราะสร้างขึ้นในสมัยที่เมืองกทม. เป็นแค่เมืองท่า เมืองบางกอกที่สำคัญ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เพิ่งรู้อ่ะ ไปดูวิกิสิ ท่านสวรรคตด้วยยาพิษของท้าวศรีสุดาจันทร์

เสริมนิดๆ วัดคอนเซ็ปชัน เป็นวัดคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดใน กทม. เพราะสร้างขึ้นในสมัยที่เมืองกทม. เป็นแค่เมืองท่า เมืองบางกอกที่สำคัญ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
87.) พระสงฆ์ไทยคนแรกและคนเดียวที่ทำงานด้านการทูต คือ คุณพ่อวิษณุ ธัญญอนันต์ผล
เป็นเรื่องราวที่อยู่ในบันทึกของชาวโปรตุเกสที่เข้ามาในอยุธยาในเวลานั้นครับClimax เขียน:เพิ่งรู้นะครับว่าประเทศไทยของเรา มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นคาทอลิกด้วยครับ13.) พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงเป็นคาทอลิก คือ พระชัยราชาธิราช (1534-1546) ล้างบาปปี 1544 ทรงใช้นามนักบุญ ยวง แบปติสต์
พอมีประวัติ หรือรายละเอียดไหม? ครับ ผมเริ่มมีความสนใจแล้วครับ : xemo026 :
ทรงใช้ศาสนานามว่า ดอน ยวง คือ นักบุญยอห์น อัครสาวกครับ
ทั้งนี้ รายละเอียดต้องลองไปค้นหนังสือศิลปวัฒนธรรม เล่มเก่าๆ
ไม่ก็อุดมศาสนต์ เล่มเก่า ซึ่งออกช่วงหนังพระสุริโยทัยกำลังฉายน่ะคับ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
[quote="Buddy"]
[quote="Holy"]
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
[quote="Holy"]
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
เรื่องประวัติศาสตร์นี่ต้องดูว่าหลักฐานเชื่อได้แค่ไหนนะครับ พงศาวดารและจม.เหตุหลายๆฉบับในเรื่องเดียวกันอาจจะขัดแย้ง สมเด็จพระไชยราชา ที่เห็นคุณพงศ์พัฒน์แสดงในภาพยนตร์สุริโยทัย ก็มีแพทย์ประจำพระองค์เป็นมิชชันนารี
แต่ไม่น่าจะทรงเป็นคาทอลิกนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่ามิชชันนารีคณะดอมินิกันชุดแรกที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยานั้นมาถึงในปี 1567 ซึ่งเวลานั้นสมเด็จพระไชยราชาสวรรคตไปแล้วครับ
แต่ที่เคยได้ยินมาค่อนข้างชัวร์คือสมเด็จย่า พระราชมารดาของในหลวงทรงรับศีลล้างบาปครับ
แต่ไม่น่าจะทรงเป็นคาทอลิกนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่ามิชชันนารีคณะดอมินิกันชุดแรกที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยานั้นมาถึงในปี 1567 ซึ่งเวลานั้นสมเด็จพระไชยราชาสวรรคตไปแล้วครับ
แต่ที่เคยได้ยินมาค่อนข้างชัวร์คือสมเด็จย่า พระราชมารดาของในหลวงทรงรับศีลล้างบาปครับ
H.E. SMITH ในหนังสือ “ Historical and Cultural Dictionary of Thailand” กล่าวไว้ว่า ชื่อ “สยาม” (Siam) ถูกใช้ครั้งแรกโดย Sir James Lancaster ในปี 1592 อาจารย์ รงค์สยามนันท์ อาจารย์ประวัติศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ได้ยืนยันเช่นเดียวกันความจริง ชื่อ “สยาม” ต้องถูกใช้มาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน จากการตรวจสอบเอกสารและการศึกษาประวัติศาสตร์พระศาสนจักรในประเทศไทย เราจะพบว่า นักบุญ ฟรังซิส เซเวียร์ ได้เอ่ยถึง และใช้ชื่อ “สยาม” ในจดหมายของท่านที่ส่งมาให้เพื่อนของท่านที่ Malacca ถึง 4 ฉบับ ในปี 1552. นอกจากนี้ อาจารย์ บุญยก ตามไท ได้ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจในวารสาร ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 5 ฉบับที่ 9 ไว้ดังนี้sansrepos เขียน: เรื่องประวัติศาสตร์นี่ต้องดูว่าหลักฐานเชื่อได้แค่ไหนนะครับ พงศาวดารและจม.เหตุหลายๆฉบับในเรื่องเดียวกันอาจจะขัดแย้ง สมเด็จพระไชยราชา ที่เห็นคุณพงศ์พัฒน์แสดงในภาพยนตร์สุริโยทัย ก็มีแพทย์ประจำพระองค์เป็นมิชชันนารี
แต่ไม่น่าจะทรงเป็นคาทอลิกนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่ามิชชันนารีคณะดอมินิกันชุดแรกที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยานั้นมาถึงในปี 1567 ซึ่งเวลานั้นสมเด็จพระไชยราชาสวรรคตไปแล้วครับ
แต่ที่เคยได้ยินมาค่อนข้างชัวร์คือสมเด็จย่า พระราชมารดาของในหลวงทรงรับศีลล้างบาปครับ
“ มีเกร็ดประวิติศาสตร์บันทึกโดยฝรั่งว่า เมื่อ พ.ศ. 2087 (1544) Antonio de Paiva ชาวโปรตุเกส ได้เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระชัยราชาธิราช และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าและสนทนาเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนากับพระองค์ จนเลื่อมใส และพระองค์ทรงประกอบพิธี Baptise ได้รับพระราชทินนามเป็นภาษาโปรตุเกสว่า Dom Joao ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์พิเศษอย่างยิ่ง”
เท่าที่ผมพยายามค้นหาเอกสารที่บันทึกโดยฝรั่งตามที่อาจารย์บุญยก ตามไท ได้กล่าวไว้นี้ก็ได้พบเอกสารที่รวบรวมอย ู่ในหนังสือ Documenta Indica I และ II และถูกนำมาอ้างอิงโดย Jose Maria RECONDO s.j. และ G.SCHURHAMMER, s.j. พระสงฆ์นักประวัติศาสตร์คณะเยซูอิต ชาวสเปน และเยอรมัน ตามลำดับ. เอกสารเหล่านี้ได้เอ่ยถึง ชื่อ “สยาม” ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นชื่อประเทส “สยาม” ต้องถูกใช้มาแล้วตั้งแต่ปี 1544 ผมยังเชื่อว่าคำว่า “สยาม” ต้องถูกใช้มาก่อนหน้านี้ด้วย Simon de La Loubere ฑูตพิเศษของกษัตริย์ฝรั่งเศสปี 1687 และ 1688 ได้ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจ มากไว้ดังนี้ว่า ชื่อสยามไม่ได้เป็นที่รู้จักของชาวสยามเป็นคำ ๆ หนึ่งที่พวกโปรตุเกสใน Indies ใช้ เป็นการยากที่จะสืบพบต้นกำเนิดของคำ ๆ นี้. เราอาจกล่าวได้ว่า ชื่อ “สยาม” ถูกใช้มาตั้งแต่พวกโปรตุเกสได้เข้ามาถึงหมู่เกาะ Indies ในปี 1511
ชาวยุโรปได้เรียกแผ่นดินของเราว่า “สยาม” เป็นชื่อประเทศใน ศต. ที่ 17 และในการติดต่อกับชาวยุโรปสมัยนั้น พวกเ ราก็ได้ใช้ชื่อสยามเช่นเดียวกัน แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียกประเทศของเราว่า “สยาม” ก็ตาม เพราะว่าสมัยก่อนคนไทยเราเรียกประเทศของตนตามชื่อนครหลวง เช่น กรุงสุโขทัย
http://www.catholic.or.th/archive/archbkk/archbkk1.html
ขอเพิ่มเติมนิดนึง Duarte Fernandes เป็นราชฑูตมาเยือนไทย ตั้งแต่ 1511 แล้วครับ ลองไปดู ประวัติศาสตร์โปรตุเกสดูนะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Portugal
แก้ไขล่าสุดโดย taiyo เมื่อ พุธ ก.ย. 09, 2009 2:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
[quote="คนละคนแล้วครับ"]
[quote="Buddy"]
[quote="Holy"]
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
[quote="Buddy"]
[quote="Holy"]
23.) คุณพ่อพิเชฐ แสงเทียน, S.J. สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ เคยสอบ ENT
คนไทยเรียกตัวเองเป็นสยามอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เข้าไปแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8
คำว่าสยามที่ยอมรับกันในสมัยร.4 ประกอบด้วยดินแดนของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (ที่สืบทอดอำนาจมาจากอโยธยาและธนบุรี หรือไทยกลางนั่นแหละ) อาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรเขมร แคว้นมลายูตอนเหนือ(ตอนใต้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่ยึดมาจากฮอลแลนด์ โดยฮอลแลนด์ก็ยึดมาจากโปรตุเกศอีกทอดหนึ่ง)
เขตสังฆมณฑลในประเทศไทยทั้งหมดล้วนเคยอยู่ในเขตของมิสซังสยามทั้งนั้นครับ
หลังจากฝรั่งเศสกับอังกฤษใช้อำนาจบีบพระเจ้าแผ่นดินสยาม (รัชกาลที่ 5) แบ่งดินแดนเขมร ล้านช้างส่วนนอก (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และแคว้นมลายู 4 แคว้นออกไปมิสซังสยามก็หดเล็กลงตามขนาดของประเทศไทยที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ต่อมาได้มีการสถาปนามิสซังลาวขึ้นมาอีก หมายรวมถึงดินแดนในอาณาจักรล้านช้างเดิม คือประเทศลาวในปัจจุบัน ภาคอีสานของไทยทั้งหมดกินมาถึงโคราช
มิสซังลาวในเวลาต่อมาก็แตกเป็นมิสซังท่าแขก เวียงจันทน์ (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และมิสซังอีสานซึ่งอยู่ในประเทศไทย ต่อมาก็แบ่งเป็นมิสซังท่าแร่ กับอบลฯ ก่อนจะแตกเป็นมิสซังอุดร กับนครราชสีมาเพิ่มขึ้นมาอีก
ส่วนมิสซังสยามเดิม ก็กลายมาเป็นมิสซังกรุงเทพฯ และมีการแยกมิสซังเชียงใหม่ (ครอบคลุมดินแดนล้านนา 8 จังหวัด ที่พูดภาษาเหนือ) มิสซังจันทบุรี ราชบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี
คำว่าสยามที่ยอมรับกันในสมัยร.4 ประกอบด้วยดินแดนของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (ที่สืบทอดอำนาจมาจากอโยธยาและธนบุรี หรือไทยกลางนั่นแหละ) อาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรเขมร แคว้นมลายูตอนเหนือ(ตอนใต้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่ยึดมาจากฮอลแลนด์ โดยฮอลแลนด์ก็ยึดมาจากโปรตุเกศอีกทอดหนึ่ง)
เขตสังฆมณฑลในประเทศไทยทั้งหมดล้วนเคยอยู่ในเขตของมิสซังสยามทั้งนั้นครับ
หลังจากฝรั่งเศสกับอังกฤษใช้อำนาจบีบพระเจ้าแผ่นดินสยาม (รัชกาลที่ 5) แบ่งดินแดนเขมร ล้านช้างส่วนนอก (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และแคว้นมลายู 4 แคว้นออกไปมิสซังสยามก็หดเล็กลงตามขนาดของประเทศไทยที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ต่อมาได้มีการสถาปนามิสซังลาวขึ้นมาอีก หมายรวมถึงดินแดนในอาณาจักรล้านช้างเดิม คือประเทศลาวในปัจจุบัน ภาคอีสานของไทยทั้งหมดกินมาถึงโคราช
มิสซังลาวในเวลาต่อมาก็แตกเป็นมิสซังท่าแขก เวียงจันทน์ (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และมิสซังอีสานซึ่งอยู่ในประเทศไทย ต่อมาก็แบ่งเป็นมิสซังท่าแร่ กับอบลฯ ก่อนจะแตกเป็นมิสซังอุดร กับนครราชสีมาเพิ่มขึ้นมาอีก
ส่วนมิสซังสยามเดิม ก็กลายมาเป็นมิสซังกรุงเทพฯ และมีการแยกมิสซังเชียงใหม่ (ครอบคลุมดินแดนล้านนา 8 จังหวัด ที่พูดภาษาเหนือ) มิสซังจันทบุรี ราชบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี
สมัยโบราณ คนส่วนใหญ่เรียกตัวเองตามเมืองที่เกิด หรือเมืิองที่อาศัยครับsansrepos เขียน: คนไทยเรียกตัวเองเป็นสยามอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เข้าไปแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8
คำว่าสยามที่ยอมรับกันในสมัยร.4 ประกอบด้วยดินแดนของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (ที่สืบทอดอำนาจมาจากอโยธยาและธนบุรี หรือไทยกลางนั่นแหละ) อาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรเขมร แคว้นมลายูตอนเหนือ(ตอนใต้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่ยึดมาจากฮอลแลนด์ โดยฮอลแลนด์ก็ยึดมาจากโปรตุเกศอีกทอดหนึ่ง)
เขตสังฆมณฑลในประเทศไทยทั้งหมดล้วนเคยอยู่ในเขตของมิสซังสยามทั้งนั้นครับ
หลังจากฝรั่งเศสกับอังกฤษใช้อำนาจบีบพระเจ้าแผ่นดินสยาม (รัชกาลที่ 5) แบ่งดินแดนเขมร ล้านช้างส่วนนอก (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และแคว้นมลายู 4 แคว้นออกไปมิสซังสยามก็หดเล็กลงตามขนาดของประเทศไทยที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ต่อมาได้มีการสถาปนามิสซังลาวขึ้นมาอีก หมายรวมถึงดินแดนในอาณาจักรล้านช้างเดิม คือประเทศลาวในปัจจุบัน ภาคอีสานของไทยทั้งหมดกินมาถึงโคราช
มิสซังลาวในเวลาต่อมาก็แตกเป็นมิสซังท่าแขก เวียงจันทน์ (ประเทศลาวในปัจจุบัน) และมิสซังอีสานซึ่งอยู่ในประเทศไทย ต่อมาก็แบ่งเป็นมิสซังท่าแร่ กับอบลฯ ก่อนจะแตกเป็นมิสซังอุดร กับนครราชสีมาเพิ่มขึ้นมาอีก
ส่วนมิสซังสยามเดิม ก็กลายมาเป็นมิสซังกรุงเทพฯ และมีการแยกมิสซังเชียงใหม่ (ครอบคลุมดินแดนล้านนา 8 จังหวัด ที่พูดภาษาเหนือ) มิสซังจันทบุรี ราชบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี
อย่างกรณีล้านนา คนๆ หนึ่งเวลาออกนอกถิ่นก็จะไม่บอกว่า เป็นคนล้านนา แต่จะบอกว่าเป็นคน เวียงพิงค์ เวียงบัว เวียงหริภุญชัย เวียง... ไป
ซึ่งจะค่อนข้างจำเพาะเจาะจง ซึ่งคาดว่า เหตุที่ไม่เรียกชื่อประเทศเพราะเขตแดนสมัยโบราณไม่แน่นอน แต่เมืองคงอยู่แน่นนอนกว่า
บางครั้งเมืองชายแดนก็ผลัดกันครองระหว่าง 2 อาณาจักร หรือไม่ก็เป็นอิสระบ้าง บางคราว
เรื่องของการเรียกประเทศเป็นวัฒนธรรมแบบฝรั่งครับ เมื่อฝรั่งเข้ามาคงมีการเรียกต่างกันบ้างเช่น สยาม อยุธยา เสียม ฯลฯ ตามแต่ว่า ไปแวะประเทศอื่นๆ ที่รู้จักเรามาก่อนมั๊ย?
ที่ pop ที่สุดที่ใช้เรียกก็คือ สยาม หรือ เสียม เพราะทางเขมร จีน และญวน ก็เรียกเราอย่างนั้น
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
sansrepos เขียน: เรื่องประวัติศาสตร์นี่ต้องดูว่าหลักฐานเชื่อได้แค่ไหนนะครับ พงศาวดารและจม.เหตุหลายๆฉบับในเรื่องเดียวกันอาจจะขัดแย้ง สมเด็จพระไชยราชา ที่เห็นคุณพงศ์พัฒน์แสดงในภาพยนตร์สุริโยทัย ก็มีแพทย์ประจำพระองค์เป็นมิชชันนารี
แต่ไม่น่าจะทรงเป็นคาทอลิกนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่ามิชชันนารีคณะดอมินิกันชุดแรกที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยานั้นมาถึงในปี 1567 ซึ่งเวลานั้นสมเด็จพระไชยราชาสวรรคตไปแล้วครับ
แต่ที่เคยได้ยินมาค่อนข้างชัวร์คือสมเด็จย่า พระราชมารดาของในหลวงทรงรับศีลล้างบาปครับ
จริงหรอคับo_O
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ขอบคุณค่ะ 
ได้ความรู้เกี่ยวกับพี่น้องคาทอลิกเพิ่มขึ้นมากมาย
โดยเรียกรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ว่า "คริสตชน" (ยกเว้นกรณีต้องการเจาะจง)
ดีไหมคะ

ได้ความรู้เกี่ยวกับพี่น้องคาทอลิกเพิ่มขึ้นมากมาย
อย่างงี้คริสตชนไทยเราน่าจะมาเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อนำความเป็นเอกภาพของเรากลับคืนมา
91.) ในประเทศไทย เรียก คาทอลิก ว่า คริสตัง และเรียก โปรเตสแตนท์ ว่า คริสเตียน
92.) ในภาษาอังกฤษ คำว่า คริสเตียน เป็นคำรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์
โดยเรียกรวมๆ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ว่า "คริสตชน" (ยกเว้นกรณีต้องการเจาะจง)
ดีไหมคะ

-
- โพสต์: 6
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 10:48 pm
ถ้ามีข้อผิดพลาดในบทความ
รบกวนแจ้งมาในกระทู้นี้ด้วยนะครับ =)) ,,
รบกวนแจ้งมาในกระทู้นี้ด้วยนะครับ =)) ,,
มู๋กระป๋อง เขียน:sansrepos เขียน: เรื่องประวัติศาสตร์นี่ต้องดูว่าหลักฐานเชื่อได้แค่ไหนนะครับ พงศาวดารและจม.เหตุหลายๆฉบับในเรื่องเดียวกันอาจจะขัดแย้ง สมเด็จพระไชยราชา ที่เห็นคุณพงศ์พัฒน์แสดงในภาพยนตร์สุริโยทัย ก็มีแพทย์ประจำพระองค์เป็นมิชชันนารี
แต่ไม่น่าจะทรงเป็นคาทอลิกนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่ามิชชันนารีคณะดอมินิกันชุดแรกที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยานั้นมาถึงในปี 1567 ซึ่งเวลานั้นสมเด็จพระไชยราชาสวรรคตไปแล้วครับ
แต่ที่เคยได้ยินมาค่อนข้างชัวร์คือสมเด็จย่า พระราชมารดาของในหลวงทรงรับศีลล้างบาปครับ
จริงหรอคับo_O
เขาเล่าว่าคับ....
เข้าใจว่าอาจจะมองว่า ในเวลาที่เสด๋จอยุ่ต่างประเทศนั้น ทรงเข้าร่วมการสมาคมสตรีต่างๆ ซึ่งเป็นอาจจะมีสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาคริสตอยู่บ้าง เลยคิดกันไปอย่างนั้นได้ครับ
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
46.) ประชากรไทยเพียงร้อยละ 0.49 เท่านั้น ที่เป็นคาทอลิก
47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย
เจ็บจี๊ดดดดด
55+
47.) แต่ GNP ถึงร้อยละ 30 เกิดจากคาทอลิกไทย
เจ็บจี๊ดดดดด
55+
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เริ่มสงสัยแล้วว่า "การรักชาติ" เป็นความคิดที่ผิด
เพราะคำว่ารักชาติ ดูเหมือนจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่าคนโดยชอบธรรม(แบบตู่เอาเข้าว่า) ยิ่งกว่าเรื่องศาสนาซะอีก สำหรับมนุษย์
เพราะคำว่ารักชาติ ดูเหมือนจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่าคนโดยชอบธรรม(แบบตู่เอาเข้าว่า) ยิ่งกว่าเรื่องศาสนาซะอีก สำหรับมนุษย์
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

โดยมากแ้ล้วความรักชาติไม่ได้มาตัวเดียวครับ
มันจะมาพร้อมกับการนิยามความเป็นชาติ คือ อะไรบ้างที่นับว่าเป็น และอะไรบ้างที่นับว่าไม่เป็น
เมื่อนิยามได้ ก็จะเริ่มมีการรักษาสิ่งที่เป็นชาติ และกีดกัน/ทำลายสิ่งที่ไม่เป็นชาติ
เลยกลายเป็นประเด็นที่ "หลบไม่พ้น" ปัญหาของการกีดกัน หรือ การสร้าง "ความเป็นอื่น" ให้กับสิ่งที่ถูกนิยามว่า ไม่ใช่ชาติ
ยกตัวอย่าง
กรณีบุญราศีทั้ง 7 บุญราศีนิโคลาส และการทำลายความเป็นคาทอลิก สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ก็ใช้การนิยามว่า พุทธเป็นไทย คาทอลิกไม่เป็นไทย
หรือต่อต้านจีนของสมัยเดียวกัน
ก็ใช้การนิยามว่า ลูกเจ๊กไม่ใช่ไทย ไทยต้องไม่แต่งตัวแบบเจ๊ก ฯลฯ
มันจะมาพร้อมกับการนิยามความเป็นชาติ คือ อะไรบ้างที่นับว่าเป็น และอะไรบ้างที่นับว่าไม่เป็น
เมื่อนิยามได้ ก็จะเริ่มมีการรักษาสิ่งที่เป็นชาติ และกีดกัน/ทำลายสิ่งที่ไม่เป็นชาติ
เลยกลายเป็นประเด็นที่ "หลบไม่พ้น" ปัญหาของการกีดกัน หรือ การสร้าง "ความเป็นอื่น" ให้กับสิ่งที่ถูกนิยามว่า ไม่ใช่ชาติ
ยกตัวอย่าง
กรณีบุญราศีทั้ง 7 บุญราศีนิโคลาส และการทำลายความเป็นคาทอลิก สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ก็ใช้การนิยามว่า พุทธเป็นไทย คาทอลิกไม่เป็นไทย
หรือต่อต้านจีนของสมัยเดียวกัน
ก็ใช้การนิยามว่า ลูกเจ๊กไม่ใช่ไทย ไทยต้องไม่แต่งตัวแบบเจ๊ก ฯลฯ
ลัทธิชาตินิยมก่อกำเนิดมาในยุคที่ทุนนิยมมีอิทธิพลมากแล้วครับ ผู้มีอำนาจในรัฐสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือมาจากการเลือกตั้งก็ใช้แนวคิดชาตินิยมมากล่อมเกลาพลเมืองให้จงรักภักดี และทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชนชั้นปกครอง และนายทุน
ได้ข้อมูลไปโต้กับกลุ่มเพื่อนแล้ว 
ขอถามอีกอย่างครับ ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนี้ไทยเราเป็นเมืองขึ้นหรือตกอยุ่ในอำนาจจำยอมของญี่ปุ่นหรือเปล่า พอดีมีคนเคยบอกประเด็นนี้ แต่ผมก็ไม่รู้เรื่องข้อมูลนี้เลยไม่ได้แย้งอะไร ฟังอย่างเดียว อยากจะรู้ว่าสภาพตอนนั้นไทยเป้นเมืองขึ้นหรือเปล่า

ขอถามอีกอย่างครับ ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนี้ไทยเราเป็นเมืองขึ้นหรือตกอยุ่ในอำนาจจำยอมของญี่ปุ่นหรือเปล่า พอดีมีคนเคยบอกประเด็นนี้ แต่ผมก็ไม่รู้เรื่องข้อมูลนี้เลยไม่ได้แย้งอะไร ฟังอย่างเดียว อยากจะรู้ว่าสภาพตอนนั้นไทยเป้นเมืองขึ้นหรือเปล่า
ไม่แน่หรอกนะจ๊ะ เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่ระบุว่าพระองค์สวรรคตแบบปกติวอ เขียน: เพิ่งรู้อ่ะ ไปดูวิกิสิ ท่านสวรรคตด้วยยาพิษของท้าวศรีสุดาจันทร์ : xemo029 : (เข้าข่ายประวัติศาสตร์มากขึ้น)
ลองดูใน wikipedia...
อย่างไรก็ดี การสวรรคตของสมเด็จพระไชยราชาธิราชด้วยยาพิษนั้นเป็นมาจากบันทึกของพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาในอาณาจักรอยุธยาในสมัยนั้น ชื่อ เฟอร์ดินันท์ เมนเดซ ปินโต ซึ่งเป็นข้อมูลหลักในบทภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท แต่การสวรรคตของพระองค์ตามที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยหลายส่วนเช่น พงศาวดารต่าง ๆ ต่างระบุว่าพระองค์สวรรคตด้วยอาการพระประชวร หลังจากการกลับจากสงคราม
(ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA% ... 2%E0%B8%8A)
สำหรับเรื่องนี้ หากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ขอแนะนำหนังสือ ท้าวศรีสุดาจันทน์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว? ของ สุจิตต์ วงศ์เทศ สำนักพิมพ์มติชน
ป.ล. ขอบคุณพี่โฮลี่และชมรมคาทอลิกจุฬาฯ สำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ พุธ ก.ย. 23, 2009 2:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.