จากฮวงจุ้ย สู่พระคริสตเจ้า

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 8:33 pm

จากฮวงจุ้ยสู่พระคริสต์

รูปภาพ

          ผมชื่อ นายปรีชา คงกิติมานนท์ ปัจจุบันผมมีหน้าที่เป็นช่างดูแลสุสานคริสตจักรสะพานเหลือง ก่อนที่ผมจะมารู้จักคริสตจักรสะพานเหลือง ผมจะเล่าอดีตในชีวิตที่ผ่านมา ผมเป็นเด็กที่เติบโตมากับป่าช้าที่ใช้สำหรับฝังศพที่ปัจจุบันเรียกว่า "สุสาน" ผมอาศัยอยู่ที่สุสานสุขาวดี อำเภอ หนองแค จังหวัด สระบุรี เป็นเวลาถึง 40 ปี จึงทำให้ผมเรียนรู้เรื่องศาสตร์ฮวงจุ้ย และวิชาโหราศาสตร์ จากซินแสทั้งหลายที่เขาไปในสุสานที่ผมอยู่

          ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 10 ปี เพราะทางครอบครัวของผมทั้งหมดทำงานเป็นช่างฮวงจุ้ยหรือที่เรียกกันว่า "สุสานคนจีน" ผมเป็นเด็กตอนนั้นผมชอบเฝ้าดูการทำพิธีต่าง ๆ เช่าน การทรงเจ้า การปราบผี การเรียกวิญญาณ และการทำพิธีเกี่ยวกับคนตาย ในขณะนั้นผมมีความสนใจมาก ผมจึงเริ่มศึกษาวิชาฮวงจุ้ย ในเวลานั้นผมเข้าใจว่า ฮวงจุ้ย จะใช้เกี่ยวกับคนตายอย่างเดียวแต่ความจริงแล้ว วิชาฮวงจุ้ย แบ่งเป็น 2 อย่าง มีของคนเป็นกับของคนตาย

รูปภาพ

          ต่อมาไม่นานตัวผมเองก็มาเป็นคนทำศาสตร์ฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์ ทำให้ผมรู้จักคนมากขึ้น มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจทั้งหลาย หลายคนจะบอกว่า ยอมรับในการทำศาสตร์ของผม แต่ในใจไม่มีใครรู้ว่าผมคิดอย่างไรกับตัวของผมเอง และผมก็เริ่มหาคำตอบตัวเอง ในที่สุดผมได้รู้จักกับอาจรย์ฮวงจุ้ยผู้หนึ่ง ปัจจุบันนี้ท่านมีชื่อเสียงมาก ถือว่าเป็นอาจารย์มือหนึ่งของเมืองไทย และผมได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านในการสร้างสุสานว่าด้วยศาสตร์ฮวงจุ้ย

          ในเวลาเดียวกันผมเองก็ได้มาเป็นช่างสร้างสุสานคริสตจักรสะพานเหลืองในปี ค.ศ. 1996 แต่ในช่วงนั้นผมเองก็ทุ่มเทในการทำศาสตร์ฮวงจุ้ย แต่ทุกครั้งที่ผมมาทำงานในสุสานคริสตจักรสะพานเหลือง ผมเองก็แปลกใจไม่ใช่น้อยว่าคนคริสตเตียนไม่เคยใช้วิชาฮวงจุ้ยเลย แต่ชีวิตของคริสเตียนมีแต่ความสุข แต่สุสานที่เราสร้างด้วยศาสตร์ฮวงจุ้ยทำไมมีแต่ความวุ่ยวาย บางครั้งศพถูกฝังลงไปแล้วพอไม่นานก็ถูกขุดขึ้นมาฝังใหม่

รูปภาพ

          ผมเองเป็นคนชอบถามถ้าสงสัย ก็ได้คำตอบว่าลูกหลานผุ้ตายไม่เจริญ คำถามนั้นเกิดขึ้นในใจผมทันที แล้วคริสเตียน ทำไมจึงไม่มีความวุ่นวาย แต่เขากับมีความสุขมากขึ้นทั้งที่เขาสูญเสียคนที่เขารักไป ตอนนั้นเป็ฯปัญหาให้ผมคิดหนัก ผมจึงเริ่มเดินดูและสำรวจสุสานคริสตจักรสะพานเหลืองและผมสังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่ ในแผ่นป้ายชื่อหลุมศพหลุมหนึ่งมีความข้อเขียนไว้ว่า "พระเยซูตรัสกับเธอว่า เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก" ผมอ่านแล้วไม่สามารถที่จะเข้าใจในความหมายนั้นได้ และผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อความในพระคัมภีร์

รูปภาพ

          ผมได้เก็บความสงสัยไว้ในใจ ต่อมาไม่นานผมได้มีโอกาสถาม ศาสนาจารย์วิวัฒน์ วงศ์สันติชน ท่านได้ชี้แนะว่า ข้อความนี้หมายความว่าอย่างไร หลังจากนั้นผมก็ค้นหาความจริงว่าศาสตร์ฮวงจุ้ยช่วยให้คนรวยได้จริงหรือ ผมเริ่มติดตามซินแสหลายคน ผมสังเกตดูว่าคนที่มาทำศาตร์ฮวงจุ้ยส่วนใหญ่เป็นคนที่มีฐานะเพราะว่าค่าดูซินแสจะมีราคาสุงมากกรณีเป็นซินแสที่มีชื่อเสียง ผมจึงไม่สงสัยเลยว่าไม่มีซินแสคนไหนที่ทำคนจนเป็นคนรวย มีแต่ซินแสทำคนรวยเป็นคนรวยอยู่แล้ว เหตุที่ว่าคนทั้งหลายมาพบซินแสให้ช่วยดูให้ก็เพราะว่าตัวเองกลัวความจนหรือต้องการให้รวยมากขึ้นหากท่านทั้งหลายสังเกตดูก็จะพบว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมซินแสจึงไม่ทำให้ลูหลานร่ำรวย

รูปภาพ
อาหารสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ

          จากวันนั้นความคิดผมเริ่มเปลี่ยนจนผมไม่อยากทำศาสตร์ให้ใคร แต่หลายคนก็ขอร้องให้ผมช่วยทำ ผมก็ทำให้คนเกิดความสบายใจเท่านั้นเอง ต่อมาไม่นานผมเองได้รับคำสั่งให้ไปแก้ไขงานที่นครปฐมของคริสตจักรสะพานเหลือง ผมเองตกใจมาที่เห็นสุสาน ด้านหลังเป็นทางรถไฟ ด้านหน้าเป็นทางสามแยก เพราะในหลักของศาสตร์ถือว่าใช้ไม่ได้ ผมได้ทำงานอยู่ที่นั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผมสังเกตเห็นว่า ที่นั้นมีหลายตระกูลที่มีชื่อเสียงทางสังคมลุลกหลานหลายคนที่ผมได้รู้จักล้วนเป็นคนที่มีความเจริญรุ่งเรือง ผมจึงได้เอปัญหานี้ไปถามซินแสหลายคนว่า ทำไมศาสตร์ฮวงจุ้ย จึงไม่มีผลกับคนคริสเตียน ส่วนใหญ่ผมได้คำตอบว่า "เขามีพระเจ้า"

          หลังจากวันนั้นผมได้บอกหลายคนว่าผมจะไม่ทำศาสตร์ฮวงจุ้ย เพราะผมรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไรในวันนั้นผมมาดูประวัติการทำงานของผมที่สุสานคริสตจักรสะพานเหลือง ผมจึงรุ้ว่าผมทำงานมาเป็นเวลาถึง 8 ปีแล้ว จึงทำให้ผมแปลกใจตัวเองว่าทำไมผมไม่รู้จักกับพระองค์ ในเย็นวันนั้นผมนั่งดูทีวีกับครอบครัวอยู่ มีโฆษณาเกี่ยวกับหนังสือพลังแห่งชีวิต แล้วผมบอกให้ลูกชายของผมโทรติดต่อไป และต่อมาไม่นานผมก็ได้รับหนังสือพลังแห่งชีวิต

รูปภาพ

          ผมได้อ่านและในหนังสือมีคำแนะนำอธิษฐาน ผมจึงอธิษฐานตาม "ข้าแต่พระเจ้า ที่ผ่านมาข้าพระองค์ได้ใช้ชีวิตตามใจตนเอง แต่บัดนี้ข้าพระองค์อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในทางของพระองค์ ข้าพระองค์ต้องการพระองค์และปรารถนาจะให้พระองค์เข้ามาครอบครองชีวิตข้าพระองค์ขอต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงยอมตายเพื่อความผิดบาปของข้าพระองค์ และทรงฟื้นขึ้นจากความตาย ข้าพระองค์ขอมอบชีวิตไว้กับพระองค์ ให้พระองค์ประทับบนบัลลังก์ใจและเปลี่ยนชีวิตของข้าพระองค์ให้เป็นตามน้ำพระทัยพระองค์"

          เวลาผ่านไประยะหนึ่งหลังจากที่ผมอธิษฐานไป ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2005 คณะกรรมการสุสานคริสตจักรสะพานเหลืองได้ทำการตรวจเยี่ยมสุสานเป็นเรื่องปกติ แต่ในเดือนนั้นการเยี่ยมเป็นเสาร์สุดท้ายของเดือน วันนั้นการรอคอยของผมมีความรู้สึกไม่เหมือนทุกครั้ง คล้ายผมรออะไรสักอย่างหนึ่งจนบอกไม่ถูก จนกระทั่งกำนันส่ง แนะนำผมว่าให้โทรไปถามดูว่าเขามาหรือเปล่า ผมก็เลยตัดสินใจโทร. ไปหา ผู้ปกครองสมยศ สรรพัชญา เขาได้บอกผมว่าไม่ได้มา แต่มีคณะกรรมการท่านอื่น ๆ มาให้รอก่อน เวลาประมาณ 10:00 น. คณะกรรมการก็เดินทางมาถึง ในวันนั้นคณะกรรมการเดินทางมา 6 คน ได้แก ผู้ปกครอง สุจินต์ เหล่าแสงงาม พร้อมด้วยบุตรสาวของท่านผู้ปกครอง ทวี สุวัตพานิช มัคนายก ดอกเตอร์ เกษมสันติ์ สุวรรณรัต ศาสนาจารย์ วิวัฒน์ วงศ์สันติชน คุณพรทิพย์ พงษ์ไชยวรฤทธิ์สิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ผมได้รับในวันนั้นคือ พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ จาก ศาสนาจารย์ วิวัฒน์ วงศ์สันติชน

          ผมเองดีใจจนบอกความรู้สึกไม่ถูก ผมรู้ว่าสิ่งนี้มีค่ามากกว่าชีวิตของผม ผมรีบทำการบันทึกวัน เวลา ไว้ วันที่ 30 กรกฎาคม 2005 และอาจารย์ได้บอกผมว่าขอมอบเป็นของขวัญ ผมจึงถามท่านว่า ท่านทราบใช่ไหมว่าผมทำงานครอบ 8 ปีแล้ว ท่านบอกผมว่า ท่านไม่ทราบ ผมเชื่อที่ท่านพูด เพราะอาจารย์ไม่รู้ว่าผมมาทำงานตั้งแต่เมื่อไร ผมเริ่มนึกถึงคำอธิษฐานของผมทันที หลังจากนั้นคณะกรรมการสุสานก็เดินตรวจงานจนเวลาพอสมควร ผู้ปกครอง สุจินต์ เหล่าแสงงาม ได้ถามผมว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่ไหนบ้าง ผมจึงได้พาไปทานอาหารที่ร้านตะวัน ในขณะทุกคนรออาหารอยู่ ในใจผมคิดว่าทำไม ไม่มีใครชวนผมมาโบถส์ ในเวลานั้น ผู้ปกครอง ทวี สุวัตพานิช ก็พูดขึ้นว่า "ปรีชา คุณน่าจะไปโบสถ์ครั้งหนึ่งนะ" ผมตอบกลับทันทีว่าพรุ่งนี้ผมจะไป หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันกลับ

          พอผมกลับถึงสุสานผมรีบโทรศัพท์ถึงภรรยาผม ให้ซื้อเสี้อผ้าชุดใหม่ให้ผมด้วย ลูกชายถามแม่เขาว่าเขาไปด้วยได้ไหม ภรรยาผมโทรศัพท์มาถามผม ผมตอบว่าได้ พอรุ่งเช้าของวันที่ 31 กรกฎาคม 2005 ปรากฎว่า เอผ้าที่ซื้อมาผมใส่ไม่ได้ ในที่สุดผมก็ใส่ชุดทำงานมาแทน ในระหว่างเดินทางมากับลูกชายสองคนผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่กรุงเทพฯ ว่าที่จะไปนั้น คือโบสถ์คนรวยคิดให้ดี ช่วงนั้นผมเริ่มท้อใจ แต่ผมตึกถึงคำพูดของผู้ปกครองสมยศ สรรพัชญา ว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนรวยแต่ตอนนั้นที่เขามาโบสถ์ เขาบอกว่าเขามาหาพระเจ้า เขาบอกผมว่าถ้าหาเพื่อนก็ได้เพื่อ ถ้าหางานก็ได้งาน แต่ถ้าหาพระเจ้าพระองค์จะประทานสิ่งที่ดีงามให้กับเรา

          ผมจึงตัดสินใจขับรถเข้ามา พอมาถึงโบสถ์ ผมพบผู้ปกครองเกรียงไกร พิทักษ์ทนต์ ยืนต้อนรับ ผมดีใจมากอย่างน้อยผมคิดว่าเจอคนที่รู้จักหนึ่งคนแล้ว พอผมลงจากรถผมก็พบกับ ผู้ปกครอง สมยศ สรรพัชญา มัคนายก ด๊อกเตอร์ เกษมสันติ์ สุวรรณรัต ท่านทั้งสองก็แนะนำให้ผมรู้จักกับคนในโบสถ์อีกหลายคน จึงทำให้ผมเองมีความรู้สึกว่าที่นี่เหมือนพี่น้องอย่างแท้จริง ในขณะที่ผมยืนพูดคุยทักทาย จนได้เวลานมัสการ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นการนมัสการที่สำคัญที่สุดของคริสเตียน มีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า แบ่งปันพระวจนะคำสอนของในพระคัมภีร์ ในวันนั้น ผู้ปกครอง สมยศ สรรพัชญา และ มัคนายก ด็อกเตอร์ เกษมสันติ์ สุวรรณรัต คอยให้ความช่วยเหลือผมในการเรียนรู้การนมัสการพระเจ้า หลังจากการนมัสการผ่านไป ผมก็ไปรับประทานอาหารกับผู้ปกครอง สมยศ สรรพัชญาและมัคนายกด็อกเตอร์ เกษมสันติ์ สุวรรณรัต เรียบร้อยแล้วผมก็เดินทางกลับสระบุรี

รูปภาพ

          ผมบอกกับลูกชายว่าเราเดินทางมาหาพระเจ้าถูกแล้ว แม้เราจะเดินทางวันละ 250 กิโลเมตร แต่สิ่งที่เราได้พบ ได้รู้จักมีค่ามากกว่าชีวิตของเรา ขอให้เราจงยึดหลักให้เข้มแข็ง และนับตั้งแต่วันนี้เราจงเป็นคริสเตียนทั้งกายและใจ แต่อย่างเป็นเพียงแค่คำพูดเราต้องกล้าพูดให้ทุกคนรู้ว่าเราคือคริสเตียน แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เรารู้จักพระเจ้ามากขึ้นเราต้องอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับหลังจากผมรับเชื่อทำสิ่งหนึ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง คุณพ่อของผมที่ไม่ได้อยู่กับผมนานถึง 20 กว่าปี ท่านก็ได้กลับมาอยู่กับผม จึงทำให้ครอบครัวผมอยู่สมบูรณ์ แบบพ่อแม่ลูก ผมจึงเชื่อว่านี่คือพระคุณของพระองค์ที่ได้ประทานให้กับผม หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าไปสมัครเรียนพระคัมภีร์ ชั้นติดตามพระคริสต์กับอนุศาสนาจารย์ วิชัย จันทร์หิรัฐโชติ จึงทำให้ผมเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น

          ต่อมาไม่นานก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับผมอีก โดยคนที่มีพระคุณกับผมได้มาขอร้องให้ผมไปทำศาสตร์ฮวงจุ้ยให้อีกครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นผมไม่สบายใจมาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธจนทำให้ผมสับสน พอดีช่วงนั้นผมจำเป็นจะต้องไปกดบัตร ATM แล้วผมก็ลืมบัตรไว้ที่เครื่อง แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เครื่องดูดบัตรกลับเข้าไปในเครื่อง จึงไม่มีใครนำบัตรของผมไปใช้ต่อได้ ผมจึงได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ผู้ปกครอง ทวี สุวัตพานิชฟัง แล้วผู้ปกครอง ทวีบอกผมว่า "คุณต้องเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้น คุณจะแพ้มารซาตาน" แล้วผู้ปกครองทวี ยังบอกกับผมอีกว่า "หรือจะเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ต้องการให้คุณไปประกาศข่าวประเสริฐที่คุณรับไว้ให้ทุกคนได้รู้" ผมมีความรู้สึกว่าอยากไปพบพวกเขาทันทีและผมก็ได้ไปพบพวกเขา และผมก็เล่าเรื่องของพระเจ้าให้ทุกคนฟัง พวกเขาเลยบอกผมว่าแปลกดี ให้มาทำศาสตร์ฮวงจุ้ยกลับมาเล่าเรื่องพระเจ้า : xemo016 :

          แต่เดี๋ยวนี้ใครเชิญผมไปทำศาสตร์ ผมก็จะไปเล่าแต่เรื่องพระเจ้า ช่วงนั้นผมเกิดความกลัวมากว่าถ้าผมไม่ทำศาสตร์แล้วผมจะทำอย่างไร ในคืนนั้นผมหยิบพระคัมภีร์มาอ่านผมไดเจอพระคำตอนหนึ่งเขียนว่า "พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน" สดุดี 23:1 ผมได้นำมาไคร่ครวญดู ผมเริ่มมีจิตใจที่เข้มแข็งและต่อมาไม่นานผมก็ได้รับใช้งานของพระเจ้าในด้านการก่อสร้างสุสานคริสตจักรไมตรีจิต และสุสานเปี่ยมสุข ชีวิตของผมเรื่องเปลี่ยนไป และทำให้ผมมีโอกาสหนุนใจคริสเตียนที่หลงหาย เนื่องจากสภาวะในปัจจุยัน คือคริสเตียนบางคนเขาไม่รู้ว่าผมเองคือคนทำศาสตร์ฮวงจุ้ย หลังจากที่เขาว่าจ้างผมไปทำผมได้ถามเขาว่าเขาเป็นคริสเตียนหรือ เขาตกใจมากผมจึงบอกเขาว่า "คุณจงเชื่อว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงไร ขอให้คุณอย่าละทิ้งความเชื่อ" ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมจะบอกเรื่องพระเจ้าว่ามีความสำคัญกับชีวิตของเราขนาดไหน


รูปภาพ

เพราะข้าพเจ้าทราบว่าพระเจ้าใหญ่ยิ่ง
และองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งกว่าพระอื่นทั้งสิ้น

สดุดี 135:5

นำมาจาก
http://www.christianthai.net/Witness.htm
ภาพประกอบเป็นเพียงการสมมติ
kohtheboy01
โพสต์: 201
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 9:10 am

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 8:53 pm

ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงนำลูกแกะที่หลงหายกลับมาหาพระองค์ อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 11:15 pm

ไปเอาดวงใครมาลงเนี่ย เหอๆ โปรแกรม โฮ๋ราสาด ชัดๆ

ปล. ไม่เกี่ยวกับประเด็นเลย

--

ขอ หา เคาะ ครับ ถ้าอยากเจอพระเจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 11:17 pm

ย่อหน้าที่ 3 ไง  : xemo016 :
ดวงใครไม่รู้ Google จงนำพา   : emo102 :

หรือจะเปลี่ยนเป็นภาพอะไรดี อยากดูขั้นๆ ให้มันน่าอ่านหน่อย อิอิ  : emo038 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 11:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 11:26 pm

เปิดตำราฮวงจุ้ย กี่ยุคกี่สำนัก
ไม่เท่าพระคัมภีร์ของเรา เยี่ยมม

เยี่ยมที่สุด สรรเสริญพระเจ้าสูงสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อาทิตย์ ก.ย. 27, 2009 11:53 pm

ศาสตร์ของมนุษย์ไม่มีทางเทียบสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ได้หรอก
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

จันทร์ ก.ย. 28, 2009 12:17 pm

ขอบคุณค่ะ เป็นบทความที่ดีและน่ารักมาก ทำให้เห็นถึงการทำงานของพระเป็นเจ้าในเรื่องต่างๆ รอบๆ ตัวเรามากยิ่งๆขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

จันทร์ ก.ย. 28, 2009 3:38 pm

ขอบตุณคะ
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

จันทร์ ก.ย. 28, 2009 10:36 pm

ได้ความรู้ดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

จันทร์ ก.ย. 28, 2009 11:35 pm

การทำงานของพระเจ้า ล้ำลึกเกินกว่าเราจะเข้าใจได้จริงๆ บางครั้งเราเห็นบางคนดูท่าแล้ว..(ศาสนาเดิม)..จ๋ามาก คงยากที่จะนำเค้ามาเชื่อพระเจ้าประกาศไปก็เท่านั้น เราก็เลยเลือกที่จะไม่พูดเรื่องของพระเจ้ากับเขา แต่นั่นมันความคิดของมนุษย์เราที่มองอะไรแค่สั้นๆ แต่พระเจ้ามีแผนการมากกว่านั้น สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าทรงจัดเตรียมในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง มากกว่าสิ่งที่เราขอและคิด  : emo045 :

จะว่าไปแล้วคิดถึงเมื่อก่อนสมัยเรียนมัธยมที่เคยคิดอยากจะประกาศกับเพื่อนในโรงเรียน แต่ก็ไม่รู้จะประกาศกับใครและจะเริ่มยังไง พอจะเริ่มทีไรก็มีแต่ความกลัวและคิดแต่ว่าเค้าคงไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งที่กำลังจะจบ ม.6 มีเพื่อนต่างห้องมาถามเราว่าเป็นคริสเตียนใช่ไหม เขาบอกว่าเขาศึกษาเรื่องพระเจ้ามานานแล้ว อยากมาถามเรา แต่ไม่กล้าถามเราเพราะไม่แน่ใจ เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมามากว่าในขณะที่เราก็มีใจและพยายามหาทางประกาศ แต่ทำไมเราคิดสั้นๆ แค่ว่าคงไม่มีใครเชื่อ และมองข้ามเพื่อนคนนี้ไป  : emo073 :
ล็อคหัวข้อ