รวมกระทู้น้องValkyrie_Chan
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ไม่รู้ว่า "วัลคีรีจัง"(Valkyrie_chan)จะมีโอกาสอ่านไหม วานใครช่วยเอาไปให้เขาอ่านด้วย
1.พระองค์ทรงเป็นแล้ว ทำไมต้องให้เกิดกับคนอื่นต่อ โดยเฉพาะคนที่วางใจในพระองค์
ตอบ ถามคนอื่นไม่รู้นะ แต่ถ้าถามเรา ถ้ามันเกิดแบบนี้กับเรา แล้วเรายังทุกข์ นั่นล่ะ เครื่องหมายแห่งความไม่วางใจ
แสดงว่า ที่แล้วๆมา เราคิดว่าเองเออเองว่าตัวเราเองวางใจแล้ว,เชื่อแล้ว,รักแล้ว อันที่จริงไม่เลย
บางครั้งเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ เวลาเราผ่านมันมาได้ เราจะเห็นว่า เราชื่นชมยินดีได้จริงๆ เหมือน ที่เขียนไว้ในดาเนียล
แต่เหตุการณ์ใหญ่ๆ สมมติว่า ถ้าพรุ่งนี้ ต้องโดนแบบพระล่ะก็ ตอบอย่างไม่อายเลย ไม่ไหวหรอก เราไม่วางใจ เราวางใจไม่พอ
เห็นมั้ยว่า มันเป็นที่เราเองไม่วางใจพระองค์ ซึ่งไม่พระองค์ก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ขอให้เพิ่มพูนวางใจต่อไปแล้วกัน
2.หากพระเจ้าไม่แสดงให้เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิดให้มนุษย์ได้เห็นชัดเจนต่อหน้าต่อตา จะให้มนุษย์เชื่อได้ยังไง
ตอบ พึ่งผ่านวันคริสตมาสมาไม่นาน อยากถามว่า"ภูมิใจหรือเปล่าที่พระเจ้าทรงเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างเราๆ"
การที่พระองค์ส่งทรงพระเอกบุตรลงมาให้เป็นมนุษย์นั้น เพื่อจะแสดงให้มนุษย์ด้วยผ่านทางความเป็นมนุษย์ของพระองค์ครับ
แต่มนุษย์เช่นเดียวกับชาวยิว ต้องการพระเมสสิยาห์ที่เหาะเหินเดินอากาศ เสด็จแหวกฟ้าออกมา หรือส่งทูตสวรรค์มาเข่นฆ่าคนบาป
และด้วยความคิดนี้เอง ที่ภาระกิจสำเร็จไป พระเอกบุตรนั้นถูกตรึงกางเขนตายอย่างทรมาน(อย่างรูปของคุณยศิยล)
นั่นเพราะมนุษย์ไม่หันมามองในความธรรมดา ความเรียบง่ายของความเป็นมนุษย์เอง สำคัญกว่านั้น ทุกคนมีอิสระครับ
*สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำและทรงทำทุกวันนี้บนพระแท่นคือ เชิญชวนอย่างสุภาพให้เราใช้อิสระอันศักดิ์สิทธิ์ทำสิ่งที่ควรครับ ไม่ใช่บังคับ
3."เลิกเชื่อเพราะเขาไม่ได้ถูกช่วยจากสภาพถูกข่มเหง"
ตอบ ตอบเหมือนข้อแรกเลยครับ เขาเข้าใจผิดแต่ต้น เข้าใจว่าเขาเชื่อพระเจ้าครับ ไม่ได้เชื่อจริงๆ นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกเชื่อ
(ก็เพราะที่จริงแล้วไม่ได้เชื่อแต่ต้น)
4."พระองค์สั่งให้ทุกอย่างหายไปจากบันทึกเวลาได้หรือไม่"
ตอบ จริงๆก็ทำได้อยู่นะ แต่พิจารณาตรงนี้ครับ "พระบิดาเจ้าข้า ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากตาย แต่ถ้าประสงค์เช่นนั้น ก็น้อมรับ"
เรื่องนี้ พระเยซูเจ้าเองยังทรงหวั่นไหวน่ะครับ ขนาดพระองค์ทรงเป็นพระเจ้ายังหวั่นพระทัย ยามจากถิ่นไกลมาอยู่เมืองมนุษย์
ฉะนั้น ความหวั่นไหวของเรามีได้ครับ แต่ความถ่อมตนต้องมีตามมาครับ คือ "ถ้ามันจะต้องโดนแล้ว ก็ขอให้ลูกรักและอดทน"
*ทนไหวไม่ไหวก็อีกเรื่อง แต่ขอไปแล้วนี่เนอะ
5."ไม่ขอพระเจ้าช่วยแล้วจะขอให้ใครช่วยได้"
ตอบ ก็มีแต่พระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพเท่านั้นล่ะครับ ที่ทำได้ทุกอย่าง ก็สุดแท้แต่น้ำพระทัยว่าจะทรงช่วยหรือไม่
6."พระเจ้าไม่ตอบ?"
ตอบ จริงๆพระองค์ทรงตอบครับ แต่พระองค์ตอบด้วยวิธีการเดียวกับที่ตอบกับมนุษยชาติเมื่อ 2000 กว่าปีก่อนคือ ท่ามกลางความเงียบ
เหมือนการที่พระองค์ส่งพระเอกบุตรมาเกิดอย่างเปล่าเปลี่ยวในรางหญ้า ไม่มีใครเห็น ฉะนั้น"จงแสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า"
หาดีดีครับ พระองค์ตอบคุณเสมอล่ะ ตั้งแต่คำพูดแรกจากผู้อื่นที่คุณได้ยิน ยันเสียงในจิตใจที่ดังขึ้นมาเอง พระองค์รอให้คุณพบคำตอบครับ
ถ้าอยากพิสูจน์คำพูดผมนะ ไปวัดที่ไหนก็ได้
เงียบฟัง ตั้งใจเวลาคุณพ่อเทศน์
ไม่ต้องลุ้นนะว่า จะตอบว่า "ใช่ หรือ ไม่ใช่"ตามที่เราถาม
ฟังดีดีครับ,ตอบเสมอ ไม่มีพลาด
1.พระองค์ทรงเป็นแล้ว ทำไมต้องให้เกิดกับคนอื่นต่อ โดยเฉพาะคนที่วางใจในพระองค์
ตอบ ถามคนอื่นไม่รู้นะ แต่ถ้าถามเรา ถ้ามันเกิดแบบนี้กับเรา แล้วเรายังทุกข์ นั่นล่ะ เครื่องหมายแห่งความไม่วางใจ
แสดงว่า ที่แล้วๆมา เราคิดว่าเองเออเองว่าตัวเราเองวางใจแล้ว,เชื่อแล้ว,รักแล้ว อันที่จริงไม่เลย
บางครั้งเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ เวลาเราผ่านมันมาได้ เราจะเห็นว่า เราชื่นชมยินดีได้จริงๆ เหมือน ที่เขียนไว้ในดาเนียล
แต่เหตุการณ์ใหญ่ๆ สมมติว่า ถ้าพรุ่งนี้ ต้องโดนแบบพระล่ะก็ ตอบอย่างไม่อายเลย ไม่ไหวหรอก เราไม่วางใจ เราวางใจไม่พอ
เห็นมั้ยว่า มันเป็นที่เราเองไม่วางใจพระองค์ ซึ่งไม่พระองค์ก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ขอให้เพิ่มพูนวางใจต่อไปแล้วกัน
2.หากพระเจ้าไม่แสดงให้เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิดให้มนุษย์ได้เห็นชัดเจนต่อหน้าต่อตา จะให้มนุษย์เชื่อได้ยังไง
ตอบ พึ่งผ่านวันคริสตมาสมาไม่นาน อยากถามว่า"ภูมิใจหรือเปล่าที่พระเจ้าทรงเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างเราๆ"
การที่พระองค์ส่งทรงพระเอกบุตรลงมาให้เป็นมนุษย์นั้น เพื่อจะแสดงให้มนุษย์ด้วยผ่านทางความเป็นมนุษย์ของพระองค์ครับ
แต่มนุษย์เช่นเดียวกับชาวยิว ต้องการพระเมสสิยาห์ที่เหาะเหินเดินอากาศ เสด็จแหวกฟ้าออกมา หรือส่งทูตสวรรค์มาเข่นฆ่าคนบาป
และด้วยความคิดนี้เอง ที่ภาระกิจสำเร็จไป พระเอกบุตรนั้นถูกตรึงกางเขนตายอย่างทรมาน(อย่างรูปของคุณยศิยล)
นั่นเพราะมนุษย์ไม่หันมามองในความธรรมดา ความเรียบง่ายของความเป็นมนุษย์เอง สำคัญกว่านั้น ทุกคนมีอิสระครับ
*สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำและทรงทำทุกวันนี้บนพระแท่นคือ เชิญชวนอย่างสุภาพให้เราใช้อิสระอันศักดิ์สิทธิ์ทำสิ่งที่ควรครับ ไม่ใช่บังคับ
3."เลิกเชื่อเพราะเขาไม่ได้ถูกช่วยจากสภาพถูกข่มเหง"
ตอบ ตอบเหมือนข้อแรกเลยครับ เขาเข้าใจผิดแต่ต้น เข้าใจว่าเขาเชื่อพระเจ้าครับ ไม่ได้เชื่อจริงๆ นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกเชื่อ
(ก็เพราะที่จริงแล้วไม่ได้เชื่อแต่ต้น)
4."พระองค์สั่งให้ทุกอย่างหายไปจากบันทึกเวลาได้หรือไม่"
ตอบ จริงๆก็ทำได้อยู่นะ แต่พิจารณาตรงนี้ครับ "พระบิดาเจ้าข้า ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากตาย แต่ถ้าประสงค์เช่นนั้น ก็น้อมรับ"
เรื่องนี้ พระเยซูเจ้าเองยังทรงหวั่นไหวน่ะครับ ขนาดพระองค์ทรงเป็นพระเจ้ายังหวั่นพระทัย ยามจากถิ่นไกลมาอยู่เมืองมนุษย์
ฉะนั้น ความหวั่นไหวของเรามีได้ครับ แต่ความถ่อมตนต้องมีตามมาครับ คือ "ถ้ามันจะต้องโดนแล้ว ก็ขอให้ลูกรักและอดทน"
*ทนไหวไม่ไหวก็อีกเรื่อง แต่ขอไปแล้วนี่เนอะ
5."ไม่ขอพระเจ้าช่วยแล้วจะขอให้ใครช่วยได้"
ตอบ ก็มีแต่พระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพเท่านั้นล่ะครับ ที่ทำได้ทุกอย่าง ก็สุดแท้แต่น้ำพระทัยว่าจะทรงช่วยหรือไม่
6."พระเจ้าไม่ตอบ?"
ตอบ จริงๆพระองค์ทรงตอบครับ แต่พระองค์ตอบด้วยวิธีการเดียวกับที่ตอบกับมนุษยชาติเมื่อ 2000 กว่าปีก่อนคือ ท่ามกลางความเงียบ
เหมือนการที่พระองค์ส่งพระเอกบุตรมาเกิดอย่างเปล่าเปลี่ยวในรางหญ้า ไม่มีใครเห็น ฉะนั้น"จงแสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า"
หาดีดีครับ พระองค์ตอบคุณเสมอล่ะ ตั้งแต่คำพูดแรกจากผู้อื่นที่คุณได้ยิน ยันเสียงในจิตใจที่ดังขึ้นมาเอง พระองค์รอให้คุณพบคำตอบครับ
ถ้าอยากพิสูจน์คำพูดผมนะ ไปวัดที่ไหนก็ได้
เงียบฟัง ตั้งใจเวลาคุณพ่อเทศน์
ไม่ต้องลุ้นนะว่า จะตอบว่า "ใช่ หรือ ไม่ใช่"ตามที่เราถาม
ฟังดีดีครับ,ตอบเสมอ ไม่มีพลาด
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ผมไม่กล้าหาญพอจะตอบแบบแบ่งปันความรู้ทางบอร์ดทานตะวัน เขียน: เอ่อ เห็นคุณวัลคีรีเอ่ยถึงพระเจ้าไม่มีเพศก็เลยอยากจะถามหน่อยอ่ะครับ เพราะเห็นคนตะวันตกชอบใช้สรรพนาม He แทนพระเจ้าอยู่เรื่อย เลยสงสัยอ่ะครับว่าจริง ๆ แล้วยังไงกันแน่
ป.ล. ขออภัยหากฟังดูหยาบคายไป
ผมส่ง PM ความเห็นส่วนตัวของผมไปให้แล้วนะครับ
รอผู้รู้ท่านอื่นมาตอบให้แล้วกัน
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เราอาจจะพูดผิดไป แค่คิดว่า พระเจ้า น่าจะเป็นอะไรที่เหนือกว่าสิ่งที่จะเอาคำว่า "เพศ" ของมนุษย์ไปอธิบายลักษณะของท่านได้แค่นั้น
(ถึงแม้จริง ๆ เราไม่อยากจะคิดมากกว่า)
แต่ในเมื่อพระเยซูใช้คำศัพท์ที่สื่อถึง Father กับ He (ที่จริง ในพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า He แทนพระองค์อยู่แล้ว)
เราเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า "เพราะยุคนั้นผู้ชายเป็นผู้มีตำแหน่งการงานในสังคม และสื่อถึงความ "ยิ่งใหญ่" และทางครอบครัว ผู้ชายก็เป็นหัวหน้าครอบครัว "บิดา" จึงยิ่งใหญ่กว่า "มารดา" "
และพระเจ้าก็ "ยิ่งใหญ่" ถ้าสมัยนั้นเรียกพระเจ้าเป็นแม่ ก็เท่ากับเป็นการดูถูก(ตามค่านิยมของมนุษย์) กระมัง
ยิ่งกว่านั้น ขืนพระเจ้าไม่ทำตัวให้พระองค์ดูเป็นชาย คนหัวดื้อสมัยนั้นมันจะฟังมั้ย
นี่คิดอย่างเป็นกลางที่สุดแล้วสำหรับเรา
......พูดก็พูดนะ เวลากล่าวถึงพระองค์ ขนาดเรายังเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเลย และพระเยซูก็เป็นผู้ชายคนเดียวในโลกกระมัง ที่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปว่าพระองค์ได้ ในเมื่อพระองค์เป็นพระเจ้า
อนึ่ง รีพลายยาว ๆ นั้น เราได้รับแล้วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
(ถึงแม้จริง ๆ เราไม่อยากจะคิดมากกว่า)
แต่ในเมื่อพระเยซูใช้คำศัพท์ที่สื่อถึง Father กับ He (ที่จริง ในพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า He แทนพระองค์อยู่แล้ว)
เราเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า "เพราะยุคนั้นผู้ชายเป็นผู้มีตำแหน่งการงานในสังคม และสื่อถึงความ "ยิ่งใหญ่" และทางครอบครัว ผู้ชายก็เป็นหัวหน้าครอบครัว "บิดา" จึงยิ่งใหญ่กว่า "มารดา" "
และพระเจ้าก็ "ยิ่งใหญ่" ถ้าสมัยนั้นเรียกพระเจ้าเป็นแม่ ก็เท่ากับเป็นการดูถูก(ตามค่านิยมของมนุษย์) กระมัง
ยิ่งกว่านั้น ขืนพระเจ้าไม่ทำตัวให้พระองค์ดูเป็นชาย คนหัวดื้อสมัยนั้นมันจะฟังมั้ย
นี่คิดอย่างเป็นกลางที่สุดแล้วสำหรับเรา
......พูดก็พูดนะ เวลากล่าวถึงพระองค์ ขนาดเรายังเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเลย และพระเยซูก็เป็นผู้ชายคนเดียวในโลกกระมัง ที่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปว่าพระองค์ได้ ในเมื่อพระองค์เป็นพระเจ้า
อนึ่ง รีพลายยาว ๆ นั้น เราได้รับแล้วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
Valkyrie_chan เขียน: เราอาจจะพูดผิดไป แค่คิดว่า พระเจ้า น่าจะเป็นอะไรที่เหนือกว่าสิ่งที่จะเอาคำว่า "เพศ" ของมนุษย์ไปอธิบายลักษณะของท่านได้แค่นั้น
(ถึงแม้จริง ๆ เราไม่อยากจะคิดมากกว่า)
แต่ในเมื่อพระเยซูใช้คำศัพท์ที่สื่อถึง Father กับ He (ที่จริง ในพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า He แทนพระองค์อยู่แล้ว)
เราเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า "เพราะยุคนั้นผู้ชายเป็นผู้มีตำแหน่งการงานในสังคม และสื่อถึงความ "ยิ่งใหญ่" และทางครอบครัว ผู้ชายก็เป็นหัวหน้าครอบครัว "บิดา" จึงยิ่งใหญ่กว่า "มารดา" "
และพระเจ้าก็ "ยิ่งใหญ่" ถ้าสมัยนั้นเรียกพระเจ้าเป็นแม่ ก็เท่ากับเป็นการดูถูก(ตามค่านิยมของมนุษย์) กระมัง
ยิ่งกว่านั้น ขืนพระเจ้าไม่ทำตัวให้พระองค์ดูเป็นชาย คนหัวดื้อสมัยนั้นมันจะฟังมั้ย
นี่คิดอย่างเป็นกลางที่สุดแล้วสำหรับเรา
......พูดก็พูดนะ เวลากล่าวถึงพระองค์ ขนาดเรายังเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเลย และพระเยซูก็เป็นผู้ชายคนเดียวในโลกกระมัง ที่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปว่าพระองค์ได้ ในเมื่อพระองค์เป็นพระเจ้า
อนึ่ง รีพลายยาว ๆ นั้น เราได้รับแล้วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ผู้ชายควรให้เกียรติผู้หญิง และผู้หญิงควรให้เกียรติผู้ชายValkyrie_chan เขียน: เราอาจจะพูดผิดไป แค่คิดว่า พระเจ้า น่าจะเป็นอะไรที่เหนือกว่าสิ่งที่จะเอาคำว่า "เพศ" ของมนุษย์ไปอธิบายลักษณะของท่านได้แค่นั้น
(ถึงแม้จริง ๆ เราไม่อยากจะคิดมากกว่า)
แต่ในเมื่อพระเยซูใช้คำศัพท์ที่สื่อถึง Father กับ He (ที่จริง ในพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า He แทนพระองค์อยู่แล้ว)
เราเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า "เพราะยุคนั้นผู้ชายเป็นผู้มีตำแหน่งการงานในสังคม และสื่อถึงความ "ยิ่งใหญ่" และทางครอบครัว ผู้ชายก็เป็นหัวหน้าครอบครัว "บิดา" จึงยิ่งใหญ่กว่า "มารดา" "
และพระเจ้าก็ "ยิ่งใหญ่" ถ้าสมัยนั้นเรียกพระเจ้าเป็นแม่ ก็เท่ากับเป็นการดูถูก(ตามค่านิยมของมนุษย์) กระมัง
ยิ่งกว่านั้น ขืนพระเจ้าไม่ทำตัวให้พระองค์ดูเป็นชาย คนหัวดื้อสมัยนั้นมันจะฟังมั้ย
นี่คิดอย่างเป็นกลางที่สุดแล้วสำหรับเรา
......พูดก็พูดนะ เวลากล่าวถึงพระองค์ ขนาดเรายังเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเลย และพระเยซูก็เป็นผู้ชายคนเดียวในโลกกระมัง ที่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปว่าพระองค์ได้ ในเมื่อพระองค์เป็นพระเจ้า
อนึ่ง รีพลายยาว ๆ นั้น เราได้รับแล้วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
แต่ละคน ก็มีศักดิ์ศรีทางเพศ ตามเพศของตนที่พระเจ้ามอบให้
ขอย้ำอีกครั้ง
Ministry Of Men เขียน: ในนาม Ministry Of Men
ทางกระทรวงฯ ขอให้กำลังใจคุณValkyrie_chan ดังต่อไปนี้
1.สิทธิ์และบทบาทสตรีมีความสำคัญเสมอ
2.สิทธิ์และบทบาทบุรุษมีความสำคัญเสมอ
3.พระเจ้าทรงเที่ยงตรงเป็นธรรม
4.พระเจ้าทรงสร้างชายและหญิง
5.พระวจนะ*
*พระวจนะ ในหัวข้อต่อไปนี้
- สุภาพบุรุษ (ปรากฏมากในสุภาษิต)
- การวางตัวทางสังคมต่างๆของสตรีและบุรุษ
- เรื่องความเป็นผู้นำ
- ความมักใหญ่ใฝ่สูง
- ความชั่วต่างๆ
ทุกอย่างถูกบรรจุอย่างชัดจนเป็นถ้อยคำแห่งชีวิตที่สวยงามในหนังสือพันธสัญญาแล้ว
กรุณาอ่านพระคัมภีร์เพื่อจิตวิญญาณทางเพศที่ดีและถูกต้อง รวมทั้งทัศนะต่างๆ
ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยพรครับ
จาก Ministry Of Men
เพราะท่านเป็นคนบาป และท่านเป็นผู้ทรยศพระเจ้า และมนุษย์นั้นรวดเร็วที่จะทำบาปและทรยศ เรารู้ว่าท่านทรยศ ก็ด้วยปากของท่านกล่าว เพราะเราไม่ต่างกันมากในความเป็นมนุษ มนุษย์โอ้มนุษย์ช่างเขลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ใหน เขาก็ไม่ต่างจากอิสราเอล ช่างเหมือนกัน
ทรยศและบ่นว่าเมื่อเขาลำบาก และอ้างความชอบธรรมของตัว บันทึกและหนังสือได้บอกว่าเขาเป็นคนทรยศ เขาก็ไม่ฟังเพราะจิตใจเขามืดบอด
และเขานั้นรวดเร็วที่จะทรยศ ท่านทั้งหลายจะบ่นว่าพระเจ้าไปอีกนานเท่าใด เมื่อใหร่ท่านจะหันกลับมามองตัวท่านเองว่าทรยศสักครั้ง
ไม่ใช่เพราะความอดกลั้นของพระองค์หรือท่านจึงได้เอ่ยคำทรยศได้หน้าตาเฉย เพราะไม่ใช่ด้วยเพราะพระองค์อดกลั้นหรือ?จะยังมีมนุษย์เ้หลือ
เพราะไม่ใช่เพราะความอดกลั้นมากมายเหลือท่านถึงยังกล่าวสิ่งเหล่านี้ได้ กลับใจเถิดและจงถ่อมตัว เพราะท่านนั้นทรยศอย่างมาก
ทรยศและบ่นว่าเมื่อเขาลำบาก และอ้างความชอบธรรมของตัว บันทึกและหนังสือได้บอกว่าเขาเป็นคนทรยศ เขาก็ไม่ฟังเพราะจิตใจเขามืดบอด
และเขานั้นรวดเร็วที่จะทรยศ ท่านทั้งหลายจะบ่นว่าพระเจ้าไปอีกนานเท่าใด เมื่อใหร่ท่านจะหันกลับมามองตัวท่านเองว่าทรยศสักครั้ง
ไม่ใช่เพราะความอดกลั้นของพระองค์หรือท่านจึงได้เอ่ยคำทรยศได้หน้าตาเฉย เพราะไม่ใช่ด้วยเพราะพระองค์อดกลั้นหรือ?จะยังมีมนุษย์เ้หลือ
เพราะไม่ใช่เพราะความอดกลั้นมากมายเหลือท่านถึงยังกล่าวสิ่งเหล่านี้ได้ กลับใจเถิดและจงถ่อมตัว เพราะท่านนั้นทรยศอย่างมาก
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ช่วงนี้เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ไม่ค่อยเข้าหาเพื่อน หัวดื้อ และที่สำคัญ "เกลียดตัวเองมากกว่าเดิม"
เรื่องการเรียนและการงาน จะว่าด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเตรียมของทำคลีนิกแต่เช้า เลยไม่ค่อยได้เข้าเรียนช่วงเช้า แต่ถึงเข้าก็หลับไม่รู้ตัวบ่อย ๆ (ช่วงนี้ห่าง ๆ กาแฟไปพอสมควร)
แต่เรื่องการงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แค่พอแก้ปัญหาให้คนไข้ไปได้ อุดสำเร็จมันก็มี แต่มักจะให้อาจารย์เซ็นไม่ทัน แล้วเรื่องนัดคนไข้ได้ไม่ได้อีก บางทีเพื่อความสบายช่องปากของคนไข้ก็แลกกับคะแนนไปบ้าง ประมาณว่าทำพอได้ แต่ไม่ทันเอาคะแนนว่างั้นเถอะ(จริง ๆ ก็ให้เซ็นย้อนหลังได้นะ แต่จะลำบากในหลาย ๆ ความหมาย)
เรื่องแล็บ ยิ่งทำก็ยิ่งชอบมีปัญหาบ้า ๆ บอ ๆ ไหนจะเรื่องของโดนขโมยบ้างล่ะ ขโมยไม่พอทำอีท่าไหน งานที่เก็บไว้ดี ๆ ถึงเสียได้อีก ทำใหม่มันไม่ใช่ง่าย ๆ นะว้อยยยย (เจ๊ทำแต่ละทีกว่าจะออกมาดีได้ พังไปนับไม่ถ้วน แล้วนี่จะให้ทำใหม่เรอะ ยังไม่ทันได้ส่งอาจารย์เลย แล้วทำไมต้องมาเป็นวันก่อนส่งด้วยยะ สุดท้ายชัวร์ว่าไม่ทัน)
เรียกว่าเรื่องคะแนนต่อปี 5 ไม่ต้องหวังเลย บางทีสอบ ๆ ไปยังไม่รู้จะสอบทำไมด้วยซ้ำ ในเมื่อเดาคะแนนรวมตัวเองออกอยู่แล้ว ยิ่งขนาดคลีนิกปี 4 ยังสาหัส แล้วปี 5 จะทำได้เรอะ
นี่ยังไม่รวมเรื่องความสุขในการเรียน(ที่แต่เดิมมันแทบไม่มีอยู่แล้ว แต่จำใจด้วยเหตุผลทางบ้าน + อายุที่มากแต่ความรู้สมัยมัธยมไม่เหลือพอจะสอบใหม่)
คุยกับแฟน นับวันตัวเองจะกลายเป็นเหมือนยายแก่ขี้บ่นขึ้นทุกวัน ๆ
..........ถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตแล้วสินะชั้น
ดิท: ลืมบอกไป ระดับความเกลียดผู้ชายเพิ่มขึ้นอีก 255% ด้วย
(ว่าแต่ ตัวเองเลิกบ้าสีแดงไปแล้ว ทำไมพักนี้พิมพ์ตัวแดงเยอะจังหว่าเรา สงสัยเครื่องในตัวจะแฮงค์)
เรื่องการเรียนและการงาน จะว่าด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเตรียมของทำคลีนิกแต่เช้า เลยไม่ค่อยได้เข้าเรียนช่วงเช้า แต่ถึงเข้าก็หลับไม่รู้ตัวบ่อย ๆ (ช่วงนี้ห่าง ๆ กาแฟไปพอสมควร)
แต่เรื่องการงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แค่พอแก้ปัญหาให้คนไข้ไปได้ อุดสำเร็จมันก็มี แต่มักจะให้อาจารย์เซ็นไม่ทัน แล้วเรื่องนัดคนไข้ได้ไม่ได้อีก บางทีเพื่อความสบายช่องปากของคนไข้ก็แลกกับคะแนนไปบ้าง ประมาณว่าทำพอได้ แต่ไม่ทันเอาคะแนนว่างั้นเถอะ(จริง ๆ ก็ให้เซ็นย้อนหลังได้นะ แต่จะลำบากในหลาย ๆ ความหมาย)
เรื่องแล็บ ยิ่งทำก็ยิ่งชอบมีปัญหาบ้า ๆ บอ ๆ ไหนจะเรื่องของโดนขโมยบ้างล่ะ ขโมยไม่พอทำอีท่าไหน งานที่เก็บไว้ดี ๆ ถึงเสียได้อีก ทำใหม่มันไม่ใช่ง่าย ๆ นะว้อยยยย (เจ๊ทำแต่ละทีกว่าจะออกมาดีได้ พังไปนับไม่ถ้วน แล้วนี่จะให้ทำใหม่เรอะ ยังไม่ทันได้ส่งอาจารย์เลย แล้วทำไมต้องมาเป็นวันก่อนส่งด้วยยะ สุดท้ายชัวร์ว่าไม่ทัน)
เรียกว่าเรื่องคะแนนต่อปี 5 ไม่ต้องหวังเลย บางทีสอบ ๆ ไปยังไม่รู้จะสอบทำไมด้วยซ้ำ ในเมื่อเดาคะแนนรวมตัวเองออกอยู่แล้ว ยิ่งขนาดคลีนิกปี 4 ยังสาหัส แล้วปี 5 จะทำได้เรอะ
นี่ยังไม่รวมเรื่องความสุขในการเรียน(ที่แต่เดิมมันแทบไม่มีอยู่แล้ว แต่จำใจด้วยเหตุผลทางบ้าน + อายุที่มากแต่ความรู้สมัยมัธยมไม่เหลือพอจะสอบใหม่)
คุยกับแฟน นับวันตัวเองจะกลายเป็นเหมือนยายแก่ขี้บ่นขึ้นทุกวัน ๆ
..........ถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตแล้วสินะชั้น
ดิท: ลืมบอกไป ระดับความเกลียดผู้ชายเพิ่มขึ้นอีก 255% ด้วย
(ว่าแต่ ตัวเองเลิกบ้าสีแดงไปแล้ว ทำไมพักนี้พิมพ์ตัวแดงเยอะจังหว่าเรา สงสัยเครื่องในตัวจะแฮงค์)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 1:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ขอพระประทานความบรรเทาใจให้ครับValkyrie_chan เขียน: ช่วงนี้เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ไม่ค่อยเข้าหาเพื่อน หัวดื้อ และที่สำคัญ "เกลียดตัวเองมากกว่าเดิม"
เรื่องการเรียนและการงาน จะว่าด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเตรียมของทำคลีนิกแต่เช้า เลยไม่ค่อยได้เข้าเรียนช่วงเช้า แต่ถึงเข้าก็หลับไม่รู้ตัวบ่อย ๆ (ช่วงนี้ห่าง ๆ กาแฟไปพอสมควร)
แต่เรื่องการงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แค่พอแก้ปัญหาให้คนไข้ไปได้ อุดสำเร็จมันก็มี แต่มักจะให้อาจารย์เซ็นไม่ทัน แล้วเรื่องนัดคนไข้ได้ไม่ได้อีก บางทีเพื่อความสบายช่องปากของคนไข้ก็แลกกับคะแนนไปบ้าง ประมาณว่าทำพอได้ แต่ไม่ทันเอาคะแนนว่างั้นเถอะ(จริง ๆ ก็ให้เซ็นย้อนหลังได้นะ แต่จะลำบากในหลาย ๆ ความหมาย)
เรื่องแล็บ ยิ่งทำก็ยิ่งชอบมีปัญหาบ้า ๆ บอ ๆ ไหนจะเรื่องของโดนขโมยบ้างล่ะ ขโมยไม่พอทำอีท่าไหน งานที่เก็บไว้ดี ๆ ถึงเสียได้อีก ทำใหม่มันไม่ใช่ง่าย ๆ นะว้อยยยย (เจ๊ทำแต่ละทีกว่าจะออกมาดีได้ พังไปนับไม่ถ้วน แล้วนี่จะให้ทำใหม่เรอะ ยังไม่ทันได้ส่งอาจารย์เลย แล้วทำไมต้องมาเป็นวันก่อนส่งด้วยยะ สุดท้ายชัวร์ว่าไม่ทัน)
เรียกว่าเรื่องคะแนนต่อปี 5 ไม่ต้องหวังเลย บางทีสอบ ๆ ไปยังไม่รู้จะสอบทำไมด้วยซ้ำ ในเมื่อเดาคะแนนรวมตัวเองออกอยู่แล้ว ยิ่งขนาดคลีนิกปี 4 ยังสาหัส แล้วปี 5 จะทำได้เรอะ
นี่ยังไม่รวมเรื่องความสุขในการเรียน(ที่แต่เดิมมันแทบไม่มีอยู่แล้ว แต่จำใจด้วยเหตุผลทางบ้าน + อายุที่มากแต่ความรู้สมัยมัธยมไม่เหลือพอจะสอบใหม่)
คุยกับแฟน นับวันตัวเองจะกลายเป็นเหมือนยายแก่ขี้บ่นขึ้นทุกวัน ๆ
..........ถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตแล้วสินะชั้น
ดิท: ลืมบอกไป ระดับความเกลียดผู้ชายเพิ่มขึ้นอีก 255% ด้วย
(ว่าแต่ ตัวเองเลิกบ้าสีแดงไปแล้ว ทำไมพักนี้พิมพ์ตัวแดงเยอะจังหว่าเรา สงสัยเครื่องในตัวจะแฮงค์)
ลองเลิกคิดทุกอย่าง หาเวลาไปนั่งเงียบๆในวัด ไม่ต้องคิด ไม่ต้องสวดอะไร นั่งเงียบๆ
กับองค์พระเยซูเจ้าในตู้ศีล
ลองอยู่กับพระองค์ในความเงียบดู
อาจจะทำให้ สงบใจ อารมณ์แปรปรวนน้อยลงครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ผมก็เป็นนะเป็นทุกอย่างเลยที่คุณพูด
แต่ยังไงก็สวดถวายให้พระเจ้าครับ น้อมรับอย่างลำบากด้วยความเต็มใจ เชื่อไหมครับ...ผมเหนื่อย แต่ผมรู้ว่าผมจะผ่านมันไปได้และผมจะโตขึ้น
พระเจ้าอวยพรครับ
แต่ยังไงก็สวดถวายให้พระเจ้าครับ น้อมรับอย่างลำบากด้วยความเต็มใจ เชื่อไหมครับ...ผมเหนื่อย แต่ผมรู้ว่าผมจะผ่านมันไปได้และผมจะโตขึ้น
พระเจ้าอวยพรครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ตั้งเป็นกระทู้เดียวจากนี้ไปเลยดีกว่า เพราะท่าทางจะมีวันได้ฝันเห็นอะไรทำนองนี้อีกนาน แต่วันไหนมั่งไม่รู้ วันดีคืนดี
ครั้งล่าสุดวันนี้ จากการหลับช่วงเย็น..... ผลคือ "แพ้อีกตามเคย"
เริ่มจาก เด็กสาวคนหนึ่ง ถูกเสียงอันชั่วร้ายบอกให้เข้าหา "ยาบ้า" (คราวนี้มันเอาแรง)
เธอไม่ยอมแพ้ พูดบอกว่า ขอพระเยซูมาช่วย มันก็ส่งเสียงเจ็บใจ
เด็กสาวขอพลังจากพระองค์มาสถิตที่หมัดขวา แล้วชกมันไปเต็ม ๆ "Holy Punch!!!!"
.....มันชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ลุกมาทำท่าเหมือนแทบไม่เป็นอะไร อัดเด็กสาวจน แถบ HP ฮวบ ตัวเลขเหลือ 1(ไม่ต้องอธิบายว่ามันมาได้ไง เพราะเป็นฝัน)
แล้วมันก็โจมตีซ้ำด้วยคลื่นลูกสมุน เธอกำลังจะแย่ ทันใดนั้น "พระเยซูเจ้าเข้ามารับการโจมตีแทนเธอ จนล้มลงไป"
เด็กสาวเข้าไปหา แต่มันก็จับตัวพระองค์ในอุ้งมืออันใหญ่โต เธอร้องเรียกทั้งอยากจะช่วย แต่ไม่มีพลัง
แล้วก็ตื่นขึ้นมา ไม่ทันได้เห็นว่าตอนจบเป็นไงต่อไป
จากความเข้าใจของเราเอง "เด็กสาวคนนั้นคือตัวเราแหละ เพราะทุกอิริยาบทมาจากตัวเราขณะนั้นทุกอย่าง"
เพราะเราบาป จึงอ่อนกำลัง และแม้แต่หมัดธาตุ holy ยังทำอะไรมันไม่ได้ แถมโดนเล่นซะเกือบตาย(ซึ่งบางทีก็อาจต้องตาย)
ทว่าพระเยซู กลับเข้ามารับการโจมตีที่เปรียบดังโทษบาปแทนเรา พระองค์ยอมเจ็บเพื่อเรา
.....แต่เราไม่มีพลังจะไปช่วยพระองค์สู้ได้เลย (ไม่ว่าหลังฝันนั่นจะแพ้หรือชนะ แต่พระองค์คงชนะแน่ ๆ แต่มาที่ตัวเราเอง "สู้แพ้เต็ม ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย")
ตัวเราช่างน่าสมเพชนัก เจ้านายลำบาก เรากลับช่วยอะไรไม่ได้ (นึกถึงรูปจากหนัง ภาพพระองค์ถูกเฆี่ยนขึ้นมาเลย )
สรุป วาลจังผู้นี้ ต่อยกับมารแพ้อีกตามเคย จบข่าว
ขนาดในฝันยังไม่เก่งขึ้นเลย ถ้าเกิดมันโผล่มาต่อหน้าจริง ๆ จะทำอะไรมันได้ไหมเนี่ย
ครั้งล่าสุดวันนี้ จากการหลับช่วงเย็น..... ผลคือ "แพ้อีกตามเคย"
เริ่มจาก เด็กสาวคนหนึ่ง ถูกเสียงอันชั่วร้ายบอกให้เข้าหา "ยาบ้า" (คราวนี้มันเอาแรง)
เธอไม่ยอมแพ้ พูดบอกว่า ขอพระเยซูมาช่วย มันก็ส่งเสียงเจ็บใจ
เด็กสาวขอพลังจากพระองค์มาสถิตที่หมัดขวา แล้วชกมันไปเต็ม ๆ "Holy Punch!!!!"
.....มันชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ลุกมาทำท่าเหมือนแทบไม่เป็นอะไร อัดเด็กสาวจน แถบ HP ฮวบ ตัวเลขเหลือ 1(ไม่ต้องอธิบายว่ามันมาได้ไง เพราะเป็นฝัน)
แล้วมันก็โจมตีซ้ำด้วยคลื่นลูกสมุน เธอกำลังจะแย่ ทันใดนั้น "พระเยซูเจ้าเข้ามารับการโจมตีแทนเธอ จนล้มลงไป"
เด็กสาวเข้าไปหา แต่มันก็จับตัวพระองค์ในอุ้งมืออันใหญ่โต เธอร้องเรียกทั้งอยากจะช่วย แต่ไม่มีพลัง
แล้วก็ตื่นขึ้นมา ไม่ทันได้เห็นว่าตอนจบเป็นไงต่อไป
จากความเข้าใจของเราเอง "เด็กสาวคนนั้นคือตัวเราแหละ เพราะทุกอิริยาบทมาจากตัวเราขณะนั้นทุกอย่าง"
เพราะเราบาป จึงอ่อนกำลัง และแม้แต่หมัดธาตุ holy ยังทำอะไรมันไม่ได้ แถมโดนเล่นซะเกือบตาย(ซึ่งบางทีก็อาจต้องตาย)
ทว่าพระเยซู กลับเข้ามารับการโจมตีที่เปรียบดังโทษบาปแทนเรา พระองค์ยอมเจ็บเพื่อเรา
.....แต่เราไม่มีพลังจะไปช่วยพระองค์สู้ได้เลย (ไม่ว่าหลังฝันนั่นจะแพ้หรือชนะ แต่พระองค์คงชนะแน่ ๆ แต่มาที่ตัวเราเอง "สู้แพ้เต็ม ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย")
ตัวเราช่างน่าสมเพชนัก เจ้านายลำบาก เรากลับช่วยอะไรไม่ได้ (นึกถึงรูปจากหนัง ภาพพระองค์ถูกเฆี่ยนขึ้นมาเลย )
สรุป วาลจังผู้นี้ ต่อยกับมารแพ้อีกตามเคย จบข่าว
ขนาดในฝันยังไม่เก่งขึ้นเลย ถ้าเกิดมันโผล่มาต่อหน้าจริง ๆ จะทำอะไรมันได้ไหมเนี่ย
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ปรึกษา ศบ. เลยครับ
อย่าปล่อยมันหนักไปกว่านี้ (เชื่อผมเถอะ)
อย่าปล่อยมันหนักไปกว่านี้ (เชื่อผมเถอะ)
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เราก็ไม่ได้คิดอะไรนะ นอกจากคิดอยากฆ่ามัน(ซาตาน)เท่านั้นเองMinistry Of Men เขียน: ปรึกษา ศบ. เลยครับ
อย่าปล่อยมันหนักไปกว่านี้ (เชื่อผมเถอะ)
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
จงระวังอย่าให้ใครตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว(1 เธสะโลนิกา 5:12-22)
ตราบใดเราโต้ตอบกับมารด้วยวิธีของมาร เราไม่มีวันชนะครับ
เราควรทำให้มารประหลาดใจด้วยการมอบความปรารถนาดีใหเขาในคำภาวนา
สิ่งที่มาร ปิดใจไม่รับ และหลีกหนีมาตลอดครับ
เราจึงชนะในนามพระคริสตเยซูอย่างแท้จริง
ตราบใดเราโต้ตอบกับมารด้วยวิธีของมาร เราไม่มีวันชนะครับ
เราควรทำให้มารประหลาดใจด้วยการมอบความปรารถนาดีใหเขาในคำภาวนา
สิ่งที่มาร ปิดใจไม่รับ และหลีกหนีมาตลอดครับ
เราจึงชนะในนามพระคริสตเยซูอย่างแท้จริง
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
หมายความว่า เราต้องอธิษฐานเผื่อให้ซาตานหรือคะ?Man of Macedonia เขียน: จงระวังอย่าให้ใครตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว(1 เธสะโลนิกา 5:12-22)
ตราบใดเราโต้ตอบกับมารด้วยวิธีของมาร เราไม่มีวันชนะครับ
เราควรทำให้มารประหลาดใจด้วยการมอบความปรารถนาดีใหเขาในคำภาวนา
สิ่งที่มาร ปิดใจไม่รับ และหลีกหนีมาตลอดครับ
เราจึงชนะในนามพระคริสตเยซูอย่างแท้จริง
(ฟังดูตลกจัง + เป็นไปได้ด้วยเหรอ + ไม่ผิดต่อพระเจ้าหรือมนุษย์หรอกหรือน่ะ)
......ว่าไป วันนี้ที่นอนพักเพราะเหนื่อยจากการอ่านหนังสือจะสอบพรุ่งนี้ สภาพตื่นมั่งหลับมั่ง สงสัยเปิดจุดอ่อนให้แหง ๆ
นึกถึงกรณีที่ผ่านมาที่โดนฝันร้ายพรรค์นี้เกิดขึ้น มักเป็นช่วงที่เราเหนื่อย ๆ หรือเซ็งเป็ดกับอะไรสักอย่างแล้วหัวเสียเสมอ ๆ รึเปล่าหนอ
ไม่มีใครฆ่าซาตานได้หรอกนะริว
ยิ่งเราวางภาพตัวเองฟาดฟันซาตานจนมันหมอบ
แท้ที่จริงมันกำลังสิงเรา และทำให้เราจองหอง ว่าเราชนะมัน
(มันจะแอบแสยะยิ้ม)แล้วทำให้เราประมาทครับ
ยิ่งเราวางภาพตัวเองฟาดฟันซาตานจนมันหมอบ
แท้ที่จริงมันกำลังสิงเรา และทำให้เราจองหอง ว่าเราชนะมัน
(มันจะแอบแสยะยิ้ม)แล้วทำให้เราประมาทครับ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
การมอบความปรารถนาดีให้กับอะไรที่เลวร้ายสุดๆ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ถ้าเราคิดดีดีValkyrie_chan เขียน:หมายความว่า เราต้องอธิษฐานเผื่อให้ซาตานหรือคะ?Man of Macedonia เขียน: จงระวังอย่าให้ใครตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว(1 เธสะโลนิกา 5:12-22)
ตราบใดเราโต้ตอบกับมารด้วยวิธีของมาร เราไม่มีวันชนะครับ
เราควรทำให้มารประหลาดใจด้วยการมอบความปรารถนาดีใหเขาในคำภาวนา
สิ่งที่มาร ปิดใจไม่รับ และหลีกหนีมาตลอดครับ
เราจึงชนะในนามพระคริสตเยซูอย่างแท้จริง
(ฟังดูตลกจัง + เป็นไปได้ด้วยเหรอ + ไม่ผิดต่อพระเจ้าหรือมนุษย์หรอกหรือน่ะ)
......ว่าไป วันนี้ที่นอนพักเพราะเหนื่อยจากการอ่านหนังสือจะสอบพรุ่งนี้ สภาพตื่นมั่งหลับมั่ง สงสัยเปิดจุดอ่อนให้แหง ๆ
นึกถึงกรณีที่ผ่านมาที่โดนฝันร้ายพรรค์นี้เกิดขึ้น มักเป็นช่วงที่เราเหนื่อย ๆ หรือเซ็งเป็ดกับอะไรสักอย่างแล้วหัวเสียเสมอ ๆ รึเปล่าหนอ
อย่างที่วัลคีรีจังบอกเองว่า"ลำพังตัวเราทำอะไรไม่ได้เลย"นั่น ถูกต้องแล้ว ฉะนั้น เราให้ตัวเราเป็นที่ประทับของพระหรือยังล่ะครับ?
ในเมื่อ"พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา"และเราดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ"ความรัก"แล้ว นั่นย่อมเป็นความพยายามที่เพียงพอ
ไม่ต้องเอาปีศาจที่สายตามนุษย์มองเห็นก็ได้
เอามนุษย์ที่ถูกปีศาจดลใจยกตัวอย่างเช่น พวกนาซีที่ป่าเถื่อนในค่ายกักกัน แบบนี้
เราจะเอาชนะมันด้วยอะไร? มิใช่ ความรักหรอกหรือ?
โดยส่วนตัว,ผมสวดภาวนาให้ปีศาจทั้งหลายด้วย และปีศาจเหล่านั้นมันไม่ชอบเอาซะเลย"การมอบความปรารถนาดีให้เนี่ย"!!!
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ความมืดไม่ได้ชนะความสว่าง และไม่มีวันชนะได้
ถ้าใจสว่าง ความมืดก็จะไม่มีอีก
มุมอับแสงในใจ ต้องไล่จุดเทียนให้สว่างให้หมด
เพราะซาตานที่น่ากลัว คือ ซาตานในซอกใจนั่นเอง
ถ้าใจสว่าง ความมืดก็จะไม่มีอีก
มุมอับแสงในใจ ต้องไล่จุดเทียนให้สว่างให้หมด
เพราะซาตานที่น่ากลัว คือ ซาตานในซอกใจนั่นเอง
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
สวดให้เค้าเถอะครับ ^ ^
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
สักวัน ลูซิเฟอร์จะกลับใจ.. (ไหมน่ะ ?)
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
"ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้กับศัตรูนั้นด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ เพราะว่าพวกพี่น้องทั้งหลายของท่านทั่วโลก ก็ประสบความทุกข์ลำบากอย่างเดียวกัน" (1ปต.5:7-9)
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมารและมันจะหนีท่านไป" (ยก.4:7)
นอกจากมารมันจะมาให้เราเห็นด้วยตาได้แล้ว มันยังมาในรูปของการล่อลวงให้ทำผิดน้ำพระทัยพระเจ้าด้วย ต้องระวังให้ดีนะคะ
อธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์มากๆ นะคะ เพราะพระวจนะของพระเจ้าก็คือดาบที่เราจะใช้สู้กับมาร
เหมือนที่พระเยซูชนะการทดลองในถิ่นทุรกันดารด้วยพระวจนะของพระเจ้า
จริงๆ เราอยู่ในสงครามที่ชนะเรียบร้อยแล้วด้วยพระนามของพระเยซูนะคะ
มารล่อลวงเราได้ แต่ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราปฏิเสธการล่อลวงของมัน
เราห้ามไม่ให้นกบินผ่านหัวเราไม่ได้ แต่ห้ามไม่ให้มันทำรังบนหัวเราได้ค่ะ
จากการติดตามอ่านเรื่องราวของคุณวาล แนะนำให้ปรึกษา ศบ. ดีกว่านะคะ
บางคริสตจักรจะมีวิธีการที่เรียกว่า "บำบัดภายใน" เป็นวิธีการบำบัดฝ่ายวิญญาณ
คล้ายๆ กับย้อนอดีตไปที่เริ่มต้นของเหตุการณ์แล้วให้พระเจ้าเข้าไปเดินกับเราให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบบที่ละขั้นตอน
จากวิธีนี้หลายคนหายมาแล้วจากอาการที่ไม่เคยคิดว่าจะหาย คิดว่าคุณวาลน่าจะลองดูนะคะ
จริงๆ วิธีการนี้ไม่มีอะไรมาก ถ้าเข้าใจก็อธิษฐานเองได้ แต่แนะนำว่าควรจะปรึกษา ศบ. ดีกว่าค่ะ เพราะเชื่อว่าจะมีคำถามอื่นๆ ด้วย
เพราะมารไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นวิญญาณที่กบฎต่อพระเจ้า พระคัมภีร์กำหนดที่สำหรับมันแล้ว แผนการของพระเจ้าจะไม่มีผิดพลาดค่ะ
ถ้าซาตานกลับใจเราสามารถยกเลิกพระคัมภีร์ทั้งเล่มได้เลย เพราะเท่ากับพระคัมภีร์ที่บอกว่าซาตานจะและสมุนของมันจะอยู่ในบึงไฟนรกเป็นนิตย์จะไม่เกิดขึ้นจริง
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมารและมันจะหนีท่านไป" (ยก.4:7)
นอกจากมารมันจะมาให้เราเห็นด้วยตาได้แล้ว มันยังมาในรูปของการล่อลวงให้ทำผิดน้ำพระทัยพระเจ้าด้วย ต้องระวังให้ดีนะคะ
อธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์มากๆ นะคะ เพราะพระวจนะของพระเจ้าก็คือดาบที่เราจะใช้สู้กับมาร
เหมือนที่พระเยซูชนะการทดลองในถิ่นทุรกันดารด้วยพระวจนะของพระเจ้า
จริงๆ เราอยู่ในสงครามที่ชนะเรียบร้อยแล้วด้วยพระนามของพระเยซูนะคะ
มารล่อลวงเราได้ แต่ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราปฏิเสธการล่อลวงของมัน
เราห้ามไม่ให้นกบินผ่านหัวเราไม่ได้ แต่ห้ามไม่ให้มันทำรังบนหัวเราได้ค่ะ
เห็นด้วยนะคะ : emo045 :Ministry Of Men เขียน: ปรึกษา ศบ. เลยครับ
อย่าปล่อยมันหนักไปกว่านี้ (เชื่อผมเถอะ)
จากการติดตามอ่านเรื่องราวของคุณวาล แนะนำให้ปรึกษา ศบ. ดีกว่านะคะ
บางคริสตจักรจะมีวิธีการที่เรียกว่า "บำบัดภายใน" เป็นวิธีการบำบัดฝ่ายวิญญาณ
คล้ายๆ กับย้อนอดีตไปที่เริ่มต้นของเหตุการณ์แล้วให้พระเจ้าเข้าไปเดินกับเราให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบบที่ละขั้นตอน
จากวิธีนี้หลายคนหายมาแล้วจากอาการที่ไม่เคยคิดว่าจะหาย คิดว่าคุณวาลน่าจะลองดูนะคะ
จริงๆ วิธีการนี้ไม่มีอะไรมาก ถ้าเข้าใจก็อธิษฐานเองได้ แต่แนะนำว่าควรจะปรึกษา ศบ. ดีกว่าค่ะ เพราะเชื่อว่าจะมีคำถามอื่นๆ ด้วย
พระเยซูมาเพื่อให้มนุษย์ทุกคนซึ่งอยู่ใต้อำนาจของมารได้กลับใจ และกลับไปหาพระเจ้าผู้สร้าง แต่ไม่ใช่ให้มารกลับใจMinistry Of Men เขียน: สักวัน ลูซิเฟอร์จะกลับใจ.. (ไหมน่ะ ?)
เพราะมารไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นวิญญาณที่กบฎต่อพระเจ้า พระคัมภีร์กำหนดที่สำหรับมันแล้ว แผนการของพระเจ้าจะไม่มีผิดพลาดค่ะ
ถ้าซาตานกลับใจเราสามารถยกเลิกพระคัมภีร์ทั้งเล่มได้เลย เพราะเท่ากับพระคัมภีร์ที่บอกว่าซาตานจะและสมุนของมันจะอยู่ในบึงไฟนรกเป็นนิตย์จะไม่เกิดขึ้นจริง
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ผมยังมองว่า สักวันนึงนะ แต่มันเลยขอบเขตที่มนุษย์ควรรู้ผ่านทางการเผยแสดงของพระครับMinistry Of Men เขียน: สักวัน ลูซิเฟอร์จะกลับใจ.. (ไหมน่ะ ?)
มนุษย์รู้แต่เพียงว่า การเดินทางของวิญญาณจะไปที่ใดและรอดพ้นได้อย่างไร
แต่หลังจากนั้นของหลังจากนั้น หลังจากนิรันดรตามสติปัญญาเราจะเข้าใจ อันนี้ไม่อาจทราบ
แล้วแต่จะทรงพระบัญชาครับ ไม่มีใครจะล่วงรู้พระทัยของพระบิดาเจ้าได้ทั้งหมดครับ
วิญญาณปีศาจคือผู้ที่ปฏิเสธความรักของพระเจ้า เขาได้ตัดสินลงโทษตัวเอง เขาน่าสงสารเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
เราหลายคนอาจมีประสบการณ์ เห็นปีศาจผ่านทางเพื่อนพี่น้อง,ผ่านทางการประจญ หรือประสบการณ์ทางจิต
ซึ่งเราหลายคนมีวิธีแตกต่างกันที่จะแสดงออกกับปีศาจนั้น ตามพระจิตเจ้าทรงนำอาศัยพระคัมภีร์
โดยส่วนตัวผมคิดว่า"ผมจะตอบโต้มันด้วยรักเท่านั้น" เวลาคิดแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกอ่อนโยนขึ้นแต่เราต้องไม่อ่อนแอในความเชื่อ
เราต้องรู้อยู่แล้วว่า ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนดีและศักดิ์สิทธิ์ และพระเจ้าสถิตกับเราผ่านทางช่องทางต่างๆ
ผมชอบที่จะนั่งลงข้างๆเขาแล้วทำให้เขารู้สึกว่า เขาเป็นพวกเดียวกับเรา(ไม่ใช่เราเป็นพวกเดียวกับเขานะ)
ให้เขาระบายความอัดอั้นของเขา แม้ความอัดอั้นนั้นจะทำให้ข้อบกพร่องเรากำเริบ เช่น ความโกรธ
ทั้งนี้ ผมแบ่งปันให้ฟังน่ะครับ ไม่ได้บอกว่ามันถูกต้องแท้จริง หรือไม่อย่างไร
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เห็นด้วยครับMan of Macedonia เขียน:ผมยังมองว่า สักวันนึงนะ แต่มันเลยขอบเขตที่มนุษย์ควรรู้ผ่านทางการเผยแสดงของพระครับMinistry Of Men เขียน: สักวัน ลูซิเฟอร์จะกลับใจ.. (ไหมน่ะ ?)
มนุษย์รู้แต่เพียงว่า การเดินทางของวิญญาณจะไปที่ใดและรอดพ้นได้อย่างไร
แต่หลังจากนั้นของหลังจากนั้น หลังจากนิรันดรตามสติปัญญาเราจะเข้าใจ อันนี้ไม่อาจทราบ
แล้วแต่จะทรงพระบัญชาครับ ไม่มีใครจะล่วงรู้พระทัยของพระบิดาเจ้าได้ทั้งหมดครับ
วิญญาณปีศาจคือผู้ที่ปฏิเสธความรักของพระเจ้า เขาได้ตัดสินลงโทษตัวเอง เขาน่าสงสารเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
เราหลายคนอาจมีประสบการณ์ เห็นปีศาจผ่านทางเพื่อนพี่น้อง,ผ่านทางการประจญ หรือประสบการณ์ทางจิต
ซึ่งเราหลายคนมีวิธีแตกต่างกันที่จะแสดงออกกับปีศาจนั้น ตามพระจิตเจ้าทรงนำอาศัยพระคัมภีร์
โดยส่วนตัวผมคิดว่า"ผมจะตอบโต้มันด้วยรักเท่านั้น" เวลาคิดแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกอ่อนโยนขึ้นแต่เราต้องไม่อ่อนแอในความเชื่อ
เราต้องรู้อยู่แล้วว่า ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนดีและศักดิ์สิทธิ์ และพระเจ้าสถิตกับเราผ่านทางช่องทางต่างๆ
ผมชอบที่จะนั่งลงข้างๆเขาแล้วทำให้เขารู้สึกว่า เขาเป็นพวกเดียวกับเรา(ไม่ใช่เราเป็นพวกเดียวกับเขานะ)
ให้เขาระบายความอัดอั้นของเขา แม้ความอัดอั้นนั้นจะทำให้ข้อบกพร่องเรากำเริบ เช่น ความโกรธ
ทั้งนี้ ผมแบ่งปันให้ฟังน่ะครับ ไม่ได้บอกว่ามันถูกต้องแท้จริง หรือไม่อย่างไร
ผมคิดแบบเดียวกับ วรรคที่ 4 ของ ท่านแมนครับ : emo027 :
ปล.ถามไปงั้นแหละ อิอิ จากพระวาจาก็ชัดเจนอยู่แล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ม.ค. 11, 2010 11:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมว่าน่าจะเลิกสมเพชตัวเองได้แล้วนะครับ ต้องภูมิใจในความเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงให้อยู่เหนือสิ่งสร้างทั้งปวง ถึงขนาดทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาตายเพื่อเรา ไม่ว่าเราจะเป็นะไรหรือเราเคยทำอะไรมา พระเจ้าก็ยังคงรักเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่รักตัวเราเองแล้วพระเจ้าจะเสียใจแค่ไหน
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
ใช่ครับgodlike เขียน: ผมว่าน่าจะเลิกสมเพชตัวเองได้แล้วนะครับ ต้องภูมิใจในความเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงให้อยู่เหนือสิ่งสร้างทั้งปวง ถึงขนาดทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาตายเพื่อเรา ไม่ว่าเราจะเป็นะไรหรือเราเคยทำอะไรมา พระเจ้าก็ยังคงรักเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่รักตัวเราเองแล้วพระเจ้าจะเสียใจแค่ไหน
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ขอบคุณทุกคนนะ คงต้องขอความช่วยเหลืออีกเยอะเลย
......เราว่ารายนั้นคงจะกลับใจไม่ได้ง่าย ๆ แล้วกระมัง แต่เอาเถอะ ถ้ามีโอกาส จะลองอธิษฐานให้มันอยู่ดีกินดีในนรกดู ว่ามันจะเกลียดหรือชอบแน่ (ในเมื่อพวกมันเป็นพวกมาโซ ยิ่งเราต่อยมันยิ่งชอบ ลองเปลี่ยนวิธีดูบ้างก็ดี เผื่อมันจะอ้วกมั่ง)
เผอิญโดยนิสัย ติดอะไรที่เป็นบู๊ล้างผลาญอยู่แล้วน่ะ(หรืออาจเป็นโดนหลอกมาตลอดจนฝังในหัวก็ได้) ที่ผ่านมาเลยคิดวิธีโต้ตอบอื่นไม่ออก
......เราว่ารายนั้นคงจะกลับใจไม่ได้ง่าย ๆ แล้วกระมัง แต่เอาเถอะ ถ้ามีโอกาส จะลองอธิษฐานให้มันอยู่ดีกินดีในนรกดู ว่ามันจะเกลียดหรือชอบแน่ (ในเมื่อพวกมันเป็นพวกมาโซ ยิ่งเราต่อยมันยิ่งชอบ ลองเปลี่ยนวิธีดูบ้างก็ดี เผื่อมันจะอ้วกมั่ง)
เผอิญโดยนิสัย ติดอะไรที่เป็นบู๊ล้างผลาญอยู่แล้วน่ะ(หรืออาจเป็นโดนหลอกมาตลอดจนฝังในหัวก็ได้) ที่ผ่านมาเลยคิดวิธีโต้ตอบอื่นไม่ออก
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ด้วยความยินดีValkyrie_chan เขียน: ขอบคุณทุกคนนะ คงต้องขอความช่วยเหลืออีกเยอะเลย