++ ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ++
ผมไม่รู้ว่าทำมัย?? เพราะว่าผมรู้ว่าพระเจ้าให้ความจริง ความจริงก็อยู่บนโลก อยู่กับเราทุกวัน แม้ผมจะหันหนีมันทุกวันก็ตาม แต่ความจริงทั้งหลายก็ยังอยู่และชี้บอกว่าความจริงมาจากพระเจ้า เพราะผมไม่เห็นว่าคนทั่วๆไปจะเป็นเหมือนพระองค์เลย ถ้าผมแตกต่างจากคนอื่นคนที่ผมพูดได้ด้วยเสมอคือพระเจ้า และคนที่เชื่อในพระเจ้าผมก้คุยกับเขารู้เรื่อง มันเกี่ยวกันตรงใหนฟระกับหัวข้อที่ตั้งไว้555 เพราะพระเจ้าเป็นสิ่งที่เท่สุดๆในชีวิตผมละกันและผมก็ไม่ได้เป็นคริสต์ด้วยซิตามกฏหมายก็ผมก็พุทธ ตอนนี้ไม่ได้ร่วมกับนิกายใหน แต่ก็รู้ว่ามีพระเจ้าและพระเจ้าก็เท่สุดๆเลยสำหรับผม ฉลาด ใจดี อ่อนโยน และตรงไปตรงมา และเที่ยงธรรมดี เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด และที่ผมชอบที่สุดคือพระเจ้าประทานปัญญาให้ผมตราบที่ผมแสวงหาพระองค์และความจริงของพระองค์ช่างใจดีกับผมจริงๆ ว่าใหม??
ผมเป็นคริสตังยืนครับ สาเหตุที่ผมมาเป็นคริสตังเพราะได้แบบอย่างของการดำเนินชีวิตที่ดีของคริสตังครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
นัดครับ เขียน: ผมเป็นคริสตังยืนครับ สาเหตุที่ผมมาเป็นคริสตังเพราะได้แบบอย่างของการดำเนินชีวิตที่ดีของคริสตังครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ไม่มีเหตุผลอ่ะคับ แค่รู้สึกเชื่อ เริ่มอย่างไม่มีสาเหตุในความรู้สึก แค่รู้สึก"วางใจ"ในพระอ่ะคับ=w=
ขอเล่าด้วยคนค่ะ
เคยเรียนในโรงเรียนคาทอลิกตั้งแต่อนุบาลค่ะ
ตอนเช้าจะสวดบทข้าแต่พระบิดาทุกวัน
แล้วก็จะชอบตอนงานคริสมาสต์มากกกกกกกกกกกก
เพราะมีงานสนุกรื่นเริงทุกปี
แต่ที่บ้านพ่อแม่เป็นพุทธค่ะและชอบว่าคนนับถือคริสต์
จนตอนโตแล้วเริ่มพบความทุกข์มากมายถาโถมเข้ามา
ก็วิ่งเข้าวัดพุทธเพื่อปฏิบัติธรรม
แล้วก็โดนด่าว่าเป็นผู้หญิงสาว ๆ มาเข้าวัดทำไม
จะทำให้พระไขว้เขว....งงมาก.....แล้วมีวัดไว้ทำไมกัน
เคยเรียนในโรงเรียนคาทอลิกตั้งแต่อนุบาลค่ะ
ตอนเช้าจะสวดบทข้าแต่พระบิดาทุกวัน
แล้วก็จะชอบตอนงานคริสมาสต์มากกกกกกกกกกกก
เพราะมีงานสนุกรื่นเริงทุกปี
แต่ที่บ้านพ่อแม่เป็นพุทธค่ะและชอบว่าคนนับถือคริสต์
จนตอนโตแล้วเริ่มพบความทุกข์มากมายถาโถมเข้ามา
ก็วิ่งเข้าวัดพุทธเพื่อปฏิบัติธรรม
แล้วก็โดนด่าว่าเป็นผู้หญิงสาว ๆ มาเข้าวัดทำไม
จะทำให้พระไขว้เขว....งงมาก.....แล้วมีวัดไว้ทำไมกัน
แล้วพระเจ้าก็ส่งนางฟ้ามาหาเรา
เธอเป็นเด็กสาวชาวอเมริกันที่น่ารักและร่าเริงมาก
นางฟ้าคนนี้เขียนรูปนกคาบกิ่งมะกอกให้เรา
และบอกว่านี่เป็นสัญลักษณ์ที่จะนำทางเรา
ง่า....แต่ตอนนั้นโง่อ่ะ
ก็เลยไม่เข้าใจความหมาย
จนผ่านมาสิบปีก็มาอ่านหนังสือเกี่ยวกับคริสตศิลป์
พอรู้ความหมายก็ร้องไห้โฮเลย
น้ำตาจากไหนก็ม่ายรู้....ไหลไม่ยอมหยุด
รู้สึกได้เลยว่าพระมาบอกทางเราตั้งนานแล้ว
แต่เราไม่รู้และไม่เข้าใจ
เธอเป็นเด็กสาวชาวอเมริกันที่น่ารักและร่าเริงมาก
นางฟ้าคนนี้เขียนรูปนกคาบกิ่งมะกอกให้เรา
และบอกว่านี่เป็นสัญลักษณ์ที่จะนำทางเรา
ง่า....แต่ตอนนั้นโง่อ่ะ
ก็เลยไม่เข้าใจความหมาย
จนผ่านมาสิบปีก็มาอ่านหนังสือเกี่ยวกับคริสตศิลป์
พอรู้ความหมายก็ร้องไห้โฮเลย
น้ำตาจากไหนก็ม่ายรู้....ไหลไม่ยอมหยุด
รู้สึกได้เลยว่าพระมาบอกทางเราตั้งนานแล้ว
แต่เราไม่รู้และไม่เข้าใจ
เริ่มตัดสินใจเชื่อในพระเจ้าเมื่อ 5 ปีที่แล้วคับ
ตอนนั้นเคยทำงานพิเศษอยู่ร้านด้าน กราฟฟิค
แล้วทีนี้มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปคริสจักรมา
แล้วก็เล่าให้ฟัง เรื่องต่าง ๆ ที่ได้รับฟังมาอีกที
ตอนนั้นก็ทำให้เริ่มสนใจขึ้นมาแต่ยังไม่มากเท่าไหร่
พอวันต่อมา ก็มาทำงานปกติ ปรากฏว่า ลูกค้าคนนึง
นำเอกสารมาให้ถ่ายเอกสารให้ ก็ลองดูเผิน ๆ เห็นเป็นหนังสือ
เกี่ยวกับพระคริสต์ ช่างบังเอิญมาก
ลูกค้าคนนั้นคงเห็นว่าสนใจ ก็เดินมาถามว่าถามว่า
นับถือคริสต์หรือเปล่า ก็บอกเค้าไปว่าเปล่า
เค้าจึงให้หนังสือเล่มเล็ก ๆ มาเล่มนึง ให้ศึกษา
หนังสือนั้นชื่อว่า มานาประจำวัน เค้าบอกว่าให้เขียนชื่อที่อยู่ส่งไป
ตามที่หนังสือแจ้ง เพื่อสมัครสมาชิก แล้วจะได้รับหนังสือส่งที่บ้านประจำ
ก็อ่าน ๆ แล้วก็เริ่มสนใจ ตอนนั้นยังไม่เชื่อมากมายเท่าไหร่
แต่ก็ได้ลองอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์มีจริงขอให้แสดงอะไรก็ได้ให้รับรู้
ตอนเย็นนั้น กำลังจะกลับบ้าน ปกติ เวลาเลิกงานตอนนั้น รถเมล์ที่จะขึ้นแน่นมาก
แต่น่าแปลกที่ว่าคันที่ขึ้น คนบางตามาก แต่ก็มีคนที่ยืน
ก็เดินไปหาที่ยืนเกาะ ตรงนั้นเป็นที่นั่งคู่อะคับ
ปรากฏว่าคนนึงเค้าลุกขึ้น เพราะจะลงป้ายหน้า
ก็เลยได้ที่นั่งนั้น แล้ว.. คนที่นั่งข้าง ๆ ก็สะกิด
แล้วยื่นตั๋ววันให้ (ตอนนั้นจะมีตั๋วที่ซื้อแล้วใช้ได้ตลอดวันอ่ะคับ)
เค้าบอกว่าของเพื่อนเค้า แต่เพื่อนเค้าลงไปแล้ว เค้าเลยยกให้
ก็ขอบคุณเค้าไป วันนั้นตอนกลับบ้านเลยสบายไป เพราะปกติต้องยืน
เกือบตลอดทางอ่ะคับ
ต่อมาก็ได้ย้ายงานมาทำบริษัทนึงซึ่งเป็นโฮมออฟฟิศ
ซึ่งเจ้านายก็ใจดีมาก ก็ได้เงินเดือนยังไม่มากเท่าไหร่
ทำได้ปีนึง ก็ได้งานใหม่อีกที่ เป็นงานเกี่ยวกับด้านสายไอที
(ไม่ได้เรียนจบด้านนี้นะคับ)
แล้วที่น่าแปลกคือ ตึกที่จะไปทำอ่ะคับ เป็นตึกคริสต์ !!
นี่จะเป็นความบังเอิญรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวค่อนข้างเชื่ออ่ะคับ
ว่าพระองค์ประทานงานมาให้
แล้วเงินเดือนนั้นก็มากกว่าที่คาดไว้มาก ๆๆๆ
เหมือนว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตไปเลย
จากเดิมเคยทำงานด้านสายบัญชี เงินเดือนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
แต่พอเปลี่ยนมาสายไอทีแล้วถือว่าโอเคเลยคับ
ทำให้เชื่อในพระองค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตอนนั้นเคยทำงานพิเศษอยู่ร้านด้าน กราฟฟิค
แล้วทีนี้มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปคริสจักรมา
แล้วก็เล่าให้ฟัง เรื่องต่าง ๆ ที่ได้รับฟังมาอีกที
ตอนนั้นก็ทำให้เริ่มสนใจขึ้นมาแต่ยังไม่มากเท่าไหร่
พอวันต่อมา ก็มาทำงานปกติ ปรากฏว่า ลูกค้าคนนึง
นำเอกสารมาให้ถ่ายเอกสารให้ ก็ลองดูเผิน ๆ เห็นเป็นหนังสือ
เกี่ยวกับพระคริสต์ ช่างบังเอิญมาก
ลูกค้าคนนั้นคงเห็นว่าสนใจ ก็เดินมาถามว่าถามว่า
นับถือคริสต์หรือเปล่า ก็บอกเค้าไปว่าเปล่า
เค้าจึงให้หนังสือเล่มเล็ก ๆ มาเล่มนึง ให้ศึกษา
หนังสือนั้นชื่อว่า มานาประจำวัน เค้าบอกว่าให้เขียนชื่อที่อยู่ส่งไป
ตามที่หนังสือแจ้ง เพื่อสมัครสมาชิก แล้วจะได้รับหนังสือส่งที่บ้านประจำ
ก็อ่าน ๆ แล้วก็เริ่มสนใจ ตอนนั้นยังไม่เชื่อมากมายเท่าไหร่
แต่ก็ได้ลองอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์มีจริงขอให้แสดงอะไรก็ได้ให้รับรู้
ตอนเย็นนั้น กำลังจะกลับบ้าน ปกติ เวลาเลิกงานตอนนั้น รถเมล์ที่จะขึ้นแน่นมาก
แต่น่าแปลกที่ว่าคันที่ขึ้น คนบางตามาก แต่ก็มีคนที่ยืน
ก็เดินไปหาที่ยืนเกาะ ตรงนั้นเป็นที่นั่งคู่อะคับ
ปรากฏว่าคนนึงเค้าลุกขึ้น เพราะจะลงป้ายหน้า
ก็เลยได้ที่นั่งนั้น แล้ว.. คนที่นั่งข้าง ๆ ก็สะกิด
แล้วยื่นตั๋ววันให้ (ตอนนั้นจะมีตั๋วที่ซื้อแล้วใช้ได้ตลอดวันอ่ะคับ)
เค้าบอกว่าของเพื่อนเค้า แต่เพื่อนเค้าลงไปแล้ว เค้าเลยยกให้
ก็ขอบคุณเค้าไป วันนั้นตอนกลับบ้านเลยสบายไป เพราะปกติต้องยืน
เกือบตลอดทางอ่ะคับ
ต่อมาก็ได้ย้ายงานมาทำบริษัทนึงซึ่งเป็นโฮมออฟฟิศ
ซึ่งเจ้านายก็ใจดีมาก ก็ได้เงินเดือนยังไม่มากเท่าไหร่
ทำได้ปีนึง ก็ได้งานใหม่อีกที่ เป็นงานเกี่ยวกับด้านสายไอที
(ไม่ได้เรียนจบด้านนี้นะคับ)
แล้วที่น่าแปลกคือ ตึกที่จะไปทำอ่ะคับ เป็นตึกคริสต์ !!
นี่จะเป็นความบังเอิญรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวค่อนข้างเชื่ออ่ะคับ
ว่าพระองค์ประทานงานมาให้
แล้วเงินเดือนนั้นก็มากกว่าที่คาดไว้มาก ๆๆๆ
เหมือนว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตไปเลย
จากเดิมเคยทำงานด้านสายบัญชี เงินเดือนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
แต่พอเปลี่ยนมาสายไอทีแล้วถือว่าโอเคเลยคับ
ทำให้เชื่อในพระองค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขอเข้ามาแวบ นะครับ หวังว่าคงจะไม่เป็นอะไร
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ค. 21, 2009 5:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอนเด็กๆ (ตอนนี้ก็ยังไม่ได้โตหรอกค่ะ = =) เรียนโรงเรียนคาทอลิก
แต่เพราะที่โรงเรียนไม่บังคับว่าต้องนับถือคริสต์
เลยร้องเพลงตามเขา สวดตามเขา ทั้งที่เป็นพุทธ
จะบอกว่าความจริงที่เป็นพุทธนี่ก็ตามเขา (พ่อ-แม่) มาอีกทีเหมือนกันแหละค่ะ!
ศาสนาพุทธก็ไม่ได้เรียนหรือศึกษาจริงจังอะไร อาจมีเฉพาะช่วงต้องการที่พึ่งเหมือนใครอีกหลายๆคน
เวลาร้องเพลงก็รู้สึกดีนะคะ คิดไปว่า อยากลองไปโบสถ์มั่งจัง แบบในหนังน่ะ ดูสนุกสนานดีจัง แถมดีด้วย
แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไป เลยไม่ได้ไป
จะบอกพ่อแม่ว่าไปเที่ยวก็กระไรอยู่ หรือไปเพราะอยากเห็นบรรยากาศแบบคริสต์บ้าง
พ่อแม่ก็คงไม่ว่าขนาดนั้น ขนาดจะไปวัดยังไปไม่กี่ครั้งเลย ปีหนึ่ง
พอมาช่วงม.ต้น (ตอนนี้นั่นล่ะค่ะ) ก็ได้เรียนเรื่องศาสนา รู้สึกเริ่มสนใจศาสนาอื่น คือแค่อยากรู้ว่ามันต่างกับพุทธยังไงเท่านั้นล่ะค่ะ
แต่ครูบอกว่าอิสลามเข้าแล้วออกไม่ได้
เลยคิด.. งั้นไม่ไปลองดูก็ได้ เรียนคริสต์ด้วยเลยสนใจ
และก็สงสัยเหมือนคนก่อนๆที่เขียนตอบ
ว่าทำไมต้องให้คนรักกันล่ะ?? โรแมนติกจัง (คิดได้แค่นั้น)
ประกอบกับสนใจในเรื่องนักบวช (กำลังแต่งนิยายอยู่ค่ะเลยหาข้อมูล)
เลยมาเจอเว็บนี้ ลองพิมพ์ในกุเกิลว่า ซิสเตอร์ สิคะ แล้วจะเจอเว็บนี้
เมื่ออ่านคนที่เข้ามาตอบกระทู้แล้วรู้สึกว่า ดูเลื่อมใสดีจัง คืออ่านแล้วรู้สึกว่าทัศนคติดีน่ะค่ะ
ช่วงนี้มีเรื่องเครียดรุม เลยยิ่งแบบว่า.. เออ ต้องการที่พึ่ง
ไปต่อ...
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=11455.0
แต่เพราะที่โรงเรียนไม่บังคับว่าต้องนับถือคริสต์
เลยร้องเพลงตามเขา สวดตามเขา ทั้งที่เป็นพุทธ
จะบอกว่าความจริงที่เป็นพุทธนี่ก็ตามเขา (พ่อ-แม่) มาอีกทีเหมือนกันแหละค่ะ!
ศาสนาพุทธก็ไม่ได้เรียนหรือศึกษาจริงจังอะไร อาจมีเฉพาะช่วงต้องการที่พึ่งเหมือนใครอีกหลายๆคน
เวลาร้องเพลงก็รู้สึกดีนะคะ คิดไปว่า อยากลองไปโบสถ์มั่งจัง แบบในหนังน่ะ ดูสนุกสนานดีจัง แถมดีด้วย
แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไป เลยไม่ได้ไป
จะบอกพ่อแม่ว่าไปเที่ยวก็กระไรอยู่ หรือไปเพราะอยากเห็นบรรยากาศแบบคริสต์บ้าง
พ่อแม่ก็คงไม่ว่าขนาดนั้น ขนาดจะไปวัดยังไปไม่กี่ครั้งเลย ปีหนึ่ง
พอมาช่วงม.ต้น (ตอนนี้นั่นล่ะค่ะ) ก็ได้เรียนเรื่องศาสนา รู้สึกเริ่มสนใจศาสนาอื่น คือแค่อยากรู้ว่ามันต่างกับพุทธยังไงเท่านั้นล่ะค่ะ
แต่ครูบอกว่าอิสลามเข้าแล้วออกไม่ได้
เลยคิด.. งั้นไม่ไปลองดูก็ได้ เรียนคริสต์ด้วยเลยสนใจ
และก็สงสัยเหมือนคนก่อนๆที่เขียนตอบ
ว่าทำไมต้องให้คนรักกันล่ะ?? โรแมนติกจัง (คิดได้แค่นั้น)
ประกอบกับสนใจในเรื่องนักบวช (กำลังแต่งนิยายอยู่ค่ะเลยหาข้อมูล)
เลยมาเจอเว็บนี้ ลองพิมพ์ในกุเกิลว่า ซิสเตอร์ สิคะ แล้วจะเจอเว็บนี้
เมื่ออ่านคนที่เข้ามาตอบกระทู้แล้วรู้สึกว่า ดูเลื่อมใสดีจัง คืออ่านแล้วรู้สึกว่าทัศนคติดีน่ะค่ะ
ช่วงนี้มีเรื่องเครียดรุม เลยยิ่งแบบว่า.. เออ ต้องการที่พึ่ง
ไปต่อ...
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=11455.0
ผมหนะคริสตังนอน พูดถึงเนี่ย ผมก็สามารถที่จะทิ้งความเชื่อตามแบบเพื่อน ๆ ผมบางคนของผมก็ได้ แต่ผมไม่ทำ คงเป็นเพราะว่า คงเป็นของพระองค์ทรงชักพาหละมั้ง ตามที่พระเยซูได้ตรัสว่า "ไม่มีใครมาหาเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำเขา" ยน 6:44 ไม่รู้สิ ยิ่งใกล้ชิดพระเจ้า ก็ยิ่งแนบแน่น ยิ่งใกล้ชิดก็เหมือนนำ"จิ๊กซอว์ชีวิต"ที่ขาดหายมาเติมเต็มให้สมบูรณ์ขึ้น และจนพระองค์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว ตั้งแต่มีพระเจ้า เหมือนชีวิตผมไม่เหงาไม่เดียวดายไร้ค่าอีกต่อไป เพราะอย่างน้อยก็มีผู้นึงหละที่เขาจะไม่ผลักไสผมไป นั่นคือพระเยซู แ่ล้วรู้ได้ไงหละ พระองค์ได้ตรัสว่า "ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เราจะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย" ยน 6:37 คำ ๆ นี้ซึ้งกินใจผมมาก ทำให้ผมรู้สึกมีค่าจนขณะที่ผมพิมพ์อยู่นี้น้ำตาก็แทบจะไหลอยู่แล้ว อยากจะบอกว่า "พระเยซูเจ้าข้า ลูกก็รักพระองค์เช่นกัน"
สวัสดีค่ะ น้องใหม่แนะนำตัว ^^
เป็นคริสตังนอนเหมือนกันค่ะ ที่บ้าน+ญาติๆ เป็นคาทอลิกกันหมด หนูก็คาทอลิกด้วยอยู่แล้ว
เมื่อก่อน อยู่บ้านไปโบสถ์ใกล้บ้านทุกอาทิตย์เลยค่ะ เคยเป็นเด็กช่วยมิสซาบ้าง อ่านบทอ่านบ้าง
แต่อาจเป็นเพราะที่เราทำไป เหมือนเป็นหน้าที่ เลยไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
พอช่วงม.6 ใกล้ช่วงที่จะต้องเข้ามหาลัย ตอนนั้นเครียดมากๆ
แล้วปกติที่บ้าน+ญาติๆจะมีสวดสายประคำกันที่บ้าน ช่วง 2 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงที่หนูอ่านหนังสือพอดี!!
ตอนนั้น แม่จะบังคับเลย ว่าหยุดอ่าน แล้วให้มาสวด ตอนแรกแอบไม่พอใจ แต่หลังๆ พอรู้เวลาก็มาสวด เหมือนเป็นการพักสมองไปในตัวด้วย
หลังสวดก็ขอแม่พระ ให้เราสอบได้ตามที่ปรารถนา แล้วก็ได้ดังใจค่ะ ติดเร็วกว่าชาวบ้านเค้าด้วย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกา เป็นทุนที่กำหนดเกรด
จนตอนนี้ ปี1 แล้วค่ะ มาเรียนที่กรุงเทพ อยู่หอ ตอนแรกแอบกลัวว่าจะไม่ค่อยได้ไปวัดแล้ว เพราะไม่ได้กลับบ้าน
พอดีได้ไปสมัครเข้าชมรมคาทอลิก พี่เค้าเลยแนะนำวัดใกล้ๆให้ แล้วก็มีกิจกรรมในชมรม ทำให้รู้จักเพื่อนที่เป็นคาทอลิกเหมือนกัน
ซึ่งเจอหน้ากันทุกวัน รู้จักกัน อยู่คณะเดียวกัน อยู่ภาควิชาเดียวกัน และที่สำคัญอยู่หอใกล้กัน
ช่วงนี้เลยไปวัดกาลหว่าร์ด้วยกันทุกอาทิตย์เลยค่ะ
แต่ครั้งนี้เป็นการไปวัดที่ไม่ใช่ไปเพราะหน้าที่ ไปเพราะเราต้องการไปหาพระองค์เองมากกว่า
มาอยู่หอ อยู่ไกลบ้าน เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ก็มีพระเจ้านี่แหละค่ะ ที่อยู่กับหนูตลอดเวลา
เป็นกำลังใจ ให้หนทาง ให้การแก้ปัญหากับหนูทุกอย่าง ^^
แต่ตอนนี้ ใกล้สอบมากๆแล้ว ทุนที่หนูได้ เค้าบังคับเกรดที่จะต้องถึงที่กำหนด หนูกลัวมากค่ะว่าถ้าเกรดไม่ถึงจะต้องหลุดทุน
เพราะตัวเองก็ไม่ได้เก่งมากมายนัก แต่บร.ที่รู้จักเค้ามักให้กำลังใจ และบอกแก่หนูเสมอว่า
Do the best and let it be ทำให้ดีที่สุด แล้วที่เหลือก็ฝากพระไว้
ไม่ว่าจะอะไร ยังไงก็ตาม Have faith เพราะพระได้เลือกหนทางที่ดีที่สุดไว้ให้แก่เราเสมออยู่แล้ว
ตอนนี้หนูก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด หนูรู้ว่าพระองค์คงมีแผนการของพระองค์อยู่
ขอให้หนูเต็มใจรับน้ำพระทัยพระองค์อย่างดี และผ่านอุปสรรคที่ถาถมเข้าไปได้ดีด้วย...
เป็นคริสตังนอนเหมือนกันค่ะ ที่บ้าน+ญาติๆ เป็นคาทอลิกกันหมด หนูก็คาทอลิกด้วยอยู่แล้ว
เมื่อก่อน อยู่บ้านไปโบสถ์ใกล้บ้านทุกอาทิตย์เลยค่ะ เคยเป็นเด็กช่วยมิสซาบ้าง อ่านบทอ่านบ้าง
แต่อาจเป็นเพราะที่เราทำไป เหมือนเป็นหน้าที่ เลยไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
พอช่วงม.6 ใกล้ช่วงที่จะต้องเข้ามหาลัย ตอนนั้นเครียดมากๆ
แล้วปกติที่บ้าน+ญาติๆจะมีสวดสายประคำกันที่บ้าน ช่วง 2 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงที่หนูอ่านหนังสือพอดี!!
ตอนนั้น แม่จะบังคับเลย ว่าหยุดอ่าน แล้วให้มาสวด ตอนแรกแอบไม่พอใจ แต่หลังๆ พอรู้เวลาก็มาสวด เหมือนเป็นการพักสมองไปในตัวด้วย
หลังสวดก็ขอแม่พระ ให้เราสอบได้ตามที่ปรารถนา แล้วก็ได้ดังใจค่ะ ติดเร็วกว่าชาวบ้านเค้าด้วย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกา เป็นทุนที่กำหนดเกรด
จนตอนนี้ ปี1 แล้วค่ะ มาเรียนที่กรุงเทพ อยู่หอ ตอนแรกแอบกลัวว่าจะไม่ค่อยได้ไปวัดแล้ว เพราะไม่ได้กลับบ้าน
พอดีได้ไปสมัครเข้าชมรมคาทอลิก พี่เค้าเลยแนะนำวัดใกล้ๆให้ แล้วก็มีกิจกรรมในชมรม ทำให้รู้จักเพื่อนที่เป็นคาทอลิกเหมือนกัน
ซึ่งเจอหน้ากันทุกวัน รู้จักกัน อยู่คณะเดียวกัน อยู่ภาควิชาเดียวกัน และที่สำคัญอยู่หอใกล้กัน
ช่วงนี้เลยไปวัดกาลหว่าร์ด้วยกันทุกอาทิตย์เลยค่ะ
แต่ครั้งนี้เป็นการไปวัดที่ไม่ใช่ไปเพราะหน้าที่ ไปเพราะเราต้องการไปหาพระองค์เองมากกว่า
มาอยู่หอ อยู่ไกลบ้าน เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ก็มีพระเจ้านี่แหละค่ะ ที่อยู่กับหนูตลอดเวลา
เป็นกำลังใจ ให้หนทาง ให้การแก้ปัญหากับหนูทุกอย่าง ^^
แต่ตอนนี้ ใกล้สอบมากๆแล้ว ทุนที่หนูได้ เค้าบังคับเกรดที่จะต้องถึงที่กำหนด หนูกลัวมากค่ะว่าถ้าเกรดไม่ถึงจะต้องหลุดทุน
เพราะตัวเองก็ไม่ได้เก่งมากมายนัก แต่บร.ที่รู้จักเค้ามักให้กำลังใจ และบอกแก่หนูเสมอว่า
Do the best and let it be ทำให้ดีที่สุด แล้วที่เหลือก็ฝากพระไว้
ไม่ว่าจะอะไร ยังไงก็ตาม Have faith เพราะพระได้เลือกหนทางที่ดีที่สุดไว้ให้แก่เราเสมออยู่แล้ว
ตอนนี้หนูก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด หนูรู้ว่าพระองค์คงมีแผนการของพระองค์อยู่
ขอให้หนูเต็มใจรับน้ำพระทัยพระองค์อย่างดี และผ่านอุปสรรคที่ถาถมเข้าไปได้ดีด้วย...
ไม่รู้ดิครับ ผมเรียนในโรงเรียนคาทอลิกตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่เคยสนใจ ปกติโรงเรียนจะพาไปมิซซาบ่อยๆ ไปก็หลับบ้าง แต่มีครั้งนึง ผมนั่งดูรูปพระเยซูถูกตรึงกางเขนตั้งแต่ต้นจนจบ แบบดูแล้วคิดตามนานมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนผมอยู่ ม.6 ตอนนี้กำลังจะจบแล้วแหละ อยู่ดีๆก็สงสัยและเกิดคำถามว่า ทำไมคนมากมายถึงได้ติดตามพระองค์ ผมก็เลยศึกษาเข้าเวบนู้นเวบนี้ ยายผมก็เป็นโปรน่ะ รู้สึกจะเป็นอาจารย์ด้วยแหละ ก็เลยไปขอหนังสือจากยายมานั่งอ่านๆ ประจวบเหมาะกับน้องสาวที่รู้จักที่พึ่งกลับมาจากอเมริกา ก็เริ่มมีกระแสเรียกเหมือนกัน ต่างคนก็ต่างศึกษาแล้วลองมาถกเถียงกัน พอเราเริ่มเชื่อมากๆเข้า ก็เลยภาวนาขอพระองค์ แล้วการอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ไม่ใช่ครั้งเดียวครับ ทุกครั้งที่ผมภาวนาผมได้ทุกครั้ง ( ผมไม่เคยขออะไรที่มันไร้สาระน่ะครับ ผมจะขอแต่สิ่งที่จำเป็นและผมหาที่พึ่งไม่ได้จริงๆ ) อย่างเช่น มีอยู่วันหนึ่งที่วัดข้างๆโรงเรียนอ่ะครับมีงานอะไรไม่รู้ ผมก็ขับรถผ่านมาจะเข้าไปเรียนในโรงเรียน ( วันเรียนพิเศษน่ะครับ ) พอเข้าไปก็ลองถามเซอร์ดู แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ก็เลยตั้งใจว่า เข้าไปดูดีกว่า อยากคุยกับคุณพ่ออยู่แล้ว พอเรียนเสร็จกำลังเดินไปที่วัด อยู่ดีๆเหมือนอะไรดลใจผมต้องเดินไปคนละทางเพื่อขึ้นรถ พอจะขับรถตีวนกลับเพื่อกลับบ้าน รถมาเยอะมากครับไม่รู้มาจากไหน ผมเลี้ยวไม่ได้ ด้วยที่ผมใจร้อนเลี้ยวไม่ได้ไปย้อนเอาข้างหน้าก็ได้ ผมก็ขับๆไปจนผ่านซอยบ้านเพื่อน แล้ว ก็จำได้ว่า วันนี้เวลานี้ มีรายการติว Gat นิหว่า พอผมเข้าไปดูที่บ้านเพือ่นเปิด มาพอดีครับ รายการเริ่มพอดี - -" ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ภาวนาว่า "พระองค์ ลูกรู้ตัวว่าลูกขึ้หลงขี้ลืม..." ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์จะดลใจกัยตัวผมเอง มีเหตุการณ์หนึ่ง วันนั้นตอนเย็นต้องมีซ้อม รด. คาบสุดท้ายครับ แต่ผมไม่อยากซ้อม เพราะคาบสุดท้ายเป็นภาษาอังกฤษ แลัวมีเรื่องที่อยากเรียน ผมกลัวตามไม่ทัน อีกประเด็นคือแดดมันร้อนด้วยแหละครั บผมก็ภาวนาผ่านพระแม่ ว่าฝนตกทีเถอะครับ ผมอยากเรียน อาทิตหน้าสอบแล้ว ตอนนั้นแดดยังเปรี้ยงๆอยู่เลยครับ แต่ไม่นานนัก ตอนพักเที่ยง ตกครับ เพื่อนผมก็บอกเป็นไปได้ไง แต่ตกไม่นานนัก พอถึงคาบสุดท้ายผมก็วิ่งไปขอมิสครับ มิสช่วยสอนผมตอนเลิกเรียนได้ไหมครับ มิสก็บอกว่าไม่แล้ววันนี้ไม่สอนแล้ว เพื่อนบางคนตกยังไม่ได้ซ่อม ผมก็เลยไปเรียนรด.ได้ พอไปเรียน คนไปเรียนน้อยครับ ผกก.ในตอนนั้นเลยให้ไปนั่งเรียนที่ร่ม สรุปคือ ผมไม่ต้องกลัวว่าจะตามเนื้อหาไม่ทัน แล้วก็ไม่ร้อนด้วย ดังนั้นผมคิดว่าถึงแม้คำภาวนาถึงแม้จะไม่ตรงเสมอไป แต่ผมคิดว่าคงเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ที่ดลบัลดาลให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งมันก็ดี กับเพื่อนที่อยากเรียน รด.ด้วย มีอีกหลายเรื่องครับ พรุ่งนี้สอบ pat2 ไปนอนดีกว่า
-
- โพสต์: 54
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 9:36 pm
สำหรับผมก็.........
รู้สึกเหมือนว่าพระเจ้าเรียกเราอะครับ คือว่า
ประมาณ ม.1 มีเพื่อนมันมาล้อเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระเจ้ามีจริงเหรอ ไม่เชื่อหรอก
แต่แล้วอยู่ดีๆผมก็ตอบกลับไปว่า อย่าพูดถึงพระเจ้าแบบนั้นนะ.... คือคล้ายๆว่า มันพูดออกมาเองอะครับ พอพูดจบก็กลับมานั่งคิดในใจว่า เราพูดแบบนั้นออกไปเหรอ......
แล้วพอ ม.2 ก็มีโอกาศย้ายมากรุงเทพ (ผมเชื่อว่า นี้เป้นน้ำพระทัยของพระองค์ที่ทำให้ผมมาอยู่กรุงเทพ) แล้วก็ได้เข้าเรียนที่ รร หนึ่ง ไกล้บ้านผมมากก เดินไปได้เลย (ขอบคุณพระเจ้า !!!)
แล้วทีนี้ผมก็ได้รู้จักกับครูฝึกสอนคนใหม่ ที่เข้ามาในเทอม ม.2 ที่ผมเรียน ตอนแรกผมก้ไม่คิดว่าครูเค้าเป้นคริสต์เตียนนะครับ
แล้วที่นี้ อยู่มาวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่า อยากไปโบสถ์ คือประมาณว่า ความรู้สึกที่อยู่ๆเราอยากไปโบสถ์มันก็เกิดขึ้นมาอะครับ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าไปโบสถ์ไปทำอะไร ไปยังไง ไปที่ไหน อะไรแบบนี้อะครับ
แล้วทีนี้ก็เลยปรึกษากบัเพื่อนว่า ไปหาโบสถ์กัน (คือเพื่อนผมคนหนึ่งมันก็อยากไปโบสถ์ครับ) แล้วทีนี้ มีเพื่อนอีกคนหนึ่ง (ไม่ใช่คนนี้นะครับ) มันก้บอกว่า ไปถามจารย์ที่เข้ามาใหม่สิ เค้านับถือคริสต์อะ....
หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนกะได้ไปโบสถ์ครับ แต่สิ่งที่น่าแปลกกะคือว่า พอถึงโบสถ์ ผมรู้สึกว่าเราไม่คุ้นมาก เข้ามาครั้งแรก ตื่นเต้นมากก แต่ว่า วันที่ผมไปนั้น เป้นวันวันเกิดของอาจารย์ผมพอดีครับ แล้วพี่ที่โบสถ์เค้าก็เลยเลื้องพิซซ่า แล้วทีนี้ อยู่ๆ มีพี่คนหนึ่งที่โบสถ์เค้าก็บอกว่า อยากรับเชื่อมั้ย คือตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร???? ผมก็มานั่งคิดสักพัก แล้วก็รับครับ ผมรับเชื่อตั้งแต่วันที่ผมไปโบสถืครั้งแรกเลยครับ หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่า ผมรักพระเจ้ามากกก ^^.... ถึงแม้บ้างทีผมอาจจะขาดความเชื่อ และกลับไปใช้ชิวิตเหมือนคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า แต่ผมก็รู้สึกผิด และกลับมาหาพระองค์ตลอดผม จนวันรับ บัติศมา... พอจุ่มลงไปในน้ำ ทำให้ผมรู้ว่า.... บาปทั้งหมดของเราถูกชำละออกแล้ว เย้!!!!
แต่.... พระเจ้าค๊าบทำไมผมยังทำบาปในบ้างเรื่องอยู่ละ T^T ขอโทดค๊าบพระเจ้า..... แหะๆ
ขอโทษนะครับที่ยาวไปหน่อย แต่ผมเชื่อว่า
...พระเจ้าทรงเตรียมแผนการที่ดีที่สุดให้กับเรา เพราะถ้าไม่มีพระเจ้าในวันนั้น ก้คงไม่มีผมในวันนี้....
+++++ จะขอรักพระเจ้าตลอดไปครับ อาเมน.... +++++
รู้สึกเหมือนว่าพระเจ้าเรียกเราอะครับ คือว่า
ประมาณ ม.1 มีเพื่อนมันมาล้อเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระเจ้ามีจริงเหรอ ไม่เชื่อหรอก
แต่แล้วอยู่ดีๆผมก็ตอบกลับไปว่า อย่าพูดถึงพระเจ้าแบบนั้นนะ.... คือคล้ายๆว่า มันพูดออกมาเองอะครับ พอพูดจบก็กลับมานั่งคิดในใจว่า เราพูดแบบนั้นออกไปเหรอ......
แล้วพอ ม.2 ก็มีโอกาศย้ายมากรุงเทพ (ผมเชื่อว่า นี้เป้นน้ำพระทัยของพระองค์ที่ทำให้ผมมาอยู่กรุงเทพ) แล้วก็ได้เข้าเรียนที่ รร หนึ่ง ไกล้บ้านผมมากก เดินไปได้เลย (ขอบคุณพระเจ้า !!!)
แล้วทีนี้ผมก็ได้รู้จักกับครูฝึกสอนคนใหม่ ที่เข้ามาในเทอม ม.2 ที่ผมเรียน ตอนแรกผมก้ไม่คิดว่าครูเค้าเป้นคริสต์เตียนนะครับ
แล้วที่นี้ อยู่มาวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่า อยากไปโบสถ์ คือประมาณว่า ความรู้สึกที่อยู่ๆเราอยากไปโบสถ์มันก็เกิดขึ้นมาอะครับ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าไปโบสถ์ไปทำอะไร ไปยังไง ไปที่ไหน อะไรแบบนี้อะครับ
แล้วทีนี้ก็เลยปรึกษากบัเพื่อนว่า ไปหาโบสถ์กัน (คือเพื่อนผมคนหนึ่งมันก็อยากไปโบสถ์ครับ) แล้วทีนี้ มีเพื่อนอีกคนหนึ่ง (ไม่ใช่คนนี้นะครับ) มันก้บอกว่า ไปถามจารย์ที่เข้ามาใหม่สิ เค้านับถือคริสต์อะ....
หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนกะได้ไปโบสถ์ครับ แต่สิ่งที่น่าแปลกกะคือว่า พอถึงโบสถ์ ผมรู้สึกว่าเราไม่คุ้นมาก เข้ามาครั้งแรก ตื่นเต้นมากก แต่ว่า วันที่ผมไปนั้น เป้นวันวันเกิดของอาจารย์ผมพอดีครับ แล้วพี่ที่โบสถ์เค้าก็เลยเลื้องพิซซ่า แล้วทีนี้ อยู่ๆ มีพี่คนหนึ่งที่โบสถ์เค้าก็บอกว่า อยากรับเชื่อมั้ย คือตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร???? ผมก็มานั่งคิดสักพัก แล้วก็รับครับ ผมรับเชื่อตั้งแต่วันที่ผมไปโบสถืครั้งแรกเลยครับ หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่า ผมรักพระเจ้ามากกก ^^.... ถึงแม้บ้างทีผมอาจจะขาดความเชื่อ และกลับไปใช้ชิวิตเหมือนคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า แต่ผมก็รู้สึกผิด และกลับมาหาพระองค์ตลอดผม จนวันรับ บัติศมา... พอจุ่มลงไปในน้ำ ทำให้ผมรู้ว่า.... บาปทั้งหมดของเราถูกชำละออกแล้ว เย้!!!!
แต่.... พระเจ้าค๊าบทำไมผมยังทำบาปในบ้างเรื่องอยู่ละ T^T ขอโทดค๊าบพระเจ้า..... แหะๆ
ขอโทษนะครับที่ยาวไปหน่อย แต่ผมเชื่อว่า
...พระเจ้าทรงเตรียมแผนการที่ดีที่สุดให้กับเรา เพราะถ้าไม่มีพระเจ้าในวันนั้น ก้คงไม่มีผมในวันนี้....
+++++ จะขอรักพระเจ้าตลอดไปครับ อาเมน.... +++++
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
คริสตังนอนคือ เป็นคาทอลิกโดยกำเนิด (รับศีลล้างบาปตอนเด็กๆ)APaladin เขียน: เอ่อโทษคับ ถามนิดนึง คริสตังยืน กะคริสตังนอน คือไรเหรอ แบบว่าไม่รู้เพิ่งเคยได้ยิน ไม่ค่อยรู้เรื่องนิกายอะคับ อ่านๆแต่พระคัมภีร์กับพวกวารสารน์หนุนใจ เรื่องนิกายนี่มะรู้เลยขอคำแนะนำอธิบายหน่อยคับ งงอยู่
คริสตังยืน คือ เป็นคาทอลิก แบบเข้ามานับถือตอนโตแล้ว (รับศีลล้างบาปตอนโต)
คริสตังนั่ง คือ คนพิการ (ล้อเล่นนะ ไม่มีหรอก ) -*-
อืม...ได้คิดอะไรหลายๆอย่างจากการอ่านกระทู้นี้เลยแฮะ
อย่างนึงที่ใหญ่ๆเลยก็คือ ศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ!! หมายความว่า ไม่จำเป็นว่าครอบครัวที่นับถือแบบเดียวกันทุกคนจะมีความสุขเสมอไป และไม่จำเป็นว่าครอบครัวที่นับถือต่างกันจะมีปัญหาเสมอไป
แล้วก็อีกอย่างคือ ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมามีศาสนาจะเข้าถึงหัวใจของศาสนาและปฏิบัติตามได้เสมอไป และไม่ใช่ทุกคนที่ไม่มีศาสนาจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป
มีใครเคยคิดเหมือนกันมั่ง..
อย่างนึงที่ใหญ่ๆเลยก็คือ ศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ!! หมายความว่า ไม่จำเป็นว่าครอบครัวที่นับถือแบบเดียวกันทุกคนจะมีความสุขเสมอไป และไม่จำเป็นว่าครอบครัวที่นับถือต่างกันจะมีปัญหาเสมอไป
แล้วก็อีกอย่างคือ ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมามีศาสนาจะเข้าถึงหัวใจของศาสนาและปฏิบัติตามได้เสมอไป และไม่ใช่ทุกคนที่ไม่มีศาสนาจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป
มีใครเคยคิดเหมือนกันมั่ง..
-
- โพสต์: 472
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 5:22 am
- ที่อยู่: 361/77 หมู่ 6 ซ.พหลโยธิน 55 ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพมหานคร
เหตุผล เหรอครับ จะบอกไงดีละ เชื่อเพราะผมเชื่อ และ ศรัทธา ชอบวิถีชีวิตของคริสต์ อ่าครับ อยากกลับใจเป็นคนใหม่
โดยไม่มีใครมาบังคับผม ผมไว้วางใจในพระองค์ และผมหวังว่าพระองค์ คงอภัยบาปทั้งหลายให้ผม และ คนบาปทุกคน
ตอนนี้ผมรู้สึกอบอุ่น ใจสงบ ทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น ไม่ หลงอยู่กับสิ่งเก่า มีแต่แรงศรัทธา ที่จะก้าวเดินต่อไป ทำในสิ่งที่ดี กับชีวิตใหม่ของผม
โดยไม่มีใครมาบังคับผม ผมไว้วางใจในพระองค์ และผมหวังว่าพระองค์ คงอภัยบาปทั้งหลายให้ผม และ คนบาปทุกคน
ตอนนี้ผมรู้สึกอบอุ่น ใจสงบ ทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น ไม่ หลงอยู่กับสิ่งเก่า มีแต่แรงศรัทธา ที่จะก้าวเดินต่อไป ทำในสิ่งที่ดี กับชีวิตใหม่ของผม
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ พ.ย. 23, 2009 10:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
เลย์มาเป็นคาทอลิกก็เพราะเลย์ได้เห็นการดำเนินชีวิตที่ดีของชาวคาทอลิก ที่ไม่เหมือนกับสังคมทั่วไปที่พบ
เห็น จึงเกิดคำถามในใจที่ว่าทำไมคนเหล่านี้จึงไม่เหมือนกับหลายๆคนที่เราเห็นมา ท่ามกลางความสับสน
วุ่นวาย พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างมีสันติมีความสงบในใจ ไม่สับสนวุ่นวายตามสังคมที่เป็นอยู่ เลย์อยากรู้ว่าพวก
เขามีหลักอะไรยึดมั่นอยู่ เมื่อไปสัมผัสแล้วก็รู้ว่า พวกเขามีพระเป็นเจ้า พระเยซูและแม่พระ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว
จิตใจในการดำเนินชีวิต เลย์จึงเกิดความศรัทธาและอยากรู้จักพระเยซู จึงตัดสินใจไปโบสถ์คาทอลิกที่ปะตง
จังหวัดจันทบุรี และขอเรียนคำสอนจากคุณพ่อ เรียนคำสอนได้ประมาณ ปีกว่าและตัดสินใจรับศีลล้างบาปในที่
สุดครับ ทางด้านครอบครัวของเลย์ เลย์โชคดีคือ พ่อแม่ไม่ต่อต้านการเป็นคาทอลิกของเลย์ : emo038 :
เห็น จึงเกิดคำถามในใจที่ว่าทำไมคนเหล่านี้จึงไม่เหมือนกับหลายๆคนที่เราเห็นมา ท่ามกลางความสับสน
วุ่นวาย พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างมีสันติมีความสงบในใจ ไม่สับสนวุ่นวายตามสังคมที่เป็นอยู่ เลย์อยากรู้ว่าพวก
เขามีหลักอะไรยึดมั่นอยู่ เมื่อไปสัมผัสแล้วก็รู้ว่า พวกเขามีพระเป็นเจ้า พระเยซูและแม่พระ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว
จิตใจในการดำเนินชีวิต เลย์จึงเกิดความศรัทธาและอยากรู้จักพระเยซู จึงตัดสินใจไปโบสถ์คาทอลิกที่ปะตง
จังหวัดจันทบุรี และขอเรียนคำสอนจากคุณพ่อ เรียนคำสอนได้ประมาณ ปีกว่าและตัดสินใจรับศีลล้างบาปในที่
สุดครับ ทางด้านครอบครัวของเลย์ เลย์โชคดีคือ พ่อแม่ไม่ต่อต้านการเป็นคาทอลิกของเลย์ : emo038 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 27, 2009 1:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
คำถามง่าย ตอบยากแหะ - -* 555+
คือ
ตอนเรียน ประถม-ม. ต้น มี่เรียน รร.คาทอลิก
แล้ว ตอน ปีที่แล้วเนี่ย ม.3 ไงคะ ก็ มีงานฉลองวัด เค้ารับสมัครนักขับร้องในโบสถ์
เห็นว่าน่าสนใจจัง เลยเข้าไปสมัครกับเพื่อนๆ แล้วก็ซ้อมร้องเพลงมาประมาณ เกือบๆเดือน คือ ระหว่างที่ท่องเนื้อ หัดร้อง
ก็แอบเปิดไปอ่านหน้าอื่นๆ แล้วก็ตีความหมายของเพลงที่ร้องๆมา ก็แบบ ความรักของพระมหัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรอ น่าสนใจมากๆ
พอมีมิสซาบูชาขอบพระคุณสมโภชในวันฉลองวัด นั่นคือวันที่มี่ได้เข้ามิสซาเป็นครั้งแรก
ประทับใจมากๆ คือ ไม่เคยเห็นอะไรที่อบอุ่นขนาดนั้นมาก่อน ทุกๆคนตั้งใจร่วมพิธีกันเต็มที่ งานฉลองก็ผ่านไปด้วยดีเหมือนกัน
หลังงานฉลองเราก็กลับไปเรียนต่อ หลังจากนั้นถึงได้เริ่งตั้งใจเรียนคริสตศาสตร์ที่โรงเรียนสอนในคาบ
และได้รู้ว่ามีศาสนาคริสต์อะไรที่มากกว่าพระเยซู และนักบุญทั้งหลาย รวมๆทั้งหมดของศาสนาคริสต์ คือความรักไม่มีเงื่อนไขขององค์พระบิดา และพระเยซูเจ้า
จากนั้นก็เลยเริ่มสนใจและพยายามหารายละเอียดเพิ่ม เมื่อไม่นานมานี้เอง ที่ได้เดินเข้าไปร่วมมิสซาด้วยตัวเองกับเพื่อนๆ อีกไม่กี่คน
และได้ใกล้ชิดกับชีวิตคริสตชนของสัตบุรุษคนอื่นๆ ไม่นานมานี้เหมือนกัน
ตอนนี้จบ ม.3 ย้ายมาสงขลาจนจะจบ ม.4 อยู่อีกไม่นาน
ได้กลับไปที่บ้านไม่บ่อยนักแต่ทุกครั้งที่กลับก็จะพยายามเข้ามิสซาหรือไปวัดน้อยที่ รร.บ้าง
เพราะที่สงขลา ถ้าจะไปแสงทองก็ต้องขาดเรียนติว TT
สิง่ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องประคับประคองความเชื่อไปจนกว่าพ่อแม่จะอนุญาตให้เรียนคำสอนค่ะ
ก็ ประมาณ ม.6 หรือปี1อะ
เป้นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
คือ
ตอนเรียน ประถม-ม. ต้น มี่เรียน รร.คาทอลิก
แล้ว ตอน ปีที่แล้วเนี่ย ม.3 ไงคะ ก็ มีงานฉลองวัด เค้ารับสมัครนักขับร้องในโบสถ์
เห็นว่าน่าสนใจจัง เลยเข้าไปสมัครกับเพื่อนๆ แล้วก็ซ้อมร้องเพลงมาประมาณ เกือบๆเดือน คือ ระหว่างที่ท่องเนื้อ หัดร้อง
ก็แอบเปิดไปอ่านหน้าอื่นๆ แล้วก็ตีความหมายของเพลงที่ร้องๆมา ก็แบบ ความรักของพระมหัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรอ น่าสนใจมากๆ
พอมีมิสซาบูชาขอบพระคุณสมโภชในวันฉลองวัด นั่นคือวันที่มี่ได้เข้ามิสซาเป็นครั้งแรก
ประทับใจมากๆ คือ ไม่เคยเห็นอะไรที่อบอุ่นขนาดนั้นมาก่อน ทุกๆคนตั้งใจร่วมพิธีกันเต็มที่ งานฉลองก็ผ่านไปด้วยดีเหมือนกัน
หลังงานฉลองเราก็กลับไปเรียนต่อ หลังจากนั้นถึงได้เริ่งตั้งใจเรียนคริสตศาสตร์ที่โรงเรียนสอนในคาบ
และได้รู้ว่ามีศาสนาคริสต์อะไรที่มากกว่าพระเยซู และนักบุญทั้งหลาย รวมๆทั้งหมดของศาสนาคริสต์ คือความรักไม่มีเงื่อนไขขององค์พระบิดา และพระเยซูเจ้า
จากนั้นก็เลยเริ่มสนใจและพยายามหารายละเอียดเพิ่ม เมื่อไม่นานมานี้เอง ที่ได้เดินเข้าไปร่วมมิสซาด้วยตัวเองกับเพื่อนๆ อีกไม่กี่คน
และได้ใกล้ชิดกับชีวิตคริสตชนของสัตบุรุษคนอื่นๆ ไม่นานมานี้เหมือนกัน
ตอนนี้จบ ม.3 ย้ายมาสงขลาจนจะจบ ม.4 อยู่อีกไม่นาน
ได้กลับไปที่บ้านไม่บ่อยนักแต่ทุกครั้งที่กลับก็จะพยายามเข้ามิสซาหรือไปวัดน้อยที่ รร.บ้าง
เพราะที่สงขลา ถ้าจะไปแสงทองก็ต้องขาดเรียนติว TT
สิง่ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องประคับประคองความเชื่อไปจนกว่าพ่อแม่จะอนุญาตให้เรียนคำสอนค่ะ
ก็ ประมาณ ม.6 หรือปี1อะ
เป้นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
- VeRSuS_Jury
- โพสต์: 22
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 30, 2009 4:03 pm
ถามง่ายๆ ก็ตอบกันง่ายๆ
เพราะพระเจ้ามีจริง
รวมๆแล้วก็ต้องตอบแบบนี้แหละเน๊อะคะ? สั้นๆกระทัดรัด แต่เต็มไปด้วยศรัทธา
เพราะพระเจ้ามีจริง
รวมๆแล้วก็ต้องตอบแบบนี้แหละเน๊อะคะ? สั้นๆกระทัดรัด แต่เต็มไปด้วยศรัทธา
เคยเข้ามาอ่าน ของท่านอื่นๆแล้ว แต่ตัวเราเองก็ยังไม่เคยเขียนลงสักที คราวนี้เลยเขียนสักหน่อยว่า " ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า "
1.พระเจ้าให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเราทำลงไป
2.พระเจ้ามีตัวตนดำรงอยู่จริงๆ แม้จะไม่เคยพบเห็นก็ตาม (สูงส่งยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด )
3.เรื่องราวในอดีต( ปัจจุบัน) ที่ผ่านมาก็มีเรื่องแปลกประหลาดเยอะแยะ ขนาดนั้น ต้องมีพลังลึกลับเหนือธรรมชาติอยู่เบื้องหลัง
4.การที่เราสนใจคริสต์ศาสนาเป็นการดลใจชักนำของพระผู้เป็นเจ้าแน่แท้
5.ต้องเคยมีคนพบเจอเรื่องแปลกๆกับตัวมาก่อนทำให้ตัดสินใจเชื่อว่า พระเจ้ามีอยู่จริง
6.เบื่อหน่ายชีวิตประจำวัน แต่ละวันเหลือเกิน อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่จึง ตัดสินใจเรียนรู้ศาสนาอื่นดูว่าเป็นยังไง เรียนรู้ไปทีละนิด ทีละน้อยจน ทำให้เชื่อว่า พระเจ้าช่วยเราได้
7.ชื่นชอบวัฒนธรรมศิลปะ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ตะวันตก ตะวันออก (ยุโรป) ทุกด้าน โดยเฉพาะ ศาสนาคริสต์คาทอลิก เป็นพิเศษ
8. ถ้ามีอาการอย่างข้อ 1-7 สักข้อแปลว่า คุณคือคนทางด้านนี้ ครับ
1.พระเจ้าให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเราทำลงไป
2.พระเจ้ามีตัวตนดำรงอยู่จริงๆ แม้จะไม่เคยพบเห็นก็ตาม (สูงส่งยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด )
3.เรื่องราวในอดีต( ปัจจุบัน) ที่ผ่านมาก็มีเรื่องแปลกประหลาดเยอะแยะ ขนาดนั้น ต้องมีพลังลึกลับเหนือธรรมชาติอยู่เบื้องหลัง
4.การที่เราสนใจคริสต์ศาสนาเป็นการดลใจชักนำของพระผู้เป็นเจ้าแน่แท้
5.ต้องเคยมีคนพบเจอเรื่องแปลกๆกับตัวมาก่อนทำให้ตัดสินใจเชื่อว่า พระเจ้ามีอยู่จริง
6.เบื่อหน่ายชีวิตประจำวัน แต่ละวันเหลือเกิน อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่จึง ตัดสินใจเรียนรู้ศาสนาอื่นดูว่าเป็นยังไง เรียนรู้ไปทีละนิด ทีละน้อยจน ทำให้เชื่อว่า พระเจ้าช่วยเราได้
7.ชื่นชอบวัฒนธรรมศิลปะ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ตะวันตก ตะวันออก (ยุโรป) ทุกด้าน โดยเฉพาะ ศาสนาคริสต์คาทอลิก เป็นพิเศษ
8. ถ้ามีอาการอย่างข้อ 1-7 สักข้อแปลว่า คุณคือคนทางด้านนี้ ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย syaoran เมื่อ พุธ มี.ค. 10, 2010 8:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า
ขอตอบสั้นๆ เพราะพระองค์คือความจริง
(มีใครตอบแบบนี้หรือยังเนี่ย อิอิ)
ขอตอบสั้นๆ เพราะพระองค์คือความจริง
(มีใครตอบแบบนี้หรือยังเนี่ย อิอิ)
- peternus
- โพสต์: 38
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 5:41 pm
- ที่อยู่: 190 ม.8 ต.ท่าเเร่ อ.เมือง จ.
- ติดต่อ:
ผมเอง ขอตอบบ้างนะครับ พี่น้อง
..................................................
ผมเกิดมาอยู่ที่หมู่บ้านคาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยก็ว่าได้ นั่นคือท่าเเร่ ครอบครัวเป็นคริสตังทั้งหมด ยกเว้นญาติฝ่ายเเม่เป็นพุทธครับ(หมู่บ้านข้างๆ)เเต่เเม่เปลี่ยนมาเป็นคริสตังตอนเเต่งงาน สมัยเด็กๆผมไปโบสถ์กับคุณย่า ประจำ ผมสงสัยว่าทำไมต้องไป คุณย่าบอกว่ามาหาพระเจ้าน่ะ เเล้วพระเจ้าคือใคร คำตอบที่ย่าบอกมาคือ โตขึ้นเดี๋ยวก็รู้ งงไปเลยละครับ
จนเมื่อเริ่มอยู่มัธยม ผมก็คิดว่าพระเจ้าก็พระเจ้า เเค่นั้น ไม่รู้หรอกว่าพระองค์มีจริงบนโลกนี้ เเถมสงสัยอีกว่าทำไมคนอื่นเชื่อกันนัก
เมื่อตอนมัทธยม ปลาย เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นกับผม ผมได้รับผลพรจากพระจิตเจ้าครับ มันเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ ผมเข้าใจทุกข้อสงสัยที่มีมานาน เเต่ว่า ผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าพระเจ้าเท่านั้นจริงหรือ....จนในที่สุดวันที่ผมเจอปัญหารุมเร้าอย่างลุกขึ้นสู้ไม่ไหว ผมได้เเต่นั่งบ่นให้พระเจ้าช่วยรับฟัง เเต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เเต่ว่าวันนั้นผมเข้าร่วมมิสซา ก็รู้สึกว่าผมอยู่ท่ามกลางทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า พระองค์รับฟังผม อยู่กับผม เป็นที่พึ่งพาผม พระองค์อวยพรผม เเล้วทำไมละ ผมจะไม่มั่นใจ วางใจ เเละเชื่อในพระองค์ วันนั้นผมร้องไห้นำตามันไหลเอง มันซึ้งมากๆ ที่รู้ตัวว่า ผมเป็นของขวัญของพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระองค์รัก ไม่เคยห่าง ตั้งเเต่นั้นมา ผมวางใจเเละมั่นใจ เชื่อ ศรัทธา ต่อพระองค์มากๆ ตอนนี้ผมจะทำอะไร ก็วางทุกสิ่งไว้กับพระองค์ ให้พระองค์นำทางของชีวิต ผมมีหน้าที่ทำตามหนทางที่ต้องเลือกเองจากพระองค์
มองดีๆในชีวิตคุณ มีที่พึ่งจิตใจไหน ใครไม่มีลองคิดถึง เเละพูดกับพระองค์ดูสิ เขาชื่อว่าพระเจ้า พระเยซูเจ้า ผู้พระทัยดี มีอีกๆ ใครเหงา ว้าเหว่ ต้องการความรักความอบอุ่น คนดูเเล เธอคนนัน้ ลองพูดคุยกับเธอดูสิ คิดถึงเธอเเล้วจะรู้ว่า เธอคือแม่สุดอ่อนหวาน อ่อนโยน เเม่พระ พระนางมารีย์ไง....
อาเเมน....
..................................................
ผมเกิดมาอยู่ที่หมู่บ้านคาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยก็ว่าได้ นั่นคือท่าเเร่ ครอบครัวเป็นคริสตังทั้งหมด ยกเว้นญาติฝ่ายเเม่เป็นพุทธครับ(หมู่บ้านข้างๆ)เเต่เเม่เปลี่ยนมาเป็นคริสตังตอนเเต่งงาน สมัยเด็กๆผมไปโบสถ์กับคุณย่า ประจำ ผมสงสัยว่าทำไมต้องไป คุณย่าบอกว่ามาหาพระเจ้าน่ะ เเล้วพระเจ้าคือใคร คำตอบที่ย่าบอกมาคือ โตขึ้นเดี๋ยวก็รู้ งงไปเลยละครับ
จนเมื่อเริ่มอยู่มัธยม ผมก็คิดว่าพระเจ้าก็พระเจ้า เเค่นั้น ไม่รู้หรอกว่าพระองค์มีจริงบนโลกนี้ เเถมสงสัยอีกว่าทำไมคนอื่นเชื่อกันนัก
เมื่อตอนมัทธยม ปลาย เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นกับผม ผมได้รับผลพรจากพระจิตเจ้าครับ มันเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ ผมเข้าใจทุกข้อสงสัยที่มีมานาน เเต่ว่า ผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าพระเจ้าเท่านั้นจริงหรือ....จนในที่สุดวันที่ผมเจอปัญหารุมเร้าอย่างลุกขึ้นสู้ไม่ไหว ผมได้เเต่นั่งบ่นให้พระเจ้าช่วยรับฟัง เเต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เเต่ว่าวันนั้นผมเข้าร่วมมิสซา ก็รู้สึกว่าผมอยู่ท่ามกลางทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า พระองค์รับฟังผม อยู่กับผม เป็นที่พึ่งพาผม พระองค์อวยพรผม เเล้วทำไมละ ผมจะไม่มั่นใจ วางใจ เเละเชื่อในพระองค์ วันนั้นผมร้องไห้นำตามันไหลเอง มันซึ้งมากๆ ที่รู้ตัวว่า ผมเป็นของขวัญของพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระองค์รัก ไม่เคยห่าง ตั้งเเต่นั้นมา ผมวางใจเเละมั่นใจ เชื่อ ศรัทธา ต่อพระองค์มากๆ ตอนนี้ผมจะทำอะไร ก็วางทุกสิ่งไว้กับพระองค์ ให้พระองค์นำทางของชีวิต ผมมีหน้าที่ทำตามหนทางที่ต้องเลือกเองจากพระองค์
มองดีๆในชีวิตคุณ มีที่พึ่งจิตใจไหน ใครไม่มีลองคิดถึง เเละพูดกับพระองค์ดูสิ เขาชื่อว่าพระเจ้า พระเยซูเจ้า ผู้พระทัยดี มีอีกๆ ใครเหงา ว้าเหว่ ต้องการความรักความอบอุ่น คนดูเเล เธอคนนัน้ ลองพูดคุยกับเธอดูสิ คิดถึงเธอเเล้วจะรู้ว่า เธอคือแม่สุดอ่อนหวาน อ่อนโยน เเม่พระ พระนางมารีย์ไง....
อาเเมน....