พระสันตะปาปาย้ำเราต้องนำพระคัมภีร์ไปสัมผัสชีวิตสัตบุรุษ
28 ตุลาคม 2009
เมื่อช่วงสายวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาต้อนรับสมาชิกสมณสถาบันพระคัมภีร์ (The Pontifical Biblical Institute) ที่เดินทางมาเข้าเฝ้า เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้ง ในส่วนของพระดำรัสที่พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสนั้น พระองค์ทรงย้ำว่า เราทุกคนมีหน้าที่นำพระคัมภีร์ไปสัมผัสกับประชากรของพระเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้รับมือกับโลกที่ไม่ต้องการพระองค์
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "100 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่ลุล่วง และในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการรับใช้พระศาสนจักรที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน ความช่วยเหลือที่ว่าก็คือ พระศาสนจักรต้องการให้ท่านนำพระคัมภีร์ไปสัมผัสชีวิตประชากรของพระเจ้า เพื่อที่ว่า พวกเขาจะได้รู้วิธีรับมือและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ในยุคที่โลกหันหลังให้พระองค์"
"ในโลกที่ไม่ให้ความสำคัญกับพระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ได้เป็นแค่หัวใจของเทวศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแก่นแท้และบ่อเกิดแห่งจิตวิญญาณของผู้ที่มีความเชื่อความศรัทธาในพระคริสตเจ้า พระคัมภีร์คือสิ่งเดียวที่มีหยั่งรากลึกลงในความเชื่อของเรา การอ่านพระคัมภีร์คือการรักษาความเชื่อและยังเป็นกุญแจสำหรับการตีความสิ่งต่างๆในพระศาสนจักรอีกด้วย"
ปัจจุบัน สมณสถาบันพระคัมภีร์ อยู่ภายใต้การบริหารงานของคณะเยซูอิต โดยสถาบันดังกล่าว ก่อตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.1909 โดยสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10
http://www.catholic.or.th/events/vatica ... ep110.html
พระสันตะปาปาเน้น "พระคัมภีร์คือสิ่งเดียวที่มีหยั่งรากลึกลงในความเชื่อของเรา"
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
พระสันตะปาปาขอร้องคริสตังรู้จักรำพึงพระคัมภีร์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
29 ตุลาคม 2009
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงเรียกร้องคริสตัง ให้รู้จักหาเวลาในแต่ละวันรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อพระวาจาของพระเจ้า จะเป็นแสงส่องทางในชีวิตประจำวัน พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่เดินไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 15,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใจความสำคัญของบทสอนประจำวันนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงขอร้องชาวคาทอลิกทุกคน เพิ่มความจริงจังและใส่ใจต่อการรำพึงพระคัมภีร์ เฉกเช่นคริสตชนในศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของเทวศาสตร์ในโลกตะวันตก
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในศตวรรษที่ 12 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่ของชีวิตจิต วัฒนธรรม และการเมืองของโลกตะวันตก ยุคดังกล่าว เทวศาสตร์เฟื่องฟูมาก มีการคิดค้นแนวทางมากมายที่ช่วยชี้แจงปัญหา รวมไปถึงวิธีการรำพึงธรรมล้ำลึกของพระเจ้า ผลของการพัฒนาดังกล่าว ปรากฏเด่นชัดในนักบุญชื่อดังประจำศตวรรษที่ 13 อาทิ นักบุญโทมัส และ นักบุญโบนาเวนตูร่า นอกจากนี้ การที่เทวศาสตร์เฟื่องฟู ยังทำให้เกิดอาราม (การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ) และโรงเรียน (การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ) ซึ่งต่อมาเป็นต้นกำเนิดของมหาวิทยาลัยอีกด้วย"
"การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ (อยู่ในอาราม) ถือเป็นของขวัญที่นักพรตใช้ในการประกาศพระวรสาร และอุทิศตนให้กับพระประสงค์ของพระเจ้า วิธีการนี้ เชื่อมโยงกับการรำพึงพระคัมภีร์และหลักคำสอนที่ผู้นำพระศาสนจักรยุคแรกเริ่มสอนสั่งไว้ นักพรตคือคนที่อุทิศตนอย่างจริงจังให้กับพระคัมภีร์ หนึ่งในหน้าที่หลักๆที่พวกเขาต้องทำในแต่ละวันก็คือการอ่านและรำพึงพระคัมภีร์ (Lectio Divina) การปฏิบัติเช่นนี้ ได้รับการกล่าวย้ำในระหว่างการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกที่กรุงโรม เมื่อปลายปีที่ผ่านมา"
"มันเป็นสิ่งจำเป็นที่คริสตังจะต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์และรับฟังพระวาจาของพระเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องมีความร้อนรนอย่างแรงกล้าที่จะได้สัมผัสกับพระวาจาของพระองค์ เช่นเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องหาเวลาในแต่ละวันให้กับการรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อที่ว่า พระวาจาของพระเจ้าจะเป็นแสงส่องทางเราในการดำเนินชีวิตประจำวันบนโลกนี้"
"ขณะที่การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ ได้ก่อให้เกิดระบบอาจารย์และลูกศิษย์ การศึกษาเทวศาสตร์ลักษณะนี้ คือการแสวงหาและศึกษาเหตุผลตามประสามนุษย์ เราศึกษาเพื่อให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่ก้าวไปด้วยกันได้ สองสิ่งนี้พบได้ในตัวมนุษย์ เพราะความเชื่อได้มอบเสรีภาพให้กับเหตุผล ทั้งยังยกระดับจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้นหาพระเจ้าอีกด้วย"
"ดังนั้น ขอให้เราภาวนาขอพระเจ้า ได้โปรดช่วยนำทางเราไปสู่หนทางแห่งความรู้และการแสวงหาธรรมล้ำลึกของพระองค์ ผ่านทางความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์มอบให้เราด้วยเถิด" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
http://www.catholic.or.th/events/vatica ... ep111.html
29 ตุลาคม 2009
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงเรียกร้องคริสตัง ให้รู้จักหาเวลาในแต่ละวันรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อพระวาจาของพระเจ้า จะเป็นแสงส่องทางในชีวิตประจำวัน พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่เดินไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 15,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใจความสำคัญของบทสอนประจำวันนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงขอร้องชาวคาทอลิกทุกคน เพิ่มความจริงจังและใส่ใจต่อการรำพึงพระคัมภีร์ เฉกเช่นคริสตชนในศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของเทวศาสตร์ในโลกตะวันตก
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในศตวรรษที่ 12 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่ของชีวิตจิต วัฒนธรรม และการเมืองของโลกตะวันตก ยุคดังกล่าว เทวศาสตร์เฟื่องฟูมาก มีการคิดค้นแนวทางมากมายที่ช่วยชี้แจงปัญหา รวมไปถึงวิธีการรำพึงธรรมล้ำลึกของพระเจ้า ผลของการพัฒนาดังกล่าว ปรากฏเด่นชัดในนักบุญชื่อดังประจำศตวรรษที่ 13 อาทิ นักบุญโทมัส และ นักบุญโบนาเวนตูร่า นอกจากนี้ การที่เทวศาสตร์เฟื่องฟู ยังทำให้เกิดอาราม (การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ) และโรงเรียน (การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ) ซึ่งต่อมาเป็นต้นกำเนิดของมหาวิทยาลัยอีกด้วย"
"การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ (อยู่ในอาราม) ถือเป็นของขวัญที่นักพรตใช้ในการประกาศพระวรสาร และอุทิศตนให้กับพระประสงค์ของพระเจ้า วิธีการนี้ เชื่อมโยงกับการรำพึงพระคัมภีร์และหลักคำสอนที่ผู้นำพระศาสนจักรยุคแรกเริ่มสอนสั่งไว้ นักพรตคือคนที่อุทิศตนอย่างจริงจังให้กับพระคัมภีร์ หนึ่งในหน้าที่หลักๆที่พวกเขาต้องทำในแต่ละวันก็คือการอ่านและรำพึงพระคัมภีร์ (Lectio Divina) การปฏิบัติเช่นนี้ ได้รับการกล่าวย้ำในระหว่างการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกที่กรุงโรม เมื่อปลายปีที่ผ่านมา"
"มันเป็นสิ่งจำเป็นที่คริสตังจะต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์และรับฟังพระวาจาของพระเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องมีความร้อนรนอย่างแรงกล้าที่จะได้สัมผัสกับพระวาจาของพระองค์ เช่นเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องหาเวลาในแต่ละวันให้กับการรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อที่ว่า พระวาจาของพระเจ้าจะเป็นแสงส่องทางเราในการดำเนินชีวิตประจำวันบนโลกนี้"
"ขณะที่การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ ได้ก่อให้เกิดระบบอาจารย์และลูกศิษย์ การศึกษาเทวศาสตร์ลักษณะนี้ คือการแสวงหาและศึกษาเหตุผลตามประสามนุษย์ เราศึกษาเพื่อให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่ก้าวไปด้วยกันได้ สองสิ่งนี้พบได้ในตัวมนุษย์ เพราะความเชื่อได้มอบเสรีภาพให้กับเหตุผล ทั้งยังยกระดับจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้นหาพระเจ้าอีกด้วย"
"ดังนั้น ขอให้เราภาวนาขอพระเจ้า ได้โปรดช่วยนำทางเราไปสู่หนทางแห่งความรู้และการแสวงหาธรรมล้ำลึกของพระองค์ ผ่านทางความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์มอบให้เราด้วยเถิด" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
http://www.catholic.or.th/events/vatica ... ep111.html
-
- โพสต์: 472
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 5:22 am
- ที่อยู่: 361/77 หมู่ 6 ซ.พหลโยธิน 55 ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพมหานคร
ไปโบสถ์เมื่อวาน เข้าไปในโบสถ์เงียบสงบดีแท้
ไปนั่งอยู่ ซักพักใหญ่ๆ เงียบสงบ ทำให้คิดอะไรๆ ดีๆ ขึ้นเยอะ
แล้วผมก็เดินออกมา คุณพ่อ ก็เดินเข้ามาคุยด้วย(ตอนนั้นคุณพ่อกำลังวิ่งรอบโบสถ์ เหอะๆ)
ผมก็บอกอยากจะมาเรียนคำสอน เหอะๆๆ คุณพ่อก็ถามๆ นับถือพุทธ มาก่อนใช่ไหม
ยังไงถึงอยากเป็นคริสต์ อะไรทำนองนี้แหะ ไม่รู้จะตอบไงเหมือนกัน ตอบไปตามความรู้สึก
ไม่รู้จะถูกรึผิด เหอะๆๆๆ

วันศุกร์หน้าเริ่มเรียนคำสอนแล้ว ฮ่าๆๆๆ คุณพ่อจะดุไหมน๊า ฮ่าๆ
ไปนั่งอยู่ ซักพักใหญ่ๆ เงียบสงบ ทำให้คิดอะไรๆ ดีๆ ขึ้นเยอะ
แล้วผมก็เดินออกมา คุณพ่อ ก็เดินเข้ามาคุยด้วย(ตอนนั้นคุณพ่อกำลังวิ่งรอบโบสถ์ เหอะๆ)
ผมก็บอกอยากจะมาเรียนคำสอน เหอะๆๆ คุณพ่อก็ถามๆ นับถือพุทธ มาก่อนใช่ไหม
ยังไงถึงอยากเป็นคริสต์ อะไรทำนองนี้แหะ ไม่รู้จะตอบไงเหมือนกัน ตอบไปตามความรู้สึก
ไม่รู้จะถูกรึผิด เหอะๆๆๆ



วันศุกร์หน้าเริ่มเรียนคำสอนแล้ว ฮ่าๆๆๆ คุณพ่อจะดุไหมน๊า ฮ่าๆ
ดีใจด้วยจ้าApostolic`See เขียน: ไปโบสถ์เมื่อวาน เข้าไปในโบสถ์เงียบสงบดีแท้
ไปนั่งอยู่ ซักพักใหญ่ๆ เงียบสงบ ทำให้คิดอะไรๆ ดีๆ ขึ้นเยอะ
แล้วผมก็เดินออกมา คุณพ่อ ก็เดินเข้ามาคุยด้วย(ตอนนั้นคุณพ่อกำลังวิ่งรอบโบสถ์ เหอะๆ)
ผมก็บอกอยากจะมาเรียนคำสอน เหอะๆๆ คุณพ่อก็ถามๆ นับถือพุทธ มาก่อนใช่ไหม
ยังไงถึงอยากเป็นคริสต์ อะไรทำนองนี้แหะ ไม่รู้จะตอบไงเหมือนกัน ตอบไปตามความรู้สึก
ไม่รู้จะถูกรึผิด เหอะๆๆๆ![]()
![]()
วันศุกร์หน้าเริ่มเรียนคำสอนแล้ว ฮ่าๆๆๆ คุณพ่อจะดุไหมน๊า ฮ่าๆ


- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ฮ่าๆๆ คุณพ่อใจดีแหละครรับ บางท่านอาจหน้าดุ เสียงดุ แต่ท่านไม่มีอะไรหรอกApostolic`See เขียน: ไปโบสถ์เมื่อวาน เข้าไปในโบสถ์เงียบสงบดีแท้
ไปนั่งอยู่ ซักพักใหญ่ๆ เงียบสงบ ทำให้คิดอะไรๆ ดีๆ ขึ้นเยอะ
แล้วผมก็เดินออกมา คุณพ่อ ก็เดินเข้ามาคุยด้วย(ตอนนั้นคุณพ่อกำลังวิ่งรอบโบสถ์ เหอะๆ)
ผมก็บอกอยากจะมาเรียนคำสอน เหอะๆๆ คุณพ่อก็ถามๆ นับถือพุทธ มาก่อนใช่ไหม
ยังไงถึงอยากเป็นคริสต์ อะไรทำนองนี้แหะ ไม่รู้จะตอบไงเหมือนกัน ตอบไปตามความรู้สึก
ไม่รู้จะถูกรึผิด เหอะๆๆๆ![]()
![]()
วันศุกร์หน้าเริ่มเรียนคำสอนแล้ว ฮ่าๆๆๆ คุณพ่อจะดุไหมน๊า ฮ่าๆ

ผมก็เคยไปนั่งในโบสถ์คนเดียวครั้งนึง ตอนมีเรื่องทุกข์ๆ ก็เบาขึ้นเยอะเลย

แต่พอเย็นๆ นี่ยุงเยอะไปหน่อย

-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
การอ่านรำพึงพระคัมภีร์ต้องทำยังไงหรอครับ