เมื่อคืนนี้ผมนอนประมาณตี 2 เพราะมัวแต่ทำงานวิจัย พอนอนผมก็ฝันว่าไปที่ไหนซักแห่ง เป็นสี่แยก ทั้งรถและผู้คนพลุกผล่านไปหมด และบริเวณข้างถนนด้ายซ้ายของสี่แยก มีป้อมเก่าๆที่ร้างไม่มีคนอยู่แล้วป้อมหนึ่ง ในป้อมนั้นผมเห็นซากศพเด็กทารกซึ่งถูกฆ่าและปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นนานจนร่างแห้งดำ ข้างศพเด็กคนนั้นมีซากอื่นๆของเขาด้วยเช่นไส้ แขน ขา ที่ถูดตัดออกจากลำตัว
ผมเลยเรียกคนมาดู แล้วก็เรียกตำรวจมาที่เกิดเหตุ จากนั้นคนก็มากันเยอะมาก จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามองเห็นอะไรบางอย่าง เหมือนตกอยู่ในภวังค์ วิญญาณเด็กคนที่ตายพาผมเข้าไปสู่อดีตมันเป็นบ้านไม้หลังเก่าๆผนังสีเขียวอ่อนผุๆ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่า แท้จริงแล้วคนที่ฆ่าเขาคือแม่ของเขานั้นเอง เหตุผลก็เพราะเขาพิการ หน้าตาไม่สมประกอบ ภาพที่ผมเห็นในภวังค์คือแม่ของเขาใช้มีดปาดคอเด็กคนนั้นทั้งน้ำตา หลังจากนั้นก็ลงมือตัดชิ้นส่วนต่างๆออกแล้วก็นำมาทิ้งไว้ตรงป้องยามร้างนี่
อีกอย่างคือน้องคนที่ตาย เค้ามีน้องชายด้วย ซึ่งเกิดหลังจากที่เขาตายแล้ว น้องของเขาแม้ว่าจะยังเป็นเด็กทารกแต่เขาก็รู้ว่าตัวเองมีพี่ และร้องหาพี่ตลอดเวลาว่าพี่เขาหายไปไหน
สุดท้ายผมเลยถามน้องที่ตายว่าจะให้ผมช่วยยังไง น้องบอกว่า ให้ผมบอกให้แม่เขามารับศพเขาไปด้วย จากนั้นก็ขอมิซซาให้หน่อยได้ไหม ผมจึงตอบว่าได้ และก็มองไปในกลุ่มผู้คนเพื่อหาแม้เด็ก สุดท้ายก็เจอ เธอดูเหมือนหญิงสติไม่เต็ม โกนผมเกรียนยังกับแม่ชี ใบหน้ากลม ผมชีที่ตัวเธอ ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าเป็นแม่เด็กและคนฆ่า เธอร้องให้เสียใจใหญ่ ผู้คนที่รายล้อมอยู่ตรงนั้นก็พร้อมที่จะเข้ารุมเธอ แต่อาการที่เธอเสียใจจริงๆพวกเขาเลยไม่ทำอะไร
ทีนี้ผมกำลังงว่า เรื่องที่ผมฝันมันเกิดขึ้นเพราะผมกินมากไป หรือว่ามีวิญญาณอยากให้ผมช่วยจริงๆ ผมไม่แน่ใจเลยครับ ช่วยบอกทีความฝันนี้เค้าต้องการอะไรจากผมครับ
ใครแนะนำเรื่องความฝันได้บ้างครับ
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
- ต้นไม้แห่งเจสซี
- โพสต์: 343
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
- ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
- ติดต่อ:
คงจะเป็นวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ สวดภาวนา และขอมิสซาให้พวกเขาด้วยนะครับ 

เคย ฝันอยู่บ่อยๆ คะ ช่วงที่ตั้งใจ สวดภาวนา แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ก็ไม่ได้สวดให้ ( กลัวตัวเองบ้า )
เล่าละกันนะคะ
ตอนไปนอนหอพัก เพื่อนใกล้ๆ คลองแสนแสบ ฝันว่าได้ย้อนกลับไป สมัยก่อน สัก ร 5 คะแล้วในฝันเห็นบริเวณ คลองแสนแสบ มีแต่โพงหญ้ารกและต้นไม้ใหญ่ บริเวณนั้นมีฝนตกหนักมาก รู้สึกว่าจะเป็นช่วง เย็นๆ ท้องฟ้ามีเมฆฝน ปกคลุมท้องฟ้ามืดมน มีบ้านเศรษฐีคนหนึ่งมีลูกสาว หนึ่งคน ลูกสาวคนนี้ ทะเลาะกับแม่ ของเธออย่างรุนแรง อย่างรุนแรง จึงหนีออกจากบ้านไป ด้วยความที่พ่อ กะแม่เป็นห่วงหนักเข้า จึงบอกให้สาวใช้ออกไปตามหา ทุกคนจึงต้องออกไปตาม ขณะที่ฟ้ามืดแล้วแต่ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที แต่แล้วเธอก็หายตัวไป ไม่มีใครเจอเลย แต่แล้วเย็น อีกวัน หญิงสาว คนนี้กลับมาบ้านตอนดึกแล้ว กลับมาสภาพไม่เหมือนเดิม สภาพเปียกโชกไปทั้งตัว แม่ของเธอเห็นเข้าก็ วิ่งเข้าไปหาด้วยความ ดีใจ ถามลูกสาวว่าไปใหนมา หญิงสาวคนนั้น จึงบอกไปว่า '' แม่จ๋าลูกตายแล้ว เขาฆ่าลูกโยนลงแม่น้ำ '' แม่ของเธอถึงกลับกรีดร้องออกมา เจนตกใจมาก ตื่นขึ้นมายังรู้สึกหลอนๆ คะ เหมือนจริงมากๆเลย
ยังไงก็แค่ความฝัน ไม่อยากจะคิดมากนะคะ

ตอนไปนอนหอพัก เพื่อนใกล้ๆ คลองแสนแสบ ฝันว่าได้ย้อนกลับไป สมัยก่อน สัก ร 5 คะแล้วในฝันเห็นบริเวณ คลองแสนแสบ มีแต่โพงหญ้ารกและต้นไม้ใหญ่ บริเวณนั้นมีฝนตกหนักมาก รู้สึกว่าจะเป็นช่วง เย็นๆ ท้องฟ้ามีเมฆฝน ปกคลุมท้องฟ้ามืดมน มีบ้านเศรษฐีคนหนึ่งมีลูกสาว หนึ่งคน ลูกสาวคนนี้ ทะเลาะกับแม่ ของเธออย่างรุนแรง อย่างรุนแรง จึงหนีออกจากบ้านไป ด้วยความที่พ่อ กะแม่เป็นห่วงหนักเข้า จึงบอกให้สาวใช้ออกไปตามหา ทุกคนจึงต้องออกไปตาม ขณะที่ฟ้ามืดแล้วแต่ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที แต่แล้วเธอก็หายตัวไป ไม่มีใครเจอเลย แต่แล้วเย็น อีกวัน หญิงสาว คนนี้กลับมาบ้านตอนดึกแล้ว กลับมาสภาพไม่เหมือนเดิม สภาพเปียกโชกไปทั้งตัว แม่ของเธอเห็นเข้าก็ วิ่งเข้าไปหาด้วยความ ดีใจ ถามลูกสาวว่าไปใหนมา หญิงสาวคนนั้น จึงบอกไปว่า '' แม่จ๋าลูกตายแล้ว เขาฆ่าลูกโยนลงแม่น้ำ '' แม่ของเธอถึงกลับกรีดร้องออกมา เจนตกใจมาก ตื่นขึ้นมายังรู้สึกหลอนๆ คะ เหมือนจริงมากๆเลย

ยังไงก็แค่ความฝัน ไม่อยากจะคิดมากนะคะ

-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
สวดภาวนาและมิสซาให้เขานะครับ
พี่ทำงานวิจัยหรอครับ ทางด้านไหนครับ แล้วพี่จบคณะอะไรหรอครับ คือผมสนใจงานด้านนี้ กำลังจะค้นหาตัวเองอยู่ว่าอยากจะทำอะไรในอนาคต
พี่ทำงานวิจัยหรอครับ ทางด้านไหนครับ แล้วพี่จบคณะอะไรหรอครับ คือผมสนใจงานด้านนี้ กำลังจะค้นหาตัวเองอยู่ว่าอยากจะทำอะไรในอนาคต
ขอมิสซาให้เขา ก็ไม่เสียหายอะไรครับ 

- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ขอให้แล้วครับ หวังว่าเค้าจะกลับมาบอกผมว่าเค้าได้แล้ว อยากได้ความมั่นใจอะครับว่าเค้าได้แล้วจิงๆ กลัวขอไปไม่ถึง อิอิ
- dark-kanita
- โพสต์: 317
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

เหอๆๆ เราไม่เคยฝันชัดเจนอะไรแบบนี้เลยแฮะ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ต้องไปขอมิสซากับพระสงฆ์(บาทหลวง)นะคะBelow เขียน: การขอมิสซาคืออะไร
พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ)
พิธีมิสซาฯ คือ พิธีบูชาขอบพระคุณ ในความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชน โดยมีองค์พระเยซูเจ้าเอง เป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปแทนเรามนุษย์ อาศัยพระกายและพระโลหิตที่ยอมสละและพลีชีวิตเพื่อเรา ดังนั้น พิธีมิสซาฯ จึงควรเป็นพิธีของส่วนรวมในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่คริสตชนจะขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ทรงประทานพระบุตรของพระองค์ลงมาไถ่บาป แทนเรามนุษย์ทุกคน
ในความเป็นจริง คำว่า "มิสซา" หมายถึง "การถูกส่งไป" เพื่อประกาศข่าวดีและเป็นแบบอย่าง รวมทั้งมอบตนเองและชีวิตให้มีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ เช่นเดียวกันกับที่เราได้รับจากพระเจ้า
ความหมายที่แท้จริงของคำว่ามิสซา จึงไม่ถูกต้องตรงกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เราจึงควรเรียกพิธีกรรมในปัจจุบันว่า "พิธีบูชาขอบพระคุณ (Eucharistic Celebration) โดย เน้นที่ความหมายของพิธีกรรมว่า เป็นการขอบพระคุณอย่างแท้จริง คือ พระเยซูเจ้าเป็นทั้งผู้ถวายและเป็นเครื่องบูชาเอง โดยผ่านทางพิธีการหักปังบนพระแท่นเพื่อขอบพระคุณพระบิดา สำหรับการส่งพระบุตรให้มาไถ่กู้มนุษยชาติ จะเห็นได้ว่าคำว่ามิสซา จึงไม่ตรงกับคำศัพท์ และความหมายทางพิธีกรรม เพียงแต่มีความเข้าใจ และถือกันมาจากธรรมเนียมประเพณีเดิมมากกว่า
ในพิธีมิสซาฯ คริสตชนเชื่อว่า องค์พระเยซูเจ้าประทับอยู่อย่างแท้จริงใน 3 วิธีการ คือ
1. จากพระวาจาของพระองค์ในบทอ่านจากพระคัมภีร์
2. ระหว่างการเสกปัง และเหล้าองุ่น(เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการที่พระเยซูเจ้าจะสถิตอยู่ในพิธีมิสซาฯ เพราะเป็นการรื้อฟื้นการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า)
3. การรับศีลมหาสนิท ซึ่งเป็น "ปังทรงชีวิต"
เมื่อพิธีมิสซาฯ สิ้นสุดแล้ว พระเยซูเจ้ายังคงประทับอยู่ในศีลมหาสนิท ธรรมเนียมการเก็บรักษาศีลมหาสนิทไว้หลังมิสซาจึงเกิดขึ้น เพราะความต้องการที่จะใช้เป็นศีลเสบียงสำหรับคนเจ็บป่วย และแจกศีลแก่ผู้ที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีมิสซาฯ ได้ จึงเกิดธรรมเนียม "การเฝ้าศีล" เกิด ขึ้นในภายหลังด้วย จะเห็นได้ว่ามิสซาเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตคริสตชน ไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่พิธีกรรมภายนอกเท่านั้น หรือการบริจาคทาน คริสตชนทุกคนควรมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นทุกขั้นตอน
องค์ประกอบของพิธีมิสซาฯ
พิธีการต่าง ๆ ของพิธีมิสซาฯ นั้น ประกอบด้วยภาคต่าง ๆ ดังนี้
1. ภาคเริ่มพิธี ตั้งแต่เริ่มพิธี ไปจนถึงบทภาวนาของประธาน (Collecta)
เริ่มจากเพลงแห่เข้า (ในความเป็นจริงจะไม่มีเพลงก็ได้ แต่การที่มีเพลง เพื่อให้สัตบุรุษรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสรรเสริญพระเจ้า และถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง เพลงในพิธีกรรมที่ดี ควรเป็นเพลงที่สื่อความหมายให้เข้าใจในพิธีกรรม และร่วมจิตใจได้)
- คำทักทาย - การสารภาพความผิด - บทกีรีเอ - (พัฒนามาจากบทลีตานีอาในยุคแรกเริ่ม) - บทกลอรีอา และจบที่บทภาวนาของประธานซึ่งเป็นช่วงเชื่อมต่อไปสู่ช่วงที่สอง ในภาควจนพิธีกรรม
สาระโดยรวมของภาคเริ่มพิธีนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเริ่มต้นนำ และเตรียมให้บรรดาสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่ด้วยกัน มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นการโน้มน้าวจิตใจให้พร้อมที่จะฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างถูกต้อง และให้เฉลิมฉลองศีลมหาสนิทอย่างสมควร
2. ภาควจนพิธีกรรม เริ่มจากบทอ่านแรกจากพันธสัญญาเดิม บทอ่านที่สองซึ่งเป็นบทจดหมายหรือหนังสืออื่น ๆ ในพันธสัญญาใหม่ และพระวรสารซึ่งถือเป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสผ่านทางองค์พระบุตร คือ พระเยซูเจ้า การเทศน์เตือนใจของพระสงฆ์ การประกาศยืนยันความเชื่อ และบทภาวนาของมวลชน
ภาควจนพิธีกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีที่ชาวยิวปฏิบัติกันมาแต่เดิมก่อนยุคของพระเยซูคริสตเจ้า โดยในพิธีมิสซาฯ จะจัดให้มี "โต๊ะพระวาจา" หรือธรรมาสน์ เพื่อใช้อ่านพระวาจาของพระเป็นเจ้า แยกออกจาก "โต๊ะศีลมหาสนิท" หรือพระแท่นอันเป็นจุดสำคัญที่สุดของพิธีกรรม
การอ่านบทอ่าน ไม่ใช่หน้าที่ของประธาน แต่เป็นหน้าที่ของศาสนบริกร เช่น สังฆานุกร หรือผู้อ่านพระคัมภีร์ สำหรับการอ่านพระวรสารนั้น เป็นหน้าที่ของสังฆานุกร หรือประธานในพิธี จะต้องแสดงออกถึงการคารวะอย่างยิ่งต่อพระวรสารที่อ่าน โดยให้เกียรติอย่างพิเศษกว่าบทอ่านอื่น ๆ ไม่ว่าในการเลือกผู้อ่านระดับศาสนบริกร หรือพระสงฆ์เอง สัตบุรุษเอง ก็ต้องแสดงความคารวะอย่างพิเศษโดยการยืนฟัง และพนมมืออย่างสำรวม
ในระหว่างการอ่านบทอ่าน จะมีการร้องเพลงคั่น ในช่วงแรกจะเป็นเพลงสดุดี (Psalms) และส่วนที่สองจะเป็นเพลงสรรเสริญ (Acclamation) หรือเพลง Hymn บทอัลเลลูยา ซึ่งจะร้องก่อนการอ่านพระวรสาร
การเทศนาเตือนใจ (Homily) เป็น ส่วนหนึ่งของพิธีกรรม เป็นส่วนที่จำเป็นในการหล่อเลี้ยงชีวิตคริสตชน และจะต้องอธิบายตามคำสอนในบทอ่านจากพระคัมภีร์ของมิสซาประจำวันนั้น ๆ การเทศนาเตือนใจ มีลักษณะพิเศษแตกต่างกว่าการเทศน์ในรูปอื่น เพราะการเทศน์แบบนี้ เป็นการเทศน์เพื่ออธิบาย หรือโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า ที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์มากกว่าจะมุ่งเน้นแบบการสอนศาสนาให้คนกลับใจ (Evangelization) หรือการเทศน์แบบสอนคำสอน (Catechesis)
เมื่อพระสงฆ์เตือนใจแล้ว จะเป็นการประกาศยืนยันความเชื่อ (Credo) เพื่อ ให้ประชากรเห็นพ้อง และสนองตอบพระวาจาของพระเจ้า ที่ได้ฟังในบทอ่าน และการเทศน์ และให้รื้อฟื้นข้อความเชื่อก่อนที่จะเริ่มพิธีศีลมหาสนิท และยังนับว่าเป็นบทสรุป "ประวัติศาสตร์แห่งความรอด" ซึ่ง สัตบุรุษประกาศยืนยันความเชื่อของพระศาสนจักรที่มีมาแต่เดิม รวมทั้งแสดงความหวังที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดร กับพระเจ้าในบั้นปลายด้วย บทภาวนาเพื่อมวลชน มีขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงหน้าที่ของคริสตชนที่จะต้องภาวนาเพื่อมนุษยโลกใน สังคม ในเรื่องต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้กำหนดไว้
3. ภาคศีลมหาสนิท เริ่มจากภาคถวายเครื่องบูชา จนถึงบทภาวนาหลังรับศีล คือการเตรียมเครื่องบูชา - การเสกศีลฯ และการรับศีลฯ เป็นต้น
เริ่มจากการเตรียมเครื่องบูชา โดยต้องเตรียมพระแท่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมศีลมหาสนิททั้งมวล โดยปูผ้ารองถ้วยกาลิกส์และจานศีล (Corporal) นำผ้าเช็ดถ้วยกาลิกส์ (Purificator) ถ้วย กาลิกส์และหนังสือมิสซาวางบนพระแท่น นำแผ่นปังและเหล้าองุ่นมาเตรียมไว้ รวมทั้งมีการบริจาคใส่ถุงทานสำหรับคนยากไร้ หรือทางวัดด้วย
คำภาวนาแห่งศีลมหาสนิท หรือการเสกปัง และเหล้าองุ่นให้เป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของพิธีมิสซาฯ ประกอบด้วยการเสกศีล เพื่อระลึกถึง และรื้อฟื้นถึงการตั้งศีลมหาสนิทของพระเยซูเจ้า ในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายก่อนทรงรับทรมาน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน การขับร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์ บทข้าแต่พระบิดา การบิปัง และการรับศีลมหาสนิทของสัตบุรุษ ซึ่งการรับศีลมหาสนิท นับว่าเป็นส่วนสำคัญยิ่งในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณพระเจ้า
การรับศีลมหาสนิทให้ความหมายหลายประการ เช่น
1. เป็นการร่วมสนิท เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า
2. เป็นการร่วมมีส่วนในงานกอบกู้ของพระเยซูเจ้า
3. เป็นการร่วมสนิทสัมพันธ์กับพี่น้องคริสตชนด้วยกัน
4. ภาคปิดพิธี การอวยพรและการส่งไป ที่ให้เรากลับไปสู่ชีวิตกับเพื่อนพี่น้องในสังคมของเราต่อไป
เมื่อสัตบุรุษรับศีลเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเข้าสู่ภาคปิดพิธี ในภาคนี้ ทางวัดสามารถประกาศข่าวต่าง ๆ ให้สัตบุรุษทราบ จากนั้นจะเป็นการอำลา และอวยพร
ข้อสังเกตุ ที่คริสตชนบางกลุ่ม อาจจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับพิธีมิสซาฯ คือ จริง ๆ แล้ว การแก้บาป (ศีล อภัยบาป) ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีมิสซาฯ สัตบุรุษสามารถรับศีลอภัยบาปได้ตลอดเวลาแม้ไม่ใช่เวลามิสซา แต่การที่มีการแก้บาปก่อนพิธีมิสซาฯ นั้น ก็เพื่อประโยชน์ในด้านการอภิบาลสัตบุรุษ คืออำนวยความสะดวกแก่สัตบุรุษที่มาวัดอาทิตย์ละครั้ง รวมทั้งทำให้การร่วมพิธีมิสซาฯ ของสัตบุรุษที่รับศีลอภัยบาปแล้ว มีความหมายมากยิ่งขึ้น เป็นการเสริมสร้างจิตใจ แต่สิ่งที่ควรส่งเสริมคุณค่า และความหมายของศีลอภัยบาปนั้น สัตบุรุษควรรับศีลอภัยบาปอย่างสม่ำเสมอ ในเวลาใดก็ได้ที่เหมาะสม และมีความต้องการคืนดีกับพระซึ่งไม่เพียงก่อนพิธีมิสซาฯ เท่านั้น
http://jesus-god.exteen.com/20081207/entry