กลุ่มแม่ชีของโบสถ์ลอเร็ตโต จึงรวมกลุ่มกัน สวดอ้อนวอนนักบุญยอแซฟ (เนื่องจากท่านชำนาญด้านงานช่าง) หลายวันหลายคืนเลยทีเดียว จนในที่สุด รุ่งเช้าวันหนึ่ง เมื่อประตูโบสถ์เปิดออก บาทหลวงท่านนึงก็ได้เห็นชายหนุ่มวัยกลางคนเดินมาพร้อมกับจูงม้ามา มีเคราสีน้ำตาลปกคลุมใบหน้า ท่าทางสง่างามและใจดี รับอาสาจะเป็นคนออกแบบบันไดให้โบสถ์แห่งนี้ โดยมีข้อแม้ว่าตลอดเวลาที่เขาทำห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามายุ่ง ให้ปิดประตูโบสถ์เอาไว้ และให้จัดเตรียมอ่างน้ำสำหรับเอาไว้แช่ไม้ เอาไว้ให้เท่านั้นพอ เวลาผ่านไปชาวบ้านต่างดีใจที่มีคนมาจัดการปัญหาของโบสถ์นี้ซักที แต่ก็ไม่มีใครได้เห็นขั้นตอนการก่อสร้างของช่างนิรนามผู้นี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ชายนิรนามได้ขอเอาไว้
หลังจากนั้นมาเช้าวันหนึ่งการก่อสร้างบันไดก็เสร็จสิ้น เรียกเอาว่าคนแรกที่เข้ามาพบเห็นถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว ชาวบ้านต่างมาดูและสรรเสริญชมเชยถึงฝีมือการก่อสร้างอันยอดเยี่ยม ที่น่าสนใจคือ บันไดนี้สร้างโดยไม่ได้ใช้ตะปูตอก หรือกาวติด ใช้แบบล็อค ตัวมันเองตามแบบช่างโบราณ ที่สำคัญคือไม่มีเสาแกนกลาง ไม่มีคานรับ และไม้ที่ใช้ไม่มีในถิ่นนั้น ใช้การสร้างโดยช่างคนเดียว และเมื่อสร้างเสร็จไม่เอาเงินค่าจ้างด้วย หายตัวไป ทิ้งไว้ให้เป็นปริศนาแห่งความงามและเป็นสิ่งก่อสร้างที่ค้านกับกฏแรงโน้มถ่วงของโลก บันไดสูง 22 ฟุต ทอดตัวซ้อนกัน 2 ชั้น ขั้นบันไดมี 33 อัน เป็นวงกลม 360 องศา ปัจจุบันยังหาคำตอบไม่ได้ แต่บันไดนี้ได้รับยกย่องให้เป็นประดิษฐกรรมชิ้นเยี่ยมของโลก จนเป็นที่กล่าวกันภายหลังว่าหรือนี่เป็นฝีมือของนักบุญยอแซฟ และช่างนิรนามผู้นั้นก็คือท่านนั่นเอง
ปัจจุบันบันไดนี้ก็มีอายุมากกว่าร้อยปี แล้ว และยังใช้งานได้ดี


เขียนจากที่อ่านมาครับผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้