โดย เร็นโซ อัลเลกรี
ก.ครุวรรณ แปล

นรกเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวของผู้ต้องโทษ ที่กำลังถูกไฟเผาตลอดนิรันดรใต้พิภพ แนวคิดที่แท้จริงของคาทอลิกในปัจจุบันเป็นอย่างไรในเรื่องสำคัญยิ่งนี้
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ตรัสถึงเรื่องนี้แก่สัตบุรุษที่มาชุมนุมกัน ณ ชานเมืองกรุงโรม เมื่อเดือนมีนาคม 2008 ว่า “นรกมีจริงและมีอยู่ตลอดนิรันดร์ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีผู้คนพูดถึงกันมากนักก็ตาม” พระองค์ยังตรัสต่อไปอีกว่า “ในโลกปัจจุบัน คนจำนวนมาก รวมทั้งผู้ที่มีความเชื่อบางคนด้วย ลืมไปแล้วว่า หากพวกเขาไม่ยอมรับผิดและไม่สัญญาว่าจะไม่ทำบาปอีก พวกเขาก็เสี่ยงกับ “การตกนรกตลอดนิรันดร์” ท้ายที่สุดพระองค์ทรงอธิบายถึงข้อคำสอนเรื่องนรกว่า เป็น “สถานการณ์ถูกตัดขาดจากพระเจ้าตลอดนิรันดร์” เป็น “สัญลักษณ์” มากกว่าการถูกลงโทษทางกาย
“นรก” มิใช่เรื่องที่พูดถึงกันเพื่อความสนุกสนาน และคนที่ไม่เชื่อส่วนมากก็ตัดเรื่องนี้ออกไปจากสมองหรือไม่ก็ใช้พูดเป็นคำสบถเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อบางคนก็ยังเชื่อว่าน่าจะมีนรก หรือมีอะไรในทำนองนี้สักอย่าง เพราะมิฉะนั้นก็คงจะไม่ยุติธรรมเลย หากคนอย่างสตาลินหรือฮิตเลอร์ที่ก่ออาชญากรรมอย่างมหันต์ต่อมวลมนุษย์ และเมื่อตายไปก็ไม่ต้องชดใช้ความผิดที่ตนก่อเลย และทำไมสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ศักดิ์สิทธิ์ จะทรงเห็นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเตือนเราถึงโอกาสที่เราอาจตกอยู่ในสภาพที่น่าสะพรึงกลัวนี้
ความคิดเรื่องนรกมีอยู่ในพระคัมภีร์จริง ๆ หรือไม่ หรือนรกเป็นเรื่องของความเห็นที่ไม่ถูกต้องในเรื่องชีวิตหลังความตาย ที่สอดแทรกเข้ามาปนอยู่ในข้อความเชื่อคาทอลิก ถ้านรกมีจริงสภาพของนรกเป็นอย่างไร เป็นภาพของสถานที่ที่มีวิญญาณถูกเผาไฟตลอดนิรันดรหรือ
เนื่องจากมีความไม่กระจ่างชัดอยู่มาก ในเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่นี้ แม้แต่ในหมู่ของผู้มีความเชื่อ ดังนั้นผู้อำนวยการของนิตยสาร Messenger จึงได้ขอให้ผู้เขียนไปสัมภาษณ์นักเทววิทยา ซึ่งเป็นพระสงฆ์นักพรตคณะฟรังซิสกัน ชาวโปแลนด์ ชื่อคุณพ่อซิสลอว์ คีจัส (Zdzislaw Kijas)

ท่านดำรงตำแหน่งคณบดีคณะเทวศาสตร์แห่งวิทยาลัยนักบุญโบนาเว็นเจอร์ – เซราฟีกุม (Bonaventure-Seraphicum) ที่กรุงโรม คุณพ่อคีจัสยินดีให้สัมภาษณ์ และให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ เพราะท่านคิดว่าเรื่องนี้ซ่อนอยู่ในใจกันมานานเกินไปแล้ว แม้ในแวดวงพระศาสนจักร
มีนรกอย่างแน่นอน หนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก (Catechism of the Catholic Church) ย่อหน้าที่ 1033 สอนเราว่า “การตายในบาปหนักโดยมิได้สำนึกผิด และยอมรับความรักความเมตตาของพระเจ้า หมายถึงการตัดขาดจากพระองค์ตลอดไป โดยการเลือกอย่างเสรีของผู้นั้นเอง สถานภาพการตัดขาดจากสัมพันธภาพกับพระและบรรดานักบุญนี้เรียกว่า “นรก” คำสอนของพระศาสนจักรยืนยันถึงการมีอยู่จริงและนิรันดรภาพของนรก ทันทีที่ตายวิญญาณของผู้ที่ตายในบาปหนักจะตกนรก และจะได้รับความทุกข์ทรมานในนั้นด้วย “ไฟนิรันดร์” โทษที่หนักที่สุดของการตกนรกคือ การถูกตัดขาดตลอดนิรันดรจากพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุข”