นักบุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 1:16 pm

รูปภาพ
            แม่ชีเทเรซา เกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) ที่เมืองสโกเปีย จักรวรรดิออตโตมัน (ปัจจุบันคือเมืองหลวงของประเทศมาซิโดเนีย) เป็นบุตรคนสุดท้องของบิดานิโกลา (Nikola) กับมารดาเดรน (Drane Bojaxhiu) ครอบครัวชนชั้นกลางเชื้อสายอัลเบเนีย เธอมีชื่อเดิมว่า "แอ็กเนส กอนจา โบยาจู" (Agnes Gonxha Bojaxhiu) มีบิดาเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดในหลักศาสนา ซึ่งทำให้ตั้งแต่วัยเด็กแอ็กเนสชอบไปโบสถ์ฟังหลวงพ่อเทศน์มาโดยตลอด

ขณะแอ็กเนสมีอายุ 9 ปี ในปี พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) บิดาของเธอได้เสียชีวิตลง แต่ความอบอุ่นภายในครอบครัวที่แอ็กเนสได้รับก็ไม่ได้ลดลง ด้วยเพราะมารดายังให้ความรักความอบอุ่นและการเลี้ยงดูที่ดีมาตลอด แอ็กเนสเติบโตขึ้นเป็นเด็กร่าเริง และมีสุขภาพดี และไม่นานต่อมาเธอก็ได้รู้จักกับประเทศอินเดีย แต่ก็ได้รู้ว่าอินเดียในขณะนั้นมีระบบสาธารณูปโภคที่ยังล้าหลังอยู่มาก มีคนยากไร้มากมายในประเทศที่ต้องทนทรมาน และเริ่มสงสัยว่า จะมีวิธีใดบ้างไหมที่เธอจะได้ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากในอินเดีย ซึ่งในช่วงเวลานี้นี่เองที่แอ็กเนสเริ่มมีความคิดที่จะบวชเป็นแม่ชี [3]

ในปี พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) แอ็กเนสตัดสินใจขออนุญาตครอบครัวเพื่อขอบวชเป็นแม่ชี ตอนแรกครอบครัวคัดค้าน แต่ต่อมาไม่กี่วันทางครอบครัวก็ยอมให้เธอบวช แอ็กเนสเดินทางไปบวชที่สำนักชีโลเรโต (Sisters of Loreto) ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งการลาจากจากครอบครัวของเธอในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าของแม่และน้องสาว [4] แอ็กเนสตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชาที่แม่ชีพึงได้เรียนเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นจึงเดินทางไปยังประเทศอินเดียในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน และได้เริ่มออกเผยแผ่คำสอนในเมืองทาร์จีลิง รัฐสิขิม ทางเหนือของประเทศอินเดีย โดยเธอได้พักอยู่ที่สำนักชีโลเรโตที่ตั้งอยู่ที่เมืองทาร์จีลิง

พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) แอ็กเนสตัดสินใจเข้าสาบานตนเป็นแม่ชีในสำนักชีโลเรโต ในเมืองดาร์ลีจิงเป็นครั้งแรก และตอนนี้เองที่แอ็กเนสได้รับสมญาทางศาสนา (ชื่อทางศาสนา) ว่า แม่ชีเทเรซา และแม่ชีเทเรซา ได้สาบานตนครั้งสุดท้ายใน พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937)

หลังจากสาบานตนเป็นแม่ชีครั้งสุดท้ายแล้ว แม่ชีเทเรซาได้เข้าเป็นครูวิชา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ในโรงเรียนสตรีเซนต์มาเรีย ในเมืองเอนทาลี นครกัลกัตตา ไม่นาน ก็ได้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนสตรีเซนต์มาเรีย พาตนเองและเหล่านักเรียนผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ที่เกิดจากผลกระทบของเหตุการณ์รุนแรงและสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องใน อินเดียมาได้ด้วยดี

ภารกิจการกุศล

เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ขณะที่แม่ชีเทเรซากำลังนั่งรถไฟกลับไปยังสำนักชีที่ทาร์จีลิง ระหว่างทางเธอก็ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งเนื้อหาที่พระเจ้าพูดกับแม่ชีเทเรซาในขณะนั้น ทำให้แม่ชีเทเรซาตัดสินใจขออนุญาตไปทำงานในสลัม เพื่อช่วยเหลือคนยากจน แต่การทำแบบนั้นถ้าหากทำโดยไม่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษจะถือว่ามีความผิด ทางศาสนา แม่ชีเทเรซาจึงขอให้บาทหลวงใหญ่ (หัวหน้าบาทหลวง ในชุมชนหนึ่งๆ ซึ่งอาจอยู่ตั้งแต่ระดับเมือง ภูมิภาค หรือประเทศ จะมีเพียงหนึ่งท่าน) ขอร้องไปยังพระสันตะปาปา ให้อนุญาตแม่ชีเทเรซาเป็นกรณีพิเศษ

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) แม่ชีเทเรซาได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้ไปทำงานในสลัมได้ แต่ก่อนนั้นต้องให้มีความรู้เพียงพอเสียก่อน ซึ่งเธอก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาพยายาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองปัตนา รัฐพิหาร เมื่อศึกษาจบแม่ชีเทเรซาก็ได้ก่อตั้งโรงเรียนกลางแจ้งในสลัม มีเด็กๆ ให้ความสนใจมาเรียนกันมามากมาย หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีศิษย์เก่าจากโรงเรียนสตรีเซนต์มาเรียมาขอบวชเป็น ผู้ช่วยแม่ชีเทเรซา โดยคนแรกที่มาขอบวช คือ "สวาชินี ดาส" เมื่อบวชแล้วได้รับสมญาทางศาสนาว่า "แม่ชีแอ็กเนส" และไม่นานก็มีศิษย์เก่ามาบวชเพิ่มอีกถึง 10 คน

ในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) บาทหลวงใหญ่ได้ตั้งกลุ่มของแม่ชีเทเรซาให้เป็นองค์กรอิสระทางศาสนา มีชื่อว่า "คณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้า" (Missionaries of Charity) โดยแม่ชีเทเรซาได้เป็นหัวหน้าองค์กร ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาผู้คนส่วนใหญ่มักเรียกแม่ชีเทเรซาว่า คุณแม่เทเรซา (Mother Teresa)

วันหนึ่งแม่ชีเทเรซาได้คิดที่จะสร้างบ้านหลังหนึ่ง เพื่อให้ผู้หิวโหยที่นอนรอความตายอยู่ข้างถนนนั้นได้มานอนตายอย่างสงบ และด้วยเหตุนี้ท่านจึงขอยืมให้วัดกาลีของศาสนาฮินดูใช้เป็น "บ้านของผู้รอความตาย" (Home for the Dying) โดยเริ่มเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) แต่ชาวฮินดูพอสมควรที่ไม่เห็นด้วยกับการที่คุณแม่เทเรซาซึ่งเป็นชาวคริสต์ จะมาใช้วัดของชาวฮินดูเป็นสถานที่ แต่เมื่อผู้บัญชาการตำรวจเข้าไปคุยกับคุณแม่เทเรซา ก็ได้ผลสรุปว่าคุณแม่เทเรซายังใช้สถานที่วัดกาลีอยู่ได้ต่อ

เมื่อปี พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) มีผู้ใจบุญบริจาคบ้านให้แก่คณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้า เพื่อให้ทางคณะฯ ได้ใช้งานบ้านให้เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่เทเรซาและส่วนรวม คุณแม่เทเรซาได้ตัดสินใจใช้บ้านหลังนี้ในการรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ตั้งชื่อว่า "บ้านเด็กใจบุญ" (Children's Home of the Immaculate Heart) [5]

พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) คุณแม่เทเรซาเริ่มใช้รถพยาบาลเคลื่อนที่ออกรักษาผู้ป่วยที่เป็นชาวไร่ชาวนา โดยโรคที่ชาวไร่ชาวนาป่วยมากที่สุดคือ โรคเรื้อน แต่ในช่วงนั้นสังคมอินเดียยังมองเห็นผู้ป่วยโรคเรื้อนเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ผู้ป่วยโรคเรื้อนจึงคิดว่าคนเองไม่มีค่า คุณแม่เทเรซาจึงเริ่มคิดถึงปัญหานี้

พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) ที่ทำการของแม่ชีเทเรซาที่อยู่นอกประเทศอินเดียเริ่มเปิดทำการ มีทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย

ไม่กี่ปีต่อมา ผู้ว่าการรัฐเบงกอลตะวันตกได้ ให้คุณแม่เทเรซายืมใช้แปลงที่ดินที่เมืองอาซันซอลขนาด 140,000 ตารางเมตร (ประมาณ 87.5 ไร่) เพื่อให้ใช้เป็นสถานสงเคราะห์ผู้ป่วยโรคเรื้อน คุณแม่เทเรซาได้แบ่งสรรที่ดินไว้อย่างลงตัว แต่ไม่มีเงินจะสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ได้ออกแบบไว้ คุณแม่เทเรซานั่งครุ่นคิดอยู่สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าพระสันตะปาปาเคยมอบรถ ยนต์เปิดประทุนสีขาวบริสุทธิ์ชั้นดี ถ้าขายเฉยๆ จะได้ราคา 100,000 รูปี (ประมาณ 400,000 บาท) แต่นั่นยังไม่เพียงพอ คุณแม่เทเรซาตัดสินใจทำสลาก โดยเอารถคันนั้นเป็นรางวัล ทำสลาก 5,000 ใบ ขายสลากใบละ 100 รูปี (ประมาณ 400 บาท) ใครถูกรางวัลจะได้รับรถพระสันตะปาปาไป การขายสลากแบบนี้ คณะมิชชันนารีของคุณแม่เทเรซา ได้รับเงินถึง 500,000 รูปี (ประมาณ 2,000,000 บาท) ในที่สุดคณะมิชชันนารีของคุณแม่เทเรซาก็ได้สร้างที่ดินขนาดกว่า 80 ไร่ ให้เป็นหมู่บ้านในฝันของผู้ป่วยโรคเรื้อนได้สำเร็จใน พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) ตั้งชื่อว่า "หมู่บ้านสันติสุข" มีทั้งโรงพยาบาลและที่อยู่ทั้งสำหรับเหล่าแม่ชีและเหล่าผู้ป่วย มีผู้ป่วยโรคเรื้อนขอเข้ารับการรักษาที่หมู่บ้านสันติสุขนี้มากกว่า 15,000 คน

ไม่นานหลังจากนั้น แม่ชีเทเรซา ก็เปิดที่ทำการอีกแห่งหนึ่ง คราวนี้เป็นการนำกาบมะพร้าวมีรีไซเคิล โดยนำใยมะพร้าวด้านในมาผลิตเป็นสินค้า ตั้งแต่แปรงขัดหม้อ จนถึงพรมนุ่มๆ สินค้าบางชิ้นมีคุณภาพดี ก็สามารถนำไปขายในเมืองได้

ไม่นานต่อมา คุณแม่เทเรซาเมื่อรู้ว่า สายการบินต่างๆ จะจัดการอาหารที่ผู้โดยสารกินเหลือโดยการทิ้งทั้งหมด จึงไปขอให้บริษัทสายการบินแอร์อินเดีย มอบอาหารที่ผู้โดยสารกินเหลือมาเป็นอาหารแก่เด็กๆ ใน บ้านเด็กใจบุญ

ในปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) คุณแม่เทเรซาได้รับเกียรติให้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในฐานะ "สำหรับการอาสาต่อสู้เพื่อลดความยากจนทุกข์ยากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่ความสงบสุขและสันติ" (for work undertaken in the struggle to overcome poverty and distress, which also constitute a threat to peace.) นอกจากนี้ คุณแม่เทเรซาปฏิเสธงานเลี้ยงฉลองที่ท่านได้รับรางวัลโนเบล และขอใหผู้ที่ทำเค้กฉลองมาแล้ว นำเค้กไปมอบให้คนยากคนจน

คุณแม่เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ซึ่งก็ได้ตระเวนปราศรัยไปตามที่ต่างๆ ในประเทศ เนื้อหาส่วนใหญ่คือ ความเหลื่อมล้ำในสังคม การรังเกียจคนจรจัด การกลั่นแกล้งประทุษร้ายกันในญี่ปุ่น

พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) อิสราเอลมีสงครามกับองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ จนเกิดการสู้รบรุนแรงในแถบเอเชียตะวันตก คุณแม่เทเรซาก็เดินทางเข้าไปเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดค้างในสถานที่ต่างๆ มาได้ 37 คน

บั้นปลายชีวิต
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) ขณะคุณแม่เทเรซาไปเยี่ยมสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในอิตาลี ทานก็เริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจ และมีอาการกำเริบครั้งแรก โดยมีหัวใจเต้นอ่อนเกินไป แต่ปลอดภัย หลังจากนั้น คุณแม่เทเรซาก็ทำงานอยู่เหมือนปกติ แต่อาการโรคหัวใจก็มาเยือนอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุด คุณแม่เทเรซา ได้ยื่นจดหมายต่อพระสันตะปาปา ว่า ขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้า พร้อมกับอยากให้มีการเลือกตั้งขึ้นเพื่อเลือกผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งจากตน ตอนแรกเหล่าแม่ชีต่างคัดค้าน แต่เมื่อรู้ว่าคุณแม่เทเรซาจะให้จัดการเลือกตั้งผู้สืบทอดตำแหน่ง จึงเทคะแนนเสียงให้คุณแม่เทเรซา แล้วผลการเลือกตั้งก็คือ คุณแม่เทเรซาก็ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นหัวหน้าคณะฯ อีกครั้ง

การทำงานของท่านก็มีอาการโรคหัวใจกำเริบมารบกวนท่านบ่อยขึ้น อาการป่วยในระดับหนักมากเกิดขึ้นกับแม่ชีเทเรซาอีกใน พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) และอีกครั้งใน พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) หลังจากนั้น คุณแม่เทเรซา ก็ป่วยหนักถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ลุกนั่งไม่ได้

เมื่อคุณแม่เห็นว่าตนคงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) จึงได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้าอีกครั้ง ครั้งนี้เหล่าแม่ชีเห็นว่า คุณแม่เทเรซาควรได้พักผ่อน เพื่อต่อสู้กับโรคร้าย จึงไม่คัดค้านในการลาออกของคุณแม่เทเรซา และไม่เทคะแนนเสียงให้คุณแม่เทเรซา เพื่อให้คุณแม่ได้พักรักษาตัวไม่ต้องมีภารกิจ ดังนั้นแม่ชีนิรุมาราได้รับเลือกเป็นหัวหน้าคณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระ เจ้าแทนคุณแม่เทเรซา

5 เดือนครึ่งต่อมา ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) คุณแม่เทเรซาได้เสียชีวิตลงที่บ้านของคุณแม่ในอินเดีย ขณะอายุ 87 ปี กับอีก 10 วัน โดยคำพูดคำสุดท้ายที่คุณแม่ได้พูดออกมาคือ "หายใจไม่ออกแล้ว" [6] ทางการอินเดียได้จัดพิธีศพของคุณแม่เทเรซาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นงานศพระดับชาติ (งานศพของบุคคลที่ทุ่มเทอุทิศตนเพื่อประเทศนั้นๆ) ของทางการอินเดีย

ในช่วงเวลาที่คุณแม่เสียชีวิต คณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้ามีแม่ชีมากว่า 4,000 คนและอาสาสมัครกว่าอีก 1 แสนคน ซึ่งอัตรานี้ครอบคลุมไปถึงกว่า 610 แห่ง 123 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันร่างของแม่ชีนอนหลับอยู่ที่บ้านคุณแม่ในอินเดีย

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณแม่เป็น นักบุญราศี



~ เคยได้ยินแต่ชื่อท่าน แต่ไม่เคยได้ศึกษาประวัติท่าน เมื่อวาน แอบอู้งานไปนั่งหลับในห้องสมุด อยู่ๆก็นอนไม่หลับเลยหาหนังสืออ่าน

แล้วก็เจอการ์ตูนประวัติชีวิตท่าน อ่านแล้วก็นั่งร้องไห้ : xemo023 :   เลยหาข้อมูลมาให้ สำหรับคนที่ต้องการจะศึกษาประวัติของท่านคะ


ฉันรู้ว่าพระเจ้าจะไม่มอบหมายงานที่หนักเกินไปสำหรับฉัน ฉันหวังเพียงว่า ท่านไม่วางใจในตัวฉันมากเกินไป
I know God will not give me anything I can't handle. I just wish
that He didn't trust me so much.
~Mother Teresa

พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราสำเร็จ ท่านทรงเพียงต้องการให้เราเพียรพยายาม
God doesn't require us to succeed; he only requires that you try.
~Mother Teresa

บางครั้งเราคิดเพียงว่า ความยากจนเป็นแค่ความหิวโหย ไร้เสื้อผ้า ไม่มีบ้านช่อง
หากแต่ ความยากไร้สูงสุด เกิดจากการเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครคนรัก ไม่มีใครใส่ใจ
เราต้องเริ่มต้น ในบ้านของเราเอง ที่จะปรับแก้ความยากไร้เช่นนี้
We think sometimes that poverty is only being hungry, naked and homeless.
The poverty of being unwanted, unloved and uncared for is the greatest
poverty. We must start in our own homes to remedy this kind of poverty.
~Mother Teresa

จงแผ่ซ่านความรักในทุกหนแห่งที่เธอไป  ให้ทุกคนที่เธอพานพบ เดินจากไปโดยมีความสุขเพิ่มขึ้น
Spread love everywhere you go. Let no one ever come to you
without leaving happier.
~Mother Teresa

เรา ได้ทำสิ่งต่างๆมากมาย เป็นเวลาแสนนาน ด้วยทรัพยากรอันน้อยนิด เมื่อมาถึงจุดนี้ เราจึงเก่งพอ ที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีอะไรเลยWe have done so much, for so long, with so little, we are now qualified to do anything with nothing.
~Mother Teresa
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 1:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 1:22 pm

ขอบคุณค่ะ ::022::
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 3:46 pm

ชอบมากๆค่ะ ขอบคุณ สำหรับเรื่องราวของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา กำลังต้องการอยู่พอดีเลยค่ะ  ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 4:51 pm

ถ้อยคำสั้นๆจากคุณแม่เทเรซ่า

“ให้เรายึดจุดร่วมประการหนึ่ง นั่นคือ เราจะพบปะกันด้วยรอยยิ้ม เมื่อการอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะยิ้ม จงยิ้มให้แก่กันและกัน ให้เวลาแก่กันและกันในครอบครัว”

“ความยากจนที่น่าหดหู่ที่สุด คือ ความโดดเดี่ยวและความรู้สึกว่าไม่เป็นผู้ที่ถูกรัก”

“ข้าพเจ้าได้พบกับความจริงที่ขัดแย้งกัน (paradox) ว่า ถ้าข้าพเจ้ารักจนกระทั่งปวดร้าว เมื่อนั้นจะไม่มีความเจ็บปวด เป็นแต่เพียงความรักที่มากขึ้นเท่านั้น”

“มันเป็นการง่ายที่จะรักผู้คนที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่มันไม่ง่ายนักหรอกที่จะรักผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา มันจะง่ายกว่าที่จะให้ข้าวสักถ้วย เพื่อช่วยชีวิตผู้หิวโหย มากกว่าจะเยียวยาความโดดเดี่ยวและความเจ็บปวดของผู้ที่เราไม่ชอบในบ้านของเรา จงนำความรักเข้าไปในครอบครัวของคุณที่ซึ่งความรักของเราสำหรับคนอื่นจะต้องเริ่มขึ้น”

“คุณไม่อาจทำสิ่งใหญ่ๆ ต่างๆ มากมายได้ ขอเพียงแต่คุณทำในสิ่งเล็กๆ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่”

“อย่าปล่อยให้ใครก็ตามที่มาหาคุณกลับไปโดยปราศจากความรู้สึกดีๆ และความรู้สึกสุขที่มากขึ้น”

“ความรักที่เข้มข้นไม่สามารถวัดได้หรอก มันเป็นแต่เพียงแต่การให้เท่านั้น”

“มีคนมากมายที่กำลังตายเพราะการอดอาหาร แต่มีผู้คนมากมายกว่าที่กำลังตายเพราะขาดความรักเพียงน้อยนิด”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 4:54 pm

สตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก

โรแนล เรแกน ขณะเป็นประธานาธิบดี เคยต่อโทรศัพท์สายตรงถึงเธอเพื่อบอกว่าจะทำทุกอย่างเท่าที่สหรัฐอเมริกาจะทำได้เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ใเอธิโอเปีย หลังจากที่เธอเขียนจดหมายถึงเขา ผู้ว่าการรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียให้เธอเข้าพบ "ได้ทุกเมื่อ" อินทิรา คานธี และราจีฟ คานธี ยอมพบเธอทุกเวลาที่เธอต้องการ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงไดอานา และผู้นำคนอื่นๆ ของโลกมาเยี่ยมเธอที่กัลกัตตา

"ฉันมาหาท่านด้วยน้ำตาและความรักของพระเป็นเจ้าในหัวใจฉัน เพื่อขอร้องท่านให้เห็นแก่คนยากจน และผู้ที่จะยากจนลงไปอีกหากสงครามที่เราทั้งหลายหวาดกลัวเกิดขึ้น ฉันขอร้องท่านด้วยหัวใจทั้งดวง ให้ท่านทำงานเพื่อสันติภาพของพระเจ้า และคืนดีต่อกัน….ท่านมีอำนาจที่จะนำสงครามหรือสร้างสันติภาพมาสู่โลกนี้ ได้โปรดเลือกวิถีทางแห่งสันติ…"
นั่นเป็นข้อความบางตอนในจดหมายที่แม่ชีเทเรซาแห่งกัลกัตตาเขียนถึงประธานาธิบดี จอร์จ บุช (บิดาของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ) และประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน ในวันหลังปีใหม่ พ.ศ.๒๕๓๔ ก่อนปฏิบัติการพายุทะเลทรายจะเริ่มขึ้น ๑๔ วัน

แม้ว่าคำขอร้องในจดหมายของแม่ชีเทเรซาจะไม่ได้รับการสนองตอบจากประธานาธิบดีของ ทั้งสองประเทศแต่เมื่อสงครามครั้งนั้นสิ้นสุดลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอิรักเชิญให้คณะซิสเตอร์มิชชันนารีแห่งเมตตาธรรม (Missionaries of Charity Sisters) ของเธอมาช่วยเหลือเด็กกำพร้าและผู้พิการ และผู้ประสบภัยจากสงคราม เธอคือแม่ชีชาวคริสต์ได้รับความไว้วางใจจากชาติมุสลิมยิ่งกว่าสหประชาชาติ!!!

ภาพลักษณ์ของแม่ชีเทเรซาที่เห็นกันโดยทั่วไป คือแม่ชีนิกายโรมันคาทอลิกสูงอายุห่มส่าหรีสีขาวคาดแถบสีฟ้า นั่งลงปลอบประโลมคนป่วยใกล้ตาย หรือกังลังอุ้มเด็กกำพร้าเอาไว้กับอก แม่ชีผู้ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตากรุณาและความรัก



ขณะที่มีชีวิตอยู่ แม่ชีเทเรซาใช้ชีวิตเยี่ยงนักบุญ จนได้รับการขนานนามว่า "นักบุญที่มีชีวิต" และ "นักบุญของเด็กข้างถนน" ดังนั้น เมื่อเธอถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐ คนจำนวนมากจึงถามไปยังวาติกันว่าเธอจะได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกหรือไม่

สำหรับคริสต์ศาสนิกชน "นักบุญ" (Saint) คือผู้ใช้ชีวิตอย่างจงรักภักดีอย่างเป็นพิเศษต่อพระเจ้าอุทิศตัวเพื่อทำตามพระประสงค์ ์ของพระเจ้าและช่วยเหลือผู้อื่น

การสถาปนาเป็นนักบุญของแม่ชีเทเรซาอาจไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่าการสถาปนาดังกล่าวจะเกิดช้าหรือเร็วเท่าไร เนื่องจากตามกฎของศาสนจักร กระบวนการสอบสวนเพื่อแต่งตั้งเป็นนักบุญนั้นจะเริ่มขึ้นได้ต่อเมื่อบุคคลผู้นั้นเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย ๕ ปี (ก่อนสังคายนาวาติกัน ครั้งที่ ๒ ต้องรอ ๕๐ ปี ) โดยกระบวนการดังกล่าวมีขั้นตอนยุ่งยากและกินเวลานานมากกว่าจะสิ้นสุด

เริ่มตั้งแต่การนำเรื่องเข้าสู่สมณกระทรวงว่าด้วยเรื่องนักบุญ (Congregation for the Causes of Saints CCS) การแต่งตั้งคณะกรรมการด้านต่างๆ เพื่อดำเนินงานรวบรวมเอกสารและหลักฐาน สอบสวนพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ความถูกต้องทางเทววิทยา ทางประวัติศาสตร์ ทางกฎหมาย และด้านอื่นๆ ให้รอบคอบและถูกต้องมากที่สุด โดยมี "ผู้ดำเนินเรื่อง" (Postulator) เป็นประธานขั้นตอนนี้เปรียบได้กับการทำงานวิจัยที่ใช้เวลานานหลายปี โดยเฉพาะกรณีที่บุคคลนั้นมีอายุยืนและได้ทำกิจกรรมมากมายในหลายประเทศอย่างเช่นแม่ชีเทเรซา

เมื่อขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น จะมีการเปิดศาลพระศาสนจักร (Ecclesiastical Tribunal) เพื่อพิจารณากรณีจากเอกสาร หลักฐาน และพยานบุคคลแล้วเขียนเป็นงานศึกษากรณีชีวิตและวีรกรรมเชิงวิชาการ (Positio) ส่งสมณกระทรวงเพื่อรับรองความถูกต้อง หากไม่มีข้อทักท้วงใดๆ จึงจะมีการประกาศในกฤษฎีกา (Decree) โดยพระสันตะปาปา และจะมีพิธีสถาปนาอย่างเป็นทางการโดยมีพระสันตะปาปาเป็นผู้ประกาศ โดยบุคคลผู้นั้นจะได้รับการสถาปนาเป็น "บุญราศี" (Blessed) เสียก่อน แล้วจึงจะได้รับการสถานปนาเป็นนักบุญ (Saint) ต่อไป เงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งในการสถาปนาบุคคลเป็นบุญราศี (Beatification) หรือสถาปนาเป็นนักบุญ (Canonization) คือหลักฐานที่ว่าบุคคลผู้นั้นได้ "อยู่กับพระเป็นเจ้า" หลังจากสิ้นชีวิตลง แต่หลักฐานชนิดไหนกันที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้

การทำ "อัศจรรย์" (miracle) โดยบุคคลผู้นั้น คือข้อพิสูจน์ที่ศาสนจักรถือว่าบุคคลผู้นั้นได้ขึ้นสวรรค์หลังสิ้นชีวิต การทำอัศจรรย์โดยทั่วไปคือการรักษาโรคให้หายโดยไม่มีข้ออธิบายตามหลักการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์ โดยมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรับรองกรณีดังกล่าวตามเงื่อนไขคือ
๑.การหายจากโรคเป็นไปในทันที
๒.เป็นการหายสนิท
๓.เป็นการหายอย่างถาวร
๔.เป็นการหายจากโรคที่ไม่สามารถอธิบายได้ในทางวิทยาศาสตร์

ทั้งนี้ก่อนการสถาปนาบุคคลเป็นนักบุญนั้น จะต้องมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

กระบวนการทั้งหมดนี้อาจใช้เวลาหลายทศวรรษ หลายกรณีกลายเป็นโมฆะไปตลอดกาลเนื่องจากไม่มีการยืนยันในเรื่องการทำอัศจรรย์ และบุญราศีที่ยังไม่ได้เป็นนักบุญก็มีอยู่อีกมากมาย แต่ในกรณีของแม่ชีเทเรซา ได้มีการถวายฎีกาขอยกเว้นกฎระเบียบรอการพิจารณา ๕ ปี และสมณกระทรวงใช้เวลาเพียง ๒ เดือนในการพิจารณาอนุญาตตามคำขอ ทั้งที่พระคาร์ดินัล โจเซฟ แรตซิงเกอร์เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐ (๔ วันหลังจากการเสียชีวิตของแม่ชีเทเรซา) ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีการใช้วิธีการพิเศษที่จะทำให้กระบวนการพิจารณาเร็วขึ้น



อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า พระสันตะปาปาจอห์นพอลที่ ๒ มีความเลื่อมใสในแม่ชีเทเรซาอย่างแรงกล้า และเชื่อในการสถาปนาบุญราศีและนักบุญเพื่อเป็นแบบอย่างของความดีงาม นิตยสาร Inside the Vatican ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ รายงานว่า ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาในพ.ศ. ๒๕๒๑ พระองค์ได้แต่งตั้งบุคคลเป็นนักบุญแล้ว ๒๗๘ องค์ และเป็นบุญราศี ๗๖๘ องค์ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าพระสันตะปาปาองค์อื่นๆ ที่ดำรงตำแหน่งในศตวรรษที่ ๒๐ ทั้งหมดรวมกันเคยกระทำมา เป็นไปได้ว่าความหมายในการสถาปนาแม่ชีเทเรซาในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการของศาสนจักรในยามที่โลกต้องการผู้เป็นแบบอย่างด้านความรักและความเมตตา (มากกว่าผู้นำที่ใฝ่สงคราม) และการที่ในโลกนี้มีบุคคลอย่างแม่ชีเทเรซาอยู่ก็เป็นเครื่องหมายว่า "พระเจ้ายังรักโลกนี้"

กระบวนการดำเนินการและพิจารณาเพื่อสถาปนาแม่ชีเทเรซา เป็นบุญราศีใช้เวลาทั้งสิ้น ๓ ปีครึ่ง โดยมีเหตุอัศจรรย์ที่สตรีผู้ป่วยเป็นเนื้องอกในรังไข่หายจากโรคภายใน ๒๔ ชั่วโมงหลังจากการสวดอ้อนวอนแม่ชีเทเรซาของคณะซิสเตอร์มิชชันนารีแห่งเมตตาธรรมเป็นข้อพิสูจน์ความเป็นบุญราศี ทั้งนี้มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องยืนยันเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้รวมทั้งสิ้น ๑๔ คน

การสถาปนาแม่ชีเทเรซาเป็นบุญราศีจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคมปีนี้ โดยพระสันตะปาปาจะเป็นผู้ประกอบพิธีดังกล่าว ณ จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครวาติกัน

ที่มา : จาก นิตยสารสารคดี โลกใบใหญ่ SARAKADEE MAGAZINE ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2546 คอลัมภ์ บุคคลในข่าว โดย นิรมล มูนจินดา รายงาน



ดูรายละเอียด เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณแม่เทเรซา ได้ที่
http://www.motherteresacause.info/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 4:55 pm

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 332#p90332
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 5:16 pm

ชอบสิ่งที่คุณแม่เขียนไว้บนกำแพงห้องค่ะ ให้แง่คิดและเป็นกำลังใจดีมากๆ เลยนำมาแบ่งปันค่ะ

ตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือปรากฏอยู่บนกำแพงห้องของคุณแม่เทเรซา

ประชาชนมักจะไม่ค่อยมีเหตุผล, คิดถึงแต่ตนเอง ................................ จงให้อภัยเถอะ

คุณใจดีและมีเมตตา. แต่ประชาชนกลับหาว่าคุณเห็นแก่ตัว ...................... จงมีความเมตตาต่อไป

คุณซื่อสัตย์และใจกว้าง. แต่มีบางคนมาหลอกลวงคุณ ............................ จงซื่อสัตย์และใจกว้างต่อไป

สิ่งที่คุณใช้เวลานานสร้างขึ้นมา. บางคนอาจทำลายภายในชั่วข้ามคืน ............ จงสร้างต่อไป

สิ่งดีๆที่คุณทำในวันนี้. ประชาชนจะลืมเลือนในวันพรุ่งนี้ .............................. จงทำดีต่อไป

ถ้าคุณประสพความสำเร็จ. แต่พวกเขายังคงเป็นมิตรเทียมและศัตรูแท้ ............ จงทำให้สำเร็จต่อไป

จงให้สิ่งดีที่สุดที่คุณมีแก่โลก. แม้ว่ามันอาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน ............. จงให้สิ่งดีๆต่อไป

ในท้ายสุด, คุณจะเห็นว่า.

สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเป็นเจ้าเท่านั้น.

หาใช่คุณกับประชาชนพวกนั้นไม่


http://uk.geocities.com/devoutlife2008/ ... resa7.html
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ต.ค. 06, 2009 2:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 5:19 pm

ได้ความรู้ดีครับ
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 5:36 pm

เนื่องจาก เวปไซต์พลังใจจะปิดการให้บริการตั้งแต่ 26 ต.ค.09 ก็เลยขอนำเรื่องราวน่าำรักๆ ในความศรัทธาที่คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา มีต่อพระเยซูเจ้า มาให้อ่านกันอีกเรื่องนะคะ

เรื่องต่อไปนี้มาจากคำบอกเล่าของคุณพ่อแลงฟอร์ด, ผู้ร่วมก่อตั้งคณะธรรมทูตเมตตาธรรมของคุณแม่เทเรซา ในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุของรายการ "ความเชื่อ,ความหวังและกิจการ" ดิฉัน(ซิสเตอร์ แพททริเซีย)รู้สึกประทับใจเรื่องนี้มาก และต่อไปนี้คือสิ่งที่ท่านให้สัมภาษณ์

วันหนึ่งที่บ้านคณะของคุณแม่เทเรซาในกัลกัตตา มีนักพรตหญิงในคณะประมาณ 300 คน, ทุกคนออกไปทำงานในเวลาเช้า. นางชีคนหนึ่งซึ่งทำงานในครัวเดินมาหาคุณแม่เทเรซาและพูดกับคุณแม่ "เราวางแผนงานไม่ดีเลยค่ะ เวลานี้เราไม่มีแป้งที่จะใช้ทำจิปปาตีเพื่อเป็นอาหารกลางวันแล้วล่ะค่ะ"   - จิปปาตีคือแป้งสาลีเล็กน้อยผสมน้ำทำเป็นแพนเค็ก.-   สถานการณ์ดูท่าจะกำลังเดือดร้อน 300ชีวิตจะกลับมาในอีก 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อทานอาหาร และตอนนี้ก็ไม่มีแป้งเหลืออยู่เลย.

"ผมคาดหวังว่าคุณแม่เทเรซาจะทำอะไรน่ะหรือ" คุณพ่อแลงฟอร์ดอธิบาย, "ผมคาดว่า คุณแม่คงจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาผู้ใจบุญบางคนที่ท่านรู้จักเพื่อขอรับบริจาคอาหารให้แก่บรรดาลูกๆนักพรตหญิงของท่าน. แต่ท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น. ท่านเพียงแต่พูดกับซิสเตอร์ผู้นั้นว่า "ซิสเตอร์, เธอทำหน้าที่ในครัวสำหรับสัปดาห์นี้ใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้น, จงเข้าไปในโบสถ์และบอกพระเยซูเจ้าสิว่าเราไม่มีอาหารแล้ว. เพียงเท่านั้นแหละ. และคอยดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป?"

10 นาทีต่อมา มีเสียงกดกริ่งที่ประตู มีผู้ตามคุณแม่ไปที่ชั้นล่าง. ชายคนหนึ่งซึ่งท่านไม่เคยพบมาก่อนกำลังยืนอยู่ที่นั่นถือกระดานหนีบกระดาษในมือ เขาพูดกับคุณแม่ "คุณแม่เทเรซาครับ เราเพิ่งได้รับแจ้งว่าคณะครูที่โรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดกำลังประท้วงกันอยู่ ชั้นเรียนจึงปิดเรียน และเราก็มีอาหาร 7,000 ชุดที่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี. คุณแม่จะช่วยกรุณารับไว้ได้ไหมครับ?"

พระเป็นเจ้าทรงตระเตรียมสิ่งจำเป็นไว้ให้แก่ลูกๆของพระองค์

ความเป็นนักบุญของคุณแม่เทเรซาอยู่บนพื้นฐานที่เรียบง่ายของความเชื่อและความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งในพระเป็นเจ้า. คุณแม่เทเรซาสวดภาวนาวอนขอพระเป็นเจ้าไม่ใช่เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น. แต่ท่านพักพิงเสมอในอ้อมพระหัตถ์ของพระบิดาทั้งกายและจิตวิญญาณ.

นี่คือการดำรงชีวิตของคุณแม่เทเรซาในแต่ละวันของชีวิต


http://uk.geocities.com/devoutlife2008/ ... resa9.html
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.ย. 12, 2009 10:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 6:08 pm

อ่าแล้วขนลุกคะพี่โฮลี่


คุณแม่เทเรซา ท่านจะเป็นนักบุญแล้ว  ::031::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 6:11 pm

ชอบมานานแล้ว คุณแม่เทเรซา  : xemo026 :
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 10:37 pm

เพิ่งทราบข้อมูลว่าท่านทำเพื่อพระเป็นเจ้ามากมายขนาดนี้
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 10:56 pm

ดีใจจังคุณแม่เทเรซา จะได้เป็นบุญราศีแล้ว

อีกไม่นานก็คงได้เป็นนักบุญ ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Slave of God
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 11:35 pm

sinner เขียน: ดีใจจังคุณแม่เทเรซา จะได้เป็นบุญราศีแล้ว

อีกไม่นานก็คงได้เป็นนักบุญ ::022::
คุณแม่เทเรซาเป็นบุญราศีแล้วนะครับ หลายปีแล้วด้วย ประมาณ7ปีเห็นจะได้นะ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 11:52 pm

แป่วววววววววววววว ::039::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 11:53 pm

sinner เขียน: แป่วววววววววววววว ::039::
5555  ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ย. 12, 2009 12:41 am

อยากให้บุญราศีแม่ชีเทเรซา แห่งกัลกัตตา เป็นนักบุญเร็วๆจังครับ  : emo045 :

รวมทั้งบุญราศีคุณพ่อบุญเกิด และบุญราศีทั้ง 7 ที่สองคอนด้วยครับ  : emo027 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.ย. 12, 2009 2:59 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Yan Agape
โพสต์: 1516
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 9:22 pm

For Mother Theresa of Calcutta's original English poem and Thai translation, go to below link.

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7156.0
ตอบกลับโพส